ตอนที่แล้วตอนที่ 635 ยืนหยัดและอดทน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 637 คนต่อไปเป็นเจ้า!

ตอนที่ 636 ไข่มุกบนจานหยก


นางเซียนหงส์ฟ้าพาไห่อิงอู่ เย่ว์ปิงเย่ว์หวี่และสาวขี้เมาไปยังตำแหน่งผนึกโบราณอีกแห่งหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถเห็นผนึกโบราณได้ใกล้เลย

หรือว่าจะมีแผนการบางอย่าง?

พวกนางตกเข้าไปในกับดัก?

“ทุกคนระวังให้ดี มีบางอย่างผิดปกติ” นางเซียนหงส์ฟ้าดึงเย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงมาอยู่ข้างตัวนางเพื่อคอยปกป้องพวกนาง ไห่อิงอู่เรียกมังกรทองสามหัวของนางออกมาและให้มันค้นหารอบๆ ความจริงพลังรับรู้ของนางเซียนหงส์ฟ้าสามารถครอบคลุมพื้นที่สิบกิโลเมตรไม่มีอะไรสามารถหลบไปได้  อย่างไรก็ตามสิบกิโลเมตรเป็นระยะที่สั้นมากสำหรับนักสู้ เนื่องจากพวกเขาสามารถปรากฏตัวได้รวดเร็ว แม้จะไม่สามารถรับรองความปลอดภัยของพวกนางได้  แต่อย่างน้อยก็สามารถป้องกันการลอบโจมตี

“ยังคงเป็นไปได้ที่ว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่  ที่สำคัญจำนวนของศัตรูไม่เพียงพอจะไปถึงทุกที่ การแบ่งกำลังมากเกินไปจะเป็นเหมือนการฆ่าตัวตายเนื่องจากพวกเขาจะมีพลังในการต่อสู้ลดน้อยลง  เป็นไปได้มากว่านี่อาจเป็นข้อมูลผิดเพื่อแยกกำลังของเราเป็นการล่อเสือออกจากถ้ำ”  ไห่อิงอู่ประเมิน

“มีโอกาสมากว่าเป้าหมายหลักของศัตรูก็คือเรา”  นางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกไม่สบายใจ

“ในเมื่อเรามาถึงที่นี่แล้ว  อย่างนั้นเราต้องสู้จนถึงที่สุด”  สีหน้าของเย่ว์ปิงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น หลังจากได้รับคำแนะนำจากเย่ว์หยางและมีประสบการณ์ต่อสู้ นางเปลี่ยนจากนิสัยดื้อรั้นกลายเป็นนักรบที่มีคุณสมบัติ

ปัจจุบันนี้นางเต็มไปด้วยความมั่นใจและพลังที่มิอาจคาดเดาได้

แตกต่างจากอาการกดดันตัวเองก่อนหน้านั้น

ความจริงการแยกจากเย่ว์หยางครั้งนี้เป็นข้อเสนอของนาง นางไม่ต้องการอยู่ภายใต้การปกป้องของพี่ชายอยู่เสมอ นางต้องการยืนหยัดและสู้แทนพี่ชายนางและกลายเป็นกำลังให้กับเขา จะทำได้อย่างนี้  นางจำเป็นต้องแข็งแกร่ง  นางรู้ว่าการต่อสู้นั้นอันตราย แต่เพื่อให้ได้รับประสบการณ์มากขึ้นนางทิ้งความลังเลของนางทุกอย่าง

เย่ว์หวี่ หญิงสาวผู้นุ่มนวลเหมือนสายน้ำก็มีความคิดอย่างเดียวกัน

ไห่อิงอู่มองดูครูสาวขี้เมาและแพนด้าน้อยหนิวหนิวจากนั้นถามนางเซียนหงส์ฟ้า “เมื่อไหร่คนของวังมารจะมาถึง?”

นางเซียนหงส์ฟ้าขมวดคิ้ว “พวกเขาอาจจะมาถึงแล้ว แต่พวกเขาอยู่ในระหว่างต่อสู้... มารแค้นฟ้า  มารฟ้าพิบัติ มารเคราะห์ฟ้าและคนอื่นๆ คงไม่ช้ากว่าเราแน่นอน”

ความจริงมารแค้นฟ้า มารอาญาฟ้า มารฟ้าพิโรธและมารเคราะห์ฟ้ายังมาไม่ถึงแสดงว่าสถานการณ์จริงจังเพียงไหน

พวกเขาควรรอหรือว่าไปหาโดยตรง?

