ตอนที่ 35 พวกนางทำให้ข้าอารมณ์เสีย
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
เจียงมู่หลบหนีจากการพัวพันของฮั่นอวี้ฉิงได้สำเร็จ
ระหว่างทางไม่มีอันตรายใด ๆ และในที่สุดเขาก็กลับมาถึงเรือบินส่วนตัว
"วันนี้พิษธาตุน้ำของติงหนานหรงควรจะหยุดกำเริบแล้ว"
"ขออย่าให้เสวี่ยเมิ่งหานถูกติงหนานหรงฆ่าเลยเถอะ"
เจียงมู่สวดอ้อนวอนเงียบๆและกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือบิน
ทันทีที่เท้าเขาแตะพื้น เขาก็ต้องตกใจกับเสียงร้องแปลกๆ
"อ้า-!"
"อืมมม-!"
เสียงร้องแหลมสูงและโหยหวน ดังมาจากห้องของติงหนานหรงที่อยู่ถัดไป
“อะไร?”
"มันคือเสียงร้องของติงหนานหรง!"
“ส่วนอีกอัน...”
“เสวี่ยเมิ่งหาน!”
“โชคดี! เสวี่ยเมิ่งหานยังไม่ตาย!”
เจียงมู่รู้สึกโล่งใจ
เขาจำเสียงของเสวี่ยเมิ่งหานได้
แต่นางร้องทำไม?
กลัวติงหนานหรงเหรอ?
ลืมมันไปซะ
ตอนนี้ข้าต้องเข้าใจก่อนว่าทำไม เสวี่ยเมิ่งหานถึงมาหาข้า!
มิฉะนั้นเขาจะรู้สึกไม่สบายใจ
เจียงมู่รีบเดินไปที่ห้องของติงหนานหรง
เขากำลังจะยกมือขึ้นเคาะประตู
แต่ประตูก็ถูกเปิดจากด้านในซะก่อน
จากนั้นเงาร่างหนึ่งก็พุ่งออกมา
บูม!
ร่างนั้นชนเข้ากับเจียงมู่: "อ้า เจ็บ!"
"บัดซบ! เจ้าหมาไร้ตา...เมิ่งหาน? เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เจ้าคงคิดถึงข้าซินะ!"
เจียงมู่ที่ถูกชนเข้าที่หัวเกือบสบถออกไป
โชคดีที่เขาจำได้ทันเวลาว่าเบื้องหน้าของเขาคือเสวี่ยเมิ่งหานที่เขาทำหน้าที่เป็นหมาเลีย
ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถด่านางต่อหน้าได้
"เมิ่งหาน เจ้าเป็นอะไรไหม! ข้าจะช่วยเจ้าเอง"
ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล เจียงมู่ช่วยเสวี่ยเมิ่งหานลุกขึ้นจากพื้น
เนื่องจากชุดของ เสวี่ยเมิ่งหาน ค่อนข้างยุ่งเหยิง เจียงมู่จึงเห็นผ้าสีเขียวมรกตที่อยู่ภายในคอเสื้อของนาง
มันปักคำว่า '梦'(เมิ่ง) ไว้บนผ้า แต่ 梦 เป็นแบบกลับหัว นางใส่ผิดด้านเหรอ?
"อา! นี่ เจียงมู่! ข้า ข้าจะกลับแล้ว! ลาก่อน!"
เมื่อ เสวี่ยเมิ่งหานเห็นเจียงมู่ ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงมะเขือเทศทันที
ก่อนที่กลิ่นหอมจางหายไป นางก็กระโดดออกจากเรือบินไปแล้ว
ความเร็วนั้นเร็วมากจนเจียงมู่ไม่สามารถตอบสนองได้ชั่วขณะ
"เอ่อ...นาง...นางมาทำอะไรที่นี่"
“นางไม่ได้บอกว่าจะมาหาข้า! แต่ทำไมตอนเจอข้าถึงวิ่งหนีกันล่ะ!”
“ไม่เข้าใจ ข้าไม่เข้าใจ...”
