ตอนที่ 644 ต่างฝ่ายต่างฆ่า?
“เจ้าไปอยู่ที่ไหนมากันแน่?”
หย่งฮุยเดือดดาลเมื่อเห็นเย่ว์หยาง เขาบินลงมาและตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว “จะสู้หรือเปล่า, เจ้าหายหัวไปไหนมาตั้งครึ่งค่อนวัน?”
เขาไม่เพียงแต่โกรธ แต่ยังคงรู้สึกผิดเล็กน้อย ก็เหมือนกับแม่ม่ายที่แอบหาคู่ และในที่สุดเมื่อเขามา ด้วยท่าทางเตรียมพร้อมและผ่อนคลาย คนผู้นั้นกลับปิดประตูใส่ตั้งครึ่งค่อนวันซึ่งทำให้เขาโกรธ หัวหน้าหย่งฮุยรู้สึกเสียใจและขมขื่นใจพวกเขาคิดว่ามันง่ายที่พวกเขาจะร่วมประสานงานหรือ เขาต้องเรียกตะวันฉายทานตะวัน จากนั้นก็ภูตแสงและเมื่อการต่อสู้จะเริ่ม เจ้านั่นกลับหายหัวไปไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนมา
โชคดีที่ พวกเขาเป็นศัตรู และไม่ใช่สหาย ถ้าไม่อย่างนั้น หัวหน้าหย่งฮุยคงจะโกรธจัดยิ่งกว่านี้
ที่น่าเศร้าที่สุดสำหรับหย่งฮุยก็คือเขาจะต้องใช้เวลาสิบปีในโลกวารีกับเขา ถ้าเย่ว์หยางไม่มีอะไรทำ เอาแต่ซ่อนตัว เขายังจะทำอะไรที่นั่นได้?
เขาไม่แยแสถ้าพวกเข้าจะสู้กันตลอดทั้งวัน เนื่องจากเขาจะไม่ตาย แต่ถ้าเย่ว์หยางยังเอาแต่ซ่อนตัว อย่างนั้นเขาคงเบื่อแทบตายเนื่องจากเขาอยู่ในโลกวารี!
เย่ว์หยางยังคงนิ่งและไม่ได้โต้แย้ง เขายังยิ้มและกล่าว “ขอโทษ ข้าเพิ่งไปเข้าส้วมมา!”
“เข้าส้วมบ้าอะไรตั้งครึ่งค่อนวัน?” หย่งฮุยรู้สึกว่ามีแต่คนงี่เง่าเท่านั้นที่เชื่อข้ออ้างนี้ เขาสงสัยว่าคนผู้นี้พยายามถ่วงเวลารอให้ได้ช่วงเวลาที่เหมาะจะสู้ เขาวางท่าหยิ่งและยิ้มกล่าว“อย่าไร้เดียงสาหน่อยเลย อสูรที่ข้าเรียกออกมาสามารถอยู่ได้นานเดือนหนึ่ง ถ้าเจ้ามีความกล้า อย่างนั้นก็ซ่อนตัวไปเลยสักเดือนหนึ่ง”
“อ้อ..มันอยู่ได้หนึ่งเดือน” เย่ว์หยางพยักหน้าเหมือนกับว่าจะเข้าใจอะไรสักอย่าง
“....” หย่งฮุยพบบางอย่างผิดปกติ
คนผู้นี้ เขาต้องการจะซ่อนตัวหนึ่งเดือนหรือนี่?
ไม่มีประโยชน์ที่จะซ่อนตัวหนึ่งเดือน เนื่องจากเขาก็แค่เรียกอสูรตัวอื่น บางทีถ้าเย่ว์หยางไปซ่อนตัวจริงๆอย่างนั้นเขาคงไม่มีคนคุยด้วย คงจะน่าเบื่อแทบตาย เป็นเรื่องน่าอนาถเกินไปกับการถูกทิ้งให้อยู่ในโลกวารีนี้ตามลำพัง ขณะที่เย่ว์หยางเข้าไปในโลกคัมภีร์!
หย่งฮุยเริ่มรู้สึกมึนงง แม้ว่านักสู้หอทงเทียนจะไม่ค่อยแข็งแกร่ง แต่ความสามารถของพวกเขาสามารถทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ยังเหนือกว่านักสู้ปราณฟ้ามากมาย
แม้จะเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ แต่เขาก็ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญ
อย่างไรก็ตาม ในหอทงเทียนทุกคนที่อ้างว่าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดจะต้องมีสมบัติในดินแดนของเขา นอกจากนี้คัมภีร์ของพวกเขายังสูงกว่าระดับทองซึ่งเป็นเรื่องที่บ้ามาก ตำนานโบราณกล่าวไว้ถูก หอทงเทียนเป็นที่ซึ่งพระเจ้ายังต้องอิจฉา โชคดีที่นักรบแข็งแกร่งตายไปแล้ว ถ้าคนอย่างจักรพรรดิอวี้ยังอยู่ อย่างนั้นแดนสวรรค์จะไม่มีวันสงบสุข
หนึ่งพันปีที่แล้วมีข่าวลือว่าแดนสวรรค์มีสมรภูมิที่ซึ่งนักสู้หอทงเทียนได้ต่อสู้...แค่เพียงคิดว่าครึ่งหนึ่งของรางวัลสูงสุดของหอทงเทียนมาจากหอทงเทียนก็เพียงพอทำให้คนอื่นกลัวแล้ว
“มาเริ่มกันเลย ไม่ว่าเจ้าหรือข้า ในช่วงสิบปีนี้ เราอย่าได้คิดหมายเลยว่าจะออกไปได้เราควรจะฉวยโอกาสสู้กันทุกวันใครจะรู้ว่าเจ้าอาจจะบรรลุระดับปราณฟ้าได้เมื่อเจ้าออกไปจากที่นี่” หย่งฮุยไม่ต้องการฆ่าเย่ว์หยาง ต่อให้เขาสามารถฆ่าได้เขาก็จะไม่ทำ เพราะเขาคงจะบ้าเนื่องจากความเบื่อและว้าเหว่ไม่มีศัตรู ไม่มีเพื่อน เขารู้สึกว่าทางที่ดีที่สุดทำให้เจ้าผู้นี้หมดความสามารถ จากนั้นใช้เวลาที่เจ้าผู้นี้ฟื้นฟูพลังทำการฝึกอสูรของเขา
เขาจะค่อยๆ ทรมานเจ้าผู้นี้ขณะที่ยกระดับอสูรของเขา สิบปีคงได้จำนวนมาก นอกจากนี้เขามีมุกมังกรเขียวซึ่งสามารถเพิ่มพลังต่อสู้กับอสูรของเขา
หลังจากเลี้ยงอสูรได้แล้ว แม้แต่เย่เซียวและจื้อกวงจะต้องยอมแพ้ต่อเขา
พวกเขาเพียงแต่แข็งแกร่งมากกว่าเขาเพราะพวกเขามีคัมภีร์อัญเชิญ อสูรพิทักษ์ไม่ใช่หรือ? นั่นคือสิ่งที่เขาคิด
เย่ว์หยางสุ่มหาหินก้อนหนึ่งบนเกาะจึงนั่งถาม “เนื่องจากเราไม่สามารถจากไปได้ภายใน 10ปี บางทีเราสามารถคุยกันได้ตามปกตินะ ต่อให้เราไม่สามารถเป็นสหายกันได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูเช่นกัน”
หย่งฮุยแค่นเสียง “ถ้าเจ้าเป็นนักสู้ปราณฟ้า ข้าอาจจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจ้า น่าเสียดายเจ้าเป็นแค่นักสู้ปราณดิน พลังแตกต่างมากเกินไป”
เย่ว์หยางไม่หวั่นไหวกับการเย่อหยิ่งของเขา “มีตะวันฉายทานตะวันในแดนสวรรค์มากไหม?”
คำถามของเขาจุดประกายตื่นตัวให้หย่งฮุย เขาจ้องมองเย่ว์หยางอย่างเย็นชา “เจ้าหมายความว่ายังไง คุณชายสามตระกูลเย่ว์?”
เย่ว์หยางอธิบาย “คืออย่างนี้ ถ้ามีอยู่ในแดนสวรรค์หลายตัว อย่างนั้นข้าไม่จำเป็นต้องแย่งชิงอสูรตัวนี้เลย มันไม่ใช่เรื่องเยี่ยมยอดและไม่มีคุณสมบัติพอพูดถึง ถ้ามีอะไรอื่นที่ดีกว่า อย่างนั้นข้าย่อมต้องการสิ่งที่ดีกว่า ในทางตรงกันข้าม ถ้าแดนสวรรค์ไม่มีตะวันฉายทานตะวัน อย่างนั้นข้าจะยอมรับอสูรนี้ของเจ้า เนื่องจากมันดีกว่า ในทางตรงกันข้าม ถ้าแดนสวรรค์ไม่มีตะวันฉายทานตะวันมากนัก อย่างนั้นข้าจะยอมรับอสูรของเจ้าไว้อย่างไม่เต็มใจเนื่องจากดีกว่าไม่ได้อะไรเลย!”
หย่งฮุยโกรธจัด เขาหัวเราะอย่างโมโห “ทำไมเจ้าไม่ชิงภูตแสงของข้าด้วยเล่า?”
แน่นอน สิ่งที่เขาพูดเพียงแต่ล้อเล่น
ในแดนสวรรค์แม้แต่คนที่โง่ก็ยังรู้ว่าเมื่อสัญญาลงชื่อกับภูตแสงไปแล้วจะภักดีตลอดไปและไม่มีใครชิงมันไปได้
ในฐานะนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่มีพลังอยู่มากมาย ไม่ทุบตีนักสู้ปราณดินระดับแปดผู้อ่อนแออย่างเขาก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว แต่เขายังกล้าพูดว่าเขาจะชิงอสูรของเขาไป เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะเยาะกับความหยิ่งของเขาดี หรือว่าเขาไม่รู้ว่าความยิ่งใหญ่ของฟ้าและดินต่างกันมากเพียงไหน!
หย่งฮุยรู้สึกว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นพวกเด็กที่เอาแต่ใจตนเอง แม้ว่าเขาจะมีเพลิงอมฤต วงจักรล้างโลก ได้บรรลุพลังปราณดินระดับแปดด้วยอายุที่น้อยขนาดนั้นเขาก็ยังมีข้อบกพร่อง เขาไม่รู้ความแตกต่างกันในเรื่องพลัง และไม่รู้ว่านักสู้ปราณฟ้าที่อยู่ต่อหน้าเขาสามารถฆ่าเขาได้เพียงยกมือ เขาคิดว่าตนเองเป็นใครถึงได้บอกว่าจะขโมยอสูรของเขา?เขาเป็นเพียงกบที่อยู่ก้นบ่อ เขาเป็นเพียงเด็กน้อยที่ไม่ได้เป็นนักสู้ปราณฟ้าแต่ก็ยังต้องการชิงอสูรของเขา
“บอกตามตรงนะ ข้าไม่ชอบภูตแสง เพราะมันไม่มีสติปัญญา ถ้ามีหนทางเพิ่มสติปัญญาให้มัน อย่างนั้นบางทีข้าอาจจะรับพิจารณาก็ได้” เย่ว์หยางตอบอย่างใจเย็น
“อ๋า.. เจ้าเป็นไข้หรือเปล่า?” หย่งฮุยเข้ามาแตะหน้าผากของเขาเพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่มีไข้ เขาไม่ได้มีอาการเพ้อ
เขาได้ข้อสรุป
ถ้าเขาไม่ป่วย อย่างนั้นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้นี้ อาจจะเป็นคนบ้า!
เย่ว์หยางยิ้ม การพูดความจริงเป็นเรื่องยากสำหรับเขา แต่พอเขาทำ เมื่อเทียบกับอสูรลับของหย่งฮุยแล้วเขี้ยวแสง ภูตแสงนับว่าไม่มีพลังมากขนาดนั้น ความตั้งใจที่แท้จริงของเย่ว์หยางก็คือจัดการกับเขี้ยวแสง อสูรตะวันฉายทานตะวันมีประโยชน์ต่อเย่ว์ปิงยอดฝีมือสายพฤกษาอื่นอีก หรือไม่ก็สำหรับหมออย่างเย่ว์หวี่
เมื่อเห็นท่าทีแตกตื่นของหย่งฮุย เย่ว์หยางล้วงเอาเจดีย์ปราบปีศาจออกมาและปล่อยจงกวน ไป๋หม่าและเฮยถู
เขาพูดง่ายๆ “หนึ่งคำ คือสู้ พวกเจ้าทั้งหมดจงสู้ต่อไปจนกว่าข้าจะสั่งให้พวกเจ้าทำอย่างอื่น”
เขาไม่สนใจปฏิกิริยาของพวกเขาและหายไปเหมือนควัน
หัวหน้าหย่งฮุยเห็นกลุ่มคนทั้งสาม จงกวน,ไป๋หม่าและเฮยถูก็ประหลาดใจ “พวกเจ้าทั้งสามคนเป็นอะไรไป? ทำไมพวกเจ้าทุกคนถึงมาที่นี่? พวกเจ้ามีความสัมพันธ์ใดกับคุณชายสามตระกูลเย่ว์? จงกวน เจ้าทำผิดพลาดอะไรหรือเปล่า เขาคือศัตรูของเรา แต่เจ้าก็ยังทำงานให้เขา!”
จงกวนถอนหายใจและตอบ “ไม่ รู้สึกลำบากใจจริงๆ หย่งฮุยเรื่องนี้มันซับซ้อนและไม่สามารถอธิบายได้ง่าย”
ไป๋หม่าและเฮยถูเริ่มเรียกอสูรของพวกเขา เตรียมพร้อมจะสู้
เมื่อเห็นการกระทำของพวกเขา หย่งฮุยมีสีหน้าเจ็บปวด คนพวกนี้อยู่ฝ่ายไหนกันแน่? เขาถามอย่างโมโห “จงกวน, เจ้าจะสู้กับข้าจริงๆ หรือ? เจ้าไปถูกลาที่ไหนเตะสมองมา? เรามาจากแดนสวรรค์และเจ้ายังฟังคำสั่งของศัตรูให้มาสู้กับข้าอีกหรือ? พวกเจ้าบ้าหรือเปล่า?”
“ข้ารู้ ท่านคือหัวหน้าหย่งฮุย! ข้าเสียใจที่ต้องต่อสู้กับท่านจริงๆ มาสู้กันจริงๆ ได้แล้ว!บอกท่านตามตรง ท่านควรจะฟังข้าและทำตามอย่างข้า ยอมแพ้คุณชายสามตระกูลเย่ว์ซะ เขาเป็นคนที่เราพ่ายแพ้ได้อย่างง่ายดาย มันก็แค่เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานเจ้าและขุดสุสานให้ตัวเจ้าเอง! สิ่งเจ้าพูดมาก็ถูกต้อง เราทุกคนเป็นนักรบจากแดนสวรรค์และสาบานเป็นศัตรูกับหอทงเทียน เรามาที่นี่เพื่อเงิน ดังนั้นทำไมเราจะต้องมาสละชีวิตที่นี่?” หัวหน้าไป๋หม่ารู้สึกว่าตั้งแต่พวกเขายอมแพ้ไปแล้ว และยอมเปิดเผยความลับลึกที่สุดก็ไม่มีอะไรหวนกลับได้ ดังนั้นเขาไม่ถือสาที่จะฟังคำสั่งเย่ว์หยาง ที่สำคัญที่สุดเขารู้ผลของการต่อต้านคำสั่งของเย่ว์หยาง
“ถูกแล้ว อย่าทำเรื่องให้แย่ลงไปเลย ความภาคภูมิใจของนักสู้ปราณฟ้าไม่มีอะไร ถ้ามีบางคนไม่เห็นแก่หน้าของเจ้า แต่เจ้ายังต้องการมันนั่นจะทำให้น่าอับอายยิ่งกว่า!” เฮยถูแนะนำหย่งฮุยให้รู้คุณค่าของเขาและพยายามไม่ต่อต้านเย่ว์หยางเว้นแต่เขาต้องการเจ็บตัวอยู่ภายใต้น้ำมือเย่ว์หยาง
“แล้วพวกเจ้าหมายความว่ายังไง พวกเจ้าต้องการให้นักสู้ปราณฟ้าระดับสี่อย่างข้าร้องขอความปราณีของเขาหรือ?” หย่งฮุยรู้สึกว่าวันนี้มีบางอย่างผิดปกติ
หรือว่าเขากำลังฝัน?
ถ้าไม่อย่างนั้น เรื่องตลกแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?
จงกวนมาปรากฏตัวในโลกวารีได้ยังไงและทำไมพวกเขาทุกคนต้องฟังคำสั่งของศัตรู?
สิ่งที่ทำให้หย่งฮุยแทบเป็นลมก็คือทั้งสามคน จงกวน ไป๋หม่าและเฮยถูพูดพร้อมกัน “ถ้าเจ้าสามารถทำได้อย่างนี้ เขาจะยอมรับความพ่ายแพ้ของเจ้าแน่นอน...”
“ถุย.. ข้าขอสู้ตายดีกว่ายอมแพ้! ข้าจะได้เห็นด้วยตัวเองว่าใครกันแน่จะต้องเป็นฝ่ายคุกเข่า! กับคนทรยศอย่างพวกเจ้าทั้งสามคนยังกล้าสู้กับข้าอีกหรือ?” หย่งฮุยหัวเราะ นักสู้ปราณฟ้าระดับสอง 3คนที่ได้รับบาดเจ็บจะมีอะไร ต่อให้พวกเขาไม่บาดเจ็บหย่งฮุยก็ยังสามารถเอาชนะพวกเขาได้
ถ้าสถานที่นี้ไม่ถูกจำกัดการใช้อาวุธและคนมีส่วนร่วม หย่งฮุยเชื่อว่าเขาสามารถทำร้ายหนึ่งในพวกเขาได้ในกระบวนท่าเดียวและจัดการคนทรยศทั้งสามนี้ในร้อยกระบวนท่า
นอกจากนี้ นี่คือโลกวารีซึ่งจำกัดพลังแข็งแกร่งที่สุดของเขา
อย่างก็ตาม ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นักสู้ปราณฟ้าระดับสอง 3คนจะสู้กับเขา....นักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ชั้นสูงแข็งแกร่งมากกว่านักสู้ปราณฟ้าระดับสอง 3 คนมากนัก
จงกวนถอนหายใจเบาๆ “มาสู้ๆ กันเลย ข้าคาดว่าเรื่องจะต้องมาถึงขั้นนี้จนได้ ระวังไว้, เฮยถูเจ้าไม่แข็งแกร่งในการสู้ทางน้ำ และถ้าเจ้าถูกเขี้ยวแสงของหย่งอุยเจ้าจะต้องตายแน่
คำพูดของเขาทำให้หย่งฮุยหงุดหงิด
หย่งฮุยคำรามลั่น “พวกเจ้าทุกคนโง่ไปแล้วหรือ? เห็นได้ชัดว่าพลังของข้าเหนือกว่าพวกเจ้ามากมาย แต่เจ้าก็ยังต้องการฟังคำสั่งศัตรูให้มาสู้กับสหายของพวกเจ้าเอง?”
หัวหน้าไป๋หม่าร้อง “เจ้าเจ้าคิดว่าเราต้องการทำอย่างนี้หรือ? เราไม่มีทางเลือกเช่นกัน เมื่อเทียบกับการทรมานจากเย่ว์หยาง เจ้านั่นแล้ว เรารู้สึกว่าสู้กับเจ้ายังปลอดภัยกว่า อย่างน้อยเราก็ยังมีโอกาสหลบพ้นการโจมตี ไม่เป็นไร ข้าจะไม่พูดอะไรอื่นอีกแล้ว ถ้าข้าพูดอะไรผิดนิดเดียวอีกเจ้าบ้านั่นจะหาข้ออ้างทุบตีข้า”
“.....” หย่งฮุยพูดไม่ออก เขาไม่เคยเห็นนักสู้ปราณฟ้าขี้ขลาดขนาดนั้น เขาเป็นนักสู้ปราณฟ้าหรือว่าเป็นคนแคระแดนสวรรค์?
“ทำไมพวกเจ้ายังพิรี้พิไรอยู่อีก?” เย่ว์หยางโวยวายมาจากที่ใดสักแห่ง
“สู้แล้วๆ เราจะสู้เดี๋ยวนี้แหละ!” เฮยถูละล่ำละลักตอบ
“......” หย่งฮุยพูดไม่ออกอีกเช่นเคย เขาคิดในใจว่าคนผู้นี้ไม่ใช่นักสู้ปราณฟ้า เขาเป็นแค่ทาส ทาสระดับต่ำคนหนึ่ง ทาสที่ไม่คู่ควรที่จะทำให้เท้าของเขาต้องแปดเปื้อน