บทที่ 8 รัฐมนตรี
เมื่อมองไปที่ชายวัยกลางคนในชุดสูทสีดำ เตียนอุยก็อดขมวดคิ้ว
เขารู้สึกได้ว่าศิลปะในการต่อสู้ของชายผู้นี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ออร่าที่เปล่งออกมาและจิตสังหารแบบนี้ไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดาอย่างแน่นอน
แต่เตียนอุยก็ไม่รู้สึกว่าว่าเป็นภัยคุมคาม แม้ว่าชายวัยกลางคนนี้จะดูแข็งแกร่งแต่ชายตรงหน้าก็ยังไม่ดีพอที่จะสร้างความลำบากให้แก่เขาได้
“สวัสดียามค่ำท่านรัฐมนตรี”
เมื่อมองไปที่ชายชราที่ยืนอยู่ต่อหน้าชายวัยกลางคน เตียนอุยอดไม่ได้ที่จะโค้งคำนับตามหน้าที่อย่างช่วยไม่ได้ แต่โค้งคำนับให้เฉยแบบไม่ถ่อมตัวหรือเคารพแต่อย่างใด
ชายชราคนนี้คือรัฐมนตรีภายในพระราชวัง หลู่บูเว่ย
ชายผู้เริ่มต้นเป็นพ่อค้าธรรมดา เมื่อมีความมั่งคั่งก็มาเป็นนักธุรกิจและกลายมาเป็นรัฐมนตรีราชวงศ์ฉินที่ปกครองผู้คนนับหมื่น
“เจ้าเป็นใคร”
หลู่บูเว่ยขมวดคิ้วแสดงความแปลกใจ เนื่องจากเขาไม่เคยเห็นเตียนอุยมาก่อนในพระราชวัง มีทหารหลายคนเขาสามารถจดจำได้หมด
แต่เตียนอุยนั้นคอบปกป้องฝูซูอยู่ข้างกายตลอดและไม่ค่อยปรากฏตัวให้ผู้คนพบเห็นเท่าไหร่นัก
กล่าวได้ว่า แถบนับจำนวนคนที่เคยพบเห็นเตียนอุยได้เลย
นับตั้งแต่เตียนอุยถูกอัญเชิญ เขาก็ซ่อนตัวและอยู่ข้างกายฝูซูตลอดไม่เคยห่างสักเพียงฉื่อเดียว
ขนาดฉินหวังเจิ้งยังรู้เพียงว่า เตียนอุยเป็นองครักษ์ประจำกายของฝูซู ไม่รู้ที่มาที่ไปมากนักและรู้เพียงไว้ เขาแข็งแกร่งและซื่อสัตย์รับใช้ต่อฝูซูเพียงคนเดียว
“ข้าคือหัวหน้าองครักษ์ในวัง” เตียนอุยกล่าวตอบหลู่บูเว่ย
“หัวหน้าองครักษ์ ทำไมเจ้ามาอยู่ตรงนี้?”
หลู่บูเว่ยยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปอีก เนื่องจากหัวหน้าองครักษ์กำลังขวางทางจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่
“ไม่มีเหตุจำเป็นใดให้เจ้าอยู่ที่นี่ ออกไปซะ”
หลู่บูเว่ยกำลังเริ่งรีบ เขาต้องการให้หัวหน้าองครักษ์ผู้นี้หลีกทางให้เขา
เพื่อที่เขาต้องการจะเข้าไปพบและพูดคุย รื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่าของเขากับจ้าวจี
หลู่บูเว่ยรู้ดีว่าจ้าวจีเกลียดเขามาก เนื่องจากสิ่งที่เขาเคยทำกับเธอไว้ในอดีต
แต่เขาก็รู้ว่าจ้าวจีจะต้องยังมีความรู้สึกดีๆต่อเขา ตราบใดที่เขาพยายามง้อเธอ เขาก็สามารถกลับไปสานต่อความสัมพันธ์เมื่อครั้งอดีตได้
“คงไม่ได้ นายท่านของข้ากำลังนอนหลับอยู่ข้างในและข้าไม่สามารถให้ใครไปรบกวนการนอนของท่านได้”
เตียนอุยกล่าวปฏิเสธที่จะหลีกทางหรือปล่อยให้ใครเข้ามา หากไม่มีคำสั่งจากฝูซู แม้จะเป็นอิ๋งเจิ้งมาเข้าก็จะไม่ให้เข้ามาอยู่ดี
“เจ้าว่าอะไรนะ!”
สีหน้าของหลู่บูเว่ยแสดงความโกรธออกมาอย่างชัดเจน นายท่านกำลังนอนอยู่ข้างในซึ่งมันคือห้องของจ้าวจีพักอยู่
“นางเพศยานั้น กล้าเล่นชู้ในวังเชียวงั้นเรอะ” หลู่บูเว่ยตะโกนด่าออกมา
“หึ ข้าจะหั่นเจ้าผู้ชายนั่นให้เป็นชิ้นๆเลย บังอาจนัก” เขากำหมัดแน่นและสบถออกมา พร้อมเตรียมพุ่งเข้าไปในวัง
จ้าวจีซึ่งกำหลังหลับไหลอยู่นั้น ถึงกับสะดุ้งตื่นออกมาเมื่อได้ยินเสียงคำรามอยู่ที่ด้านนอกห้อง แต่เธอก็ไม่กล้าออกไปดู
และฝูซูก็ตื่นขึ้นมาจากการหลับไหล เพราะเขารับรู้ได้ถึงจิตสังหารที่ส่งตรงมายังห้องนี้
ฝูซูแกล้งทำเป็นงัวเงียเหมือนเพิ่งตื่นและพูดขึ้้นมา
“คุณย่า มีอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่ต้องกลัวนะ มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นข้างนอกเฉยๆหลานรัก ย่าจะไปดูให้นะ”
จ้าวจีกล่าวปลอบและต้อการให้ฝูซูนอนลงต่อ เธอเอาชุดคลุมฟินิกซ์มาคลุมและเดินเหยียบพรมด้วยเท้าอันสีขาวนวลของเธอ
ฝูซูขมวดคิ้วและลุกตามเธอไป
จ้าวจีตกใจมาก ขณะที่เดินไปใกล้ประตูและเธอได้ยินเสียงของหลู่บูเว่ยกำลังสบถด่าเธออยู่
หัวใจของจ้าวจีรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาอย่างมาก ความทรงจำที่เลวร้ายในอดีตกำลังย้อนกลับมาในหัวของเธอและทำให้ดวงตาของเธอเริ่มเต็มไปด้วยน้ำตา
ฝูซูขณะเดินตามจ้าวจีมาได้ยินเสียงสบถด่าของหลู่บูเว่ย กำลังด่าทอย่าของเขา
เจ้านั้นกล้าดียังไงมาด่าว่าย่าของเขาเรอะเดียววจะได้รู้ว่าฉันจะจัดการกับแกยังไงที่กล้าใช้ปากนั้น
เมื่อฝูซูมองไปที่หน้าจ้าวจีที่มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตา หัวใจของฝูซูก็เจ็บปวดทันที
จ้าวจีแม้จะอายุมากแล้วแต่เธอยังคงความงามเหมือนสาววัยรุ่น
“ท่านย่า”ฝูซูยื่นมือออกไปเช็คน้ำตาบนใบหน้าของจ้าวจี
“ท่านย่า ซูเอ๋อจะออกสั่งสอนบทเรียนคนที่มาทำให้คุณย่าต้องเสียน้ำตาเอง”
ฝูซูกล่าวออกมาพร้อมลุกขึ้นยืนจะเปิดประตูออกไป
“ไม่!” จ้าวจีรีบจับตัวฝูซูไว้
“ซูเอ๋อ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา” จ้าวจีกังวลใจว่า หลู่บูเว่ยจะทำอันตรายต่อฝูซู
“ฮึ่ม เขายังไม่มีคุณสมบัติพอ”ฝูซูพูดออกมาอย่างเย็นชา
“ท่านรัฐมนตรี โปรดตั้งสติและสำรวมในคำพูดของท่านด้วย”
ใบหน้าของเตียนอุยกล่าวออกมาอย่างเย็นชา เขาไม่ยอมให้ใครกล้ามาดูถูกฝูซูอย่างแน่อน
เตียนอุยพยายามอดกลั้น เขาอยากที่จะทำให้รัฐมนตรีผู้นี้ได้รู้บาปของการกล้ามาดูถูกผู้เป็นนายของเขา
“ห้ะ หัวหน้าองครักษ์เจ้ากล้าดียังไงมาพูดกับข้าผู้นี้ ช่างกล้าเสียจริง”
หลู่บูเว่ยกำลังอยู่ในอารมณ์โกรด แต่เขาก็คาดคิดว่าจะมีใครกล้ามาพูดจาเช่นนี้กับเขา
“ฆ่ามันซะ”
หลู่บูเว่ยแม้จะโกรธอยู่ แต่ก็ยังไม่เสียสติเขาเข้าใจว่านี่คือภายในวัง และการที่หัวหน้าองครักษ์นี่มีส่วนรู้เห็น
ดังนั้นเขาจะต้องปิดปากพยานรู้เห็นนี้เสีย มิฉะนั้นจะมีปัญหาตามมามากมาย
เพราะท้ายที่สุดไม่เพียงแต่การที่เขาเข้ามาที่วังฮั่วหยวนของอดีตจักพรรดินีดึกดื่นเช่นนี้โดยพลการเท่านั้น
แต่เขายังพูดจาดูถูกอดีตจักพรรดินีไปแล้วด้วย
หลู่บูเว่ยจะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องนี้ทำให้สถานะของเขาถูกสั่นคลอน ดังนั้นเตียนอุยจะต้องตายที่นี้
“ได้เลย ท่านรัฐมนตรี”
ชายวันกลางคนที่อยู่ด้านหลังหลู่บูเว่ย ก้าวออกมาและมองตรงไปทีเตียนอุย
ด้วยจิตสังหารและสายตาที่ต้องการล่าเหยื่อ และเปล่งปราณในร่างกายของเขาออกมาพุ่งไปหาเตียนอุย โดยหวังใช้ปราณคุมคามเตียนอุย
บนร่างกายของชายวัยกลางคนมีกลิ่นเลือดจากการพรากชีวิตผู้คนมามากมาย หลู่บูเว่ยได้ทำการคัดผู้ที่จะมาเป็นแขนขาจัดการศัตรูต่างๆให้เขา
ซึ่งชายวัยกลางคนคือมือหนึ่งที่เขาคัดมาด้วยตัวเอง เป็นสาเหตุที่หลู่บูเว่ยกล้ามาแค่สองคน
“เหอะ!”
เตียนอุยสบถอออกมาอย่างเย็นชา และเปล่งปราณที่ทรงพลังในร่างระเบิดออกมา
ด้านหลังเตียนอุย ปรากฏร่างปีศาจสีแดง ราวกับปีศาจจามขุมนรก จ้องมองไปที่ชายวัยกลางคนด้วยดวงตาสีแดงก่ำราวกับจะดูดวิญญาญของผู้ที่มันพบเห็นเข้ามา
“เอ่อ… ซวยละ”
สีหน้าของจอมยุท์วัยกลางคนเริ่มเปลี่ยนไป เขารู้สึกได้ถึงวิกฤตครั้งใหญ่ สัญชาตญษของเขากำลังบอกว่ามีกลิ่นความตายกำลังใกล้เข้ามา
เขาไม่คิดว่าจะมาเจอบุคคลที่น่ากลัวเช่นนี้ ในพระราชวังตอนนี้
แต่เขารู้สึกได้โดยทันที เขาต้องหาทางเอาตัวรอดและหากปกป้องจิตใจของเขา
หากไม่ทำอะไร จิตใจของเขาจะถูกปราณของคนตรงหน้านี้บดขยี้แน่นอน
ดังนั้นจอมยุทธ์วัยกลางคนจึงตัดสินใจ จะเปิดฉากโจมตีก่อน