เมื่อมองไปที่อผ่นหลังของเสวี่ยเมิ่งหานที่หายเข้าไปในป่า หนังศีรษะของเจียงมู่ก็รู้สึกชา
ตอนนั้นเอง กลิ่นหอมแปลกๆ ลอยโชยมาจากด้านหลัง
เมื่อหันกลับไป เขาก็เห็นติงหนานหรงกำลังยืนอยู่ที่นั่น
ผมยาวสลวยของนางถูกม้วนขึ้นสูง และสีแดงบนแก้มของนางยังไม่จางหายไป
ชุดนอนผ้าไหมดอกไม้สีม่วงสวมทับเรือนร่างอันเย้ายวนของนางและขอบเสื้อที่แต่เดิมพอดีตัวกลับถูกยืดออกจนสุดด้วยส่วนโค้งที่ไม่เหมาะสม
บนกระดูกไหปลาร้าของคอที่ขาวราวกับหิมะมีหยดน้ำที่ยังไม่เห้ง สามารถมองเห็นเนินภูเขาสูงที่อยู่ด้านในได้อย่างลางๆ
โดยรวมแล้ว นางคือหญิงงามเรือนกายอวบอิ่มที่ไม่เปิดเผย
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของนางดูเฉยเมย
และดูเหมือน... ไม่มีความสุขเล็กน้อย?
สิ่งนี้ทำให้ เจียงมู่รู้สึกผิดอยู่พักหนึ่ง
“หรงเอ๋อ เจ้าเป็นอะไรเหรอ?”
อาจเป็นเพราะข้าถูกสายตาศักดิ์สิทธิ์ของนางเพ่งเล็งมา ข้าจึงรู้สึกผิด?
ติงหนานหรง จ้องมองที่เจียงมู่และพูดอย่างเฉยเมย:
“สองวันมานี้ท่านไปไหนมา”
"เอ่อ...."
เจียงมู่พูดไม่ออก
อึ. เกือบลืม.
ติงหนานหรง สาวใช้ส่วนตัวแทบจะไม่เคยแยกออกจากตัวเขา
นางไม่เพียงรับผิดชอบชีวิตประจำวันของข้าเท่านั้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาความปลอดภัยของข้า
แต่ข้าฉวยโอกาสตอนที่นางรักษาพิษธาตุน้ำแล้วแอบออกไปเล่น
ถ้านางโกรธ นางจะทุบตีข้าแน่นนอน
"ข้าไม่ได้ไปไหน ข้าแค่ตกปลาใกล้ๆที่นี่ เล่นน้ำ กินข้าว และมองดูภูเขา ไม่มีอันตราย"
เจียงมู่ไม่มีทางเลือกนอกจากเล่าเรื่องไร้สาระที่สมเหตุสมผล
ยังไงนางก็ไม่รู้ความจริงอยู่ดี
"ไม่มีครั้งหน้า!"
หลังจากที่ติงหนานหรงพูดอย่างเย็นชาแล้วนางก็กำลังจะปิดประตู
"หรงเอ๋อ เดี๋ยวก่อน! ทำไม เสวี่ยเมิ่งหานถึงมาอยู่ที่ห้องของเจ้า?"
เจียงมู่หยุดนางอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นดวงตาของติงหนานหรงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา
ดูเหมือนว่ายังแฝง...เจตนาฆ่าเล็กน้อย?
เจียงมู่รู้สึกตกใจ
แต่เพื่อที่จะรู้สาเหตุที่เสวี่ยเมิ่งหานมาที่นี่ เขาทำได้เพียงพยายามกดดันและถามอย่างระมัดระวัง: “หรงเอ๋อ เสวี่ยเหมิงหานมาที่นี่ทำไม? ข้าได้ยินมาว่านางอยู่ที่นี่เป็นวัน เจ้ารู้อะไรไหม”
น้ำเสียงของเขาสงบมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเขาถึงกับฝืนยิ้ม เพราะกลัวว่าถ้านางอารมณ์เสีย นางจะทุบตีตัวเขาเอง
"ออกไปซะ!"
ปัง! !
ประตูถูกปิดเสียงดัง
เหลือเพียงเจียงมู่ที่ยืนอยู่ข้างนอกด้วยรอยยิ้มน่าเกลียด
ให้ตายเถอะ! นางคิดว่าตัวเองเป็นใคร! ใครคือสาวใช้ใครคือเจ้านาย!
