บทที่ 33 เริ่มต้นการทดสอบ!
เทือกเขาสือว่าน
พื้นที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของดินแดนอันกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยภูเขาจำนวนนับไม่ถ้วนและแหล่งน้ำที่ทอดยาวซึ่งครอบครองโดยปีศาจและวิญญาณชั่วร้าย
ยิ่งลึกมากเท่าไหร่ สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นเท่านั้น เป็นสถานที่ที่ถูกระบุว่าเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับมนุษย์
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่มีการบ่มเพาะอันลึกล้ำก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปในส่วนลึกที่ว่านั้น ทำได้เพียงเหยียบย่ำอยู่รอบนอก
—
“โจมตี!”
“ค่ายกลศิลปะสังหารเงาแห่งโหยวหลัว!”
“ระวังข้างหลัง!”
“สร้างค่ายกล! สร้างค่ายกลเร็วเข้า!”
กลุ่มจากวิหารโหยวหลัวที่เพิ่งเข้าสู่เทือกเขาสือว่านกำลังถูกโจมตีโดยสัตว์อสูร
มันเป็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ มีสีสันสวยงามและฟันแหลมคม ลำตัวของมันสูงพอๆกับวัวตัวผู้ เขี้ยวขนาดมหึมาคู่หนึ่งแยกออกจากปากที่ใหญ่โตของมัน หางของมันโบกไปมาราวกับแส้เหล็กอย่างน่าสะพรึงกลัว
ความแข็งแกร่งของเสือเขี้ยวดาบนั้นเทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะขอบเขตหลอมรวมลมปราณขั้นกลางถึงขั้นปลาย
ต่างจากเสือทั่วไปตรงที่พวกมันไม่ได้อยู่อย่างโดดเดี่ยวแต่ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง
พฤติกรรมนี้สร้างปัญหาอย่างมากให้กับศิษย์ของวิหารโหยวหลัว ในตอนแรกพวกเขาสามารถทำงานร่วมกันเพื่อฆ่าเสือสองสามตัว แต่ในไม่ช้าฝูงเสือก็ถาโถมเข้ามา ภายใต้การโจมตีอย่างบ้าคลั่งของฝูงสัตว์อสูร พวกเขาแทบจะทนไม่ได้
หลี่หรานเอนตัวอยู่บนกระบี่บินของเขาและหาวอย่างเอื่อยเฉื่อย
เขาอยู่ที่นี่เพื่อเป็นผู้นำการทดสอบ ไม่ได้ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เขาจะไม่เข้าไปยุ่งเว้นแต่จะเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย
“โอ้?” เมื่อสังเกตดูสมรภูมิ ร่างเล็กๆก็ดึงดูดความสนใจของเขา
ลู่ซินหรานกำลังเคลื่อนตัวผ่านสัตว์อสูรอย่างรวดเร็วราวกับภูติผี การเคลื่อนไหวอึดอาดของเสือเขี้ยวดาบไม่สามารถทำอันตรายนางได้เลย
นางสร้างบาดแผลที่น่าสะพรึงกลัวบนร่างกายของพวกมันในขณะที่เคลื่อนผ่าน
และในเวลาเพียงสามอึดใจ นางก็จัดการสัตว์อสูรตัวหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
“ดี เจ้าเติบโตขึ้นมาก” หลี่หรานพยักหน้า
แม้ว่าพรสวรรค์ในการต่อสู้ของลู่ซินหรานจะถูกพิสูจน์แล้วว่าน่าเกรงขาม แต่ข้อได้เปรียบนี้ก็อยู่ได้ไม่นาน เสือเขี้ยวดาบสังเกตเห็นศัตรูตัวฉกาจนี้อย่างรวดเร็วและทำให้นางตกเป็นเป้าหมายหลัก สัตว์อสูรที่เหลืออีกห้าตัวคำรามอย่างคลุ้มคลั่ง ความดุร้ายของพวกมันสั่นสะเทือนไปถึงท้องนภา
นางรู้สึกถึงการคุกคามทันที นางเปลี่ยนตัวเองจากเงาเป็นโล่และสามารถสกัดกั้นการโจมตีของสัตว์อสูรทั้งสี่ได้ แต่ตัวสุดท้ายกลับฝ่าการป้องกันของนางเข้ามา
โฮกกก!
ดวงตาสีแดงของสัตว์อสูรเต็มไปด้วยความโกรธขณะที่มันอ้าปากที่เปื้อนเลือดและพุ่งเข้าใส่นาง
“มันจบแล้วสินะ” ลู่ซินหรานรู้สึกหวาดกลัว
มันสายเกินไปที่จะใช้ทักษะใดๆ
ขณะที่สัตว์อสูรกำลังจะขย้ำนาง เงาสีขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เผยให้เห็นร่างสูงที่ยืนอยู่ระหว่างนางกับสัตว์อสูร
“พอแล้ว มานี่สิ” หลังจากเสียงที่ไม่แยแส ร่างของสัตว์อสูรก็ระเบิดออกกลายเป็นฝนโลหิต
ร่างกายทั้งหมดของหลี่หรานถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงิน เหมือนดาวตกที่ปรากฏในท้องฟ้ายามเช้า เขากวาดตัวเองเข้าไปในกลุ่มของสัตว์อสูร
โฮกกก!
