ตอน ข้ามมิติ (2)
ตอน ข้ามมิติ (2)
[ภารกิจ: เข้าสู่มิติวันสิ้นโลก รางวัล: 10 หยวน]
รางวัล 10 หยวน?
จะบ้าตาย แบบนั้นฉันเปิดร้านขายของชำต่อดีกว่า
เจียงหลินเลิกหวังกับระบบนี้ทันที
ไม่แนะนำยังไม่พอ นี่จะให้เธอทำภารกิจโดยได้รางวัลเป็นเงิน 10 หยวนอีก
“ช่างเถอะ ระบบ กลับมาที่ฟังก์ชั่นข้ามมิติก่อน”
ทันทีที่พูดจบ ระบบเด้งกลับมาที่หน้าจอแสงที่ประกอบไปด้วยไพ่หลายใบทันที
เจียงหลินลองเอานิ้วแตะไพ่ทีละใบ จนสุดท้ายแตะลงบนไพ่ใบเดียวที่มีแสงสว่าง เมื่อสัมผัสมัน ปราศจากปรากฏการณ์โลกเคว้งฟ้าหมุนใดๆ พริบตาต่อมา เจียงหลินก็พบว่าสภาพแวดล้อมรอบตัวเปลี่ยนแปลงไป
ทิวทัศน์ที่เข้ามา มันทำให้เจียงหลินต้องยกสองแขนขึ้นตั้งท่าพร้อมสู้โดยไม่รู้ตัว และพบว่าในมือเธอยังถือกล่องหิ้วเซาปิ่งอยู่
เบื้องหน้าคือกำแพงในสภาพปรักหักพัง ที่นี่ดูเหมือนเป็นชานเมือง … อย่างน้อยก็เคยเป็นชานเมือง บนผนังคอนกรีตบางจุดมีคราบเลือดดำแห้งเป็นวงกว้าง บวกกับบรรยากาศอึมครึมโดยรอบ ยิ่งทำให้ดูน่ากลัวมาก กระทั่งในอากาศก็ยังได้กลิ่นเลือดจางๆ
นอกจากนี้ เจียงหลินยังเห็นศพที่เหลือแต่กระดูกและเนื้อเน่าเปื่อยของมนุษย์หรือสัตว์ในซากปรักหักพัง มองแวบเดียวก็รู้ว่านี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะจะอยู่เป็นเวลานาน
“แผงระบบ!”
หน้าจอแสงก่อนหน้านี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เวลานี้ เจียงหลินดูเหมือนจะใช้งานระบบได้คล่องกว่าเดิมเล็กน้อย แต่เธอไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจเรื่องนี้ในตอนนี้ สิ่งสำคัญคือต้องกลับไปก่อน
สถานที่น่าขนลุกเช่นนี้ เธอไม่อยากอยู่อีกต่อไป
แต่น่าเสียดาย เพราะเมื่อเปิดแผงระบบฟังก์ชั่นข้ามมิติขึ้น เธอกลับพบว่าไพ่ใบที่เรืองแสงนั้นเปลี่ยนไป ไม่เพียงสภาพแวดล้อมบนไพ่ที่เปลี่ยนเป็นภาพของโลกเดิมที่เธอจากมา แต่เวลานี้มันถูกทำเครื่องหมายด้วยตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่
【จะเปิดอีกครั้งในอีก 3 ชั่วโมง 59 นาที 10 วินาที】
【คุณสามารถเลือกบังคับกลับ ให้ระบบส่งกลับมิติเดิมได้ แต่ระบบจะทำการยกเลิกการเชื่อมต่อทั้งหมดกับคุณ】
เจียงหลินมองไปยังคำกระพริบสีแดง ‘บังคับกลับ’ และยื่นมือออกไป
จะปลอดภัยที่สุดหากรีบไปจากที่นี่ เธออยากกลับไปเปิดร้านขายของชำอย่างสุจริต แค่นั้นก็ถือเป็นอะไรที่หรูหราสำหรับเธอแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงตัดสินใจจากไปทันที แต่สถานการณ์ของเธอในตอนนี้ … ระบบดูเหมือนจะเป็นความหวังเดียวที่จะพลิกชีวิต
หากปราศจากความหวังนี้ เธอคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากย้ายออกจากร้าน แล้วไปอาศัยอยู่ข้างถนน ส่วนสินค้าที่มีในร้าน คงได้แต่เฝ้ามองพวกมันหมดอายุ
และเธอจะไม่ยอมให้เป้นแบบนั้น!
มือที่ยื่นของไปของหญิงสาวกำแน่น ก่อนค่อยๆหดกลับมา
เธอต้องสู้!
มาลองกันซักตั้ง!
เจียงหลินออกจากแผงระบบ เดินไปข้างหน้า
ตอนนี้คำถามคือจะอยู่ที่ไหนเป็นเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง
เจียงหลินมองไปข้างหน้า เธออยู่ที่ปลายถนน ข้างหน้าเป็นพื้นที่โล่งกว้าง
อีกด้านหนึ่งของพื้นที่เปิดโล่งมีอาคารคล้ายป้อมปราการฐานขนาดใหญ่ มีปืนกลติดอยู่ด้านบน ปากกระบอกปืนสีดำหันเข้าหาพื้น และขณะนี้มีคิวยาวอยู่หน้าฐาน
ดูเหมือนจะเป็นคนที่รอต่อแถวเข้าไปข้างใน เจียงหลินตัดสินใจไปที่นั่น อย่างน้อยก็ให้ได้เอ่ยถามว่าที่นี่คือที่ไหนก่อน
เจียงหลินกอดขนมเซาปิ่งอย่างระมัดระวังเดินข้ามพื้นที่เปิดโล่ง
เมื่อเจียงหลินเดินมาต่อแถวหลังสุด เธอก็พบว่าคนที่อยู่ข้างหน้าแต่งตัวมอซอมาก และส่วนใหญ่สะพายกระเป๋ากับถืออาวุธไว้ในมือ
ขณะนี้ คนข้างหน้าเธอหันหัวกลับมามองอย่างหวาดระแวง ดวงตาของเขาเลื่อนไปมา ก่อนหยุดลงบนกล่องเซาปิ่งในมือเธอ และไม่ยอมย้ายไปไหน
นี่เป็นครั้งแรกนับแต่วันสิ้นโลกที่โฮ่วเต๋อได้เห็นคนยืนถืออาหารอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ท่ามกลางวันสิ้นโลก อาหารเป็นสิ่งที่หายากที่สุด ต่อให้เป็นชิ้นเล็กๆ ทุกคนก็ซ่อนมันไว้อย่างมิดชิดในกระเป๋าสะพายหลัง ไม่เผยให้ใครเห็น
แต่หลังจากสำรวจดูเจียงหลินแล้ว โฮ่วเต๋อคิดออกทันที ใครก็ตามที่สามารถรักษาเนื้อตัวให้สะอาดในโลกใบนี้ได้ แสดงว่าคนนั้นคือผู้ใช้พลัง
และเกรงว่าจะเป็นผู้ใช้พลังระดับสูง
และจากรูปร่าง ผู้หญิงตัวสูงตรงหน้าเขาคงไม่พ้นเป็นผู้ใช้พลังแน่ๆ สังเกตจากเส้นกล้ามเนื้อบนแขนเธอ เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างฟิต ร่างกายสมควรมีภูมิต้านทานการกลายพันธุ์
เขาสังเกตเห็นว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเจียงหลินนั้นเฉียบคมราวกับเสือดาว แต่ก็ซ่อนไว้อย่างดี เมื่อรู้สึกตัว ก็เกือบยับยั้งความคิดเข้าฉกชิงอาหารไว้แทบไม่ทัน
โฮ่วเต๋อเชื่อว่าในฐานะคนธรรมดา ท่ามกลางวันสิ้นโลก สายตาในการมองคนของเขาไม่ผิดพลาด
ตอนนี้ยิ่งมั่นใจในการตัดสินของตัวเองมากกว่าเดิม
เจียงหลินเป็นเจ้าของร้านขายของชำมานานแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคนมองกล่องเซาปิ่งด้วยแววตาซับซ้อนถึงขนาดนี้
กับอีแค่ขนมเซาปิ่งกล่องนึง เจียงหลินไม่ใช่คนใจแคบ เธอเปิดกล่องหิ้ว และหยิบซองขนมข้างในออกมา ยื่นให้โฮ่วเต๋อ “ลองซักชิ้นไหม?”
