บทที่ 8 บริษัทโล่เทพเจ้า
บทที่ 8 บริษัทโล่เทพเจ้า
.
ซูฉางซิงยังพบกระป๋องสีแดงสามกระป๋องใต้โต๊ะในห้องประชุม สองกระป๋องเป็นถั่วในน้ำเกลือ อีกกระป๋องเป็นเนื้อมะเขือเทศ
เมื่อหยิบเนื้อมะเขือเทศกระป๋องขึ้นมาดูก็พบว่า มันมี…
อายุการเก็บรักษา: 200 ปี
วันหมดอายุ: ปี 3151
เทคโนโลยีการถนอมอาหารของโลกนี้เหนือจินตนาการ ล้ำหน้ากว่าโลกของซูฉางซิงไปไกล อาหารกระป๋องสามารถเก็บรักษาได้นานเป็นร้อยๆปี
เทคโนโลยีนี้เหนือจินตนาการ สามารถคาดเดาได้ว่าเทคโนโลยีโดยรวมของโลกนี้น่าจะเหนือกว่าโลกของซูฉางซิง
นอกจากนี้ยังมีโลโก้รูปโล่สีสีน้ำเงินอยู่ตรงด้านข้างกระป๋อง ใต้รูปโล่มีข้อความว่า ‘บริษัทโล่เทพเจ้าปกป้องคุณ’
“อาหารที่มีอายุการเก็บรักษายาวนานแบบนี้ ทำให้ผู้คนรู้สึกปลอดภัย สันนิษฐานว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะเก็บอาหารที่มีอายุการเก็บรักษานานที่สุดไว้ท้ายสุด น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถกินมันได้อีกแล้ว”
ซูฉางซิงนำอาหารกระป๋องทั้งสามใส่ลงไปในกระเป๋า เพื่อเก็บไว้กินเอง อาหารกระป๋องนี้ถือว่าเป็นของฟุ่มเฟือยในวันโลกาวินาศอย่างแน่นอน
ผักและเนื้อสัตว์สามารถรับประกันความสมดุลทางโภชนาการในร่างกาย แม้ว่าจะสามารถดำรงชีวิตไปได้ตลอดด้วยการกินขนมปังเพียงอย่างเดียว แต่ร่างกายจะมีปัญหา
“อืม ใส่ในกระเป๋าแบบนี้มันดูบวมๆไปหน่อย ฉันต้องการกระเป๋าเป้สะพายหลัง”
พอออกเดิน ซูฉางซิงก็พบว่าการเก็บกระป๋องเหล่านี้ไว้ในกระเป๋ากางเกงส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเขา แม้ว่าจะไม่มีผลกระทบมากนัก แต่ถ้าหากต้องต่อสู้กับซอมบี้ ผลกระทบนี้จะขยายใหญ่ขึ้น
เขาจึงนำอาหารกระป๋องออกมาวางไว้ในห้องประชุม แล้วไปห้องอื่นเพื่อค้นหาต่อไป จากนั้นค่อยกลับมาเก็บพวกมันภายหลัง
เพื่อทำภารกิจเสริม ซูฉางซิงจึงให้ความสนใจกับข้อความมากขึ้น และหวังว่าจะได้รับเงื่อนงำบางอย่างเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ
น่าเสียดายที่ไม่พบข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใดๆ แต่พอพลิกดูนิตยสารและหนังสือพิมพ์ที่ขาดรุ่งริ่ง ส่วนใหญ่ที่นำเสนอจะเรื่องปัญหาสังคม
อย่างเช่น การนัดหยุดงานประท้วง การลาออกของนักการเมืองบางคน ความตึงเครียดระหว่างประเทศ…
ในที่สุดภายในห้องล็อกเกอร์ของพนักงาน ซูฉางซิงก็พบกระดาษโน้ตบางๆ
สิ่งนี้น่าจะมีพนักงานบางคนทิ้งเอาไว้ และข้อความบนนั้นก็ได้ดึงดูดความสนใจของซูฉางซิง
[7 กรกฎาคม บริษัทโล่เทพเจ้ารับสมัครพนักงาน ตราบใดที่ฉันหรือซูยี่ สามารถเข้าบริษัทโล่เทพเจ้าได้ พวกเราก็สามารถรับประกันอนาคต วันที่ 7 เราจะต้องลางานไปทำการสัมภาษณ์]
ดูเผินๆ นี่เป็นแค่การหางานธรรมดาๆ ดูเหมือนว่าบริษัทโล่เทพเจ้าจะเป็นที่นิยม ซูฉางซิงอ่านสิ่งที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์กับนิตยสารหลายฉบับ และชื่อของบริษัทนี้ก็มักจะปรากฏอยู่ในนิตยสารกับหนังสือพิมพ์เหล่านั้น
ซูฉางซิงสามารถอนุมานได้ว่า บริษัทนี้มีอิทธิพลอย่างมากในด้านต่างๆ และมีสิทธิ์มีเสียงอย่างมากในสังคม
“น่าจะเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีตำแหน่งผูกขาดในด้านต่างๆ และสามารถควบคุมการตัดสินใจทางการเมืองของประเทศอย่างสมบูรณ์ หรือว่านี่คือผลผลิตของสังคมทุนนิยมอย่างสุดโต่ง?”
