บทที่ 32 จดหมายของเหลิงอู่เหยียน!
วิหารโหยวหลัว ยอดเขาหลัก
ศิษย์รุ่นเยาว์กลุ่มหนึ่งมารวมตัวกัน ณ ที่แห่งนี้ ส่วนใหญ่เป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในนิกาย และบางส่วนก็เป็นคนที่พลาดการทดสอบครั้งก่อน
พวกเขาทั้งประหม่าและตื่นเต้นกับการทดสอบที่กำลังจะมาถึง
“ข้าได้ยินมาว่าเทือกเขาสือว่านนั้นน่ากลัวมาก และภูเขาก็ถูกครอบครองโดยปีศาจร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน มันเป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับมนุษย์!”
“งั้นมือใหม่อย่างเราจะไม่ไปเป็นอาหารของพวกปีศาจหรอกหรือ?”
“นิกายจะไม่ปล่อยให้เราตาย การทดสอบอยู่นอกเทือกเขาสือว่าน มันไม่อันตรายขนาดนั้น”
“นอกจากนี้ศิษย์อาวุโสก็อยู่ที่นี่ พวกเจ้าตื่นตระหนกอะไรกันนักหนา?”
“ข้าสงสัยว่าศิษย์อาวุโสคนใดจะเป็นผู้นำของเราในครั้งนี้ ข้าหวังว่าเขาจะเป็นบุรุษที่หล่อเหลา เช่นนั้นข้าคงจะมีความสุขตลอดการทดสอบนี้”
“เจ้านี่ช่างเสพติดบุรุษรูปงามจริงๆ...”
—
เมื่อได้ยินการสนทนาของเหล่าศิษย์ ลู่ซินหรานก็ถอนหายใจและขมวดคิ้ว
นางอยู่ในกลุ่มผู้ทดสอบเช่นกัน
นางผู้มีการบ่มเพาะขอบเขตสร้างรากฐานขั้นแรกจะร่วมมือกับผู้บ่มเพาะขอบเขตหลอมรวมลมปราณเหล่านี้
สถานะของนางเปลี่ยนจากศิษย์ในของนิกายเป็นศิษย์อาวุโส อย่างไรก็ตาม นางไม่มีความสุขแม้แต่น้อย ความคิดที่จะไม่ได้เห็นเซิงจื่อเป็นเวลานานทำให้นางปวดใจ
“เฮ้อ ข้ายังไม่ได้ทำเค้กลูกพลัมให้เซิงจื่อเลย ดูเหมือนว่าข้าจะต้องรอจนกว่าจะกลับไป” ในใจของนาง การบ่มเพาะเป็นเรื่องรองลงมาเท่านั้น...
ทันใดนั้นการสนทนาที่เอิกเกริกก็หยุดลง
“เกิดอะไรขึ้น?” ลู่ซินหรานเงยหน้าขึ้นอย่างว่างเปล่าและเห็นร่างในชุดสีขาวลอยลงมา
นางอ้าปากเล็กน้อย ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ “ซะ...เซิงจื่อ?!”
หลี่หรานร่อนกายลงมาตรงกลาง เขาไม่ได้ปกปิดออร่าที่หล่อเหลาและเย็นชาไว้
เขามองไปรอบๆและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ข้าเป็นผู้นำกลุ่มในครั้งนี้”
“ภารกิจของข้าคือการรับประกันชีวิตของพวกเจ้า ส่วนจะเสียแขนหรือขาไปบางส่วนนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”
“ดังนั้น สิ่งเดียวที่ข้าต้องการจากพวกเจ้าคือ…”
“…การมีชีวิตอยู่!”
“เราต้องไปรวมตัวกันที่ประตูเคลื่อนย้ายในหนึ่งชั่วโมง ผู้ที่มาสายจะถูกตัดสินประหารชีวิต!” คำพูดของหลี่หรานนั้นสั้นและกระชับ หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศ
เหล่าศิษย์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเข้าสู่ความอลหม่าน
“เขาคือศิษย์อาวุโสคนใดกัน? เขาหล่อเกินไป!”
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าทางที่เย็นชานั้น เขาดูเท่มากเลย!”
“ข้ารักเขา!” ศิษย์หญิงมองดูร่างที่จากไปของเขาด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยดวงดาว
คนส่วนใหญ่ในที่นี้เป็นศิษย์นอก โดยปกติแล้วพวกเขาไม่มีสิทธิ์สนทนากับหลี่หราน ดังนั้นพวกเขาจึงจำหลี่หรานไม่ได้โดยธรรมชาติ
“พวกเจ้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร? เขาคือหลี่หราน เซิงจื่อของนิกาย!” ศิษย์คนหนึ่งพูดขึ้น
“เซิงจื่อ?”
“เขาคือเซิงจื่อคนนั้น?”
“โอ้พระเจ้า!” ทุกคนมองหน้ากัน
หลี่หรานเป็นบุคคลที่ราวกับตำนาน
‘นี่เป็นเพียงการทดสอบเล็กๆ แต่การทดสอบนี้กลับนำโดยเซิงจื่อ? มันไม่เกินจริงไปหน่อยเหรอ!’
ลู่ซินหรานตื่นเต้นมากจนนางเกือบจะกระโดดจากพื้น “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าข้าจะสามารถเข้าร่วมการทดสอบกับเซิงจื่อได้ โชคของข้าดีเกินไป!”
