ตอนที่แล้วตอนที่ 638 ดูซะ นี่คือพลังแค้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 640 ตะวันฉายทานตะวัน  ภูตแสง

ตอนที่ 639 ขอโทษที่ซ่อนพลังแท้จริงของข้าเช่นกัน


ข้างทะเลสาบเต็มไปด้วยคนแคระแดนสวรรค์

ตั้งแต่หัวหน้าผู้ปกครองของพวกเขาตาย  พวกเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไร  ตอนนี้พวกเขาทุกคนหวังว่าเย่ว์หยางเจ้านายใหญ่ของพวกเขาจะกลับมา  อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางยังไม่ออกมา  มีแต่เมดูซาศิลาทิ่ออกมาตอนแรกนางไม่ได้เรียกฉลามเสือทองออกมา จากนั้นนางสั่งให้พญางูโลหิตและลูกของมันมุ่งหน้าไปยังที่ซึ่งเจ้าอ้วนไห่กับเย่คงอยู่

คนแคระแดนสวรรค์คุกเข่าอ้อนวอนให้เมดูซาศิลาช่วยรับพวกเขาไปด้วย

พวกเขารู้เต็มที่แล้วว่านางเองก็เป็นอสูรของผู้อื่นเช่นกัน  แต่พวกเขาเคยชินกับการมีนักรบคอยดูแลพวกเขา  ไม่มีเจ้านายพวกเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้

เมดูซาศิลาชี้ไปที่พญางูโลหิตจากนั้นชี้ให้คนแคระผู้ขลาดเขลาเหล่านี้เห็นว่าควรติดตามพวกมันออกไป ก็จะทำให้พวกเขาไปจากสถานที่นี้  จากนั้นนางตระเวนไปรอบๆทะเลสาบและกระโจนกลับไปในทะเลสาบกลับไปอยู่ข้างเย่ว์หยาง

หลังจากนางหายไป เงาเหล่านั้นในที่ปรักหักพังห่างไกลก็ปรากฏตัวอีกครั้ง

“การปลดผนึกบันไดสวรรค์ชั้นสามล้มเหลว จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีมองเห็นแผนการของเรา ฝ่าบาทเราจำเป็นต้องรื้อฟื้นและปรับปรุงแผนงานเพื่อเอาชนะศัตรูให้ได้  มิฉะนั้น เราจะไม่ประสบความสำเร็จในการปลดผนึกได้เลยถ้ายังปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้” เงาที่เป็นผู้นำมีน้ำเสียงปนความกังวลขณะพูด “ทั้งจื้อจุนและคุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นคู่ต่อสู้ที่แตกต่างโชคไม่ดีที่พลังของฝ่าบาทยังไม่ฟื้นคืน.. ถ้าพวกเขาไม่ถูกกำจัดทั้งคู่  การร่วมพลังกันของพวกเขาจะมีพลังมากยิ่งกว่าจักรพรรดิอวี้เมื่อหลายพันปีมาแล้ว”

“เรายังมีเวลาอีกเล็กน้อย  ด้วยข้อจำกัดของบันไดสวรรค์ เรามีโอกาสฆ่าทั้งจื้อจุนและคุณชายสามตระกูลเย่ว์  เราเริ่มที่นี่มาก่อน ไม่ใช่พวกเขา  ต่อให้แข่งกันเรื่องเวลา  ตอนนี้เราก็ยังได้เปรียบ”  อีกร่างหนึ่งกล่าวเพื่อลดความกังวล

“คุณชายสามเป็นผู้มีธาตุไม่มั่นคงในสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด  เราสามารถวางใจได้จนกว่าเราจะฆ่าเขาได้”  ร่างที่เป็นผู้นำมองดูทะเลสาบด้วยความเกลียดชัง

“ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ในทะเลสาบกับไฮดรานรก ความจริงก็คือเมดูซาศิลาออกมาตรวจตราภายนอกอย่างไม่รีบร้อน เราสามารถสรุปได้ว่าเขาไม่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบด้วยฝีมือและความสามารถของเขา ยากที่ไฮดรานรกจะเอาชนะเขาได้ ปัญหาตอนนี้ก็คือคนผู้นี้จะอยู่ในโลกวารีอีกนานเท่าใด ยิ่งใช้เวลานานก็ยิ่งไม่ดีต่อแผนการของเรา มีโอกาสมากที่เขาจะสังเกตได้ว่าการลวงเขาให้เข้าไปข้างในเพื่อฆ่าไฮดรานรกเป็นกับดัก” บุรุษที่ยืนอยู่ข้างเงาที่นำลูบคางครุ่นคิดด้วยความเคยชิน  “บางทีเราต้องใช้แผนใหม่...”

“ถ้าหัวหน้าและรองหัวหน้าไม่ถือสาที่ข้าออกหน้าข้ามีความคิดดีๆ อย่างหนึ่ง” นักรบแดนสวรรค์ร่างใหญ่โตลุกขึ้นยืน

“บอกมาได้” เงาร่างผู้นำลดเสียงลงตั้งใจฟังความคิดเห็นของคนล่ำสันนี้

“ความจริงแล้วเพื่อให้คุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่สงสัยแผนการของรา  เราเคลื่อนไหวได้ถูกก็จะช่วยให้เขาฆ่าไฮดรานรกได้ เขาไม่เคยรู้ถึงวัตถุประสงค์หลักของเราก็อาจจะฆ่าไฮดรานรกนี้ได้และไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น”  บุรุษตัวใหญ่อธิบาย

“ทันทีที่เราเข้าไป คุณชายสามถตระกูลเย่ว์เก็แค่นวิ่งหนีไป” เงาดำทีเป็นผู้นำรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ความคิดที่ดี

“ไม่, ถ้าเราทุกคนเข้าไปพร้อมกัน นั่นจะเป็นการขู่ขวัญคุณชายสามตระกูลเย่ว์และจะเป็นการเตือนจื้อจุน อย่างไรก็ตามถ้าเราส่งหนึ่งในพวกเราเข้าไป อย่างเช่นคนจากแดนสวรรค์ซึ่งมีประสบการณ์ในการรบใต้น้ำไปร่วมมือกับไฮดรานรกและสู้กับเขา แล้วอย่างนั้นคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะทำอะไรได้?  เขาจะไม่หนี เขามีแต่ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อฆ่าไฮดรานรก” คนตัวใหญ่ดีใจกับตัวเองที่ได้แสดงความคิดเห็นและหัวเราะออกมา  เขาคิดว่าแผนของเขาจะใช้ได้แน่นอน

“มีปัญหาสองอย่างหนึ่ง คุณชายสามตระกูลเย่ว์จะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่เข้าไปสมทบจะเป็นมิตรกับไฮดรานรก?  เรารู้ว่าการโจมตีของไฮดรานรกจะทำอย่างตามอำเภอใจมันจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาที่จะสรุปว่าเราไม่ใช่พันธมิตร  สอง คนผู้นี้จะประเมินพลังของเขาได้ไหม?  ถ้าคนผู้นี้แข็งแกร่งเกินไป ก็จะเป็นการบีบบังคับให้คุณชายสามตระกูลเย่ว์ถอย  ถ้าคนผู้นี้อ่อนแอเกินไป  อย่างนั้นก็ง่ายที่เขาจะตายในเงื้อมมือของคุณชายสามตระกูลเย่ว์  และอาจจะจบลงอย่างไรประโยชน์”  เงาที่เป็นผู้นำพูดอย่างสงสัย

“..นี่..” เงาร่างใหญ่ไม่มีข้อเสนออย่างอื่น เขาก้มหน้าและไม่สามารถให้คำตอบได้อีกต่อไป

“เราสามารถลองดูได้ ข้าคาดว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะรู้ดีว่าจะฆ่าไฮดรานรกนั้น เป็นไปไม่ได้แต่เขาจะบั่นทอนทีละเล็กทีละน้อย ตอนแรกเขาจะพยายามฆ่าตัวที่อ่อนแอที่สุด เขาทำให้มันแตกตื่นแล้วค่อยบั่นทอนพลังของพวกมันออกไป  ถ้าไม่มีพวกเราเข้าไป  อย่างนั้นเขาจะใช้เวลาที่มีอยู่ทำศึกบั่นทอนกำลังไปเรื่อย  ถ้าเราส่งคนเข้าไปที่นั่นเพื่อร่วมต่อสู้  ก็อาจจบลงเป็นผลดีต่อเราก็ได้” รองหัวหน้าลูบคางด้วยความเคยชินคิดว่าแผนนี้อาจจะใช้ได้ ความสำเร็จจะขึ้นอยู่กับวิธีที่พวกเขาวางแผนเอาไว้ทุกอย่าง

“จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีอาจมาสนับสนุนคุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้ทุกเมื่อ  ถ้าปล่อยให้พวกนางเข้าไปในโลกวารี  หลายอย่างจะกลายเป็นเรื่องแย่”  ร่างเงาดำบอกพวกเขาว่ามีเวลาเหลือไม่มากและพวกเขาต้องการอีกแผนหนึ่งและกำหนดให้มีการเคลื่อนไหวให้เร็ว

“เราสามารถส่งคนที่มีความสามารถสู้ได้ทางอากาศรุกขนาบเขาระหว่างท้องฟ้ากับทะเล รองหัวหน้านี้ได้เอาสมบัติที่ล้ำค่าคล้ายกับดวงดาวออกมา  นี่คือเหรียญตราสันติภาพหลักการทำงานของมันก็คือกำจัดความเกลียดชังแม้ว่าผลกระทบของเหรียญตราของเขาจะมีผลต่อคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างไฮดรานรกจากแดนสวรรค์แต่ก็ไม่สำคัญ  ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรข้ายังมีอีกแผนหนึ่ง นั่นคือจมประตูเทเลพอร์ตโบราณไว้ในส่วนลึกของโลกใต้น้ำยิ่งต่ำลงไปก็ยิ่งดี จากนั้นเราค่อยกระตุ้นการใช้งานประตูเทเลพอร์ตจากภายนอกใช้อักษรรูนสวรรค์เพื่อควบคุมพลังงานของประตูเทเลพอร์ต  ทำให้มันแยกออกมาจากโลกวารีคุณชายสามตระกูลเย่ว์ก็จะไม่สามารถเทเลพอร์ตออกมาได้เป็นการขังเขาไว้ชั่วคราว เขาจะไม่สามารถออกมาได้ จนกว่าประตูเทเลพอร์ตจะอยู่เหนือระดับน้ำ ข้าคำนวณว่าถ้าเราระเบิดเกาะและจมมันลงไปพร้อมกับประตูเทเลพอร์ตโบราณต่ำลงไปสักสิบเมตร คุณชายสามตระกูลเย่ว์ก็อาจติดอยู่ที่นั่นอย่างน้อยหนึ่งปี”

“เป็นแผนที่เยี่ยมยอด ทีนี้เรื่องที่ยังไม่รู้ก็คือคุณชายสามตระกูลเย่ว์จะสามารถหลบหนีออกไปได้โดยใช้เครื่องมืออย่างม้วนเทเลพอร์ตได้หรือไม่”  เงาที่เป็นผู้นำไม่รู้สึกยินดียินร้าย

“ถ้าเราอ้างอิงความสามารถในการเทเลพอร์ตของเขาได้จากอาจารย์ของเขาสุ่ยตงหลิว  เขาคงไม่สามารถสร้างผลอะไรกับพื้นที่ผนึกได้  ทักษะในการเทเลพอร์ตของคุณชายสามตระกูลเย่ว์เดิมทีมาจากสุ่ยตงหลิว แต่เขาไม่ได้ศึกษาให้ลึกเกินไป  ดังนั้นความก้าวหน้าของเขาน่าจะยังไม่มาก  ปัญหาเดียวก็คือพวกเขาสามารถไปแดนสวรรค์ได้ อย่างนั้นค่อนข้างแน่ว่าพวกเขามีสมบัติประเภทเทเลพอร์ต  สมบัตินี้อาจอยู่กับจื้อจุนหรือคุณชายสามตระกูลเย่ว์ก็ได้  เราไม่มีข้อมูลเรื่องนี้เลย”  รองหัวหน้าวิเคราะห์

“คุณชายสามตระกูลเย่ว์น่าจะไม่มีสมบัติประเภทเทเลพอร์ต ทั้งนี้เพราะเมื่อมารสัมฤทธิ์ฟ้ากำลังสู้กับราชาเฮยอวี้  เย่ว์ซานอยู่ที่นั่น  ถ้าเย่ว์หยางมีสมบัติอย่างนั้น  เขาก็คงไม่พลาด เขาคงไม่นั่งดูเย่ว์ซานตาย สมบัติเทเลพอร์ตไม่น่าจะอยู่กับเย่ว์หยางหรือจื้อจุน  มันควรจะอยู่กับจักรพรรดินีราตรี  จื้อจุนสามารถผ่ามิติได้ ดังนั้นสมบัติประเภทเทเลพอร์ตไม่มีประโยชน์อะไรกับนาง อย่างไรก็ตามเราไม่อาจพูดได้อย่างเดียวกันกับจักรพรรดินีราตรีผู้ลึกลับ นางยังคงเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามที่เราไม่อาจดูแคลนได้” เงาผู้นำนั้นเสนอข้อมูลรายงานและใช้เสียงในเชิงไตร่ตรอง

“ดีมาก ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเราคงต้องขอให้ท่านหย่งฮุยเคลื่อนไหว!”

“ทำไมต้องข้าด้วยเล่า?”  เงาร่างนั้นงุนงง  “เยี่ยซู่เก่งทางอากาศมากกว่าข้าไม่ใช่หรือ?”

“นั่นก็ถูกที่เยี่ยซู่เก่งในการต่อสู้ทางอากาศมากกว่าเจ้าแต่เยี่ยซู่ไม่มีประสบการณ์ต่อสู้ทางน้ำ ผลที่ตามมาจะเลวร้ายเมื่อเขาตกลงไปในน้ำ หัวหน้าหย่งฮุย หน้าที่ของเจ้าไม่ใช่ให้ไปสู้กับคุณชายสามตระกูลเย่ว์แต่แค่ไปก่อกวนเขา ยั่วโมโหเขา เพื่อที่ว่าเขาจะได้ไม่มีเวลาคิดถึงแผนของเราบางทีเจ้าอาจต้องถูกขังอยู่ภายในนั้นหนึ่งปี ภายในหนึ่งปีต้องให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่ถูกเขาฆ่า  และคอยถ่วงเวลาและบั่นทอนกำลังของเขาทำให้เขาไม่มีเวลาฝึกฝนหรือเพิ่มทักษะพลัง!”  ผู้นำเงาดำนั้นสั่นเล็กน้อยจากนั้นส่งของบางอย่างคล้ายมุกที่ทอประกายสีรุ้งให้เขา “นี่คือส่วนที่ดีที่สุดของมุกสี่ระดับ  มุกมังกรเขียวมันเป็นของหายากกว่าสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชนิดไหนๆ เมื่อเจ้าครอบครองมัน ก็จะทำให้เจ้าลงน้ำได้เหมือนกับมังกรตัวหนึ่งถ้าเจ้าสามารถรวบรวมมุกทั้งสี่เหล่านี้เข้าด้วยกันมันจะกลายสภาพเป็นสี่มุกศักดิ์สิทธิ์ซึ่งสามารถเปลี่ยนอสูรธรรมดาให้เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้! นี่คือสมบัติที่ฝ่าบาทมอบให้ข้าเป็นของขวัญ  ตอนนี้ข้าให้เจ้ายืม  และถ้าเจ้าทำตามที่เราคาดหวังได้สำเร็จ  ฝ่าบาทจะมีสมบัติมากมายให้กับเจ้า”

“ขอรับ”หย่งฮุยมีความสุขและรีบรับไข่มุกไว้ทันที และสัญญาว่าเขาจะทำภารกิจให้สำเร็จตามแผน

“....” สหายสองสามคนของเขานัยน์ตาเป็นประกายอิจฉาเขา

หลังจากใส่เหรียญตราสันติภาพ  เขาถือมุกมังกรเขียวไว้

คนที่ชื่อหย่งฮุยคือนักสู้ปราณฟ้า เคลื่อนผ่านท้องฟ้าเหมือนดาวตกและลอบลงทะเลสาบอย่างเงียบกริบ

หลังจากเทเลพอร์ตสำเร็จ เขาเข้าไปในโลกวารีที่ซึ่งเขาจะสามารถหาเย่ว์หยางพบ  หลังจากใช้เวลาสามนาทีเสาลำน้ำขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากทะเลสาบฉีดพุ่งขึ้นไปสูงมากกว่าร้อยเมตร ปรากฏการณ์นี้ทำให้เงาที่เป็นหัวหน้ามีความสุขและเริ่มตะโกนออกคำสั่ง  “ค้นทุกที่ ค้นดูว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์หลบหนีไปจากโลกวารีหรือไม่!”

