ตอนที่แล้วตอนที่ 642 ต้องการคุยเงื่อนไข? ว่ามาเลย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 644 ต่างฝ่ายต่างฆ่า?

ตอนที่ 643 จงคายความลับออกมา


เกี่ยวกับ ‘คำตอบโดยสมัครใจ’ บุรุษหมวกสูงจงกวน, ไป๋หม่าและเฮยถูในที่สุดทุกคนก็เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด

ความจริงก็คือ ผนึกประตูแดนสวรรค์ไม่ได้สมบูรณ์แบบเหมือนอย่างที่พวกเขาคาดว่าน่าจะเป็น

บางแห่งในทวีปกวงหมิงในหอทงเทียนชั้นที่สิบ เกิดมีรอยร้าวเล็กๆแล้ว

ทุกๆ ปีเนื่องจากความวุ่นวายของพายุในมิติ  มักจะมีรอยแยกอยู่ในพื้นที่นั้นเสมอ  ถ้ามีเลือดสดในปริมาณมากสำหรับบูชายัญ  คู่ไปกับการควบคุมมิติ การส่งคนจากแดนสวรรค์มาหอทงเทียนคงจะไม่มีปัญหาเนื่องจากมีโอกาสสำเร็จได้ถึง 80%   กล่าวอีกนัยหนึ่งนอกจากประตูแดนสวรรค์จะเปิดทุกร้อยปีแล้ว ยังมีทางอื่นที่จะนำนักสู้ปราณฟ้าเข้ามายังทวีปกวงหมิงได้  น่าเสียดายที่ผู้ควบคุมได้ซ่อนตัวแล้ว

ผู้ควบคุมได้นี้จะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจากจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์

แม้แต่เผ่ามนุษย์มีปีกทวีปกวงหมิงก็ไม่รู้ความลับนี้เพราะรอยแยกอยู่ในสุสานเทพเจ้าของพวกเขา

เมื่อนักสู้เผ่ามนุษย์วิหคคนหนึ่งตาย  รอยแยกจะเกิดขึ้นในมิติที่ลึกลงไป

จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ผู้กำความลับนี้ไม่ได้รีบร้อนหาผู้ช่วยจากแดนสวรรค์

เป็นเวลาหลายพันปี เขาพยายามอย่างแข็งขันเพื่อค้นหาร่างที่ถูกผนึกของเขาและร่างสิงสำหรับวิญญาณเขา  เพื่อจะฟื้นคืนพลังของเขา...จนกระทั่งราชาเฮยอวี้ตื่นขึ้น จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์จึงได้ตระหนักว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ว่าจักรพรรดิอวี้คนที่สองจะถือกำเนิดใหม่  อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปเขารู้ว่าผู้สืบทอดตำแหน่งของจักรพรรดิอวี้ไม่ใช่จื้อจุน  แต่เป็นเย่ว์หยาง  นั่นก็สายเกินไปแล้วเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันของเขา เขาไม่สามารถฆ่าเย่ว์หยางได้อีกต่อไป เขายังต้องซ่อนตัวจากการไล่ล่าของจื้อจุน...เมื่อเย่ว์หยางกลับมาจากการต่อสู้ในแดนสวรรค์จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์รีบวางแผนรับกำลังเสริมมาจากแดนสวรรค์และฟื้นคืนชีพปีศาจดึกดำบรรพ์

กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าประจัญบาน กลุ่มทหารรับจ้างตัวตลกรวมทั้งกลุ่มทหารรับจ้างอื่นจากแดนสวรรค์ก็ยอมรับและตกลงทำงานให้จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์

ภายใต้คำพูดที่น่าเชื่อถือแต่ไม่จริงของจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์  ทุกคนที่มายังหอทงเทียนเพื่อเข้าร่วมตามแผนการปลดผนึกโบราณและฟื้นเผ่าปีศาจดึกดำบรรพ์ซึ่งเป็นแผนของจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์

ดังนั้นจึงนำไปสู่การเปิดฉากสู้รบกันที่นี่ในบันไดสวรรค์...สำหรับเรื่องของจงกวนและคนอื่นๆ นั้นเย่ว์หยางสามารถคาดความเป็นไปได้ในอนาคตหลายอย่างและยังได้รับคำตอบสำหรับคำถามที่ค้างคาใจมาเป็นเวลานาน จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์มีผู้ช่วยเหลือหลายคนและโชคดี  เขารู้จักพวกเขาส่วนหนึ่งมิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายได้  เย่ว์หยางเลิกคาดเดาใครคือคนที่จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์สิงอยู่?นี่คือคำถามหนึ่งที่เย่ว์หยางต้องการคำตอบอย่างสิ้นหวัง ไม่ว่ายังไงเขาไม่ยอมให้จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ได้พบร่างที่แท้จริงของเขา

“เจ้าเพิ่งบอกว่านอกจากกลุ่มของเจ้าแล้วยังมีกลุ่มอื่นสองกลุ่มที่นี่ใช่ไหม?” นางเซียนหงส์ฟ้าถาม

“บางทีอาจมีมากกว่า” จงกวนพยักหน้าขณะที่เขาจัดหมวกอย่างระมัดระวัง“แต่ข้าเพียงแต่เห็นเย่เซียว, จื้อกวง เยี่ยซู่และกลุ่มของหย่งฮุยยังมีมากกว่ากลุ่มหนึ่งที่ข้าเองก็ไม่เคยได้เห็นแต่เคยได้ยินมาบ้าง  อย่างไรก็ตาม มีแต่พระเจ้าที่รู้ จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์จะมีกลุ่มพวกที่สี่หรือไม่ แม้แต่ข้าก็ไม่กล้ารับรอง”

“บอกข้ามาอีกเรื่องของเย่เซียว,จื้อกวงและคนในอีกกลุ่มหนึ่ง” มารเคราะห์ฟ้าถาม

“เจ้าไม่ใช่นักสู้ปราณฟ้าเรามีสิทธิ์ปฏิเสธคำถามของเจ้า” บุรุษหมวกสูงจงกวนกลัวแสดงความหยิ่งต่อหน้าเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้า แต่ยังรู้สึกว่าพวกเขาควรจะวางมาดเมื่ออยู่ต่อหน้ามารเคราะห์ฟ้า

“นี่เจ้าวอนถูกทุบตีอีกครั้งใช่ไหม?”  เย่ว์หยางโกรธ นางคือน้องสาวของภรรยา มีแต่เขาเท่านั้นที่แกล้งนางได้

“ทุบตีเขาเลย พี่เขย, ทุบตีให้หนักๆ!”  ด้วยการถือดีที่พี่เขยมารเคราะห์ฟ้าไม่สนใจเรื่องนักสู้ปราณฟ้าเลยแม้แต่น้อย

“เฮ้,ไม่ต้องรุนแรงก็ได้  เราคุยกันได้”  จงกวนไม่สามารถทำหยิ่งยโสต่อหน้าเย่ว์หยางเขารีบป้องกันตัวเองกลัวว่าเย่ว์หยางจะทุบตีเขาหนักหน่วงจริงๆเขาทำท่าตอบอย่างซื่อสัตย์ “เย่เซียวและจื้อกวงเดิมทีเป็นนักรบจากหอทงเทียน  พวกเขาเป็นบริวารของจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์  อย่างไรก็ตามหลังจากประตูแดนสวรรค์แยกออกเป็นสองโลก  พวกเขาไม่สามารถกลับมาจากแดนสวรรค์ได้  ดังนั้นพวกเขาจึงก่อตั้งกลุ่มทหารับจ้างเย่กวนซึ่งมีชื่อเสียงแข็งแกร่งมากในแดนสวรรค์ตะวันตก หลังจากนั้นเป็นเวลานานเมื่อจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ปรากฏตัว พวกเขากลับมายังหอทงเทียนได้อีกครั้ง ทั้งสองนั้นแข็งแกร่งมากพวกเขาคือนักสู้ปราณฟ้าระดับห้า ค่าหัวพวกเขาราว500 ล้านเหรียญทองหรือาจมากกว่า”

“ในภูมิภาคแห่งหนึ่งในแดนสวรรค์ตะวันตกเยี่ยซู่เคยได้รับการยกย่องว่าเป็นจ้าวเวหาในการสู้รบเนื่องจากเขาแข็งแกร่งมากในการสู้รบทางอากาศ” หัวหน้าไป๋หม่าซึ่งถูกทุบตีจนหน้าตาบวมปูดเหมือนหมูรีบอธิบายให้เย่ว์หยางทราบเช่นกัน “อย่างไรก็ตามแม้ว่าเยี่ยซู่จะเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่แต่ถ้าสูญเสียความได้เปรียบในการต่อสู้ทางอากาศ เขาก็จะไร้ประโยชน์มากยิ่งกว่าเราทั้งสาม นักรบหลายคนจากจากแดนสวรรค์ใต้คิดว่าเยี่ยซู่เป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ แต่พลังที่แท้จริงของเขาคือนักสู้ปราณฟ้าระดับสาม  แต่เนื่องจากอสูรอากาศของเขาโดดเด่นมากเขาจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ค่าหัวของเขาไม่สูงมากแค่สองร้อยห้าสิบล้าน เมื่อเทียบกับเราร้อยห้าสิบล้าน ค่าหัวของเขาสูงกว่าร้อยล้าน”

“แล้วหย่งฮุยเล่า?”  นางเซียนหงส์ฟ้าถาม

“คนผู้นั้นเป็นผู้นำ” แม้ว่าเฮยถูจะไม่รู้อะไรมาก แต่เขาไม่ต้องการให้เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาไม่มีส่วนร่วมใดๆเขาจึงรีบตอบอย่างรวดเร็ว

จงกวนอธิบาย “เขาคือสหายคือหนึ่งที่เย่เซียวและจื้อกวงรู้จักในแดนสวรรค์  ข้าไม่รู้ว่าเขามีโชคมาจากไหนก็ไม่รู้  แต่เขามีอสูรที่ไม่ธรรมดาอยู่สามตัวตัวแรกก็คือตะวันฉายทานตะวัน ตัวที่สองก็คือภูตแสง แค่สองตัวนี้ก็แทบจะฆ่าเขาไม่ได้ การฆ่าเขาจะเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าฆ่านักรบปราณฟ้าระดับห้าเสียอีก อสูรตัวที่สามที่เรารู้จักก็คือเขี้ยวความเร็วแสง  มันคืออสูรที่แข็งแกร่งมากประกอบกับอสูรสองตัวก่อนหน้านี้ พวกมันรวมตัวกันเป็นกลุ่มที่น่ากลัว เจ้าหย่งฮุยผู้นั้นแม้จะฆ่ายากเมื่อเทียบกับเย่เซียวและจื้อกวง มีสิ่งเดียวที่เขายังอ่อนก็คือพลังโจมตี

“ควรจะมีอะไรมากกว่านี้ไหม?”  เย่ว์หยางถาม เย่ว์หยางได้พบหย่งฮุยมาแล้วและได้เห็นตะวันฉายทานตะวันมาแล้วและภูตแสงก็เช่นกัน  ดังนั้นเขามั่นใจว่าเจ้าผู้นี้คงจะไม่โกหก

“ในกลุ่มของพวกเขา ยังมีอีกคนหนึ่งชื่อว่าเป่ย  อีกคนหนึ่งชื่อโวกัวและอีกคนชื่อกู่เติ้ง  ทุกคนแข็งแกร่งกว่าเรา  พวกเขาเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด  เรามีเพียงนักสู้ปราณฟ้าสี่คนอยู่ทางด้านเราหรืออาจจะมีนักสู้ปราณฟ้าสามคนก็ได้ หลังจากมาถึงบันไดสวรรค์ระดับสามเพื่อปลุกจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ตนหนึ่ง  ข้าจับคู่จงเหลยถิงและมาถึงที่นี่  ดังนั้นข้าไม่แน่ใจรายละเอียดของสถานการณ์ที่นั่น  ข้าไม่แน่ใจกับกลุ่มคนอื่นด้วยเช่นกัน  มีแต่ลือกันว่าพวกเขาอาจยังอยู่ในแดนสวรรค์ขณะที่ต้องใช้พลังมหาศาลส่งผ่านพวกเขาผ่านมิติมายังหอทงเทียน”  จงกวนรายงาน ความจริง รายงานก็มีไม่มากนัก สำหรับเย่ว์หยาง ข้อมูลที่สำคัญมีเพียงการเกิดมิติที่แตกเท่านั้น

“ช่วยรายงานเรื่องของเป่ย,โวกัวและกู่เติ้งด้วย” นางเซียนหงส์ฟ้าตัดสินใจรีดรายละเอียดกับพวกเขา

“อ่า.. เราไม่แน่ใจเท่าใดนัก  แดนสวรรค์คือดินแดนที่กว้างยิ่งนัก  ใหญ่กว่าที่พวกเจ้าจะจินตนาการเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรู้จักคนไปหมดทุกคน” จงกวนยักไหล่แสดงให้รู้ว่าเขารู้ไม่พอ

“บางทีทั้งหมดที่เราต้องทำก็แค่ช่วยเตือนพวกเขาอย่างนุ่มนวลเพื่อระลึกความทรงจำ”  มารเคราะห์ฟ้ากำหมัดแน่นแววดุร้ายฉายผ่านนัยน์ตานาง

นางยืนอยู่ข้างเย่ว์หยางเพื่อใช้อำนาจของเขาขู่พวกเขานางทำเป็นชูหมัดในอากาศพยายามขู่พวกเขาให้กลัว

“เจ้าพูดเรื่องอะไร? เมื่อเราบอกว่าเราไม่รู้ เราไม่รู้จริงๆ!  เจ้าก็แค่เด็กผู้หญิงอ่อนแอไม่รู้อะไร เจ้าไม่ได้เป็นแม้กระทั่งนักสู้ปราณฟ้าและเจ้ายังกล้าตั้งคำถามเราอีกหรือ?  ในฐานะนักสู้ปราณฟ้าผู้มีศักดิ์ศรี  คำพูดของเรามีค่าดุจทอง  และตราบใดที่เรายินดีจะคายความลับออกมาเราจะไม่ปกปิดเอาไว้เลย  ดังนั้นเจ้าไม่ควรจะตั้งคำถามกับเราตรงๆ” จงกวนตะโกนใส่มารเคราะห์ฟ้าอย่างไม่พอใจ

“ตี!” เย่ว์หยางโบกมือของเขาส่งสัญญาณให้นางพญากระหายเลือดอาหงและอาหมันตีพวกเขา

“เราไม่ได้ซ่อนไว้จริงๆ...”  หัวหน้าไป๋หม่าและเฮยถูแตกตื่น  สารภาพทุกอย่างไปแล้วยังไม่พออีกหรือ?  ทำไมพวกเขาถึงต้องตีด้วยแม้จะสารภาพไปแล้ว”

“ต่อให้พวกเจ้าไม่ปกปิดความลับอีกต่อไป  พวกเจ้าก็ต้องถูกตี  ทั้งหมดขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า”  เย่ว์หยางตัดสินใจเข้าข้างน้องภรรยา เห็นได้ชัดว่าเขาแก้แค้นส่วนตัวเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม  เยาะเย้ยน้องภรรยาข้าใช่ไหม?นั่นเท่ากับหาที่ตาย ข้าเป็นคนเดียวที่ตะคอกใส่นางได้ สีหน้าของเขาแสดงให้เห็นว่าปกป้องน้องภรรยาเต็มที่โดยไม่ต้องพูดอะไรสักคำ

“พี่เขยคนดีที่หนึ่ง!”  มารเคราะห์ฟ้าใช้เสียงอ่อนหวานชมพี่เขยนาง

“ต่อไปถ้าใครบังอาจรังแกเจ้าอีก  บอกชื่อพวกมันมา”  เย่ว์หยางพูดพลางตบอกพลางเชิดหน้าหยิ่งยโส

“ได้เลย!”  มารเคราะห์ฟ้าพยักหน้าอย่างความสุขเหมือนน้องใหม่ที่มีหัวหน้าแก๊งคอยปกป้องความรู้สึกย่อมดีมาก

จงกวนและพวกยังจะพูดอะไรได้อีก?

พวกเขาเป็นแค่ผู้ที่ต้องยอมเสียสละให้กับนิสัยเจ้าชู้ของเขา  พวกเขาเข้าใจและไม่มีทางเลือก ได้แต่ทน

ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็โดนทุบตีมาแล้วดังนั้นโดนเพิ่มอีกสองสามครั้งก็คงไม่สำคัญ

เย่ว์หยางไม่ถามเรื่องราวของกลุ่มโจรตัวตลกเนื่องจากจะทำให้พวกเขาต่อต้านเขาแน่นอน ต่อให้เขาต้องการสอบสวน เขาก็ต้องรอจนกว่าการป้องกันของพวกเขาจะลดลงและจากนั้นค่อยรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ แล้วเขาจึงจะตรวจสอบถึงแรงบันดาลใจที่แท้จริงของเสี่ยวโฉ่ว  เสี่ยวโฉ่วรู้จักกับจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์อย่างเห็นได้ชัด  พวกเขาอาจเป็นสหายสนิทด้วยเช่นกัน(เสี่ยวโฉ่วคือหัวหน้ากลุ่มโจรตัวตลก)

ก่อนที่จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์จะปลุกเหล่าปีศาจโบราณ  เสี่ยวโฉ่วส่งบริวารของเขาสองสามคนไปแล้ว  นอกจากนี้ยังนานถึงครึ่งปีที่แล้ว

ดังนั้น นี่หมายความว่าอะไร?

นี่หมายความว่าเขารู้ความลับสำคัญของหอทงเทียนอย่างเห็นได้ชัด!

นอกจากนี้ทำไมเสี่ยวโฉ่วซึ่งเดิมทีมาจากแดนสวรรค์ตะวันตกถึงได้เที่ยวไปยังแดนสวรรค์ใต้เพื่อสร้างกลุ่มทหารรับจ้างตัวตลก? ทำไมราชาใจสิงห์จากแดนสวรรค์ใต้ถึงได้ร่วมมือกับเสี่ยวโฉ่ว?

ข้อสงสัยทั้งหมดนี้มีข้อสรุปที่ชัดเจน

เสี่ยวโฉ่วดูเหมือนจะไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เห็น...

เย่ว์หยางยังไม่เร่งสืบเรื่องของเสี่ยวโฉ่วในตอนนี้ เขามีลางสังหรณ์ว่าถ้าเขาแก้ปริศนาเรื่องสถานะของเสี่ยวโฉ่วได้บางทีเขาอาจจะเข้าใจสถานการณ์ของจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ชัดเจนมากขึ้นก็ได้

แน่นอนว่า ทั้งสองฝ่ายนี้ต้องมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด

“เข้ามาในเจดีย์ปราบปีศาจนี้ก่อน  เมื่อเราไปถึแดนสวรรค์และจ่ายค่าชดเชยแล้วเราจะปล่อยพวกเจ้า” เย่ว์หยางให้สัญญาไว้ก่อนทำเป็นอนุโลมตามว่าเขาปฏิบัติตามกฎของแดนสวรรค์ นอกจากนี้จงกวนและพวกไม่มีพลังจะตอบโต้ พวกเขาคงได้แต่หวังว่าเจ้าเด็กนี่จะไปถึงแดนสวรรค์เร็วไว เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้จ่ายค่าไถ่แล้วรีบหนีไป  เมื่อพวกเขาไปถึงแดนสวรรค์ใต้เขาจะไม่มีทางย่างเท้าเข้ามาในหอทงเทียนที่น่ากลัวอีกเลย

“ตอนนี้เราจะเอายังไงดี?” ทุกคนมองหน้าเย่ว์หยางหวังว่าเขาจะมีความคิดดีๆ

“พี่น้องจากวังมาร การสู้รบที่นี่จบลงแล้ว  ถ้าพวกท่านเหนื่อยก็สามารถกลับไปพักได้หรือจะไปสนับสนุนด้านอื่นก็ได้”  เย่ว์หยางรู้ว่าคนพวกนี้บ้าต่อสู้  พวกเขาจะไม่กลับอย่างนั้น  ดังนั้นเขาต้องให้ภารกิจอย่างหนึ่ง

“แล้วเราล่ะ?” มารเคราะห์ฟ้าไม่ยินดีจากไป เนื่องจากนางอยากอยู่กับพี่เขยนานๆ ขึ้น  นางรู้สึกว่าตื่นเต้นมากเมื่อนางอยู่ข้างๆ เขา

“อา.. เราพร้อมจะทุบตีหนูตัวโตๆแล้ว” เย่ว์หยางหันหน้ามาทางเย่ว์หวี่และเย่ว์ปิง  “พี่หวี่, ปิงเอ๋อ, ข้ามีแผนการที่ยอดเยี่ยมและข้าอาจจะหาอสูรดีๆ ให้พวกเจ้าแต่ละคนได้ เราค่อยตัดสินกันว่าอสูรใดจะเหมาะสมกับพวกเจ้าคนใดต่อเมื่อเราโค่นล้มมันแล้ว”

“เราจะรออะไรกันอยู่อีก? ลุยกันเลย!”  มารเคราะห์ฟ้าไม่สามารถรอได้  นางไม่ต้องการซากหนอนทรายและกิ้งก่าเขาศิลา

“ช่วยข้าจับอสูรฝันร้ายไฟนรกที  เจ้าสามารถเรียกราคาได้” มารฟ้าพิบัติไม่ตั้งใจบังคับอสูรฝันร้ายไฟนรกให้หักหลังเจ้านายของมันจนถึงที่สุด  เขากัดฟันและขอความช่วยเหลือจากเย่ว์หยาง  “ข้ายินดีใช้สมบัติทั้งหมดของข้าแลก”  เขามีความมุ่งมั่น เพื่ออสูรฝันร้ายไฟนรกที่เขารักแล้วเขายอมทุ่มทุกอย่าง

“ดี, งั้นรอให้ข้าจบศึกนี้ก่อน  ของดีๆ จะแบ่งให้ทุกคน  แค่ขอเวลาข้าสักหน่อย”  เย่ว์หยางรู้ว่าการหาอสูรฝันร้ายไฟนรกอีกตัวไม่ใช่เรื่องใหญ่  ถึงมารฟ้าพิบัติจะค่อนข้างหยิ่ง  แต่เขาก็ยังเป็นครอบครัวของภรรยาเขา ใช้อสูรฝันร้ายไฟนรกซื้อใจของน้องภรรยาเป็นความคิดที่ดีมาก  แน่นอนว่าเขายังมีเวลาที่จะใช้ประโยชน์ได้  นอกจากนี้น้องภรรยาผู้นี้ยินดีจะใช้สมบัติทุกอย่างมาแลกเปลี่ยนดังนั้นในที่สุดแล้วเย่ว์หยางไม่ได้สูญเสียอะไร

คำพูดของเขาทำให้มารฟ้าพิบัติอารมณ์ดี รวมทั้งมารฟ้าพิโรธ,มารฟ้าสังหารและมารกระบี่ฟ้า

ไม่มีอสูรที่ทรงพลังก็ยากจะเพิ่มอำนาจและความสามารถในการสู้รบของเขา

มารแค้นฟ้าและมารอาญาฟ้ามองหน้ากันเอง

ยิ้ม

มารอาญาฟ้าเก็บซากหนอนทรายและกิ้งก่าเขาศิลาจากนั้นตรงไปยังแนวรบด้านเย่คงและเจ้าอ้วนไห่

แม้ว่าฮุยไท่หลางจะร่วมกับพะยูนนรกสองตัวคอยกำกับแล้ว เนื่องจากเหตุเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอนระหว่างการสู้รบ  พวกเขาจะได้สบายใจหลังจากตรวจสอบด้วยตัวเองแล้ว

ขณะที่เย่ว์หยางพานางเซียนหงส์ฟ้า, มารเคราะห์ฟ้า, เย่ว์หวี่,เย่ว์ปิง, ไห่อิงอู่พร้อมกับสาวขี้เมาไปสู่การต่อสู้อีกที่หนึ่ง  การสู้รบที่นั่นจะเป็นการปิดฉากของพวกเขา

สถานที่นั้นเป็นโลกที่แปลกประหลาด ห้ามมิให้ใช้อาวุธในการต่อสู้  และโจมตีได้แต่มือเปล่าเท่านั้น

นั่นคือโลกวารีที่ถูกผนึกไว้ด้วยผนึกโบราณโดยนักสู้รุ่นโบราณ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด