Chapter 42
**ขออณุญาตเปลี่ยนสรรพนามคำเรียกค่ะ**
ในขณะเดียวกันเฉินไห่,เซี่ยอี้ซวนและผู้อาวุโสที่มีอำนาจอีกสองสามคนก็มารวมตัวกัน ผู้อาวุโสที่ห้าอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เราจะอยู่แบบนี้ได้จริงๆหรือ?”
หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็มองไปที่สำนักไท่ฉิงอย่างเป็นกังวล “เกิดอะไรขึ้นกับสำนัก?”
“อะไรจะเกิดขึ้น? ข้าถามผู้อาวุโสคนที่หกก่อนหน้านี้ และเขาบอกว่าแนวป้องกันภูเขาอันยิ่งใหญ่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ระยะหนึ่ง อย่างมากที่สุด พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่จะไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น”
“หากเราย้อนกลับไปในช่วงเวลาวิกฤตและช่วยทุกคนจากวิกฤต ศิษย์เหล่านั้นจะต้องรู้สึกขอบคุณเราอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาจะรู้ว่าใครควรค่าแก่การติดตามอย่างแท้จริง”
ภูมิหลังตระกูลของเซี่ยอี้ซวนนั้นไม่ธรรมดา เขาได้รับข่าวมานานแล้วว่าสำนักวิญญานโลหิตอาจดำเนินการกับสำนักไท่ฉิงเขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อพัฒนาบารมีของเขาในสำนัก
กลายเป็นว่าเหตุที่ผู้อาวุโสที่มีอำนาจเหล่านั้นไม่ได้อยู่ที่สำนักในตอนนี้ เนื่องจากพวกเขาได้ประสานงานกันไว้ล่วงหน้า
เซี่ยอี้ซวนตะคอก “ถ้าเรายังคงนั่งรออยู่ที่นี่ ข้าเกรงว่าทั้งสำนักไท่ชิงจะเคารพเย่ซวน! เมื่อถึงเวลานั้นจะไม่มีที่สำหรับเรา”
ผู้อาวุโสหลายคนเห็นด้วยกับคำพูดเหล่านั้น เดิมทีพวกเขาไม่ได้สนใจเย่ซวนซึ่งอยู่ในระดับต่ำเท่าไร แล้วถ้าเจ้าสำนักเลือกผู้นำผู้อาวุโสล่ะ? ผู้ฝึกตนระดับ 2 ของขอบเขตมนุษย์จะได้รับเลือกได้อย่างไร?
ใครจะคิดว่าเย่ซวนเก่งมากในการซื้อใจผู้คนด้วยไข่มุกเรืองแสงยามค่ำคืน, คริสตรัลโมราน้ำแข็ง, ยันต์น้ำและไฟและอื่นๆ?
ตั้งแต่เจ้าสำนักไปจนถึงศิษย์ ไม่มีใครที่เขาไม่สามารถติดสินบนได้ เขายังซื้อผู้อาวุโสสองสามคนด้วยซ้ำ นั่นเป็นสาเหตุที่ผู้อาวุโสทุกคนไม่ได้มีส่วนร่วมในแผน
“ข้าคิดว่าหลังจากเหตุการณ์นี้ พวกเขาควรเข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงสมบัติทางโลก แล้วถ้าพวกเขามีหินวิญญาณหรือความมั่งคั่งมากมายล่ะ? เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ ทุกสิ่งก็เป็นเพียงเมฆที่หายวับไป”
ถ้าเย่ซวนยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา เขาจะบอกพวกเขาอย่างแน่นอนว่าพวกเขาคิดมากเกินไป
“ผู้อาวุโสเซี่ยพูดถูก ข้าแน่ใจว่าเจ้าสำนักจะเข้าใจว่าสารเลวนั้นไม่มีประโยชน์ เมื่อถึงเวลาเราจะร่วมกันขับไล่เขา!”
แผนของเซี่ยอี้ซวนนั้นดี แต่พวกเขาประเมินเย่ซวนต่ำไป
เฉินไห่ลุกขึ้นช้าๆ “เอาล่ะ ถึงเวลาแล้วที่เราจะกลับไปเป็นผู้กอบกู้”
ในความคิดของผู้อาวุโส พวกเขาสามารถเห็นเหล่าศิษย์กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจและโห่ร้องใส่พวกเขา
อย่างไรก็ตาม เขาตระหนักว่าทางเข้าของสำนักไท่ฉิงนั้นเงียบสนิท ไม่มีแม้แต่สำนักวิญญานโลหิตแม้แต่คนเดียว
สถานการณ์แตกต่างจากที่พวกเขาจินตนาการไว้เล็กน้อย ผู้อาวุโสคนที่สองจ้องมองเซี่ยอี้ซวน“ผู้อาวุโสเซี่ยเจ้าไม่ได้บอกว่าสำนักวิญญานโลหิตจะมาโจมตีหรอ? ดูนี่สิ. มันดูไม่เหมือนมีการโจมตีเกิดขึ้นเลย”
“เป็นไปไม่ได้”เซี่ยอี้ซวนพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “ข้าได้รับข่าวที่ถูกต้องว่าสำนักวิญญานโลหิตจะเคลื่อนไหวในวันนี้…”
เป็นไปได้ไหมว่าพวกมันบุกเข้ามาแล้ว?
แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าจะมีความขัดแย้งและพิพาทกัน พูดตามเหตุผลก็ไม่ควรเงียบ
“เป็นไปได้ไหมว่าข้อมูลของเจ้าผิด หรือสำนักวิญญานโลหิตยอมแพ้กะทันหัน?”
ฝูงชนเดินเข้าไปอย่างลังเลและพบศิษย์ของสำนักไท่ฉิงและสำนักชางหยุนในจัตุรัสซึ่งทั้งคู่กำลังคิดเกี่ยวกับชีวิต
ในขณะเดียวกันสำนักวิญญานโลหิตและอื่น ๆ ถูกมัดไว้บนพื้น
เซี่ยอี้ซวน,เฉินไห่และคนอื่น ๆ มองหน้ากันและเห็นความตกใจบนใบหน้าของกันและกัน ฉากนี้แตกต่างจากที่พวกเขาจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุผล พวกเขาคิดว่าหากไม่มีเจ้าสำนักและผู้อาวุโสที่มีอำนาจเพียงไม่กี่คนคอยยึดป้อมปราการ คนที่อยู่ก่อนหน้าพวกเขาก็ไม่มีพลังที่จะต่อสู้กับการมาถึงของสำนักวิญญานโลหิต
ผู้อาวุโสคนที่สามลดเสียงลง “สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง”
ใบหน้าของเซี่ยอี้ซวนซีดลง "ข้ารู้ เจ้าไม่จำเป็นต้องบอกข้าหรอก "
เฉินไห่เป็นคนแรกที่ถาม "เกิดอะไรขึ้น"
ศิษย์ของสำนักไท่ฉิงบอกเฉินไห่,เซี่ยอี้ซวนและคนอื่น ๆ ว่าพวกเขาพูดอะไรกับสำนักชางหยุน
ผู้อาวุโสดูไม่เชื่อ “เจ้ากำลังบอกว่าเย่ซวนไปสร้างปัญหาให้กับสำนักวิญญานโลหิต?” พวกเขาหายใจเข้าลึกๆ “พวกเจ้าทุกคนกำลังมองหาความตายอยู่รึไง”
เนื่องจากไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่าเย่ซวนสามารถทำลายการโจมตีของสำนักวิญญานโลหิตได้อย่างง่ายดาย
“เย่ซวนบ้าไปแล้ว ทำไมเจ้าไม่หยุดเขา ค่ายของสำนักวิญญานโลหิตไม่ใช่ที่ที่เจ้าสามารถบุกเข้าไปได้ตามต้องการ!”
“ไอ้เลวพวกนี้ส่งมาเพื่อเป็นหัวหอกในการโจมตีเท่านั้น ต้องมีผู้เชี่ยวชาญหลายคนในสำนักวิญญานโลหิตเจ้าจะโชคดีที่ได้ขีดข่วนพวกเขา แต่เจ้ายังยั่วยุพวกเขาอยู่เหรอ?”
ศิษย์ของสำนักวิญญานโลหิตและผู้อาวุโสบนพื้นดินล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นเซี่ยอี้ซวนจึงไม่ทราบว่าระดับการฝึกตนของพวกเขาเป็นอย่างไร ถ้าเขารู้ เขาคงไม่พูดแบบนี้
“แต่-” ศิษย์ของสำนักไท่ฉิงต้องการอธิบาย แต่ถูกขัดจังหวะโดยเฉินไห่และคนอื่นๆ “แต่อะไรนะ? รีบตามเขากลับมา ข้าคิดว่าพวกเจ้าบ้าไปแล้วภายใต้การนำของเย่ซวน”
“เย่ซวนคิดว่าเขาสามารถชำระทุกอย่างด้วยหินวิญญาณเพราะความมั่งคั่งของเขา ในสายตาของสำนักวิญญานโลหิตเขาเป็นเพียงแกะอ้วนโง่ที่สมัครใจเคาะประตูบ้านและเสียสละตัวเอง เขาโง่มากจริงๆ”
“ไม่เป็นไรถ้าเขาจะตายคนเดียว แต่เขาลากสำนักไท่ฉิงทั้งหมดของเราเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เขาไม่รู้ผลของการกระทำของเขา!”
ขณะที่เซี่ยอี้ซวนและคนอื่น ๆ กำลังสาปแช่งและคิดว่าเย่ซวนทำให้เกิดความยุ่งเหยิงครั้งใหญ่ เสียงผู้ชายทุ้มลึกก็ดังขึ้น
“เจ้าเรียกใครว่าแกะอ้วน”
เซี่ยอี้ซวนตอบโดยไม่ต้องคิดว่า “แน่นอน มัน-”
หลังจากที่เห็นว่าเป็นใคร ทุกคนก็ตะลึง