ทุกคนมองดูนางเซียนหงส์ฟ้า รอการตัดสินใจของนาง

เย่ว์หยางไม่อยู่ที่นั่น ดังนั้นนางคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดและด้วยประสบการณ์การต่อสู้ที่มากที่สุดการฟังนางไม่ใช่ทางเลือกที่ผิด

“เราจะรอกัน!” นางเซียนหงส์ฟ้าตัดสินใจรั้งอยู่หลังจากไตร่ตรองการค้นหาไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะหาได้ ยังคงมีโอกาสมากที่หลายอย่างผิดปกติ อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำเช่นนั้นคือป้องกันศัตรูจากการทำบูชายัญ  ซึ่งเป็นอีกแผนหนึ่งในการล่อเสือออกจากถ้ำ  เหตุผลสุดท้าย ถ้ามารแค้นฟ้าและคนอื่นๆไม่สามารถหยุดศัตรูได้ อย่างนั้นการไปอยู่ที่นั่นเพื่อสนับสนุนพวกเขาก็คงไม่ช่วยอะไรได้มาก  ถ้าพวกเขาสามารถรับมือได้  อย่างนั้นการรออยู่ที่นี่น่าจะเป็นการดีกว่า

นางเซียนหงส์ฟ้าเลือกที่จะเชื่อในสหายของนาง

เย่ว์หวี่ เย่ว์ปิงและคนอื่นๆเลือกที่จะเชื่อนางเซียนหงส์ฟ้าด้วยเช่นกัน

หลังจากรอราวๆ หนึ่งชั่วโมงในที่สุดคนกลุ่มหนึ่งก็เข้ามาในญาณรับรู้ของนางเซียนหงส์ฟ้า

พวกเขาคือ มารฟ้าพิโรธผู้มีร่างโชกเลือดมารอาญาฟ้ามีรอยแทงทะลุปอด มารกระบี่ฟ้าหมดสติและเป็นมารฟ้าสังหารแบกเขามา มารเคราะห์ฟ้าเสื้อผ้าฉีกขาดเป็นชิ้นแต่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยมารพิบัติฟ้าที่ไม่สามารถล่องหนได้อีกต่อไปและมารแค้นฟ้าผู้ไม่สนใจกับอาการบาดเจ็บของตน

ในที่สุดคนจากวังมารก็มาถึง แต่พวกเขาได้รับบาดเจ็บ

พวกเขาต่อสู้อย่างหนักแล้วก่อนที่จะมาถึง...

“ขออภัยที่เรามาสาย, ไม่รู้จะทำยังไง การจราจรติดขัด” มารอาญาฟ้ามีอารมณ์ขัน นี่เป็นอารมณ์ขันที่เลียนแบบมาจากเย่ว์หยาง  ทุกครั้งที่เย่ว์หยางมาสาย  เขาจะหาข้ออ้างได้ทุกอย่างเช่น รถติด

“พวกเจ้าต้องต่อสู้ในสถานการณ์อย่างนั้นมากี่ครั้งแล้ว?”  นางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกเจ็บปวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นลักษณะที่น่าสมเพชของมารเคราะห์ฟ้า อย่างไรก็ตามนางไม่ได้แสดงออกและล้อนางในเรื่องนี้  ราวกับว่าเหล่าสหายของนางไม่น่าประทับใจพอและทำให้นางผิดหวัง  คนจากวังมารรู้อารมณ์ของนางดี  ดังนั้นพวกเขาหัวเราะและหาที่นั่งพัก มีแต่มารเคราะห์ฟ้าที่โผเข้ากอดนางเซียนหงส์ฟ้าขณะทำตัวเหมือนเด็กช่างอ้อน

“มีนักสู้ปราณฟ้าตัวปัญหาอยู่ในอีกฝ่ายหนึ่ง”มารแค้นฟ้าซึ่งเคยเหนือกว่านางเซียนหงส์ฟ้าในการจัดอันดับวังมารเตือนนาง

“มิน่าเล่า ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ทำอย่างกะว่าข้าไม่เคยฆ่านักสู้ปราณฟ้ามาก่อนอย่างนั้นหรือ  ใครก็ตามที่แตะต้องวังมารต้องถูกฆ่า  ต่อให้พวกมันเป็นนักสู้ปราณฟ้าก็ตาม!”

หลังจากนั้นสิบนาที คนอีกกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้น

นี่คือหน่วยสายฟ้าของกองทัพนรกดำ

คนนำพวกเขาก็คือ จงเหลยถิง (สายฟ้ากลาง)เขาคือผู้บัญชาการที่วางแผนที่หุบเขามังกรบิน

ในบรรดาแม่ทัพทั้งห้าของกองทัพนรกดำ  จงเหลยถิงผู้นี้แข็งแกร่งที่สุดเขาควบคุมกองพันสายฟ้าและกองทัพที่จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยาทิ้งไว้ให้หลังจากพวกเขาตายไปแล้ว

อย่างไรก็ตามเขาเป็นเพียงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้าและไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งที่สุดในการต่อสู้

ที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือกลุ่มทหารรับจ้างที่ไม่เคยปรากฏในหอทงเทียนมาก่อน

ในแดนสวรรค์ กลุ่มทหารรับจ้างพวกนี้ยังไม่ติดในหนึ่งพันอันดับแรก  แต่ในหอทงเทียนพลังของพวกเขาอยู่เหนือพวกวังมาร

ในกลุ่มทหารรับจ้างนี้ มีนักสู้ปราณฟ้าสองคน  แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งพวกเขาก็สามารถทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการในหอทงเทียน ไม่เพียงแต่นักสู้ปราณฟ้าทั้งสองคนนี้เท่านั้น  แม้แต่บริวารทั้งสิบสองคนของพวกเขาถึงจะไม่มีนักสู้ระดับปราณฟ้า แต่ก็เป็นระดับปราณดินระดับเจ็ดขึ้นไปทั้งนั้น

สามคนเป็นนักสู้ปราณดินระดับเก้า  สี่คนระดับแปด และหกคนระดับเจ็ด

พลังของพวกเขาเทียบกับนักสู้ทวีปกวงหมิงหรือแม้แต่ทวีปเฮยอันทั้งหมด  ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะวิพากษ์วิจารณ์พวกเขา  น่าเสียดายที่พวกเขาไม่พอใจ  พวกเขามายังบันไดสวรรค์ระดับหนึ่งเพื่อชิงสมบัติแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ  การตัดสินใจครั้งนี้ได้ผนึกโชคชะตาพวกเขาไว้

“หอทงเทียนนับว่าไม่เลว มีสาวงามมากมายหลายคนและทุกคนก็อ่อนแอมาก ทุกคนหงอกับการปรากฏตัวของเรา ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ทุกอย่างที่คนผู้นั้นพูดถูกต้องจริงๆ สถานที่นี้ดีจริงๆ  ในเมื่อเป็นที่นี้ขนาดนี้แล้วก็ไม่ควรครอบครองโดยพวกคนที่ไร้ความสามารถ หอทงเทียนควรจะเป็นของเรา ทรัพยากรธรรมชาติ สตรี สมบัติทุกอย่างของที่นี่ก็ควรจะเป็นของเราผู้แข็งแกร่ง แม้ว่าเราจะต้องทนทุกข์เล็กน้อยกว่าจะมาถึงที่นี่ได้ แต่ก็นับว่าคุ้มค่า”  หัวหน้าทหารรับจ้างมองดูนางเซียนหงส์ฟ้าไห่อิงอู่ เย่ว์หวี่ เย่ว์ปิงและคนอื่นด้วยสายตาหื่นกระหาย

“คนขี้ขลาดจะกลายเป็นนักสู้ปราณฟ้าได้ยังไง? เป็นไปได้ว่าแดนสวรรค์คงจะเชี่ยวชาญในการผลิตคนงี่เง่า?”  นางเซียนหงส์ฟ้าส่ายศีรษะถอนหายใจ

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”คนในกลุ่มทหารรับจ้างไม่โกรธกับคำพูดนาง ตรงกันข้ามพวกเขาหัวเราะ

ในสายตาของพวกเขา สาวงามต่อหน้าพวกเขาเหมือนกับลูกไก่ในกำมือแล้ว

ปัญหาเพียงอย่างเดียวก็คือ พวกเขาจะแยกออกมายังไง

รองหัวหน้าเป็นมนุษย์หมีที่มีกล้ามเนื้อเป็นคลื่น  ความแข็งแกร่งของเขาคือปราณฟ้าระดับหนึ่งและพลังเป็นรองคนหัวหน้าเล็กน้อย มนุษย์หมีนี้บางทีอาจมาจากเผ่าเดียวกับมนุษย์สมิงสามตาที่เย่ว์หยางคุ้นเคยอยู่ต่อหน้านางเซียนหงส์ฟ้าและคนอื่น เขามีลักษณะที่ดูดีและซื่อสัตย์และพูดขึ้น“แม่หญิงคนงาม!  อย่ากลัวไปเลย  พวกเราเป็นคนดีจริงๆ  ตราบใดที่พวกเจ้าว่าง่ายเราจะไม่แตะต้องทำร้ายแม้แต่เส้นผมบนตัวของพวกเจ้า!เรากลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าประจัญบาน มาที่นี่เพราะได้รับเชิญเป้าหมายของพวกเราคือรักษาความสงบให้หอทงเทียน เราต่อสู้เพื่อความยุติธรรม ถ้ามีความเข้าใจผิดกันระหว่างพวกเรา เราค่อยๆ ปรึกษากันและจัดการเรื่องนี้ด้วยการเจรจากันได้”

“ข้านึกไม่ออกว่าจะมีอะไรต้องคุยกันกับคนขี้ขลาด”  นางเซียนหงส์ฟ้าแค่นเสียงเหยียดหยาม

“พี่กฏฟ้า, มีบางอย่างผิดปกติ  นักสู้ปราณฟ้าที่เราพบไม่ใช่สองคนนี้”  มารเคราะห์ฟ้ารีบเตือนนางเซียนหงส์ฟ้า

“เข้าใจแล้ว, เจ้าบัดซบนั่นกำลังซ่อนตัว เขาคิดว่าคนอื่นมองรูปร่างที่น่าเกลียดของเขาไม่เห็น  อัปลักษณ์จริงๆ”

สายฟ้าที่แฝงด้วยพลังพิพากษายิงออกไปกลางอากาศ

หลังจากเคลื่อนไปร้อยเมตรสายฟ้าก็กระทบมิติว่างเปล่าและมันเริ่มแตกสลาย

บุรุษคนหนึ่งมีจมูกงุ้ม ปากกว้าง ตาหยีสวมหมวกและชุดแปลกประหลาดปรากฏตัว  เขากระโดดออกมาจากมิติว่าง  เขาต้องการจะหลบสายฟ้าด้วยความมั่นใจ  แต่เขาไม่คาดเลยว่าเขาจะตัดสินใจผิดพลาด พลังพิพากษาทำให้นิ้วของเขาชาและตัวสั่นสะท้าน  ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขาเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสองชั้นสูงเขาอาจจะดำเป็นตอตะโกไปแล้ว

ถ้าเย่ว์หยางอยู่ที่นี่ อย่างนั้นเขาคงจะจำคนผู้นี้จากเครื่องหมายของเขาได้ทันที  คนผู้นี้เป็นยอดฝีมือปราณฟ้าในกลุ่มโจรตัวตลก

“ระวัง คนผู้นั้นเป็นยอดฝีมือในการลวงตา”  มารแค้นฟ้าเตือนนางเซียนหงส์ฟ้า  แม้ว่าปัจจุบันนี้นางเป็นระดับนักสู้ปราณฟ้าแต่ว่าอีกฝ่ายมีนักสู้ปราณฟ้าถึงสามคน นอกจากนี้จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์อาจซ่อนตัวเตรียมลอบทำร้ายอยู่ก็ได้

ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตามนางเซียนหงส์ฟ้าในฐานะแกนหลักของกลุ่มไม่ยอมให้เรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นกับนางได้

นางยังคงอยู่ก็เพื่อยับยั้งศัตรู

ขณะเดียวกัน นางก็เป็นหลักของความเชื่อมั่นของสหาย

ถ้านางล้มเหลว อย่างนั้นผลที่ตามมาก็คือ เย่ว์หวี่ เย่ว์ปิงและคนอื่นๆจะต้องเผชิญกับเรื่องย่ำแย่แน่

“อย่าห่วง จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับข้า  จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเรา ”นางเซียนหงส์ฟ้าไม่เชื่อว่าศัตรูจะเอาชนะนางได้ง่ายๆ แล้วจะเป็นยังไงถ้ามีนักสู้ปราณฟ้าถึงสามคน?  นางมีความมั่นใจว่านางจะไม่พ่ายแพ้ ต่อให้เป็นจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่ฟื้นคืนพลังเต็มที่ก็ตาม

นางเซียนหงส์ฟ้ามั่นใจในตนเองเพราะภายใต้คำแนะนำของจื้อจุน นางมีความก้าวหน้าอย่างมาก

นอกจากนี้ นางยังได้ฝึกผสานกายคู่รักกับเย่ว์หยางถือกำเนิดใหม่ภายใต้เพลิงอมฤต อสูรพิทักษ์ของนาง นางพญาซัคคิวบัสยกระดับกลายเป็นอสูรในตำนาน ในท้ายที่สุดนางสามารถเข้าร่วมสู้ในสังเวียนมรณะและแม้กระทั่งในแดนสวรรค์นางยังทึ่งกับความรุดหน้าของตนเอง ถ้าเย่ว์หยางผู้ไม่ธรรมดาไม่อยู่ต่อหน้านาง  อย่างนั้นนางคงจะหยิ่งยิ่งขึ้น  ขณะที่นางเข้าใจถึงพลังของกฎฟ้าและสุดยอดพลังปราณก่อกำเนิด นางได้รับคำแนะนำจากพี่สาวนางและจักรพรรดินีราตรี ปณิธานของนางเซียนหงส์เพิ่มขึ้นจากแต่ก่อนเป็นร้อยเท่า  และนางยังค่อยๆ ทำความเข้าใจ ‘หัวใจสุดยอดปราณก่อกำเนิด’

เสียงผี่ผาดังก้องทันทีมาจากทิศตะวันออกห่างออกไป

เสียงนี้ไพเราะจับใจราวกับไข่มุกที่หล่นลงในจานหยก

“บนหาดทรายสีทอง, ในทุ่งหญ้าเขียวขจี ทัพของเราเตรียมพร้อมกู่ร้องอย่างกล้าหาญ มองไปมีคนเป็นล้านรอบตัว มีคนรุ่นราวคราวกันไม่กี่คน  โบกสะบัดธงของเรา สะบัดแส้ใส่ม้าเราจนตะวันอัสดงค์สุดแนวขอบฟ้า ในที่ห่างเหินจากบ้าน ทอดกาย ณ ภูผาแดนไกล ขุนพลนำตลุยศึก  ประทีปนำทาง ลุกโชนต่อไป....”

สายลมนิ่งสนิททันที

หญิงงามนางหนึ่งปรากฏตัวในท้องฟ้าเหมือนเทพนารีลงมาเยือนพื้นพสุธา  ภูษาของนางโบกสะบัดยามเลื่อนลอยลงมา

ทุกคนฟังลำนำที่ไพเราะโดดเด่น  ถึงกับลืมทุกอย่าง

เสียงของนางไพเราะและก้องกระหึ่มโดยเฉพาะ  ทำให้เกิดความรู้สึกหลงใหลเพลิดเพลิน

กองพันสายฟ้าพากันหลงใหลเสียงผี่ผาที่ไพเราะอย่างเห็นได้ชัดขณะที่พวกเขาฟังอยู่เงียบๆ แม้แต่สามนักสู้ปราณฟ้าจากแดนสวรรค์ผู้ไม่ประมาทก็ยังอดอ้าปากค้างฟังเสียงของนางมิได้ พวกเขาจ้องมองนางอย่างว่างเปล่าขณะที่เลื่อนลอยลงมา  ไม่ว่านางเดินผ่านไปที่ใดทหารจะตกอยู่ในห้วงพักผ่อนนิรันดร์ขณะที่พวกเขาร่วงลงกับพื้น...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด