บทที่ 7 ใช้ความเป็นเด็กให้คุ้มค่า
ฝูซูพยายามรักษาสีหน้าให้ปกติเข้าไว้ แต่เขากำลังหมุนเวียนลลมปราณฝึกฝนวรยุทธ์จักรพรรดิมังกรแห่งจักรราศีอยู่ตลอด
ในตอนแรกฝูซูก็เคารพรักจ้าวจีเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง โดยไม่มีความคิดด้านอื่นเลย
แต่พอได้รู้ว่าจ้าวจีไม่ใช่ย่าแท้ๆของเขา จริงทำให้ความรู้สึกในรักตัวจ้าวจีของฝูซูเริ่มเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ราวกับเขาต้องการเปลี่ยนเธอเป็นทรัพย์สินส่วนตัว
ดังนั้นในทุกครั้งที่ฝูซูมาเยี่ยมจ้าวจี จะขอให้เตียนอุยคอยสังเหตุการณ์สถานการณ์ของจ้าวจีอย่างใกล้ชิดและบอกเขาเสมอถ้ามีเหตุการณ์ไม่ดีรอบตัวจ้าวจี
“มาหาย่าเร็ว หลานรัก” จ้าวจีแบมือทั้งสองข้างไปข้างหน้าเธอด้วยรอยยิ้ม
“ท่านย่าาาา” ฝูซูแสร้งทำเป็นน่ารักและใช้ความเป็นเด็ก ไปสวมกอดจ้าวจีอย่างแนบชิด
“ท่านย่า ร่างกายของท่านช่างหอมจริงๆหอมกว่าเสด็จแม่อีก ซูเอ๋อชอบมาเลยขอรับ”ฝูซูพูดขณะกำลังเอาหน้าถูไถไปมาๆระหว่างทรวงอกของจ้าวจี
“เด็กน้อย ย่าก็อายุมากแล้วเและเริ่มแก่แล้วนะ จะไปเปรียบเทียบกับแม่ของเจ้าได้อย่างไร”แม้ว่าจ้าวจีจะพูดออกมาเช่นนั้น
แต่ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความสุข และดีใจได้รับคำชมเชยในความงามของเธอ
นอกจากนี้เป็นเพราะความปากหวานของฝูซู จ้าวจีชอบมากและมักจะให้รางวัลฝูซูด้วยขนมเสมอ
“ท่านย่าสวยที่สุดในสายตาของซูเอ๋อเสมอ และก็ดูไม่แก่เลย”ฝูซูเถียงทันที
“ซูเอ๋อร์—” จ้าวจียื่นนิ้วสีขาวราวกับหยกออกมาและแตะที่หน้าผากของฝูซูเบาๆ ใบหน้าของเธอพยายามแสดงความโกรธเล็กน้อยมันช่างดูสวยงามมาก
จ้าวจีรู้สึกถึงได้ภัยคุกคามจากมือของฝูซูที่กำลังสร้างปัญหาบนร่างกายของเธอ ดังนั้นเธอจึงผลักฝูซูให้ห่างจากเธอเล็กน้อย
“ย่าได้ยินมาจากพ่อของเจ้าว่า หลานกำลังฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่จริงไหม?”จ้าวจีพยายามหาเรื่องชวนคุย
“ขอรับ ช้าอยากฝึกศิลปะการต่อสู้ไว้ป้องกันตัวและเป็นปรมาจารย์เมื่อโตขึ้น ฝูซูอยากปกป้องท่านย่าไม่ให้ใครมารังแกท่านได้” ฝูซูพูดความรู้สึกจริงๆ ที่เขามีต่อจ้าวจีออกมาอย่างที่ผู้ชายอยากจะปกป้องผู้หญิง
เมื่อจ้าวจีได้ยินคำพูดของฝูซูเธอผงะไปครู่หนึ่งจากนั้น เธอรู้สึกตื้นตันเธอมีชีวิตที่ลำบากมาก่อนและเธอต้องการหาที่ไหล่ที่อบอุ่นไว้พึ่งพิง แต่กลับไม่มีเลย ไม่มี
เมื่อมองไปที่ฝูซูที่อยู่ตรงหน้าของเธอ แม้ว่าเขาจะยังเด็กและดูบอบบางมาก แต่เธอรู้สึกได้ถึงสายตาที่แรงกล้าในคำพูดที่เขาพูดออกมา เขาช่างเหมือนจักพรรดิที่สง่างามและอบอุ่น
เมื่อได้ยินคำพูดของฝูซู จ้าวจีก็อดไม่ได้ที่จะกอดฝูซูอีกครั้งไว้ในอ้อมแขนของเธอและกดศรีษะของฝูซูด้วยมือทั้งสองไว้บนทรวงอกของเธอ
ฝูซูมีความสุขมากกับปัจจุบันเขาอยากเด็กแบบนี้ต่อไปเรื่อย แต่อีกใจก็อยากที่จะเป็นผู้ใหญ่ไวๆ
“ท่านย่า วันนี้ซูเอ๋ออยากนอนกับท่านย่าได้สินะครับ * w *” ฝูซูพูดกับเธออย่างเขินอาย
“เอ่อ…” จ้าวจีลังเล
“ท่านย่า ซูเอ๋ออยากนอนกอดกับท่านเยอะๆ เพราะมีคำกล่าวว่า ยิ่งโตจะยิ่งได้รับความรักน้อยลงและจะไม่ได้รับการกอดอีกแล้ว” ฝูซูกล่าวขึ้นมาอย่างไร้ยางอาย
“เจ้าเด็กคนน้อยคนนี้หลานโตพอจะรู้เรื่องแล้ว ว่ามันคงจะดูไม่ดีในสายตาคนอื่นที่ย่าหลานจะนอนกอดกัน” จ้าวจีอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
“สัญญากับย่า ว่าหลานจะนอนนิ่งไม่ซุกซนในตอนกลางคืน”
“สัญญาเลยคุณย่า” ฝูซูพยักหน้าออย่างมีความสุข
ฝูซูบอกชีซีนอกประตู แล้วขอให้เขากลับไปบอกท่านแม่ของเขาว่าไม่กลับไปคืนนี้
เตียนอุยและชีซีถูกเรียกมาโดยระบบและพวกเขามีความจงรักภักดีต่อฝูซูมาก ดังนั้นเขาจึงรู้สึกสบายใจที่มีทั้งสองคนอยู่ใกล้ๆ
ยามค่ำ…
ไฟในห้องโถงฮั่วหยวนริบหรี่ ไฟตะเกียงปล่อยแสงสลัวๆในห้องโถงใหญ่ นางสนมสองคนได้กลับไปที่ห้องโถงด้านข้างเพื่อพักผ่อนแล้ว ข้างนอกห้องเริ่มมืดคริ้ม
ฝูซูนอนอยู่ในอ้อมแขนของจ้าวจีและผลอยหลับไป จ้าวจีเมื่อมองเห็นมือเล็กๆที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ของเด็กน้อย
และฝูซูยื่นมือเข้าไปจับในเสื้อคลุมฟินิกซ์ของเธอพร้อมกับมีน้ำลายที่ห้อยลงมาจากมุมปากของเด็กน้อย ราวกับกำลังฝันหวาน
จ้าวจีมองไปที่หลานชายของเธอด้วยสายตารักและเอ็นดู ราวกับว่าเธอต้องการชดเชยสิ่งที่อยากทำกับฉินหวังเจิ้งในช่วงวัยเด็กของเขาให้กับฝูซู
ฝูซูแม้ภายนอกเขาจะดูเป็นเด็กน้อยวัยหกขวบ แต่ข้างในเขามีประสบการณ์ในการต่อสู้ของโลกธุรกิจ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา เขาสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ฝูซูจะไม่ใจอ่อนในสิ่งที่เขาต้องการ
มันคือโลกของธุรกิจและมีการใช้เล่ห์เลี่ยม หักหลัง และศัตรูรายล้อมมากมาย แต่เพื่อให้ตัวเขาอยู่บนจุดสูงสุด เขาก็ไม่ลังเลเลยเพื่อให้ได้มันมา
เวลาผ่านไปจ้าวจีก็เริ่มหลับไปอย่างช้าๆและบรรยากาศก็สงบเงียบ
แต่เมื่อพระจันทร์เต็มดวงฉายแสงในอาคารทิศตะวันตก ก็มีเสียงชายหนุ่มกล่าวออกมา
“ผู้ใดกันที่แอบลับๆล่ออยู่ ปรากฏตัวออกมาดีกว่า” เสียงของเตียนอุยกล่าวออกมาอย่างนิ่งสงบ
เพื่อรักษาความปลอดภัยของฝูซู เตียนอุยยืนอยู่หน้าประตูเฝ้าระวังรอบๆอยู่และเขาก็รู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของใครบางคนในความมืด
มีชายชราปรากกฏตัวออกมาจากความมืด สวมชุดผ้าปักและสวมมงกุฏอยู่ และข้างหลังเขามีชายในชุดสูทสีดำที่ดูลึกลับอีกคนหนึ่ง
ชายชุดสุทดำถือดาบโบราณไว้ในอ้อมแขน มีแผลเป็นที่ใบหน้าราวกับได้รับจากการฟันด้วยคมดาบ
ทั้งตัวของเขาเปล่งออร่าแหลมคมพร้อมทิ่มแทงสิ่งรอบตัว