โฮ่วเต๋อมองไปที่ถุงเซาปิ่ง เขาตกใจเกินบรรยาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับอาหารจากผู้ใช้พลัง
ท่ามกลางวันสิ้นโลก ตราบใดที่พบผู้ใช้พลัง แล้วไม่ถูกอีกฝ่ายรังแกหรือฆ่าทิ้ง แค่นั้นก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
ผู้ใช้พลังส่วนใหญ่ที่เขาพบไม่ได้ปฏิบัติต่อคนธรรมดาในฐานะมนุษย์
เมื่อเห็นว่าได้รับความเมตตาจากผู้ใช้พลัง โฮ่วเต๋อรู้สึกตื่นเต้นจนเอามือมาถูกัน เขาไม่รู้ว่าจะรับดีหรือไม่
แต่ระหว่างที่กำลังลังเล เจียงหลินได้วางขนมลงในมือเขา
ได้ยินเสียงของทั้งสอง หลายคนข้างหน้าหันกลับมามอง
แล้วเห็นว่าโฮ่วเต๋อได้รับขนมเซาปิ่งมาชิ้นหนึ่ง เขารีบแทะมันจนหมดท่ามกลางสายตาริษยาของผู้พบเห็น
สำหรับอาหาร ผู้ใช้พลังสามารถเก็บไว้ได้ แต่สำหรับคนธรรมดาที่ไม่มีแรงจะปกป้องมัน เมื่อได้มา มีแต่ต้องรีบกินให้หมดเท่านั้น
เมื่อสัมผัสกับรสชาติหวานกรอบของขนมเซาปิ่ง และฟังเสียงดังกรุบๆในปากเขา โฮ่วเต๋อรู้สึกมีความสุขจนอยากจะร้องไห้
โฮ่วเต๋อกลืนขนมเซาปิ่งจนหมด และเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา เขารู้สึกว่านี่คือโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถต่อหน้าผู้ใช้พลัง หลังจากนี้ชีวิตของเขาอาจเปลี่ยนไปตลอดกาล!
“ทำไมคุณไม่ไปช่องทางพิเศษสำหรับผู้ใช้พลังล่ะ? ต่อคิวตรงนี้ ถ้าบังเอิญซอมบี้บุกเข้ามา ต่อให้เป็นผู้ใช้พลังก็มีโอกาสได้รับอันตรายเหมือนกัน”
ผู้ใช้พลัง? ซอมบี้? เจียงหลินฟังก็รู้ว่าที่นี่คือวันสิ้นโลก และรู้สึกได้ทันทีว่าต่อให้กำลังถูกขับไล่ออกจากบ้านและไม่มีที่ซุกหัวนอน มันก็ยังดีกว่าที่แบบนี้
ดูเหมือนระบบจะไม่อยากช่วยเธอ แต่ต้องการให้เธอตายมากกว่า!
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันยินดีจะต่อแถวนี้ ฉันเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก มีอีกหลายอย่างที่ยังไม่รู้ ทำไมนายไม่แนะนำข้อมูลให้ฉันซักหน่อยล่ะ?” เจียงหลินกล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงหลิน โฮ่วเต๋อก็ยิ่งมั่นใจว่าการคาดเดาของเขาถูกต้อง ดวงตาของเขาร้อนแรง เต็มไปด้วยความชื่นชม
ต่อให้มีโอกาสเจอซอมบี้ก็ไม่สนใจ! คนผู้นี้ต้องเป็นผู้ใช้พลังที่แข็งแกร่งแน่ๆ! ถ้าฉันได้กอดขาเธอ เวลาอยู่ในฐานนี้ก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว!
อย่างไรก็ตาม ภายใต้ใบหน้าสงบเรียบเฉยของเจียงหลิน ในใจเธอเต็มไปด้วยคำมากมาย
‘ฉันใช่ผู้ใช้พลังซะที่ไหนกัน? ขืนผ่านช่องทางนั้น มีหวังโดนจับแน่ๆ’
‘ฉันไม่ใช่ผู้ใช้พลัง แต่เป็นนักท่องมิติต่างหาก!’