บทที่ 34 อัจฉริยะผู้ปากไม่ตรงกับใจและหญิงสาวผู้น่าสงสาร!
หลี่หรานเป็นคนเกียจคร้านมาก คำขวัญในชีวิตของเขาคือ ‘จงผ่อนปรนต่อตัวเองและเข้มงวดกับผู้อื่น’
ไม่เพียงแต่เขาไม่มีความคาดหวังใดๆจากมือใหม่เหล่านี้ หลี่หรานยังรู้สึกว่าพวกเขาเป็นตัวปัญหาอีกด้วย และมันเป็นผลให้หลี่หรานปล่อยให้พวกเขาต่อสู้ด้วยตัวเองตลอดเวลา หลี่หรานไม่สนใจที่จะลงมือจนกว่าพวกเขาจะถูกต้อนให้จนมุม
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของศิษย์ใหม่ ทัศนคติที่ขาดความรับผิดชอบนี้ได้กลายเป็นข้อสันนิษฐานว่าหลี่หรานต้องการให้พวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อ ‘ปรับปรุงประสบการณ์การต่อสู้’
—
ในวันที่เจ็ดของการทดสอบ
เนื่องจากความเกียจคร้านของหลี่หราน ศิษย์จำนวนมากจึงได้รับประสบการณ์เฉียดตาย ทุกๆคนได้รับบาดเจ็บไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม พวกเขากลับก้าวหน้าขึ้นมาก
ดวงตาของพวกเขาหนักแน่นขึ้น ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาได้รับการปรับปรุงในเชิงคุณภาพ และความสามัคคีของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
มีแม้กระทั่งสามคนที่บุกทะลวงเข้าสู่ขั้นปลายของขอบเขตหลอมรวมลมปราณโดยตรง
และทั้งหมดนี้ต้องให้เครดิตกับหลี่หราน
“ฆ่า!” สัตว์อสูรตัวสุดท้ายล้มลงในกองเลือด
สัตว์อสูรโดยรอบไม่แข็งแกร่งมากนัก โดยพื้นฐานแล้วพวกมันอยู่ในขอบเขตหลอมรวมลมปราณ
ตราบใดที่ไม่ใช่สัตว์อสูรกลุ่มใหญ่เกินไป ศิษย์ของวิหารโหยวหลัวจะสามารถจัดการกับพวกมันได้ด้วยตัวเอง
“เซิงจื่อ ท้องฟ้ากำลังจะมืดลง ทำไมเราไม่ตั้งค่ายพักแรมที่แหล่งน้ำนี้ล่ะ?” ลู่ซินหรานวิ่งเข้ามาถาม
หลี่หรานเหยียดเอวของเขาออก “ก็ดี ถ้าอย่างนั้นเรามาพักกันเถอะ”
“ทราบแล้ว” เหล่าศิษย์ต่างรีบตั้งค่ายพักแรมริมทะเลสาบ
ทุกคนจุดไฟและรวมตัวกันเพื่อกินเนื้อย่าง มีเพียงหลี่หรานคนเดียวที่นั่งอยู่บนยอดต้นไม้ แผ่นหลังของเขาช่างดูห่างเหิน
“เซิงจื่อเย็นชามาก เขาไม่เคยมากินกับเราเลย” ศิษย์หญิงคนหนึ่งกล่าว
ลู่ซินหรานส่ายหัว “พวกเจ้าไม่เข้าใจ ภายใต้ท่าทางที่เย็นชาและสันโดษของเซิงจื่อ มันมีหัวใจที่อบอุ่นอยู่ เขาแค่สื่อสารกับผู้อื่นไม่เก่ง อย่างเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น...”
นางอธิบายสิ่งที่หลี่หรานทำเพื่อช่วยให้นางทะลวงระดับ
“ว้าว เซิงจื่อเป็นคนอบอุ่นมาก~”
“ถูกตัอง แม้ว่าเขาจะดูเหมือนไม่ชอบเรา แต่เขาก็คอยช่วยเหลือเราตลอดเวลา!”
“ปรากฎว่าสายตาที่ดูถูกของเขาเต็มไปด้วยความรัก!”
“มันเป็นสิ่งที่อัจฉริยะต้องพบเจอ พวกเขาสื่อสารกับผู้อื่นไม่เก่ง!”
“เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เซิงจื่อช่างน่ารัก~”
—
หลังจากที่ทุกคนถูกล้างสมองแล้ว หลี่หรานก็เปลี่ยนจากอัจฉริยะผู้เย็นชาและห่างเหินเป็นอัจฉริยะที่มีหัวใจอบอุ่น
ในขณะนั้น หลี่หรานกำลังนั่งอยู่บนยอดต้นไม้ กำลังกินขนมปังเกล็ดหิมะอย่างมีความสุข นี่เป็นอาหารอันโอชะที่อาฉินเตรียมอย่างระมัดระวัง มันอร่อยกว่าเนื้อย่างโดยต้องใส่เครื่องปรุงด้วยซ้ำ...