ข้ากลัวอะไรนาง?
กลัวว่านางจะฆ่าข้าเหรอ!
เอ่อ...นางสามารถฆ่าข้าได้จริงๆ
เจียงมู่อารมณ์เสียในทันที
เขาจำได้ชัดเจนว่ามีการเกิดใหม่ครั้งหนึ่ง
เพราะเขาไม่พอใจการกระทำและการไม่เชื่อฟังคำสั่งของนาง
ดังนั้นเขาจึงตำหนินางต่อหน้า บอกให้นางรู้จักแยกแยะระหว่างนายกับบ่าว และให้นางรับรู้สถานะสาวใช้ของตัวเอง
แต่นางตอบกลับเบา ๆ : อย่างงั้นหรือ '
จากนั้นเขาก็เกือบจะได้เกิดใหม่อีกรอบในตอนนั้น
“ลืมมันไปเถอะ คิดเองดีกว่า”
"และข้าต้องคิดถึงการมาที่นี่อย่างกะทันหันของฮั่นอวี้ฉิง"
"ให้ตายเถอะ ยังมีตัวตนที่บิดเบี้ยวของเฮยสุยชานางนั้นอีก"
“อือ ไม่มีเบาะแสอะไรเลย เหนื่อยจริงๆ”
เขาถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และส่ายหัว
เจียงมู่กลับไปที่ห้องของเขา
ในช่วงสองวันสุดท้ายของฤดูล่าสัตว์ ไม่มีเนื้อเรื่องใดๆ เกี่ยวกับเขาเลย
เขาวางแผนที่เขียนสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นเหล่านี้ผ่านบันทึกประจำวัน
...
บนหน้าผาสูงชันในถ้ำแห่งหนึ่ง
"อาจารย์ ฮั่นอวี้ฉิงสนใจในศักยภาพและพรสวรรค์ของศิษย์"
“ดังนั้นนางจึงจะลงทุนให้ทรัพยากรกับศิษย์”
"นางหวังว่าเมื่อศิษย์คนนี้บรรลุขอบเขตหลอมสุญตาในอนาคต นางหวังว่าข้าจะสามารถช่วยนางทำลายนิกายเซวียนหยาง"
"ศิษย์คิดว่านางมีสายตาที่ดี"
หลิงอ่าวเทียน นั่งไขว่ห้างนำสมุนไพรวิญญาณและยาโอสภที่ฮั่นอวี้ฉิงนำมาให้รักษาอาการบาดเจ็บของเขา
ในเวลาเดียวกัน ในใจก็กำลังสื่อสารกับเฮยสุยชา
“ท่านอาจารย์ อาการของท่านเป็นอย่างไรบ้าง”
"แกนสัตว์ปีศาจเหล่านี้เพียงพอที่จะฟื้นฟูความแข็งแกร่งของท่านได้บ้างไหม"
【ก็พอได้ 】
ในพื้นที่แหวนวิญญาณ เฮยสุยชาที่มีท่อนล่างเป็นงูกำลังดูดซับพลังจากแกนปีศาจบนเตียงหิน
เนื่องจากมีแกนปีศาจจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นมาจากขอบเขตแปลงลักษณ์
สิ่งนี้ทำให้พลังของนางฟื้นฟูกลับมาเท่าก่อนหน้านี้
“อาจารย์ ด้วยศักยภาพของศิษย์ ศิษย์จะบรรลุขอบเขตเทพยุทธในอนาคตได้ไหม?”
【ได้】
เฮซุยตอบอย่างไม่ลังเล
ที่ผ่านมานางอาจไม่มั่นใจ
ท้ายที่สุด นอกจากความโชคดีแล้ว หลิงอ่าวเทียนยังมีความมั่นใจในตัวเองอย่างอธิบายไม่ถูก หลงใหลในหญิงงามได้ง่าย และยังยึดติดกับการล้างแค้น
ดูเหมือนจะไม่มีจุดเด่นอะไร
สิ่งเดียวที่เด่นชัดคือเขาเชื่อฟังคำแนะนำของอาจารย์ปีศาจมาก
แต่ตอนนี้นางมีบึกทึกของเจียงมู่อยู่ในมือ
หลังจากที่รู้ว่า หลิงอ่าวเทียน เป็นตัวเอก
นางมั่นใจอย่างยิ่งว่าหลิงอ่าวเทียนสามารถบรรลุขอบเขตเทพยุทธในอนาคตได้อย่างแน่นอน!
"ฮ่าฮ่าฮ่า! ย่อมเป็นเพราะว่าอาจารย์สอนได้ดี! ทำให้พรสวรรค์ของศิษย์แสดงออกมาได้! ฮ่าฮ่าฮ่า!"
หลิงอ่าวเทียนหัวเราะเสียงดังและยิ่งรู้สึกสบายใจมาก
"อาจารย์! ศิษย์คนนี้เชื่อเสมอว่านี่คือโลกของกฏแห่งป่า!"
"ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะครอบครองทุกอย่าง!"
“อาจารย์ ศิษย์จะต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งเหนือใครๆ!”
หลิงอ่าวเทียน กล่าวอย่างภาคภูมิใจ และ
คิดถึงเสวี่ยเมิ่งหานที่อ่อนเยาว์และสวยงาม
คิดถึงหลีชู่โหรวผู้สง่างามและอ่อนหวาน
คิดถึงติงหนานหรง ที่เย็นชาและเป็นผู้ใหญ่
คิดถึงฮั่นอวี้ฉิงที่มีเสน่ห์และน่ารัก
เขายังนึกถึงสาวน้อยน่ารักในชุดสีดำและผมยาวสีดำ เฮยสุยชา อาจารย์ของเขา!
"ดังนั้น ข้า หลิงอ่าวเทียน ต้องการที่จะเป็นผู้ฝึกตนที่ไม่มีใครเทียบได้! และครอบครองทุกอย่างที่สมควรเป็นของข้า!"
อาจเป็นเพราะการลงทุนของฮั่นอวี้ฉิงและการยืนยันจากอาจารย์
ความมั่นใจในตนเองของหลิงอ่าวเทียนยิ่งพุ่งทพยานสูงขึ้น!
ดูเหมือนว่าเขาจะสามารถมองเห็นภาพเลือนลางที่ตัวเองจะกลายเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม ปกครองโลก และนั่งอยู่ในฮาเร็มแห่งสาวงาม!
[ใช่แล้ว มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะครอบครองทุกอย่าง】
เฮยสุยชา เห็นด้วยกับประโยคนี้เป็นอย่างยิ่ง
แต่นางรู้อย่างลึกซึ้งกว่านั้นว่าผู้แข็งแกร่งที่ใจดีจะสูญเสียทุกสิ่ง!
"สักวันหนึ่ง เทพองค์นี้จะทำให้พวกมันต้องชดใช้คืนด้วยราคาที่ไม่อาจจินตนาการได้!"
นางพึมพำกับตัวเอง รูม่านตาแนวตั้งสีทองของเฮยสุยชาหดตัวอย่างรวดเร็วมาก
ทันใดนั้นนางรู้สึกถึงบางอย่างอย่างกะทันหัน
นางจึงหยุดดูดซับแก่นปีศาจทันที
เรียก "บันทึกประจำวันของเจียงมู่"ออกมา
และมองเห็นเนื้อหาใหม่
[10 มีนาคม วันนี้มีเมฆมาก 】
[อารมณ์ของข้ามืดมนยิ่งกว่าเมฆในวันนี้】
[มีผู้หญิงสามคน พวกนางทำให้ข้าอารมณ์เสีย อารมณ์เสียมากๆ อารมณ์เสียสุดๆ 】
“ผู้หญิงสามคน?”
"จะมีข้าไหม"
เฮยสุยชาปลุกจิตวิญญาณ 12 จุด ขึ้นมาทันที
(打起十二分精神 ปลุกจิตวิญญาณ 12จุด หมายถึง จดจ่อเต็มที่,ตื่นตัวเต็มที่ หรือ ใช้เพื่อบรรยายโวหารที่เกินจริง)
มีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับตัวนาง
ดังนั้นนางจึงเฝ้ารอบันทึกใหม่ทุกวัน
นางจึงจดจ่อกับมันมาก