ซูฉางซิงตัดสินจากข้อมูลกระจัดกระจายที่ได้รับ และรู้สึกได้อย่างคลุมเครือว่าการถือกำเนิดของวันโลกาวินาศนั้น แยกไม่ออกจากบริษัทนี้
ซูฉางซิงไม่ได้รับวัสดุที่มีประโยชน์อื่นใดบนชั้นนี้ นอกเหนือจากข้อมูลนี้กับกระเป๋าหนังสีชมพูของผู้หญิงที่ไม่น่าจะใช้การได้
“ถึงจะไม่ดีเท่ากระเป๋าเป้ แต่ก็ยังสะดวกกว่าการพกใส่กระเป๋ากางเกง ถ้าเจอซอมบี้ก็แค่โยนกระเป๋าลงพื้น แค่นั้นก็ต่อสู้ได้แล้ว”
ซูฉางซิงถือมีดด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือกระเป๋าหนังสีชมพู เดินลงไปยังชั้นถัดไป เขาไม่คิดว่าจะเก็บอะไรดีๆได้จากชั้นนี้ อย่างไรก็ตาม ซอมบี้บนชั้นนี้ยังต้องได้รับการเคลียร์
ซอมบี้บนชั้นหกไม่ได้ถูกกระตุ้นโดยมนุษย์ พวกมันอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย ซอมบี้ทุกตัวมีอาณาเขตของตัวเอง และไม่รบกวนซึ่งกันและกัน
ดูเหมือนว่าพวกมันยังคงรักษานิสัยบางอย่างของมนุษย์ไว้ได้
สิ่งนี้ทำให้ซูฉางซิงมีโอกาสจัดการกับพวกมันทีละตัวๆ โดยทั่วไปแล้วการเผชิญหน้ากับซอมบี้ตัวต่อตัวแบบนี้ไม่มีอันตรายใดๆสำหรับเขา แถมเขายังสามารถได้รับคะแนนและฝึกฝนทักษะการต่อสู้ได้อีกด้วย
ซอมบี้บนชั้นนี้มีมากกว่าชั้นเจ็ด พวกมันมี 7-8 ตัว ซูฉางซิงใช้เวลามากกว่าสี่สิบนาทีในการเคลียร์พวกมันทั้งหมด
“ดูเหมือนว่ายิ่งใกล้พื้นดินเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีซอมบี้ในแต่ละชั้นมากขึ้นเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้ ชั้นห้าก็น่าจะมีซอมบี้เป็นโหล”
ขณะที่กำลังพัก ซูฉางซิงก็คิดว่า ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว ตามความคืบหน้านี้ ถึงค่ำก็อาจไม่สามารถเคลียร์ได้จนถึงชั้น 1
หลังจากนั้น เขาก็ใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงในการค้นหาบนชั้นนี้ แต่คราวนี้เขาไม่พบสิ่งใดที่เป็นประโยชน์เลย
“ไม่เหลือแม้แต่เส้นผม ดูเหมือนว่าที่นี่เคยถูกเก็บกวาดมาแล้วมากกว่าหนึ่งครั้ง หมายความว่าในตอนต้นของวันโลกาวินาศมนุษย์ส่วนใหญ่ไม่ได้กลายเป็นซอมบี้”
ในใจของซูฉางซิงยอมแพ้ที่จะไปค้นหาที่ชั้นล่างแล้ว สิ่งนี้เป็นการกระทำที่ไร้ค่า มันแตกต่างจากที่เขาคาดไว้อย่างสิ้นเชิง และเกรงว่าเสบียงในเมืองก็คงขาดแคลนมากเช่นกัน
มูลค่าของอาหารมีค่ามากกว่าที่ซูฉางซิงประเมินไว้
หลังจากเคลียร์ชั้นหกเรียบร้อยแล้ว ซูฉางซิงก็ผ่อนคลายลง และรู้สึกหิวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่เช้าเขาต่อสู้ไม่หยุด เรี่ยวแรงที่มีก็เริ่มหมดลง
ซูฉางซิงเปิดกระป๋องถั่วในน้ำเกลือด้วยมีดเหล็ก และแลกเปลี่ยน 2 คะแนนกับน้ำขวดขนาด 1 ลิตรและขนมปังก้อนใหญ่ที่จับด้วยสองมือได้ไม่เต็ม
ถั่วกระป๋องนี้คล้ายกับที่เขาเคยกินมาก่อน มันทำมาจากถั่วเหลือง รสหวาน เนียนนุ่ม และให้รสสัมผัสที่ดีหลังจากนำมาสอดไส้ขนมปัง
ซูฉางซิงใช้เวลาไม่นานนักในการจัดการกับขนมปังก้อนใหญ่ ถั่วกระป๋องทั้งกระป๋องกับน้ำครึ่งขวด
ความอยากอาหารของเขาเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ถ้าเป็นแต่ก่อนขนมปังก้อนใหญ่ขนาดนี้ กินได้ไม่เกินครึ่งก้อนเขาก็อิ่มแล้ว
หลังจากกินอิ่ม เลือดจากสมองก็ถูกส่งไปที่ท้อง ทำให้ซูฉางซิงรู้สึกง่วงนอนเล็กน้อย เขาจึงหาห้องที่ค่อนข้างสะอาดเข้าไปนั่งงีบหลับตรงมุมห้อง
ซูฉางซิงก็ลืมตาขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มันเป็นเวลา 13.50 น.
“เพิ่งหลับไปแค่สี่สิบนาที ตัวแข็งไปหน่อยแล้ว”
เขาเอามือยันพื้นลุกขึ้นยืน แล้วขยับร่างกายเพื่อให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก
ตอนเที่ยงอุณหภูมิสูงขึ้น อากาศร้อนเล็กน้อย
ซูฉางซิงสังเกตเห็นว่าจำนวนซอมบี้ที่เดินเตร่อยู่บนถนนนอกหน้าต่างลดลงอย่างมาก และการเคลื่อนไหวของพวกมันก็เฉื่อยชาลงเช่นกัน
“แน่นอนแล้วว่าแสงอาทิตย์สามารถยับยั้งการทำงานของซอมบี้ได้ในระดับหนึ่ง เที่ยงวันจึงเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการกำจัดซอมบี้”
ซูฉางซิงสังเกตเห็นจุดสำคัญนี้ได้ในทันที เที่ยงวันคือเวลาที่ซอมบี้อ่อนแอที่สุด และเที่ยงคืนก็เป็นเวลาที่พวกมันแข็งแกร่งที่สุด จากนั้นเขาก็ถือมีดเหล็กกับกระเป๋าหนังสีชมพูเดินลงไปยังชั้นถัดไป
เมื่อเดินลงมาถึงชั้น 5 ก่อนที่จะเข้าสู่โถงทางเดิน ซูฉางซิงก็ได้กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรง เขาหยุดฝีเท้าลงทันที
ด้วยกลิ่นเหม็นเน่าขนาดนี้ จำนวนซอมบี้บนชั้นนี้น่าจะมากกว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก เมื่อซอมบี้มีจำนวนมากขึ้น ความหนาแน่นของการกระจายตัวย่อมต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับซอมบี้หลายตัวพร้อมๆกัน
ซูฉางซิงไม่ใช่ผู้ไร้เทียมทานที่สามารถจัดการกับซอมบี้จำนวนมากได้ เมื่อมีซอมบี้จำนวนมาก ปัจจัยเสี่ยงก็มากตามไปด้วย และนี่ก็ไม่ใช่เกม ความตายหมายถึงความล้มเหลวอย่างสมบูรณ์ ไม่มีโอกาสเป็นครั้งที่สอง
หลังจากไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ซูฉางซิงตัดสินใจอย่างมีเหตุผลที่จะไม่เคลียร์ชั้นที่ห้า แม้ว่าจะทำได้ แต่มันไม่จำเป็น เป้าหมายของเขาคือการเอาชีวิตรอด ไม่ใช่การฆ่าซอมบี้