บทที่ 880 (1) อาคนที่สองกำลังจะจากไป(ตอนฟรี)
บทที่ 880 (1) อาคนที่สองกำลังจะจากไป
“จี้เฟิง ไปกันเถอะ!”
ซูหยวนหันกลับไปมองที่ประตูของบ้านพักคนชราอีกครั้ง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าสวยคมของเธอ นี่เป็นครั้งแรกในรอบสองสามวันที่เธอสามารถยิ้มได้อย่างผ่อนคลายแบบนี้
“ไม่ดูต่ออีกหน่อยเหรอ?” จี้เฟิงถาม
ซูหยวนยิ้มและส่ายหัว “ไม่มีอะไรให้ต้องดูอีกแล้ว เขายังมีชีวิตอยู่ การล้างแค้นของฉันก็ได้รับการชำระแล้ว จากนี้ต่อไป ฉันกับเขาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆเกี่ยวข้องกันอีก... ฉันไม่ได้พูดประชดหรือพูดด้วยความโกรธแค้น ตอนนี้ฉันรู้สึกโล่งอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมันไม่มีอะไรติดค้างในใจฉันอีกต่อไปแล้ว!”
ซูหยวนไม่ได้มีความรักความผูกพันต่อซูหลงเลยแม้แต่น้อย แต่ที่เธอไม่ต้องการให้เขาตายมันเป็นเพียงเพราะสายเลือดที่ข้นกว่าน้ำเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะถ้าพูดถึงความรักในครอบครัว เธอสูญเสียมันไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้ว และมันก็พังทลายลงเพราะฝีมือของซูหลง!
“งั้นก็ดีแล้ว ถ้าสิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้มันทำให้เธอสบายใจจริงๆ” จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อย
“จี้เฟิง... ขอบคุณนะ!” ซูหยวนมองไปที่จี้เฟิงอย่างซาบซึ้งและพูดเบาๆว่า “ที่ฉันขอบคุณคุณ ไม่ใช่เพราะคุณล้างแค้นให้ฉันหรอกนะ”
“หือ?” จี้เฟิงยิ้ม “แล้วขอบคุณเรื่องอะไรล่ะ?”
ซูหยวนเพียงแค่เม้มริมฝีปากของเธอและหัวเราะเบาๆ แต่ไม่ได้ตอบคำถามของเขา
อันที่จริง สิ่งที่ซูหยวนต้องการจะพูด มันไม่ใช่คำขอบคุณ แต่เป็นการแสดงความรู้สึก เธอรู้ดีว่าด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในหางโจว ณ เวลานั้น จี้เฟิงสามารถเพิกเฉยต่อซูหลงได้โดยไม่ต้องทำอะไรให้เปลืองแรง แค่ปล่อยให้ซูยาหยุนฆ่าซูหลงไป แล้วหลังจากนั้นจะเคลียร์ตัวเองด้วยคำพูดสวยหรูหรือจะโกหกยังไงก็ได้
แต่จี้เฟิงเลือกที่จะไม่ทำ เขากลับใช้ความพยายามอย่างมาก ไม่เพียงแต่ทำให้ซูยาหยุน น้าของเธอได้ล้างแค้นด้วยตัวเธอเองเท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ปมที่อยู่ในใจของเธอด้วย...
ที่เขาทำทั้งหมดนั้นก็เพื่อเธอ...
แล้วจะไม่ให้ซูหยวนรู้สึกหวั่นไหวได้อย่างไร เมื่อเธอได้พบกับผู้ชายที่แคร์เธอและทำเพื่อเธอได้มากขนาดนี้?
นอกจากนี้ ตัวเธอเองก็รู้สึกชอบพอในตัวจี้เฟิงอยู่ก่อนแล้ว แต่ตอนนี้หัวใจของเธอได้มอบให้จี้เฟิงไปแล้วทั้งหมด!
“โอเคๆ งั้นเราก็ไปกันเถอะ!”
เมื่อเห็นซูหยวนทำท่าทางลึกลับและไม่ยอมตอบคำถาม จี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม และไม่ได้ถามคำถามใดๆเพิ่มเติมอีก
ในความเป็นจริง เขาค่อนข้างคาดไม่ถึงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูหยวน
ก่อนที่เขาจะไปหางโจว เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะได้ซูหยวนมาอยู่เคียงข้างเขา อย่างไรก็ตาม สิ่งต่างๆในโลกมักคาดเดาไม่ได้ และเรื่องอารมณ์ความรู้สึกก็เป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้เช่นกัน สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงที่เขาอยู่หางโจว มันทำให้เขาเข้าใจซูหยวนอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น และในระหว่างกระบวนการทำความเข้าใจนี้ ซูหยวนก็ค่อยๆเดินเข้ามาอยู่ในหัวใจของเขา
ถ้าลองคิดหาเหตุผลอย่างจริงจัง จี้เฟิงรู้สึกว่าคงเป็นเพราะความแข็งแกร่งสู้ชีวิตของซูหยวนที่ทำให้เขาประทับใจ จี้เฟิงรู้สึกเหมือนกับเห็นเงาของตัวเองอยู่ในตัวซูหยวน
นอกจากนี้ เขาและซูหยวนมีสิ่งต่างๆที่ต้องทำร่วมกันมากมาย พวกเขามีความประทับใจที่ดีต่อกันตั้งแต่แรกเริ่มจนมาถึงตอนนี้ ทั้งสองคนเหมือนกับคนที่คุยภาษาเดียวกัน จี้เฟิงสามารถเข้าใจซูหยวนได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ซูหยวนเองก็ตอบสนองความต้องการในเรื่องงานได้โดยที่จี้เฟิงไม่ต้องเหนื่อยเลย นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันได้
งานเข้าแล้วสินะ!
บางทีคำนี้อาจจะใช้อธิบายได้ดีที่สุดในเวลานี้
เพราะอย่างที่รู้ จี้เฟิงไม่ใช่หนุ่มโสด
ในขณะที่คิดเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูหยวน ความไม่สบายใจและความรู้สึกผิดก็เกิดขึ้นในหัวใจของจี้เฟิงด้วยเช่นกัน สำหรับถงเล่ยซึ่งตอนนี้อยู่ที่หยานจิงและเซียวหยูซวนที่กลับไปอยู่ที่บ้าน จี้เฟิงนั้นรู้สึกผิดต่อพวกเธออย่างลึกซึ้ง ครั้งหนึ่งเขาเคยสัญญาว่าจะไม่ทำให้พวกเธอต้องผิดหวัง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะทำผิดสัญญา...
จี้เฟิงไม่ใช่คนโลภ เขาไม่ใช่คนที่พอเห็นคนสวยแล้วหักห้ามใจตัวเองไม่ได้ แน่นอนว่าที่เขาชื่นชอบซูหยวนไม่ใช่เพียงเพราะเธอเป็นสาวสวยที่น่าทึ่ง!
ในความเป็นจริง แม้ว่าซูหยวนจะเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวย รูปร่างก็ช่างเย้ายวนใจ แต่เมื่อเทียบกับความงามที่เหมือนนางฟ้าของถงเล่ย และความสวยเซ็กซี่ที่ทำให้ใจเต้นแรงอยู่ตลอดเวลาของเซียวหยูซวน ซูหยวนยังคงเป็นรองอยู่เล็กน้อย
พูดตามหลักเหตุผล จี้เฟิงที่เคยชินกับความงามระดับถงเล่ยและเซียวหยูซวนแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้หญิงคนอื่นเพียงเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงสวย
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับซูหยวนที่พัฒนาขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่เขาเองก็ไม่คาดคิด
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จี้เฟิงรู้สึกว่าเขาได้ทำผิดต่อเซียวหยูซวนและถงเล่ยอยู่ดี ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะแอบถอนหายใจ
“เป็นอะไรหรือเปล่า? มีเรื่องไม่สบายใจเหรอ?” ซูหยวนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของจี้เฟิง เธอจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มีอะไรหรอก”
จี้เฟิงส่ายหัวและยิ้ม “พอดีฉันเพิ่งนึกอะไรบางอย่างออก”
“กำลังคิดถึงแฟนอยู่ล่ะสิ?” ซูหยวนถามอย่างตรงไปตรงมา “คุณกำลังรู้สึกผิดหรือไม่ก็รู้สึกละอายใจต่อแฟนของคุณ และไม่รู้จะอธิบายให้แฟนของคุณฟังยังไงที่จู่ๆก็มีผู้หญิงคนใหม่เข้ามาในชีวิตในฐานะนางสนม... ใช่มั้ย?”
“......”
จี้เฟิงทำตัวไม่ถูก เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี “นางสนมอะไรกัน! พูดอย่างกับฉันเป็นนายน้อยในสมัยโบราณที่ต้องมีเมียหลายคนเพื่อเสริมอำนาจบารมีอะไรทำนองนั้น อย่าหาพูดไปเชียว!”
“แล้วคุณไม่ใช่นายน้อยเหรอคะนายน้อยจี้?” ซูหยวนกลอกตามองเขา “ฉันยอมเป็นคนรักลับๆของคุณ และฉันก็จะไม่เรียกร้องอะไรมากกว่านั้น ถ้าคุณต้องการ คุณไม่ต้องบอกใครตลอดชีวิตเลยก็ได้!”
จี้เฟิงทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่น แต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้
“อย่าทำหน้าเศร้าสิคะคุณชายจี้ งั้นเอาแบบนี้ดีมั้ย?” ซูหยวนยิ้มบางๆและกล่าวว่า “ถ้าสมมติว่าฮูหยินเกิดรู้เรื่องขึ้นมาแล้วตำหนิคุณ ฉันจะเป็นคนไปอธิบายให้เธอฟังเองว่าฉันเป็นคนล่อลวงคุณ แบบนี้โอเคมั้ย?”
จี้เฟิงโบกมืออย่างอ่อนแรง “ฉันยอมแล้วๆ! ฉันเกือบจะลืมไปแล้วนะว่าตรงไหนของเธอที่ทำให้ฉันกลัว... เราพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน แล้วกลับกันเถอะ”
ยิ่งซูหยวนพูดแบบนี้ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิด ถ้าเขาไม่ตัดบทและรีบไป เกรงว่าเขาคงได้กระอักเลือดตายเพราะคำพูดของซูหยวน
ผู้ชายมาดแมนอย่างเขาจะไปยืนหลบอยู่หลังผู้หญิงเวลาเกิดเรื่องได้ยังไง? โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้...
นอกจากนี้ เขาคือคนที่ทำผิดต่อถงเล่ยและเซียวหยูซวน เขาต้องขอโทษพวกเธอด้วยตัวของเขาเอง และไม่ว่าพวกเธอจะลงโทษเขาอย่างไร เขาก็สมควรได้รับมัน
..........
หลังจากออกจากบ้านพักคนชรา ซูหยวนกลับไปที่โรงงานเซียว เธอต้องคุยปรึกษาหารือกับหยางเต๋อจ้าวในเรื่องของความร่วมมือกับไพโอเนียร์ฟามาซูติคอลกรุ๊ป
พูดถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน ค่าธรรมเนียมตัวแทนประจำปีจำนวน 50 ล้านหยวนไม่ใช่เงินน้อยๆเลยสำหรับโรงงานเซียว
ใน 5 ปี เฉพาะค่าธรรมเนียมของตัวแทนเพียงอย่างเดียวก็สูงถึง 250 ล้านหยวนแล้ว ซึ่งเป็นเงินจำนวนมากสำหรับโรงงานผลิตยาที่เพิ่งเริ่มต้น
ไม่เพียงแค่นั้น ความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์แบบร่วมมือกับบริษัทในเกาะไต้หวันอย่างไพโอเนียร์ฟามาซูติคอลกรุ๊ปนั้นก็มีความสำคัญมาก เพราะสิ่งนี้เป็นการบ่งชี้ว่าโรงงานเซียวได้เข้าสู่ช่วงการขยายตัวอย่างแท้จริง และยังเป็นการบ่งบอกว่าโรงงานเซียวจะไม่จำกัดอยู่ที่แห่งๆเดียว!
ระหว่างทางกลับ ซูหยวนไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องฮูหยินหรือนางสนมอีก อย่างไรก็ตาม ชื่อ “นายน้อยใหญ่” กลายเป็นชื่อเฉพาะของจี้เฟิงสำหรับเธอไปโดยปริยาย ... ดูเหมือนว่าเธอจะถือว่าตัวเองเป็นนางสนมจริงๆ และเธอก็เต็มใจ
สิ่งนี้ทำให้จี้เฟิงรู้สึกประทับใจแต่ก็ละอายใจในเวลาเดียวกัน
ฉันเป็นหนี้พวกเธอมากเกินไป เกรงว่าชั่วชีวิตนี้ก็คงจะใช้ไม่หมด!
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกผิดของจี้เฟิงก็หายไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาได้ยินข่าวที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจ
ทันทีที่จี้เฟิงกลับถึงบ้าน เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากจี้ช่าวเหลย พี่ชายคนที่สองของเขา โดยบอกให้เขาไปที่บ้าน
จี้เฟิงถามทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น และจี้ช่าวเหลยก็ตอบกลับมาว่า “อารองของนายกำลังจะจากไป.. ฉันไม่สามารถอธิบายรายละเอียดอื่นๆทางโทรศัพท์ได้ ไว้ค่อยคุยกันหลังจากที่นายมาถึง!”
“อารองจะจากไป?!”
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะตกใจ จากไปที่ว่านี่มันหมายความว่าอะไร?
เขาไม่กล้ารอช้าอีกต่อไป หลังจากที่วางสายแล้วเขาก็ขับรถไปยังที่พักของคณะกรรมการพรรคเทศบาลนครเจียงโจวในทันที คำพูดของพี่รองไม่ชัดเจนแถมน้ำเสียงก็ฟังดูเป็นทางการ มันทำให้จี้เฟิงรู้สึกไม่ดี
มีเรื่องไม่ดีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?
จี้เฟิงขับรถไปด้วยความเร่งรีบ และทันทีที่เขามาถึงและกำลังจะจอดรถ เขาก็เห็นรถ ออดี้ เอหก (Audi A6) ที่มีป้ายทะเบียนจินหลิงจอดอยู่ก่อนแล้ว และเมื่อมองไปดีๆจะพบว่าเป็นทะเบียนรถของทางราชการ
“พี่ใหญ่ก็กลับมาด้วยเหรอเนี่ย?!” จี้เฟิงขมวดคิ้วทันที พี่ใหญ่จี้ช่าวตง เป็นผู้นำในเขตจินหลิง โดยปกติแล้วงานของเขาจะยุ่งมาก แต่ตอนนี้เขากลับมา เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องเล็ก!
คาดเดาตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ จี้เฟิงรีบเดินไปที่บ้านของอารองของเขา
คนที่มาเปิดประตูให้จี้เฟิงคือน้าสะใภ้รองที่มีใบหน้าใจดีและมักจะยิ้มแย้มกับจี้เฟิงอยู่เสมอ เมื่อเธอเห็นจี้เฟิงเธอก็พูดด้วยความรักทันทีว่า “เสี่ยวเฟิงมาแล้วเหรอ รีบเข้ามาเร็วเข้า ร่างกายจะได้อุ่นๆ ข้างนอกอากาศหนาวมาก!”
“ขอบคุณครับอาสะใภ้!” จี้เฟิงกล่าว ต่อให้เป็นญาติ การกล่าวอย่างมีมารยาทก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นในขั้นพื้นฐาน
“เด็กคนนี้! ยังจะพูดแบบนี้อีก!” อาสะใภ้รองดุจี้เฟิงด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “อารองกับพี่ชายทั้งสองคนของเราต่างก็อยู่ในห้องหนังสือแหนะ รีบเข้าไปสิ เดี๋ยวฉันจะชงชาไปให้!”
“ครับ”
จี้เฟิงตอบสั้นๆจากนั้นก็เดินไปที่ห้องหนังสือและเคาะประตู
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”
“เข้ามา!” เสียงของจี้ช่าวเหลยดังมาจากในห้อง
จี้เฟิงเปิดประตูและเดินเข้าไป และพบว่าอารองนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังโต๊ะ ส่วนพี่ชายคนโตจี้ช่าวตงและพี่ชายคนรองจี้ช่าวเหลยนั่งอยู่บนโซฟาที่ด้านข้าง
“เสี่ยวเฟิง มานั่ง!” จี้ช่าวตงกวักมือเรียกจี้เฟิง
“สวัสดีครับอารอง!” จี้เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยให้จี้ช่าวตงและกล่าวทักทายอารองจี้เจิ้นกั๋วก่อนจะเดินไปที่โซฟา
จี้เจิ้นกั๋วพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวว่า “อืม นั่งลง”
“อารอง ที่ให้พี่รองโทรบอกผมให้มาหา มีอะไรหรือเปล่าครับ?” หลังจากนั่งลงเรียบร้อยแล้ว จี้เฟิงก็ถามขึ้น เขาไม่ได้ดูรีบร้อนจนเกินไป แต่ค่อนข้างสงบ
จี้เจิ้นกั๋วพยักหน้าและแอบรู้สึกพึงพอใจอยู่ในใจ จากนั้นก็กล่าวว่า “มีบางเรื่องที่เธอต้องรู้ไว้ มีการตัดสินใจแล้วว่าฉันจะต้องออกจากตำแหน่งในปีหน้า ฉันไม่อยากให้เธอตกใจหากมารู้ทีหลัง”
“ออกจากตำแหน่ง?!”
จี้เฟิงตกใจ และเข้าใจทันทีว่าอารองหมายถึงอะไร
อารองต้องการจะบอกว่าเขาจะจากไปหลังปีใหม่ และสถานที่แห่งนี้จะถูกส่งต่อให้กับผู้อื่น และถ้ามีปัญหาอะไรอยู่ข้างนอก ก็ควรรีบพูดออกมาและจัดการกับมันให้เร็วที่สุดโดยห้ามทิ้งอะไรไว้ที่จะเป็นหลักฐานมัดตัวในภายหลัง
สำหรับกิจการหรือสิ่งอื่นๆที่เกี่ยวกับการก่อร่างสร้างตัวของเขา จี้เฟิงกล้าสาบานเลยว่าเขาไม่เคยสร้างเรื่องเลวร้ายที่อาจจะเป็นภัยสู่ตัวเองและตระกูลในภายหลังได้อย่างแน่นอน และอารองก็น่าจะรู้ดี เพียงแค่เรียกเขามาเพื่อเตือนเอาไว้ว่ามีอะไรบางอย่างที่อาจหลงลืมไปหรือคิดไม่ถึง
“อารองครับ หลังจากที่ออกจากตำแหน่งแล้ว อารองจะไปทางเหนือหรือทางใต้เหรอครับ?” จี้เฟิงถามด้วยรอยยิ้ม
ในระดับของอารองจี้เจิ้นกั๋ว เขาเป็นสมาชิกของรัฐบาลกลางระดับชาติอยู่แล้ว ดังนั้นการที่เขาต้องออกจากตำแหน่งนั้นหมายถึงเขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งหรือได้รับการมอบหมายใหม่
ดังนั้นแล้วจึงน่าจะมีเพียงสองทางเลือก จะเข้าไปทำงานที่รัฐบาลกลางโดยตรงหรือลงใต้ เพราะดูจากทั้งประเทศแล้ว สถานที่ที่จะรับรองระดับของอารองจี้เจิ้นกั๋วนั้นมีไม่มากนัก
“หืม?”
จี้เจิ้นกั๋วอดไม่ได้ที่จะแปลกใจเล็กน้อยและหันไปมองหน้าจี้เฟิงโดยตรง “ถ้าอย่างนั้น ตามความเห็นของเธอ มันควรจะเป็นที่ไหนล่ะ?”
จี้เฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “มันควรจะเป็นทางใต้ ถ้าพูดถึงสถานที่อยู่ทางใต้ มันควรจะเป็นมณฑลกวางตุ้งตอนใต้(หนานเยว่)ใช่หรือเปล่าครับ?”
อันที่จริง หากลองคิดอย่างรอบคอบ ก็พอจะเดาได้ว่าไม่ควรจะเป็นทางเหนือ เพราะจี้เจิ้นหัว พ่อของจี้เฟิงอยู่ที่นั่น และเพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงหรือการทับซ้อนในอำนาจของตระกูล ปู่ของจี้เฟิงจะต้องไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน ดังนั้นเรื่องการโยกย้ายตำแหน่งจึงไม่น่าจะเกิดขึ้น
ส่วนสถานที่อื่นๆที่สามารถรองรับคนระดับอารองได้นั้นมีอีกหลายแห่ง แต่ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะสถานที่เหล่านั้นเป็นเขตปกครองพิเศษที่มีกลุ่มอื่นดำเนินการอยู่ ดังนั้นหนานเยว่จึงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับอารองจี้เจิ้นกั๋ว และถือว่าเป็นการเลื่อนขั้นที่ไม่เด่นสะดุดตาจนเกินไปด้วย
“ถูกต้อง!”
แน่นอนว่าทันทีที่จี้เฟิงพูดจบ จี้เจิ้นกั๋วก็พยักหน้าและกล่าวชมเชยด้วยความพึงพอใจ “เก่งมากเสี่ยวเฟิง!”
....จบบทที่ 880 ~