พร้อมกับเสียงคำรามที่สั่นสะเทือนแก้วหู สัตว์อสูรทั้งหมดถูกแสงสีเงินฉีกเป็นชิ้นๆภายในไม่กี่อึดใจ
แสงระยับสีแดงกระจายออก คราบโลหิตและเลือดสดๆเจิ่งนองไปทั่ว ฉากที่น่าสะพรึงกลัวนี้ราวกับภาพวาดของนรก!
เหนือการสังหารหมู่ เสื้อคลุมสีขาวและผมสีดำของหลี่หรานปลิวไสวไปตามสายลมอ่อนๆ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของโลหิตบนร่างกายของเขา
เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ศิษย์หลายคนก็จ้องมองอย่างว่างเปล่าและไม่สามารถกลับมารู้สึกตัวได้เป็นเวลานาน
เมื่อเห็นว่ามีศิษย์บางคนที่บาดเจ็บ หลี่หรานจึงพูดอย่างเฉยเมยว่า “ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเจ้าและรักษาพวกมันซะ เราจะออกเดินทางในอีกหนึ่งชั่วโมง”
หลังจากนั้นเขาก็กระโดดกลับที่กระบี่บินและเอนตัวนอนอย่างเกียจคร้าน
ลู่ซินหรานเป็นคนแรกที่ตอบสนอง นางมองเขาอย่างขอบคุณก่อนที่จะจัดกลุ่มของเหล่าศิษย์ใหม่อีกครั้ง
“เซิงจื่อหล่อมาก!”
“คำว่าหล่อเพียงคำเดียวไม่สามารถอธิบายเขาได้หมดจริงๆ!”
“เจ้าเห็นมันไหม? พริบตาเดียวสัตว์อสูรทั้งหมดล้วนสิ้นชีพ!”
“ทรงพลังมาก!”
“เซิงจื่อไม่ได้เย็นชาอย่างที่ข่าวลือบอก~”
เหล่าศิษย์เงยหน้าขึ้นมองหลี่หรานและพูดคุยกันเสียงต่ำ
ศิษย์ชายคนหนึ่งเอามือปิดแขนที่เปื้อนเลือดและพูดขึ้นว่า “เพื่อที่จะเป็นพระเอก เขารอจนถึงวินาทีสุดท้ายเพื่อโจมตี! ถ้าเขากำจัดสัตว์อสูรได้เร็วกว่านี้ เราคงไม่ต้องทนทุกข์ทรมาน!”
เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พอใจ
ลู่ซินหรานมองเขาอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อเดินเล่นหรือไง? นี่คือการต่อสู้ที่แท้จริง ในการต่อสู้จริงการบาดเจ็บล้มตายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้!”
“ถ้าเซิงจื่อกำจัดอุปสรรคทั้งหมดตั้งแต่แรก งั้นจุดประสงค์ของการทดสอบนี้คืออะไร?”
“แต่…” ศิษย์ชายยังคงอยากที่จะโต้แย้ง
“เซิงจื่อช่วยชีวิตพวกเรา ดังนั้นพวกเราควรจะรู้สึกขอบเขา ถ้าข้าได้ยินเรื่องนี้อีก ข้าจะทำให้เจ้าต้องออกจากการทดสอบ!” ลู่ซินหรานกล่าวออกมาอย่างเผด็จการ
คนอื่นๆก็ส่งสายตาที่ไม่เป็นมิตรมาเช่นกัน ศิษย์ชายคนนั้นส่ายหัวและไม่กล้าพูดอีก
—
เมื่อรอให้เหล่าศิษย์รักษาบาดแผลและรวบรวมกระดูกปีศาจที่จำเป็นสำหรับภารกิจเสร็จ ทั้งกลุ่มก็ออกเดินทางต่อ
หลี่หรานเดินตามหลังอย่างไม่รีบร้อน
“เซิงจื่อ!” ลู่ซินหรานเดินเข้ามาหาเขาพร้อมถือผลไม้สีแดงไว้ในมือที่บอบบางของนาง
“นี่คือผลวิญญาณเมฆา สามารถกินมันเพื่อดับกระหายของท่าน”
“ข้าไม่กระหายน้ำ” หลี่หรานไม่ได้แม้แต่จะเปิดเปลือกตาขึ้น
“งั้นหรือ...” ลู่ซินหรานพูดอย่างจริงจัง “ขอบคุณที่ช่วยข้า ไม่เช่นนั้นข้าคงตายอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ”
หลี่หรานพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไม่จำเป็น นี่คือความรับผิดชอบของผู้นำ”
“ฮี่ฮี่ ข้ารู้ว่าแม้เซิงจื่อจะดูเย็นชา แต่จริงๆแล้วท่านเป็นคนที่อบอุ่นมาก” ลู่ซินหรานพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“หืม?” หลี่หรานงุนงง
“ท่านเลือกที่จะโจมตีในตอนสุดท้ายเพื่อให้เราได้รับประสบการณ์การต่อสู้จริงใช่หรือไม่? ข้าแน่ใจว่าเป็นเช่นนั้น!” ลู่ซินหรานรวบกำปั้นของนางแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “ข้าจะทำตามที่ท่านต้องการอย่างแน่นอน ข้าจะทำตามความคาดหวังของท่าน!”
หลี่หรานพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง “……”
‘ใครคาดหวังอะไรจากเจ้ากัน? ยัยลูกเจี๊ยบนี่เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?’
//////////