รองหัวหน้าวิ่งไปถึงข้างทะเลสาบแล้ว

เขาค้นหาอย่างระมัดระวังและตระหนักว่าไม่มีใครออกมา

เขาดำลงไปในทะเลสาบโดยเร็วและใช้อักษรรูนสวรรค์เปิดการทำงานของประตูเทเลพอร์ต...   เขาได้สร้างอักษรรูนสวรรค์ที่ละเอียดประณีตเพื่อถ่ายโอนน้ำและปลาที่อ่อนแอไม่กี่ตัว การเทเลพอร์ตนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างเย่ว์หยางจำเป็นต้องใช้พลังงานมาก

ส่วนงดงามที่สุดของประตูเทเลพอร์ตโบราณก็คือตราบเท่าที่มีการถ่ายโอนข้อมูลบางอย่างอีกฝั่งหนึ่งทำได้แต่เพียงรอ

ถ้าจะพูดก็คือ ถ้าน้ำยังคงไหลต่อเนื่อง  เย่ว์หยางจะไม่สามารถออกมาจากน้ำได้ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งทรงพลังแค่ไหนก็ตาม เว้นแต่บางคนพบความลับในการควบคุมพลังงานสำหรับประตูเทเลพอร์ตโบราณและทำลายอักษรรูนที่ฝังมาด้วยกัน

ไม่ว่าจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีจะฉลาดเพียงไหน  พวกนางอาจจะคิดว่าการหายตัวไปของเย่ว์หยางเกิดขึ้นจากแผนการของฝ่าบาท แต่พวกนางไม่มีทางคาดเดาได้เลยว่าเขาติดอยู่ในโลกวารี นี่เป็นแผนการที่มีประสิทธิภาพได้ผลดีอย่างสมบูรณ์เวลาและสถานที่ที่เหมาะสมเพิ่งจะผ่านมา ดีเสียยิ่งกว่าอะไรก็ตามที่มนุษย์สร้างขึ้น  ความสำเร็จของแผนการนี้ไม่ใช่เป็นเพราะความฉลาดของพวกเขาแต่มันผ่านมาจากการช่วยเหลือของเวลาและสถานที่ที่เหมาะสม

เพียงสิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการตอนนี้ก็คือกับดักหันเหความสนใจของจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีจากฝ่าบาทหรือแม้กระทั่งแดนสวรรค์  วิธีนี้คุณชายสามตระกูลเย่ว์จะติดอยู่ในโลกวารีต่อไปอีกสิบปี!

ร่างผู้นำเงา พร้อมกับรองหัวหน้ายิ้มให้กัน  พวกเขาทั้งสองดีใจที่แผนการทั้งสองนี้ใช้ได้ดีโดยไม่ได้เตรียมการมาก่อน

ภายในโลกวารีหัวหน้าหย่งฮุยผู้ปลดปล่อยพลังปราณฟ้าเต็มที่ยินดีกับตัวเอง เนื่องจากเขาจมเกาะให้ลึกลงไปในน้ำอีกร้อยเมตร

แม้จะอยู่ในโลกวารีไปอีกสิบปีก็ไม่เป็นไร

อย่างน้อยสำหรับเวลานี้ มุกมังกรเขียวก็เป็นของเขา  ด้วยมุกนี้เขาสามารถเลี้ยงอสูรน้ำที่แข็งแกร่งได้! ความจริงเขาอยากได้สมบัติอย่างมุกมังกรเขียวของผู้นำมานานแล้ว  ใครจะรู้กันว่าเขาจะได้มันมาสำเร็จ  ตราบใดที่เขาอยู่ที่นี่สิบปี  หัวหน้าก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหลังจากเขาออกมาแล้ว เขายังจะได้เป็นเจ้าของมุกมังกรเขียว?

เป็นเรื่องที่พูดยาก!

“แปะ แปะ แปะ แปะแปะ!” เย่ว์หยางยังคงปรบมือพลางถอนหายใจต้อนรับหัวหน้าหย่งฮุย ทำให้เขาสับสน  คนผู้นี้บ้าไปแล้วหรือ?

“ตลกนักหรือ!  ตายซะเถอะ!” หัวหน้าหย่งฮุยไม่สนใจคุณชายสามตระกูลเย่ว์  เขาไม่ได้เป็นนักสู้ปราณฟ้าแล้วยังจะมีความเข้มแข็งอะไร?

“ช้าก่อน,ตอนนี้ข้าไม่ต้องการสู้กับเจ้า” เย่ว์หยางโบกมือและยิ้มเฉิดฉายเหมือนดวงอาทิตย์  “บางทีเราอาจต้องเป็นเพื่อนบ้านกันหลายปีมาเถอะน่า มาพูดคุยและแนะนำตัวเองกันหน่อย!”

“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร?”  หัวหน้าหย่งฮุยรู้สึกสับสนเล็กน้อย

ไฮดรานรกสองสามตัวเห็นเกาะเล็กเกาะน้อยหายไปก็ตื่นตัวร่างแต่ละตัวลอยตัวอยู่เหนือผิวน้ำมองดูเหมือนเกาะน้อย

เย่ว์หยางหัวเราะและกล่าว “ความจริง,ข้าไม่อาจทนฝืนใจกล่าวคำอำลาเจ้าได้ นอกจากนั้นคนใจกว้างอย่างเจ้าหาได้ยากจริงๆ อุตส่าห์ลำบากลำบนขนสมบัติมาให้ถึงที่นี่ข้ารู้ว่ามันมาจากใจจริงของเจ้า ตอนนี้ข้าขอรับไว้ด้วยความขอบคุณ!”

ในอีกสมรภูมิหนึ่ง จงเหลยถิงกำลังไล่ล่าราชันย์ปีศาจใต้หยุดทันที

เขามีท่าทีหยิ่ง

เขาเยาะเย้ยถากถางราชันย์ปีศาจใต้  “เจ้าหญิงเผ่าภูตบูรพา, ข้าอยากจะขอโทษ  ถ้าเจ้าไม่มีความสามารถอื่นอะไร  ข้าจะฆ่าเจ้าเสียที่นี่เดี๋ยวนี้แหละ  เจ้ารู้ไหม,ทำไมข้าถึงไล่ตามเจ้ามาตลอดจนถึงที่นี่? ข้ากลัวว่าจะเปิดเผยพลังที่แท้จริงแก่คนบางคน  ความจริง ข้าบรรลุปราณก่อกำเนิดระดับสิบมาเมื่อครึ่งปีก่อน  พลังที่แท้จริงของข้ามากกว่าที่เจ้าเห็นอยู่ในตอนนี้ถึงสิบเท่า”

จงเหลยถิงกดมือทั้งสองลงและร่างของเขาหดเล็กน้อย

พลังยิ่งใหญ่ดูเหมือนจะปลดปล่อยออกมาจากร่างของเขา

เทียบกับเมื่อครู่ก่อนนี่อย่างน้อยก็มากกว่าที่เคยเห็นถึงสิบเท่า พลังไฟฟ้าม้วนวนรอบตัวของเขา พลังคลื่นที่แข็งแกร่งสั่นสะท้านพื้นโลกไปไกลถึงพันเมตร  หินและทรายขยับเคลื่อนไหว  ซากหักพังใต้เท้าของเขากลายเป็นฝุ่นธุลีแล้วเปลี่ยนเป็นพายุทราย

ในทันใดนั้นจงเหลยถิมาถึงที่ด้านหลังราชันย์ปีศาจใต้

เขาเงื้อหมัดสายฟ้าขึ้นในอากาศ ใช้เสียงยั่วโมโหว่า “เจ้ามีอะไรจะสั่งเสียไหม?”

ราชันย์ปีศาจใต้ตะลึง

หลังจากนั้นก่อนที่นางตั้งสติและตอบสนองกับคำพูดนั้น

นางค่อยๆ หันหน้ามาและประเมินพลังที่แท้จริงของปราณก่อกำเนิดระดับสิบที่จงเหลยถิงแสดงออกมา

ตอนแรกจงเหลยถิงรู้สึกดีใจมากความจริงเขาดีใจที่ได้เห็นท่าทีจนใจในใบหน้าของอีกฝ่าย เขาชอบใช้พลังที่ไม่คาดคิดแบบนี้ทำลายจิตวิญาณพวกเขาการครอบงำได้ดูเหมือนจะทำให้เขามีความสุขมาก  เขาชอบมองดูศัตรูที่เต็มไปด้วยความมั่นใจถูกพลิกสถานการณ์ทำให้หน้าพวกเขาซีดขาวด้วยความสิ้นหวังเมื่อพวกเขาเห็นหมัดระดมใส่เพื่อฆ่าพวกเขา

ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าเขาต้องการให้ราชันย์ปีศาจใต้ตายด้วยความเจ็บปวดที่สุดและหวาดกลัวเขามาก  เขาจะไม่รีรอแม้แต่น้อยและฆ่านางในทันที

แต่การฆ่าทันทีไม่ทำให้เขาสาแก่ใจ!

สิ่งที่เขาต้องการคือทำให้นางกลัวจนสิ้นปัญญาก่อนที่นางจะตาย

จงสั่น สั่นกลัวต่อหน้าข้า! จงเหลยถิงเต็มไปด้วยความหยิ่งผยองต่อโลกอย่างสิ้นเชิง

ทันใดนั้น เขารู้สึกประหลาดใจเนื่องจากเขาไม่เห็นว่าราชันย์ปีศาจใต้สั่นอีกต่อไป  แต่กลับมีความสุขขณะมองดูมือของนาง  เขาค่อนข้างสับสน

“ของที่อยู่ในมือเจ้าคือโซ่เทพสายฟ้าใช่ไหม?  แขวนไว้ที่คอของเจ้าจะเหมาะสมหรือ?ให้ข้าดีกว่า  ข้าชอบสมบัติแบบนี้  รีบถอดมาให้ข้าเร็วเข้า  สมบัติมีค่าแบบนี้จะเสียของเปล่าในมือเจ้าซะเปล่าๆ!” ราชันย์ปีศาจใต้เป็นพวกบ้าสะสมสมบัติ ทันทีที่นางเห็นสมบัติ นางจะไม่สนว่าใครเป็นเจ้าของ นางต้องเอามาให้ได้ไม่ว่ายังไงก็ตาม

“ตอนนี้,ข้าเข้าใจแล้วว่าคุยกับสตรี เสียเวลาเปล่าจริงๆ!”  จงเหลยถิงไม่มีอะไรจะพูด ทั้งหมดที่พวกนางห่วงก็คือสมบัติแม้ว่าพวกนางจะใกล้ตายก็ตาม

“ไม่ใช่บุรุษทุกคนจะคิดอย่างเจ้า  เย่ว์หยางนั้นจะต่างออกไป แน่นอนว่าเจ้าไม่ใช่เขาและไม่มีทางไปถึงระดับเขาได้  ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดามาก”  ราชันย์ปีศาจใต้ยิ้มราวกับว่านางกำลังคุยโตเหมือนคนบ้า

จงเหลยถิงรู้สึกโกรธจัด เขาต้องการจะใช้หมัดสังหารทันทีเมื่อนางยิ้มหวานที่สุด  เขาปล่อยหมัดสังหารทันที

หมัดนี้มีพลังพอจะสังหารนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้า

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับราชันย์ปีศาจใต้แม้แต่น้อย

นางปัดฝ่ามือของจงเหลยถิงได้อย่างง่ายดายพร้อมกับหัวเราะ  นางค่อยๆเพิ่มพลังจนถึงปราณก่อกำเนิดระดับสิบชั้นสูง ไม่เพียงแต่นางเพิ่มขึ้นมาในระดับเดียวกับจงเหลยถิงเท่านั้น แต่นางยังเหนือกว่าโดยเพิ่มไปถึงระดับสิบชั้นสูง  จนใกล้จะได้เป็นนักสู้ปราณฟ้าอยู่แล้ว  จงเหลยถิงรู้สึกเหลือเชื่อและเกิดความกลัวแทน ราชันย์ปีศาจใต้ลูบผีผาหยกที่นางถือไว้อย่างสง่างาม  “ข้าก็ต้องขอโทษที่ปิดบังพลังที่แท้จริงไว้...... จะได้มั่นใจว่าโซ่เทพสายฟ้าของเจ้าไม่หนีหายไปไหน  ไหนๆ ของนั่นก็จะไม่เป็นประโยชน์กับเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด