บทที่ 9 ดาบเกล็ดมังกร VS ง้าวกระหายเลือด
เตียนอุยทำการเตรียมพร้อมเปล่งปราณในร่างออกมาคลุมร่างกายของเขา พร้อมรังสีฆ่าฟันขึ้นมา
มีออร่าค่อยๆปล่อยออกมาปรากฏจากร่างของเตียนอุย พร้อมบรรยากาศรอบๆเริ่มหนาวเย็นยะเยือก
ดวงตาของเตียนอุยฉายจิตสังหาร พร้อมที่จะจัดการศัตรูตรงหน้า
ฟุ่บ เตียนอุยสะบัดแขนไพล่หลังไว้ออกมาด้านข้างตัวเขา มีพลังงานบางอย่างกระเพื่อมตามแรงที่เคลื่อนไหวตามแขนของเขา
รอบๆข้างที่มีพุ่มไม้และดอกไม้ เต็มทั้งสองด้านของลานกว้าง
มีดอกโบตั๋นที่กำลังบานสะพรั่งร่วงลงมาตกลงสู่พื้นร่วงหล่นเป็นชิ้นๆ
ปรากฏรอยบาดที่กิ่งของต้นโบตั๋น รอยมันช่างเรียบเนียนราวกับถูกของมีคม ตัดเพียงครั้งเดียว
สัญชาตญาณของชายวัยกลางคนเริ่มสั่นกลัวกับเตียนอุยมากขึ้นไปอีก
เตียนอุยยืนนิ่งสงบ มือทั้งสองอยู่ขนาบข้างลำตัว
แต่เมื่อชายวัยกลางคนกำลังชักดาบออกจากฝัก ร่างกายของเตียนอุยเกร็งขึ้นมาทันใดพร้อมง้าวคู่กระหายเลือดปรากฏมาที่มือ
ง้าวคู่กระหายเลือด ปล่อยแสงสีแดงโลหิตเป็นไอจางๆรอบตัวอาวุธ ทำให้คนที่ถือรู้สึกมีความกระหายเลือดอย่างรุนแรง
หลู่บูเว่ยตกใจกับบุคคลข้างหน้าที่ตอนแรกดูไม่มีพิษภัยอะไร แต่ตอนนี้กลับดูดุจร้ายดั่งพยัคฆ์ร้ายทันที
เคร้ง! เสียงเหมือนโลหะกระทบกันดังก้องในลานและมีประกายแสงไฟวูบวามปรากฏขึ้นทุกครั้งที่มีการปะทะกันของอาวุธ
ซึ่งดาบยาวของชายวัยกลางคน ตอนนี้ติดอยู่ตรงกลางใบมีดพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวของง้าวคู่เตียนอุย
ดาบยาวของชายวัยกลางคนมีประกายแสงสีเงินออกมาเหมือนกับคลื่นน้ำสีเงินที่ลอยอยู่บนใบดาบ และมีลวดลายของเกล็ดมังกรสีเงินอยู่ที่ตรงด้ามจับ
ซึ่งดาบยาวเล่มนี้มีชื่อเรียกขานหลายอย่าง มีเรื่องหนึ่งเรียกดาบเล่มนี้ว่า ดาบเกล็ดมังกร ซึ่งถูกตีขึ้นโดยปรมาจารย์ช่างตีดาบผู้หนึ่ง
ตามเรื่องเล่า เมื่อตัวดาบถูกชักออกมาจะปรากฏเมฆหมอกครึม ท้องฟ้าเริ่มปั่นป่วน มีลมพัดแรงดั่งพายุ เหนือท้องฟ้าในเมฆมีมังกรสีเงินคำรามออกมา ราวกับมันได้รับการปลดปล่อย
ตัวใบดาบเล่มนี้จึงมีลายมังกรอยู่บนใบดาบและมีลายเกล็ดมังกรอยู่ที่ด้ามจับ ดังนั้นดาบเกล็ดมังกรเล่มนี้จึงถูกเรียกอีกชื่อว่า “ดาบสังหารมังกร” ซึ่งเป็นชื่อที่น่ารังเกียจของพวกราชวงศ์
เมื่ออี๋เหยินได้เป็นกษัตริย์จวงเซียงหวาง เพื่อเป็นการขอบคุณในคุณงามความดีของหลู่บูเว่ย เขาจึงได้มอบดาบเกล็ดเงินให้แก่เขา
และหลู่บูเว่ยก็มอบดาบเกล็ดมังกรแก่ชายวัยกลางคนที่เขาไว้ใจในฝีมือ
เมื่อชายวัยกลางคนได้รับดาบเกล็ดมังกรมา เขาจึงแข็งแกร่งกว่าเดิม
แทบไม่มีใครเทียบเคียงเขาได้ ทุกครั้งที่เขาชักดาบเล่มนี้ มีผู้คนต้องสังเวยชีวิตให้แก่มันมากมาย
ยังข่าวลือเกี่ยวกับดาบเล่มนี้อีกเรื่อง ว่ามีจิตวิญญาณของมังกรเงินสถิตอยู่ในดาบเล่มนี้
เนื่องจากเมื่อครั้งอดีต มังกรสีเงินยังมีชีวิตอยู่ ได้ต่อสู้กับมังกรคราม
แต่ด้วยความที่มังกรสีเงินอ่อนแอเกินกว่าที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของมังกรคราม สุดท้ายจึงถูกมังกรครามฆ่าตายและฉีกกินมันเข้าไป
หลังจากมังกรสีเงินตาย เศษวิญญาณที่อาฆาตแค้นได้สถิตลงที่ตัวดาบ
ดังนั้นตัวดาบที่มีวิญญาณมังกรสีเงินสถิตอยู่ จึงกลายเป็นดาบยาวที่คมกริบ บนตัวดาบมีลายเกล็ดมังกรของมันฝังไว้ ราวกับมันรอที่จะได้ใช้ดาบนี้ปลิดชีพมังกรคราม
รัฐฉิน ณ ตอนนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก จึงนับถือ พยัคฆ์ขาว เทพแห่งทิศตะวันตก ตัวแทนแห่งฤดูใบไม้ร่วง เป็นธาตุทองและเป็นสัญลักษณ์แห่งแม่ทัพ
ซึ่งในช่วงเวลานั้นเกิดสงครามแก่งแย่งอำนาจการปกครองในรัฐฉิน
เหมือนมีราชวงศ์ปกครองรัฐฉินขึ้นมา จึงเปลี่ยนให้ไปนับถือมังกรคราม เทพแห่งตะวันออก ตัวแทนแห่งฤดูใบไม้ผลิ เป็นธาตุไม้และเป็นสัญลักษณ์แห่งจักรพรรดิ
และด้วยเรื่องราวของดาบเกล็ดมังกร ที่เกิดมาเพื่อฆ่ามังกรครามจึงไปขัดต่อความศรัทธาของรัฐฉิน มันจึงเป็นดาบต้องห้ามในราชวงศ์
เมื่อชายวัยกลางคนเห็นว่าดาบของตนติดอยู่กลางใบมีดจันทร์เสี้ยวของง้าวคู่ข้างหนึ่งในมือของเตียนอุย
เขาก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มเยาะเย้ยเตียนอุยและหันคมดาบ โดยต้องการให้เตียนอุยได้รู้สึกถึงอานุภาพของดาบเกล็ดมังกร
ความคิดของชายวัยกลางคนนั้นง่ายมาก เขาคิดจะใช้ความคมของดาบยาวตัดใบมือจันทร์เสี้ยงของง้าวคู่โดยตรง
โดยไม่รู้ว่าเขาทำผิดพลาดร้ายแรง ว่าง้าวคู่ของเตียนอุย ไม่ใช่ง้าวธรรมดาแต่เป็นง้าวที่ทำจากเหล็กเย็นในทะเลลึก
ง้าวคู่นี้ได้ดื่มเลือดของผู้แข็งแกร่งมานับไม่ถ้วน จึงได้ชื่อว่า ง้าวกระหายเลือด
ชิ้ง ชิ้ง เคร้ง!
ชายวัยกลางคนผงะเมื่อตระหนักได้ว่าคบดาบเกล็ดมังกรมังกรของเขาไม่มีผลต่อง้าวคู่ของเตียนอุย
ดาบเกล็ดมังกรที่เขาภูมิใจ กลับไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนกับใบมีดง้าวคู่นี้ได้สักนิด
เพราะอาวุธประจำกายของเตียนอุย ถูกเรียกขานว่า ง้าวคู่กระหายเลือดซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษของเขาเอง
แม้ว่ามันจะถูกสร้างขึ้นมาโดยช่างตีเหล็กที่ไม่รู้จัก แต่ก็เป็นปรมาจารย์ในหมู่บ้านและไม่รู้ว่าเขาได้เหล็กเย็นมาอย่างไงก็ตาม
แต่เขาทุ่มเทในการสร้างมันขึ้นมา ใส่จิตวิญญาณและเทคนิคที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิตในการหลอมและตีมันให้เป็นง้าวสั้นคู่หนึ่ง
มีเรื่องเล่าว่า เมื่อง้าวสั้นคู่นี้ตีขึ้นมาสำเร็จ ปรากฏมังกรโลหิตสองตัวต่อสู้กันบนท้องฟ้าเหนือเมฆ
สิ่งที่น่าประหลาดใจคือเลือดที่ไหลออกมาจากการต่อสู้ของมังกรทั้งสองบนท้องฟ้า ตกลงมาบนง้าวสั้นคู่นี้และถูกง้าวสั้นคู่นี้ดูดกลืนเข้าไปในตัว
ปรมาจารย์ช่างฝีมือตกตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ เขาไม่คิดว่าเขาจะสร้างอาวุธที่บ้าคลั่งขนาดนี้ขึ้นมาได้
เพื่อหลีกเลี่ยงความกระหายเลือดที่บ้าคลั่งของง้าวสั้นคู่นี้
เขาได้ยอมเสียสละตัวเอง โดยใช้เลือดเนื้อและจิตวิญาณของเขาเพื่อปิดผนึก ความกระหายเลือดที่บ้าคลั่งนี่
แต่เขาไม่คาดคิดว่าการที่เขาผนึกตัวเองลงในง้าวคู่ ทำให้มันมีพลังมากขึ้นไปอีกและทำให้ง้าวคู่นี้มีจิตวิญญาณของเขาอยู่ด้วย
และชื่อง้าวคู่กระหายเลือดก็มาจากเหตุการณ์ที่ที่เกิดขึ้น มันคือโชคชะตาของผู้ถือครองมัน ที่ทั้งชีวิตของผู้ถือครองต้องอยู่และตายเพื่อการต่อสู้ ตลอดอายุขัยของตน
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล่า แต่มันก็แสดงให้เห็นศักยภาพของมันเอง
โดยง้าวด้านซ้ายหนัก 39 ชั่งและง้าวขวาหนัก 41 ชั่ง
เตียนอุยสูดหายใจ ง้าวคู่กระหายเลือดในมือของเขาก็หันทิศทางอย่างกระทันหัน ปลายใบมีดสไลด์ออกมาจากตัวคมดาบและพุ่งเข้าโจมตีใส่ชายวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนตอบสนองได้ทันและไหวพริบของเขาถือว่าดีไม่น้อย เมื่อเห็นง้าวคู่กระหายเลือดที่เตียนอุยกำลังโจมตีเข้ามา เขารีบปัดและถอยห่างออกมา
มีคลื่นพลังพัดผ่านอากาศ พุ่งตรงมาที่เตียนอุย ตำแหน่งของคลื่นพลังพุ่งเข้ามาที่คอและดวงตาของเตีอนอุยโดยตรง
ดวงตา ถือเป็นจุดอ่อนและส่วนที่อ่อนแอที่สุดของร่างกายมนุษย์ และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจตนาของชายวัยกลางคนที่ตั้งใจเล็งมาที่จุดเหล่านี้
แต่ชายวัยกลางคนก็ประเมิณความแข็งแกร่งของเตียนอุยต่ำเกินไป
“ฮึ่ม”
เตียนอุยตะคอดอย่างเย็นช้า และเหวี่ยงมือข้างหนึ่งที่ถือง้าวกระหายเลือดป้องกันที่ดวงตาของเขา ส่วนง้าวกระหายเลือดอีกข้างพุ่งโจมตีไปที่ตำแหน่งเท้าที่กำลังถอยของชายวัยกลางคน
“อั่ก”
ชายวัยกลางคนรีบหลบ แต่ก็เซถอยหลังไปอีกประมาณสาวก้าว หลังจากที่จะลงจอดในตอนแรก
“แข็งแกร่งมาก”
ชายวัยกลางคนคิดในใจและมองไปที่เตียนอุยด้วยความตะลึง เขารู้สึกเสียวเล็กน้อยที่ฝ่าเท้าของเขา
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่ถามออกมา
“ฮึ่ม”
เตียนอุยไม่สนใจจะตอบคำถามและพุ่งตรงเข้าหาแทน
ความแข็งแกร่งของเตียนอุย สมกับฉายาของเขาจริงๆ ผู้สามารถไล่เสือข้ามหุบเขา แต่ยังถือขื่อด้วยแขนทั้งสองข้างอีกด้วย
ด้านหลังของชายวัยกลางคน คือหลู่บูเว่ย เขาจึงไม่สามารถหลบได้
หากหลู่บูเว่ยได้รับบาดเจ็บขึ้นมา แม้ว่าเขารอดชีวิตจากการต่อสู้ แต่ก็จะถูกตามล่าประหารชีวิตอยู่ดี
ดังนั้นชายวัยกลางคนเลือกที่จะยืนรับการโจมตีของเตียนอุยที่กำลังพุ่งมาหา
“ฮ่าห์”
เตียนอุยก้าวเท้าไปข้างหน้า ตรงไปที่ด้านข้างของชายวัยกลางคน และเหวี่ยงง้าวคู่ลงมาอย่างรุนแรง