“เซิงจื่อ ลงมากินข้าวกับเราเถอะ!”
“ท่านไม่สามารถอดอาหารจนตายได้!” ศิษย์หญิงตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด
หลี่หรานปฏิเสธอย่างไม่ลังเล ‘อยากกินขนมปังเกล็ดหิมะของข้างั้นหรือ? ไม่มีทางเสียหรอก!’
—
ฟู่วว~
เซียวชิงเกอหอบอย่างหนักขณะที่นางเดินโซเซผ่านป่าทึบ เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของนาง และร่างกายของนางก็เต็มไปด้วยบาดแผล ชุดของนางขาดวิ่นเนื่องจากกิ่งไม้มานานแล้ว
นี่เป็นวันที่ห้าแล้วที่นางเข้าสู่เทือกเขาสือว่าน ระหว่างทาง นางเดินตามแผนที่และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อหลีกเลี่ยงสถานที่ที่สัตว์อสูรอยู่
ถึงกระนั้นนางก็ยังตกอยู่ในอันตราย มีหลายครั้งที่นางเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด
ถ้าไม่ใช่เพราะความมุ่งมั่นอันน่าอัศจรรย์ของนาง นางคงถูกกลับฝังไปนานแล้ว
“เพราะข้าไม่หลงเหลือฐานการบ่มเพาะ ข้าจึงใช้แหวนเก็บของไม่ได้... ข้ากินเสบียงที่มีไปหมดแล้ว แต่ข้ายังอยู่ห่างจากอาณาจักรลับหลายสิบกิโลเมตร...” ใบหน้าของเซียวชิงเกอซีดเผือก
ไม่กี่วันก่อน นางรู้มาโดยบังเอิญว่ามีอาณาจักรลับเปิดอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาสือว่าน มีข่าวลือว่ามรดกของจักรพรรดิอมตะโบราณหลับใหลอยู่ที่นั่น
สัญชาตญาณของนางบอกว่านี่เป็นโอกาสเดียวที่จะพลิกชะตากรรมของนาง ดังนั้นนางจึงไม่ลังเลที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของบิดาและขโมยแผนที่อย่างลับๆ นางเข้ามาในเทือกเขาสือว่านก็เพื่อค้นหามรดกอมตะที่อาจจะไม่มีอยู่จริงนั้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่นางจะได้เห็นเงาของอาณาจักรลับ นางกลับกำลังจะตาย
“ถ้าข้าไม่สามารถได้รับมรดกอมตะ สิ่งที่รอข้าอยู่ก็คือฝันร้าย... ข้าจะยอมแพ้ตอนนี้ไม่ได้!”
“แม้ว่าข้าต้องตาย ข้าก็จะตายบนเส้นทางอมตะ!” ดวงตาของเซียวชิงเกอค่อยๆมั่นคงขึ้น
ขณะที่นางกำลังจะขยับ ทันใดนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
บูม!
ต้นไม้หลายต้นถูกโค่นลงมาแต่ไกล
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที
“แย่แล้ว มันกำลังมาทางข้า!” เซียวชิงเกอไม่กล้าที่จะหยุด นางวิ่งอย่างสุดชีวิต แต่ทางข้างหน้านางมีต้นไม้อยู่มากเกินไป
ระยะห่างระหว่างสัตว์อสูรกับนางถูกร่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว
บูม!
สัตว์อสูรขนาดใหญ่พุ่งเข้าใส่นาง และคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ก็เกือบทำให้นางกระเด็นออกไป เงาขนาดใหญ่ของมันปกคลุมท้องฟ้า!
เซียวชิงเกอเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อและความกลัว
‘หมีปีศาจทมิฬ!’
ในขณะนี้มันยืนอยู่ด้วยเท้าทั้งสองข้าง ร่างที่ดำขลับนั้นยาวเกือบสิบเมตร และดวงตาแดงก่ำของมันก็จ้องมองมาที่นางในขณะที่น้ำลายไหลลงมาจากมุมปาก
“หมีปิศาจทมิฬตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ยังไง?!” ดวงตาของเซียวชิงเกอเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ต่อให้นางจะยังมีฐานการบ่มเพาะอยู่ แต่นางก็ไม่สามารถเป็นคู่มือให้สัตว์ประหลาดตัวนี้ได้
ในขณะนั้นเอง นางก็สังเกตเห็นว่ามีธารน้ำไหลอยู่ใกล้ๆ และจิตใจของนางก็สั่นสะท้านในทันใด!
ถ้านางสามารถกระโดดลงไปในแม่น้ำและจมลงไปในนั้นได้ บางทีนางอาจจะมีโอกาสรอด
โดยไม่ลังเลอีกต่อไป นางหันหลังกลับและวิ่งไปที่แหล่งน้ำ
//////////