ตอนที่แล้วบทที่ 31 เงาของหลี่หราน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 33 เริ่มต้นการทดสอบ!

บทที่ 32 จดหมายของเหลิงอู่เหยียน!


วิหารโหยวหลัว ยอดเขาหลัก

ศิษย์รุ่นเยาว์กลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในนิกาย และบางส่วนก็เป็นคนที่พลาดการทดสอบครั้งก่อน

พวกเขาทั้งประหม่าและตื่นเต้นกับการทดสอบที่กำลังจะมาถึง

“ข้าได้ยินมาว่าเทือกเขาสือว่านนั้นน่ากลัวมาก และภูเขาก็ถูกครอบครองโดยปีศาจร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน มันเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับมนุษย์!”

“งั้นมือใหม่อย่างเราจะไม่ไปเป็นอาหารของพวกปีศาจหรอกหรือ?”

“นิกายจะไม่ปล่อยให้เราตาย การทดสอบอยู่นอกเทือกเขาสือว่าน มันไม่อันตรายขนาดนั้น”

“นอกจากนี้ศิษย์อาวุโสก็อยู่ที่นี่ พวกเจ้าตื่นตระหนกอะไรกันนักหนา?”

“ข้าสงสัยว่าศิษย์อาวุโสคนใดจะเป็นผู้นำของเราในครั้งนี้ ข้าหวังว่าเขาจะเป็นบุรุษที่หล่อเหลา เช่นนั้นข้าคงจะมีความสุขตลอดการทดสอบนี้”

“เจ้านี่ช่างเสพติดบุรุษรูปงามจริงๆ...”

เมื่อได้ยินการสนทนาของเหล่าศิษย์ ลู่ซินหรานก็ถอนหายใจและขมวดคิ้ว

นางอยู่ในกลุ่มผู้ทดสอบเช่นกัน

นางผู้มีการบ่มเพาะขอบเขตสร้างรากฐานขั้นแรกจะร่วมมือกับผู้บ่มเพาะขอบเขตหลอมรวมลมปราณเหล่านี้

สถานะของนางเปลี่ยนจากศิษย์ในของนิกายเป็นศิษย์อาวุโส อย่างไรก็ตาม นางไม่มีความสุขแม้แต่น้อย ความคิดที่จะไม่ได้เห็นเซิงจื่อเป็นเวลานานทำให้นางปวดใจ

เฮ้อ ข้ายังไม่ได้ทำเค้กลูกพลัมให้เซิงจื่อเลย ดูเหมือนว่าข้าจะต้องรอจนกว่าจะกลับไป” ในใจของนาง การบ่มเพาะเป็นเรื่องรองลงมาเท่านั้น...

ทันใดนั้นการสนทนาที่เอิกเกริกก็หยุดลง

“เกิดอะไรขึ้น?” ลู่ซินหรานเงยหน้าขึ้นอย่างว่างเปล่าและเห็นร่างในชุดสีขาวลอยลงมา

นางอ้าปากเล็กน้อย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “ซะ...เซิงจื่อ?!”

หลี่หรานร่อนกายลงมาตรงกลาง เขาไม่ได้ปกปิดออร่าที่หล่อเหลาและเย็นชาไว้

เขามองไปรอบๆและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ข้าเป็นผู้นำกลุ่มในครั้งนี้”

“ภารกิจของข้าคือการรับประกันชีวิตของพวกเจ้า ส่วนจะเสียแขนหรือขาไปบางส่วนนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”

“ดังนั้น สิ่งเดียวที่ข้าต้องการจากพวกเจ้าคือ…”

“…การมีชีวิตอยู่!”

“เราต้องไปรวมตัวกันที่ประตูเคลื่อนย้ายในหนึ่งชั่วโมง ผู้ที่มาสายจะถูกตัดสินประหารชีวิต!” คำพูดของหลี่หรานนั้นสั้นและกระชับ หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ

เหล่าศิษย์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเข้าสู่ความอลหม่าน

“เขาคือศิษย์อาวุโสคนใดกัน? เขาหล่อเกินไป!”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทางที่เย็นชานั้น เขาดูเท่มากเลย!”

“ข้ารักเขา!” ศิษย์หญิงมองดูร่างที่จากไปของเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาว

คนส่วนใหญ่ในที่นี้เป็นศิษย์นอก โดยปกติแล้วพวกเขาไม่มีสิทธิ์สนทนากับหลี่หราน ดังนั้นพวกเขาจึงจำหลี่หรานไม่ได้โดยธรรมชาติ

“พวกเจ้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร? เขาคือหลี่หราน เซิงจื่อของนิกาย!” ศิษย์คนหนึ่งพูดขึ้น

“เซิงจื่อ?”

“เขาคือเซิงจื่อคนนั้น?”

“โอ้พระเจ้า!” ทุกคนมองหน้ากัน

หลี่หรานเป็นบุคคลที่ราวกับตำนาน

‘นี่เป็นเพียงการทดสอบเล็กๆ แต่การทดสอบนี้กลับนำโดยเซิงจื่อ? มันไม่เกินจริงไปหน่อยเหรอ!’

ลู่ซินหรานตื่นเต้นมากจนนางเกือบจะกระโดดจากพื้น “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าข้าจะสามารถเข้าร่วมการทดสอบกับเซิงจื่อได้ โชคของข้าดีเกินไป!”

หลี่หรานกลับไปยังที่พักของเขา

อาฉินรู้เรื่องการทดสอบจึงช่วยเขาจัดสัมภาระ

เนื่องจากนางไม่ใช่ศิษย์ของวิหารโหยวหลัว นางจึงไม่สามารถไปกับเขาในระหว่างการทดสอบนี้ได้

“ท่านเซิงจื่อ นี่คือเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนของท่าน หากชุดของท่านสกปรก ท่านสามารถเปลี่ยนพวกมันได้”

“นี่คืออาหารสำหรับการเดินทางของท่าน พวกมันเป็นอาหารจานโปรดของท่านและพวกมันจะไม่เน่าเสียด้วยอยู่ในแหวนเก็บของ”

“นี่คือ...”

หลี่หรานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เอาล่ะ ไม่ใช่ว่าข้ากำลังจะไปทำสงคราม เป็นเพียงการทดสอบธรรมดา ข้าจะกลับมาเร็วๆนี้”

“เจ้าค่ะ อาฉินจะบ่มเพาะอย่างหนักและรอคอยการกลับมาของเซิงจื่อ” นางพูดอย่างจริงจัง

“เป็นเด็กดีล่ะ” หลี่หรานลูบศีรษะเล็กๆของนาง

อาฉินหรี่ตา สีหน้าบ่งบอกว่านางกำลังเพลิดเพลินกับสัมผัสของเขา

“อาฉินอยู่ที่ขั้นกลางของขอบเขตหลอมรวมลมปราณแล้ว ตามที่พระสูตรแสงเร้นลับบอก ตราบเท่าที่อาฉินเข้าถึงขอบเขตสร้างรากฐาน อาฉินจะสามารถบ่มเพาะกับท่านเซิงจื่อได้... เย้!”

หลี่หรานปิดปากของนาง “นอกเหนือจากการบ่มเพาะร่วมกับข้าแล้ว เจ้าสามารถทำสิ่งอื่นได้ด้วยไม่ใช่หรือ?”

“ฮะ?” ดวงตาของอาฉินสลับระหว่างขาวและดำขณะที่นางกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา

หลี่หรานพูดไม่ออก “……”

“ช่างเถอะ เจ้าจะตะโกนดีใจต่อไปก็ได้”

“เย้!”

หลังจากจัดการกับอาฉินแล้ว หลี่หรานก็เดินออกจากห้อง

เขามองไปที่ยอดเขาปีศาจที่สูงตระหง่าน นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เหลิงอู่เหยียนหนีจากความอับอาย นางก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีกเลย เขาได้รับแจ้งว่าผู้นำนิกายไม่อยู่ที่ห้องพักของนาง

“เป็นไปได้ไหมว่าท่านอาจารย์โกรธข้า? ไม่สิ ครั้งสุดท้ายที่เราพบกันก็ดูปกติดี” หลี่หรานลูบคางของเขา

แม้จะพูดเช่นนั้นแต่ในใจเขารู้สึกสูญเสียเล็กน้อย

ในขณะนั้นเอง ศิษย์หญิงคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาหาเขา

“เซิงจื่อ”

“ผู้ดูแลหวาง? เจ้าตามหาข้าหรือ?” หลี่หรานถาม

ผู้ดูแลหวางพยักหน้าและยื่นมือออกไปเพื่อมอบจดหมาย “นี่คือสิ่งที่ผู้นำนิกายบอกให้ข้านำมาให้ท่านก่อนจะออกเดินทาง”

“จดหมาย?” หลี่หรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่า “นอกเหนือจากนี้ ผู้นำนิกายได้พูดอะไรอีกไหม?”

ผู้ดูแลหวางส่ายหัวของนาง “ไม่”

“ข้าเข้าใจแล้ว”

เมื่อผู้ดูแลหวางจากไปแล้ว หลี่หรานก็เทพลังปราณลงไปในจดหมาย

เสียงที่เย็นชาของเหลิงอู่เหยียนดังขึ้นในหูของเขา:

[ หรานเอ๋อร์ ข้าจะไปที่พรมแดนทิศใต้ ข้ามีสิ่งสำคัญที่ต้องจัดการ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถไปส่งเจ้าเป็นการส่วนตัวได้ ]

[ ปลอดภัยและรีบๆกลับมาล่ะ ]

[ ข้ามีเซอร์ไพรส์ที่น่ายินดีให้ตอนที่เจ้ากลับมา... ]

[ เมื่อเจ้าอยู่ข้างนอก เจ้าต้องดูแลตัวเองด้วย เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องบุบผาและดอกไม้งาม มิฉะนั้นข้าจะเพิกเฉยต่อเจ้า... ]

[ แล้วอย่าลืมคิดถึงข้าทุกวันด้วย... ]

ยิ่งนางพูด เสียงของนางก็ยิ่งเล็กลง และในตอนท้ายเขาก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงของนาง

หลี่หรานสามารถจินตนาการได้ว่านางเขินอายเพียงใดตอนที่นางบันทึกจดหมายฉบับนี้

‘ใครจะทนต่อสิ่งนี้ได้? แม้แต่ข้าซึ่งเป็นผู้รับก็กำลังจะเป็นเบาหวาน!’

//////////

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด