922 - ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
922 - ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
“เพื่อเห็นแก่หน้าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะให้ทางออกแก่เจ้า ออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นพวกเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่!” เย่ฟ่านตวาด
“ช่างรนหาที่ตาย เจ้าเป็นแค่มนุษย์ตัวน้อย ต่อให้เป็นองค์ชายศักดิ์สิทธิ์มาเองก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้”
สิ่งมีชีวิตโบราณกล่าวอย่างเคร่งขรึม เผยให้เห็นปากที่ขาวราวกับหิมะและฟันที่แหลมคม
“ถ้าองค์ชายศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่นี่ข้าอยากรู้จริงๆว่าเจ้าจะมีความกล้าในการกล่าววาจานี้หรือไม่?” เย่ฟ่านกล่าวอย่างราบเรียบ
“ว่ากันว่าร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณไม่มีใครเทียบได้ แต่ในยุคก่อนพวกเราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เลย ไม่รู้ว่ารสชาติของเจ้าจะเป็นอย่างไร”
สิ่งมีชีวิตโบราณนี้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมเผยฟันขาวและกล่าวว่า
“รสชาติของเลือดสีทองคงจะหวานมาก ข้าได้ยินมาว่าเลือดของเจ้าเทียบได้กับยาศักดิ์สิทธิ์ที่ล้ำค่าที่สุด ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอทดลองหน่อยก็แล้วกัน?!”
นี่เป็นสัตว์โบราณที่ทรงพลังมาก ความแข็งแกร่งของพวกมันเทียบได้กับครึ่งเซียนอย่างแน่นอน
เนื่องจากร่างกายของเผ่าดึกดำบรรพ์นั้นทรงพลังเป็นพิเศษ เหนือกว่าเผ่ามนุษย์และแทบจะทำลายไม่ได้ นี่เป็นร่างกายล้ำค่าที่สวรรค์ประทานให้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเผ่าพันธุ์ของพวกเขา
เขายื่นอุ้งเท้าสีทองอันใหญ่โตเพื่อตบเข้าหาเย่ฟ่าน ทรายและก้อนหินปลิวว่อนไปทั่ว
เย่ฟ่านเย้ยหยันในใจ สิ่งมีชีวิตโบราณนี้กล้าที่จะต่อสู้กับร่างกายของเขาจริงๆ นี่คือร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และมันจะพ่ายแพ้ให้กับสิ่งมีชีวิตโบราณได้อย่างไร
“ร่างศักดิ์สิทธิ์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ จงคุกเข่าลงต่อหน้าข้า!”
สิ่งมีชีวิตโบราณนี้มั่นใจมากเกินไป มันคิดว่านอกเหนือจากสายเลือดของวานรศักดิ์สิทธิ์แล้วพวกมันคือผู้ยิ่งใหญ่ลำดับสอง
เย่ฟ่านก้าวไปข้างหน้าและตบมือขวาของเขาเหมือนหินโม่สีทองก้อนใหญ่ และเมื่อทั้งสองมือมาบรรจบกัน ก็มีเสียงดังขึ้น
บูม!
จากนั้นเสียงกระดูกแตกก็ดังออกมา มือขวาของสิ่งมีชีวิตโบราณตัวนั้นบิดเบี้ยวและเสียงนั้นยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอกระดูกสีขายโผล่ออกมานอกผิวหนัง เลือดไหลออกมาราวกับน้ำตก
“ปัง”
เย่ฟ่านตบลงมาอีกครั้ง วิญญาณของสิ่งมีชีวิตโบราณนี้สั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“ร่างกายมนุษย์จะแข็งแกร่งเช่นนี้ได้อย่างไร?”!
“กร็อบ”
คราวนี้มันละเอียดมากขึ้น รอยมือขนาดใหญ่ของเย่ฟ่านกดลง และแขนของมันก็หลุดออก ร่างกายครึ่งหนึ่งของมันถูกฉีกออกจากกัน เหมือนแตงโมที่หล่นลงบนพื้น
สิ่งมีชีวิตโบราณนี้ช่างน่าสังเวช มันคำรามและกระเด็นออกไปเหมือนชิ้นไม้ผุพังไกลออกไปหลายร้อยฉื่อพร้อมกับเสียงดังตุ้บครึ่งหนึ่งของร่างกายศักดิ์สิทธิ์เกือบจะหายไป
“ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณแข็งแกร่งอย่างยิ่ง พลังของมันไม่เป็นรองเผ่าพันธุ์วานรศักดิ์สิทธิ์เลย!”
สิ่งมีชีวิตโบราณคร่ำครวญอย่างน่าสมเพช และเผชิญกับความสยดสยองของร่างศักดิ์สิทธิ์เผ่าพันธุ์มนุษย์
“หืม…”
หวังซ่งเย้ยหยัน เขายยืนเอามือไพล่หลังอยู่ข้างๆ เขา และกล่าวว่า
“มันไม่สำคัญหรอกว่า เจ้าสามารถยกภูเขาด้วยกำลังทั้งหมดของเจ้า ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เจ้าก็ต้องตายแน่นอน”
ในเวลานี้ผู้อาวุโสทั้งแปดได้เข้ามาใกล้แล้ว และสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์สีเงินอีกตัวก็บินเข้ามาอย่างดุร้าย ปีกศักดิ์สิทธิ์จำนวนหนึ่งสะท้อนแสงจ้าราวกับใบมีดสวรรค์
“เจ้าเด็กแซ่เย่คนนี้หยิ่งผยองเกินไป ต่อให้เจ้าคิดจะหนีตอนนี้เจ้าก็ไปไม่ได้แล้ว!”
มีเสียงดังมาจากด้านหลัง ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างกำยำและดวงตาคงกริบเหมือนคมกระบี่จ้องมองเย่ฟ่านด้วยสายตาเย็นชา
นี่คือชายผู้ทรงพลังอย่างยิ่งและยังมีคนอีกห้าคนที่อยู่ข้างๆ เขาพวกเขาเชื่อมั่นว่าด้วยการรวมกำลังกันอย่างเต็มที่มันไม่มีทางที่เย่ฟ่านจะรอดชีวิตไปได้อย่างแน่นอน
“ท่านลุง” หวังซ่งตะโกน
คนคนนี้คือลุงของสองพี่น้องตระกูลหวัง เขาเป็นผู้มีชื่อเสียงอย่างมากในเป่ยหยวน เขาสามารถเทียบได้กับปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วแผ่นดิน
“ข้าจะทรมาณเจ้าให้อยู่ไม่สู้ตาย” หวังซ่งกัดฟันและพูดด้วยความขุ่นเคือง
“สองครึ่งเซียนและแปดผู้สูงสุด อาจทำให้ข้าสนุกได้บ้าง” เย่ฟ่านสงบมาก เขาไม่มีร่องรอยความกลัวใดๆ เลย
“ข้าจะเหยียบเจ้าให้ตายในอีกไม่ช้า มาดูกันว่าเจ้าจะทำเช่นไร!” หวังซ่งกล่าวด้วยเสียงเข้ม
“เด็กน้อย เจ้ากำลังฝันกลางวันอีกแล้ว ข้าปล่อยให้เจ้าหนีไปสองครั้งแรกนับว่าปราณีต่อเจ้าแล้ว วันนี้ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปเป็นครั้งที่สาม!” เย่ฟ่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“คนหนุ่มสาวเช่นเจ้าหยิ่งผยองเกินไปไม่ใช่เรื่องดี เจ้าทำร้ายซ่งเอ๋อถึงสองครั้งแล้ว วันนี้คงไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีก เจ้าจะฆ่าตัวตายหรือรอให้ข้าฆ่าเจ้า!”
หวังเฉิงเฟิงลุงของหวังเถิงกล่าวเสียงดัง
“อันที่จริง คำพูดเหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ข้าอยากจะพูดกับเจ้าเหมือนกัน เจ้าอยากฆ่าตัวตายหรือรอให้ข้าไปหาเจ้าทีละคน” เย่ฟ่านใจเย็นมาก
ทุกคนตกตะลึง ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมั่นใจเช่นนี้ เขาเผชิญหน้ากับผู้อาวุโสสองคนที่ทรงพลัง เขาไม่หนีไป และยังมีท่าทีหยิ่งผยองมากขึ้นเรื่อยๆ
“ข้าไม่เชื่อเรื่องความชั่วร้าย ให้ค่าทดสอบความแข็งแกร่งของเขาเถอะ!” ครึ่งเซียนอีกคนก้าวไปข้างหน้าและกำลังจะโจมตี
“ระวังตัวด้วย มิฉะนั้นเจ้าอาจถูกกำจัดโดยไม่รู้ตัว” เย่ฟ่านพูดโดยไม่เร่งรีบ
ทุกคนหยุดอยู่กับที่ แม้แต่เหล่าคนที่ให้ความสนใจกับสถานที่นี้จากระยะไกลก็ยังประหลาดใจอย่างอธิบายไม่ถูก พวกเขาไม่รู้ว่าเย่ฟ่านพูดจริงหรือพูดเล่นกันแน่
“ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป” หวังซ่งตะโกน “ท่านลุง ลงมือเลยแต่อย่าให้ถึงชีวิต หลังจากนี้ปล่อยให้ข้าดูแลเขาเอง”
หวังเฉิงเฟิงพยักหน้า ขยับมือของเขา เขียนกฎแห่งสวรรค์พร้อมที่จะโจมตีเย่ฟ่าน ในขณะนี้ทรายและก้อนหินปลิวว่อน ลมแรงขึ้นท้องฟ้าและดินเปลี่ยนสี
หัวปีศาจปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าและพุ่งเข้าหาเย่ฟ่าน มันเป็นพลังที่เชื่อมโยงกับกฎและข้อบังคับสวรรค์
เย่ฟ่านตวัดมือเบาๆ และเรียกผนึกขุนเขารูปแบบสมบูรณ์ให้ตกลงมาจากท้องฟ้าเพื่อป้องกันศีรษะปีศาจ
“ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร เจ้าก็จะไม่สามารถเปลี่ยนตอนจบได้” หวังซ่งตะโกน
“อย่าโทษข้าที่ขัดเกลาจิตวิญญาณของเจ้า!”
หวังเฉิงเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา จากนั้นมือของเขาก็ประสานอินเพื่อควบคุมศีรษะของปีศาจให้โจมตีเย่ฟ่าน
บูม!
คลื่นพลังที่เกิดจากการปะทะทำลายความว่างเปล่าให้แตกกระจายราวกับเศษกระจก
ในเวลาเดียวกันวัตถุที่เปล่งประกายแวววาวก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า มันคือต้นกำเนิดสวรรค์ขนาดเท่าศีรษะมนุษย์ที่อัดแน่นไปด้วยอักขระนับล้าน
นี่คือค่ายกลต้นกำเนิดสวรรค์ที่สลักโดยโอหยางเย่ มันถูกสร้างจากต้นกำเนิดสวรรค์ขนาดใหญ่ หากวัตถุชิ้นนี้ระเบิดขึ้น รับรองว่ารัศมีนับร้อยลี้จะต้องกลายเป็นเถ้าถ่านอย่างไม่ต้องสงสัย
“เจ้าคิดจะทำอะไร!” หวังซ่งเปลี่ยนสีหน้า
“ส่งพวกเจ้าไปน้ำพุเหลือง!” เย่ฟ่านยิ้ม
“เราได้ป้องกันไว้ก่อนแล้ว แม้ว่าเทพจะลงมาจุติในวันนี้ ก็ไม่สามารถหยุดข้าไม่ให้ฆ่าเจ้าได้ เจ้าสารเลว!” หวังเฉิงเฟิงก้มหน้าลงเผยให้เห็นเจตนาสังหารของเขา
เขาประสานอิ่นอีกครั้ง ม้วนคัมภีร์โบราณก็บินออกมา ตรึงไว้กลางอากาศ และตราเสิ่นหยวนที่ปกคลุมไปด้วยเส้นหยวนเทียนอย่างหนาแน่นก็จางลง เฟิ่งหวงศักดิ์สิทธิ์ที่จมลงไปในอักขระโบราณก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
“ในโลกนี้ ทักษะต้นกำเนิดไม่สามารถอยู่ยงคงกระพันได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีหนทางแก้ไขเสมอ!” หวังเฉิงเฟิงเย้ยหยัน
“จริงหรือ ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมตัวมาดีแค่ไหน?” เย่ฟ่านกล่าว
“พี่ชายของข้าคาดการณ์ทั้งหมดนี้ไว้แล้ว เจ้าได้รับมรดกของปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ ดังนั้นพี่ชายของข้าจึงมีแผนการรับมือเจ้าอยู่แล้ว”
หวังซ่งหัวเราะเยาะอีกครั้ง“เจ้าคนแซ่เย่ถ้าเจ้ายอมคุกเข่าลง ข้าจะหยุดทรมานเจ้าสักระยะหนึ่ง ไม่เช่นนั้น ตลอดชีวิตของเจ้าหลังจากนี้ คงต้องร้องขอความตายจากข้า”
“ข้าจะเอาร่างเจ้ากลั่นยา ร่างศักดิ์สิทธิ์เป็นวัตถุดิบที่ดีที่สุด เนื้อและเลือดทุกหยาดหยดจะไม่เสียเปล่า” หวังเฉิงเฟิงยิ้มเบา ๆ
เย่ฟ่านสะบัดนิ้วของเขา และอักขระโบราณก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า บินได้ราวกับมีจิตวิญญาณ และพวกมันทั้งหมดก็กลายเป็นรอยประทับ ต้นกำเนิดศักดิ์สิทธิ์ฟื้นคืนชีพขึ้นมาทันที และนกเฟิ่งหวงศักดิ์สิทธิ์ก็พุ่งออกมา
“...?” เหล่ายอดฝีมือตระกูลหวังตกตะลึง
“เจ้าประเมินปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ต่ำเกินไป สิ่งที่เจ้าสามารถปิดผนึกได้ไม่มีอะไรมากไปกว่าความว่างเปล่า หากจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่โบราณไม่ปรากฏตัวขึ้น ในโลกนี้ปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์ถือว่าแข็งแกร่งที่สุด?” เย่ฟ่านเย้ยหยัน
“ถอยออกไป!”
หวังเฉิงเฟิงคว้าตัวหลานชายของเขา และเป็นคนแรกที่ถอยบินกลับ พยายามหนีจากสถานที่ที่น่ากลัวนี้
แต่มันสายเกินไปแล้ว เย่ฟ่านมีสีหน้าเรียบเฉยก่อนที่อักขระโบราณนับล้านชิ้นของเขาจะระเบิดขึ้นทันที
บูม!