—
หลี่หรานกลับไปยังที่พักของเขา
อาฉินรู้เรื่องการทดสอบจึงช่วยเขาจัดสัมภาระ
เนื่องจากนางไม่ใช่ศิษย์ของวิหารโหยวหลัว นางจึงไม่สามารถไปกับเขาในระหว่างการทดสอบนี้ได้
“ท่านเซิงจื่อ นี่คือเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนของท่าน หากชุดของท่านสกปรก ท่านสามารถเปลี่ยนพวกมันได้”
“นี่คืออาหารสำหรับการเดินทางของท่าน พวกมันเป็นอาหารจานโปรดของท่านและพวกมันจะไม่เน่าเสียด้วยอยู่ในแหวนเก็บของ”
“นี่คือ...”
หลี่หรานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “เอาล่ะ ไม่ใช่ว่าข้ากำลังจะไปทำสงคราม เป็นเพียงการทดสอบธรรมดา ข้าจะกลับมาเร็วๆนี้”
“เจ้าค่ะ อาฉินจะบ่มเพาะอย่างหนักและรอคอยการกลับมาของเซิงจื่อ” นางพูดอย่างจริงจัง
“เป็นเด็กดีล่ะ” หลี่หรานลูบศีรษะเล็กๆของนาง
อาฉินหรี่ตา สีหน้าบ่งบอกว่านางกำลังเพลิดเพลินกับสัมผัสของเขา
“อาฉินอยู่ที่ขั้นกลางของขอบเขตหลอมรวมลมปราณแล้ว ตามที่พระสูตรแสงเร้นลับบอก ตราบเท่าที่อาฉินเข้าถึงขอบเขตสร้างรากฐาน อาฉินจะสามารถบ่มเพาะกับท่านเซิงจื่อได้... เย้!”
หลี่หรานปิดปากของนาง “นอกเหนือจากการบ่มเพาะร่วมกับข้าแล้ว เจ้าสามารถทำสิ่งอื่นได้ด้วยไม่ใช่หรือ?”
“ฮะ?” ดวงตาของอาฉินสลับระหว่างขาวและดำขณะที่นางกระพริบตาอย่างไร้เดียงสา
หลี่หรานพูดไม่ออก “……”
“ช่างเถอะ เจ้าจะตะโกนดีใจต่อไปก็ได้”
“เย้!”
หลังจากจัดการกับอาฉินแล้ว หลี่หรานก็เดินออกจากห้อง
เขามองไปที่ยอดเขาปีศาจที่สูงตระหง่าน นับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เหลิงอู่เหยียนหนีจากความอับอาย นางก็ไม่เคยปรากฏตัวออกมาอีกเลย เขาได้รับแจ้งว่าผู้นำนิกายไม่อยู่ที่ห้องพักของนาง
“เป็นไปได้ไหมว่าท่านอาจารย์โกรธข้า? ไม่สิ ครั้งสุดท้ายที่เราพบกันก็ดูปกติดี” หลี่หรานลูบคางของเขา
แม้จะพูดเช่นนั้นแต่ในใจเขารู้สึกสูญเสียเล็กน้อย
ในขณะนั้นเอง ศิษย์หญิงคนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามาหาเขา
“เซิงจื่อ”
“ผู้ดูแลหวาง? เจ้าตามหาข้าหรือ?” หลี่หรานถาม
ผู้ดูแลหวางพยักหน้าและยื่นมือออกไปเพื่อมอบจดหมาย “นี่คือสิ่งที่ผู้นำนิกายบอกให้ข้านำมาให้ท่านก่อนจะออกเดินทาง”
“จดหมาย?” หลี่หรานตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถามว่า “นอกเหนือจากนี้ ผู้นำนิกายได้พูดอะไรอีกไหม?”
ผู้ดูแลหวางส่ายหัวของนาง “ไม่”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เมื่อผู้ดูแลหวางจากไปแล้ว หลี่หรานก็เทพลังปราณลงไปในจดหมาย
เสียงที่เย็นชาของเหลิงอู่เหยียนดังขึ้นในหูของเขา:
[ หรานเอ๋อร์ ข้าจะไปที่พรมแดนทิศใต้ ข้ามีสิ่งสำคัญที่ต้องจัดการ ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถไปส่งเจ้าเป็นการส่วนตัวได้ ]
[ ปลอดภัยและรีบๆกลับมาล่ะ ]
[ ข้ามีเซอร์ไพรส์ที่น่ายินดีให้ตอนที่เจ้ากลับมา... ]
[ เมื่อเจ้าอยู่ข้างนอก เจ้าต้องดูแลตัวเองด้วย เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้แตะต้องบุบผาและดอกไม้งาม มิฉะนั้นข้าจะเพิกเฉยต่อเจ้า... ]
[ แล้วอย่าลืมคิดถึงข้าทุกวันด้วย... ]
ยิ่งนางพูด เสียงของนางก็ยิ่งเล็กลง และในตอนท้ายเขาก็แทบจะไม่ได้ยินเสียงของนาง
หลี่หรานสามารถจินตนาการได้ว่านางเขินอายเพียงใดตอนที่นางบันทึกจดหมายฉบับนี้
‘ใครจะทนต่อสิ่งนี้ได้? แม้แต่ข้าซึ่งเป็นผู้รับก็กำลังจะเป็นเบาหวาน!’
//////////