ตอนที่แล้วตอนที่ 647 ประมุขห้าตระกูล
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 649 ความคิดของถังเทียน

ตอนที่ 648 แผนการท่านหญิงโหรว


“พวกเขาเข้าไปในเกาะใต้หรือ?”

เสียงที่อ่อนโยนนุ่มนวลฟังสบายหูแต่คนที่ฟังทั้งหมดต่างยืนตัวตรง สีหน้าของพวกเขาเคร่งเครียดจริงจัง ไม่มีใครกล้าหละหลวมราวกับว่าพวกเขาเป็นทหารที่ทะมัดทะแมงมีแต่ชุดคลุมยาวสีดำที่มีรูปเครื่องหมายกะโหลกแดงอยู่ที่หลังของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าเป็นเครื่องหมายของโจรสลัด

ท่านหญิงโหรวนั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มสีดำแขนเรียวยาวเหมือนหยกของนางกำลังเท้าคาง พร้อมกับรอยยิ้มยั่วยวนใจ

หน่วยสังเกตการณ์รายงานนาง  “ถูกแล้ว, หลิงเซี่ยช่วยทำหน้าที่คนนำทาง นางมีสัมพันธ์ที่ดีกับเว่ยถิงถิงแห่งเกาะใต้  เหมิ่งหนานให้ของพวกเขาสองสามชิ้นและหลังจากนั้นไม่นาน ประมุขห้าตระกูลก็ออกมาต้อนรับเขาเข้าไปข้างใน”

ท่านหญิงโหรวอุทาน “โอว” พลางกระพริบตา “สามารถทำให้ประมุขทั้งห้าตระกูลออกมาต้อนรับได้  ของนั่นควรจะเป็นอะไร?”

“เราไม่กล้าเข้าไปใกล้พวกเขา  เกรงว่าจะทำให้พวกเขาตื่นตัว  ระยะไกลเกินไป ดังนั้นข้าน้อยไม่สามารถเห็นได้ชัด” คนสังเกตการณ์ก้มหน้า ใจสั่นสะท้าน

“เจ้าทำได้ดีแล้ว”  ท่านหญิงโหรวพูดอย่างเป็นกันเอง

คนสังเกตการณ์ผู้คาดว่าจะถูกลงโทษถอนหายใจโล่งอก  อารมณ์ของท่านหญิงยังดีกว่าท่านสวี่มาก

“มีข่าวคราวท่านสวี่หรือไม่?”  ทันใดนั้นท่านหญิงโหรวถาม  ท่านสวี่เป็นคนตัวสูง  เมื่อนางออกจากทวีปทรายขาว  นางไม่ได้ไปพร้อมกับเขา

ในบรรดาคนที่ยืนตรงอยู่นั้นมีคนหนึ่งยืดตัวกล่าว “เราได้รับข่าวว่ากลุ่มโจรสลัดของท่านสวี่ถูกทำลายไปแล้ว”

ท่านหญิงโหรวมีท่าทีเศร้าใจและถอนหายใจ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านสวี่จะประสบเคราะห์กรรม  สวรรค์ช่างอิจฉาอัจฉริยะผู้กล้า  แต่ความสามารถของเขาจะไม่สูญเปล่า ข้าจะรายงานเบื้องสูงให้อวยยศเขาชั้นหนึ่งในฐานผู้พลีชีพในการปฏิบัติหน้าที่

ทุกคนปลาบปลื้มใจ  รางวัลผู้พลีชีพระหว่างปฏิบัติหน้าที่ชั้นหนึ่ง คือรางวัลสูงสุดที่มอบให้แม่ทัพผู้ยินยอมเสียสละตนเอง  ที่สำคัญยิ่งกว่าครอบครัวของเขาจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี  พวกเขาทุกคนเป็นนายทหารและทหารของทวีปกวงหมิงต้องแอบซ่อนเป็นโจรสลัดและทำธุรกิจในเงามืด แต่ทวีปกวงหมิงไม่เคยยอมรับความคงอยู่ของพวกเขา

หลังจากพวกเขาเสียสละชีวิตแล้ว  ครอบครัวพวกเขาจะได้รับการดูแล  ดังนั้นพวกเขาไม่มีอะไรต้องเป็นกังวล

ท่านหญิงโหรวลุกขึ้นยืนและมองดูพวกเขาทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวอย่างจริงจัง  “ทุกคน!  ขอให้วางใจได้เบื้องสูงไม่เคยลืมความเสียสละและการทำงานของทุกคน ทุกสิ่งที่เราทำเพื่อดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์  การต่อสู้ในดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานมากแล้ว มีวีรบุรุษมากมายยังคงเคียงบ่าเคียงไหล่กันสงครามยังจะดำเนินต่อไป ผู้บริสุทธิ์จะต้องตายไปอีกเท่าไหร่ในการสู้รบ  ครอบครัวอีกมากมายเท่าใดที่ถูกไฟเผาผลาญเลือดไหลรินมาเป็นเวลานานมากแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เพื่อต้องการหยุด!  ขอเพียงแต่มีผู้ปกครองที่ทรงอำนาจ   ขอเพียงแต่แสงแห่งทวีปกวงหมิงสาดส่องไปทั่วดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์โลกก็จะสงบอย่างแท้จริง และทุกคนจะมีชีวิตอย่างมีความสุขและกลมเกลียวกัน!”

ทหารทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อยทุกคนแสดงอาการซาบซึ้ง  พวกเขาเป็นชาวทวีปกวงหมิงจากแก่นแท้และมีความภักดีอย่างที่สุด

ในขณะนั้นภาพพจน์ของท่านหญิงโหรวยิ่งทรงอำนาจในสายตาของพวกเขา ศรัทธาและความเชื่อมั่นของพวกเขายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น

‘ใช่แล้วขอเพียงเราสามารถช่วยโลกไว้ได้! ทวีปกวงหมิงเท่านั้นสามารถสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในโลกได้!’

“ขอเพียงใช้เลือดและเพลิงล้างโลก  เราจะสามารถสร้างสันติภาพขึ้นมาใหม่ได้!  จงแผดเผาความปรารถนาแผดเผาร่างด้วยด้วยเลือดและเพลิงเหมือนกับกระบี่ที่แทงผ่านเมฆครึ้มก็สามารถมองเห็นแสงได้!  เพราะแสงสามารถส่องสว่างโลกได้!’

สีหน้าของท่านหญิงโหรวเปลี่ยนเป็นตื่นตัวในวันเวลาปกตินางจะนุ่มนวลและอ่อนโยน แต่ตอนนี้เสียงของนางดังและกึกก้อง

“เพื่อแสงสว่าง!”

นายทหารและทหารผู้น้อยส่งเสียงโห่ร้องกันทุกคนหน้าของทุกคนแสดงแววคลั่งไคล้

“จงมองถึงชัยชนะข้างหน้า,เหล่าผู้กล้าทั้งหลาย!”  หน้าของท่านหญิงโหรวเต็มไปด้วยการเทิดทูนไม่มีร่องรอยของความหยิ่งยโส

“เพื่อชัยชนะ!’  บุรุษทุกคนตะโกนลั่น

******

กองเรือที่พรางตัวในเงามืดเคลื่อนตัวเงียบๆมองดูน่ากลัวมาก

เมื่อขุนพลคนสุดท้ายออกจากห้อง  ท่านหญิงโหรวกลับนั่งลงที่เก้าอี้ของนาง  ใบหน้าของนางมีแววเหนื่อยล้า

“ท่านหญิง,เราจะต้องชนะได้แน่นอน!”  ผู้รับใช้ใกล้ตัวนางชูกำปั้นนางอย่างตื่นเต้น

ท่านหญิงโหรวเม้มปากนาง  แต่ไม่พูดอะไรสักคำ  นางต้องทำสิ่งที่จำเป็น  และที่เหลือให้เป็นเรื่องของโชคชะตา นางไม่เข้าใจกระบวนศึกและไม่สามารถนำและสั่งการด้วยตนเองโดยตรง  นางทำได้แต่เพียงปลุกใจทหารหาญเท่านั้น

“ท่านสวี่ไร้ประโยชน์เกินไปแล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นท่านหญิงโหรวจึงต้องคอยตามเช็ดตามล้างเขาด้วย”  หญิงรับใช้บ่นพึมพำ  หน้าของนางเต็มไปด้วยอาการดูถูก

ท่านหญิงโหรวรู้สึกจนใจ นางไม่เคยคาดเลยว่ากลุ่มของนางจะไม่ประจำอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญ  นางคิดถึงความพ่ายแพ้ของเหออิงดังนั้นจึงวางแผนให้เขาใช้โจรสลัดบุกเข้าทวีป ใครจะรู้กันว่าท่านสวี่จะหลีกหนีไปซ่อนตัวจากอันตราย เหลยเอ้อฟู่ส่งเบาะแสให้ซัวปี่หลังจากเขาตายแล้ว และช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดพันธมิตรโจรสลัดถูกซัวปี่ทำลาย  โจรสลัดที่ก่อตั้งเป็นพันธมิตรจนมีอำนาจมากขึ้น แต่ใครจะรู้กันว่าเหลียนปั่วจวินจะหันหลังให้พวกเขา

สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

ถ้าเขายังมีชีวิตนางจะต้องให้เขารับผิดชอบเป็นธรรมดา แต่ใครจะรู้กันว่าเขาตายแล้ว ถือว่าเขาโชคดีไป เพื่อปลอบขวัญจิตใจทหาร ท่านหญิงโหรวต้องช่วยเขาปลอบขวัญทหารแทน

“อย่าพูดอะไรไม่ดีถึงคนที่ตายไปแล้ว”  ท่านหญิงโหรวพูดอย่างเฉยชา

หญิงรับใช้แลบลิ้น นางยังคงเงียบ  เมื่อเห็นว่าท่านหญิงโหรวเหนื่อยอ่อนนางวิ่งเข้ามาและช่วยนวดไหล่ให้นายหญิงทันที

ท่านหญิงโหรวหลับตาและไตร่ตรอง

ทวีปกวงหมิงมีเป้าหมายสองอย่างในทวีปทรายขาว

เป้าหมายแรกคือควบคุมทวีปทรายขาว และทำให้กลายเป็นจุดที่ทวีปกวงหมิงจะกรีฑาพลเข้าภูมิภาคใต้  ถ้าทวีปนี้ยังไม่ถูกควบคุม  อย่างนั้นพวกเขาจะต้องถูกทำลายและทำให้ทวีปทรายขาวตกอยู่ในความวุ่นวายและจากนั้นใช้ความวุ่นวายแผ่ขยายอำนาจเข้าภูมิภาคใต้  จากนั้นยุแหย่เกี่ยวข้องให้ทวีปทั้งหมดในภูมิภาคใต้เกิดสงครามกลางเมืองเพื่อบั่นทอนกำลังของพวกเขา

เป้าหมายที่สองก็คือทำลายห้าตระกูลเกาะใต้

ถ้าเป้าหมายแรกล้มเหลว  อย่างนั้นบางทีสิ่งเดียวที่ทำให้สำเร็จได้ก็คือเป้าหมายที่สอง

ทหารของท่านสวี่สูญเสียไปหลายชีวิต  และนางรู้ว่าสถานการณ์ยากกอบกู้กลับคืน  ดังนั้นนางจึงจับตาดูเกาะใต้  ทวีปทรายขาวยังคงมีเหตุการณ์แทรกซ้อนอยู่มาก กองกำลังของซัวปี่คอยระมัดระวังจัดการเศษเดนของโจรสลัดที่ยังเหลือ

ไม่มีใครให้ความสนใจที่เกาะใต้  ดังนั้นจึงเป็นโอกาสของนาง

ท่านหญิงโหรวมีส่วนร่วมสำคัญในด้านงานข่าวกรองและจัดการให้ทหารที่แฝงตัวเป็นโจรสลัดรวมตัวกันที่เกาะใต้ นางต้องการฉวยโอกาสก่อนที่ซัวปี่และพวกจะตั้งตัวได้จัดการโค่นล้มตระกูลเกาะใต้ แม้ว่านางจะไม่มีเวลามาก แต่นางยังคงจัดการพวกเขาได้อย่างเหมาะสม แม้ว่าพวกโจรสลัดจะพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง แต่ก็ไม่มีคนที่แทรกซึมอยู่ และไม่ถึงกับสูญเสียมาก

โจรสลัดทั้งหมดนี้เลือกมาจากนักสู้ฝีมือดีจากทวีปกวงหมิงในฐานะที่เป็นแกนหลัก ดังนั้นพลังของพวกเขาจึงเหนือกว่าโจรสลัดธรรมดา  เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่เป็นไปดังใจคิด  พวกเขาเลือกจะรักษาชีวิตตนเองอย่างรวดเร็ว

เมื่อท่านหญิงโหรวเห็นกองทัพใหญ่ที่นางเรียกระดมมา  นางรู้สึกดีใจ

ท่านหญิงโหรวซ่อนตัวเองเมื่อได้ยินว่าเหมิ่งหนานต้องการไปเกาะใต้และพาคนไปด้วยน้อยมาก  นางรู้ว่าเป็นโอกาสของนาง!  ‘ถ้าเหมิ่งหนานเข้าไปในเกาะใต้ก็หมายความว่าข้าสามารถกำจัดพวกเขาได้หมดไม่ใช่หรือ?’

เหมิ่งหนานคือหนามตำใจของท่านหญิงโหรว  ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวกะทันหัน  เป้าหมายแรกของพวกเขาคงจะสำเร็จไปแล้ว!  เบื้องหลังของเหมิ่งหนานยังคงลึกลับ เขามีพลังเปี่ยมไปด้วยไหวพริบทั้งยังร่ำรวย  นางแค่วางแผนเคลื่อนไหวครั้งต่อไป  แต่เหมิ่งหนานก็บังเอิญเข้ามาร่วมอีก  ถือว่าสวรรค์ประทานโอกาสให้แล้วมิใช่หรือ?

แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้สูญเสียไปก่อนหน้านั้นเมื่อปะทะกับเหมิ่งหนาน แต่ท่านหญิงโหรวยังมั่นใจในการสู้รบที่จะเกิดขึ้น

ห้าตระกูลเกาะใต้ยากจะจับได้  ไม่ใช่เพราะพลังของพวกเขา  แต่เพราะพวกเขาใช้ทะเลหมอกเขียวมานานจนเดี๋ยวนี้มีสัตว์พิษและแมลงพิษอยู่เป็นจำนวนมาก  แต่ส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดในพวกนั้นก็คือเป็นเวลาสองร้อยปีมาแล้ว ห้านักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของห้าตระกูลใช้พลังเต็มที่เชื่อมโยงกฎของพวกเขา

กฎธรรมชาติที่แตกต่างกันห้าอย่างสามารถสร้างรูปแบบพลังที่หลากหลาย

เป็นเวลาหลายปีแล้วที่ชาวทวีปกวงหมิงได้ต่อสู้กับทะเลหมอกเขียวมาหลายครั้งหลายครา ดังนั้นจึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในทวีปกวงหมิง

จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ในที่สุดพวกเขาก็ประสบความสำเร็จ

*****************

ช่วงเวลาสองสามวันที่ผ่านมา  ถังเทียนใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไม่ปิดบังหรือซ่อนเร้นอะไร เขาพูดทุกเรื่องที่เขารู้ทันที หลังจากนั้นประมุขห้าตระกูลปิดประตูปรึกษากันและไม่ออกมาภายนอกเป็นเวลาสองสามวัน

ถังเทียนไม่สามารถรบกวนอะไรได้  เขาบอกทุกอย่างให้พวกเขาทราบไปแล้ว  และเขาปล่อยให้พวกเขาตัดสินใจเลือกด้วยตนเอง

ตั้งแต่เขาให้สมบัติบรอนซ์จากกลุ่มดาวคนธนูกับเว่ยถิงถิง  ถังเทียนกลับกลายเป็นที่นิยมทันที

“พี่เหมิ่ง!  มาดื่มกันเถอะ!  ข้าได้น้ำพุมาจากที่ไกลมากๆมันหวานมาก!”

เมื่อเห็นบุรุษร่างใหญ่มองดูเขาตาเป็นมันหน้าเขาแฝงแววโปรดปราน ถังเทียนพูดอย่างจนใจ “พี่เว่ย, ข้าไม่กระหายเลย”

“ไม่กระหายเหรอ?  งั้นเจ้าหิวไหม? หิวหรือเปล่า? ข้าจะย่างเนื้อกวางอย่างดีให้  รับรองว่าอร่อย!”  เว่ยหาวพูดประจบ

เว่ยหาวก็คือพี่ชายของเว่ยถิงถิงตั้งแต่เขาได้ยินว่าเว่ยถิงถิงได้อาวุธวิญญาณจากถังเทียน  เขาก็ตามตื๊อเซ้าซี้ทุกวัน

ถังเทียนไม่สามารถทนต่อการตามตื๊อของเขาได้อีกต่อไป  เขาไม่เคยได้ยินเลยว่าคนของกลุ่มดาวคนธนูจะมีหนังหน้าหนานัก  ‘คนผู้นี้หนังหนาขนาดไหนกันนี่’ ถังเทียนไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขามอบสมบัติดวงดาวระดับบรอนซ์เขาหนึ่งชิ้น  “พรุ่งนี้ไม่ต้องตามหาข้าอีกนะ!”

“รับรองว่าไม่!” เว่ยหาวคว้าสมบัติดวงดาวได้ก็เผ่นอ้าวทันที

สมบัติวิญญาณของเว่ยถิงถิงสะดุดตาของทุกคน  แต่พวกเขาไม่เข้าใจสถานการณ์  แต่เว่ยหาวคว้ามาได้หนึ่งชิ้น  ดังนั้นศิษย์รุ่นเยาว์ทุกคนอิจฉาทันที  ‘เราไม่ยอมปล่อยให้ตระกูลเว่ยได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดแน่!’

‘นั่นก็คือสมบัติวิญญาณ!’

ถังเทียนมีความสุขที่ชีวิตได้มีเวลาว่าง  เวลาสองวันผ่านไปอย่างไร้เรื่องราว  ช่างเป็นความรู้สึกที่ดีที่เขารู้สึกอิสระเสรีได้เสียที

“เหมิ่งหนาน,  ข้าขอท้าให้เจ้ามาสู้กับข้า!” เย่เหล่าเอ๋อตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการ เขาจะตามตื๊อต่อไปได้ยังไง?  ‘เจ้าสามารถประจบเหมิ่งหนาน บิดาเจ้ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”

เย่เหล่าเอ๋อยืนอยู่นอกบ้านถังเทียนและตะโกนท้าทายอยู่หนึ่งชั่วโมงสิ้นเปลืองพลังงานไปมาก แค่เสียงเอะอะโวยวายของเขาก็ทำให้กระเบื้องบนพื้นสั่นสะเทือนได้แล้ว

ถังเทียนไม่อาจทนรำคาญได้อีกต่อไปโยนสมบัติดวงดาวชั้นบรอนซ์ชิ้นหนึ่งออกมา “ไปให้พ้น!”

เย่เหล่าเอ๋อดีใจ กอดสมบัติแน่นและออกไปจริงๆ

เขาเพิ่งออกไปได้ ขณะที่สี่สาวพี่น้องตระกูลหลี่รีบวิ่งเข้ามาพร้อมถือติ่มซำร้อนๆเข้าไปในห้องของถังเทียน ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสี่สาวแต่ละคนถือสมบัติวิญญาณคนละชิ้นออกมาและหัวเราะร่าเริงอย่างมีความสุข

ติ่มซำอร่อยมากจนถังเทียนแทบจะกลืนลิ้นตนเอง

เนื่องจากสมบัติดวงดาวบรอนซ์มูลค่าไม่มาก  เขาจึงสามารถให้พวกนางได้คนละชิ้น

ศิษย์คนอื่นๆ ต่างอิจฉากันหมดและยังคงคิดหาวิธีการเป็นของตนเอง วิธีการของเย่เหล่าเอ๋อใช้เป็นครั้งที่สองไม่ได้  เย่เหล่าเอ๋อค่อนข้างให้ความสนใจ  หลังจากได้รับสมบัติวิญญาณของเขาแล้ว  เขาเริ่มเฝ้าประตูเหมือนกับเป็นเทพทวารบาล  ช่วยถังเทียนป้องกันคนอื่นๆ ไว้  เย่เหล่าเอ๋อแข็งแกร่งมากและน้อยคนนักที่จะสู้กับเขาได้

พี่น้องสี่สาวตระกูลหลี่มีฝีมือในการทำติ่มซำนั่นเป็นวิธีการเฉพาะตนไม่ซ้ำใคร

หวีชิงอี้เดินมาที่หน้าประตูของถังเทียน ไม่สนใจสายตาถมึงทึงของเย่เหล่าเอ๋อ  เขาพูดขึ้น “อาคันตุกะผู้ทรงเกียรติ ท่านได้รับบาดเจ็บภายใน ข้าน้อยผู้นี้เชี่ยวชาญในการรักษา ข้าสามารถช่วยท่านได้”

สมบัติดวงดาวกลุ่มดาวแกะลอยออกมาทันที

หวีชิงเอ๋อวิ่งเข้ามาหาสือเซิน จากนั้นสือเซินเข้าใจว่าคนที่หวีชิงอี้พูดถึงก็คือเขา สือเซินประทับใจร่างกายชราของพวกเขาบาดเจ็บภายในจริงๆและเพราะพวกเขาไม่ได้รักษาในอดีต พวกเขาจึงปล่อยเอาไว้ แต่ใครจะรู้กันว่าหวีชิงอี้จะมองเห็นได้

‘แต่นายท่านหลงกลง่ายเหลือเกิน...’

สือเซินรู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนเป็นเรื่องฟุ่มเฟือยเกินไป  แต่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บภายในของเขาได้  เขามีความสุขมากกว่า

นอกจากห้าตระกูลแล้ว  มีเพียงตระกูลจางยังเหลืออยู่  จางหนานเหยียนเดินขึ้นมาอย่างมั่นใจ  “ผู้น้อยนี้มีธุรกิจบางอย่าง....”

ก่อนที่เขาจะพูดจบคำ  เสียงกึกก้องทำให้ทุกคนสีหน้าเปลี่ยน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด