บทที่ 6 จักรพรรดินีผู้มีเสน่ห์
ฝูซูหลังจากพยักหน้ารับคำขอจากท่านแม่ของเขาแล้ว
เขาคิดถึงเรื่องราวของจ้าวจีในประวัติศาสตร์ ก็คิดว่าท่านเป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร
ในช่องปีแรกๆ จ้าวจี มาจากพื้นเพที่ต่ำต้อยและอาศัยอยู่ในซ่อง เธอได้รับการสนับสนุนจากหลู่บูเว่ย ที่เป็นพ่อค้าผู้มั่งคั่งและยอบรับให้เธอเป็นนางบำเรอของเขา
เธอคิดว่าเธอได้พบกับรักแท้และสถานที่เรียกว่าบ้านแล้ว แต่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าเมื่อเธอตั้งครรภ์ เธอจะถูกยกให้กับผู้อื่น ซึ่งก็คือ บิดาของอิ๋งเจิ้ง กษัตริย์จวงเซียงหวาง อี้เหริน
หลู่บูเว่ยยอมยกจ้าวจีเพื่อความมั่งคั่งของเขาเอง ซึ่งทำให้จ้าวจีท้อใจไปชั่วขณะ
อย่างไรก็ตามชะตากรรมของจ้าวจีไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น เพราะเธอและฉินหวังเจิ้งลูกชายของเธอถูกทิ้งให้เป็นตัวประกันในจ้าว
ในขณะที่หลู่บูเว่ยและอี้เหรินใช้โอกาสนี้เพื่อกลับไปยังฉิน เพื่อต่อสู้ชิงบัลลังก์
เพื่อป้องกันไม่ให้จ้าวจีหลบหนี จ้าวกวนจึงแยกจ้าวจีออกจากลูกชายของเธอและป้องกันไม่ให้พวกเขาพบกันได้
จ้าวจีคิดถึงลูกชายของเธอทุกวันและความแค้นของเธอที่มีต่อหลู่บูเว่ยและอี้เหรินก็ฝังลึกลงในใจของเธอ
ต่อมาด้วยความช่วยเหลือของเจ้าชายเฉิงเจียวจากฉิน ในที่สุดแม่และลูกชายก็ได้กลับมารวมกันอีกครั้งและกลับไปที่ฉิน
ด้วยเหตุนี้ จ้าวจี้จึงกลายเป็นจักพรรดินีแห่งฉินและฉินหวังเจิ้ง ยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าชาย
หลังจากการสิ้นพระชนม์ของกษัตริย์จวงเซียงหวาง อี้เหริน
ฉินหวังเจิ้งในวัยเยาว์ก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์ หลู่บูเว่ยแต่เดิมต้องการควบคุมรัฐฉิน แต่กับเจอความผิดพลาดจากเขาคิดไว้ ฉินหวังเจิ้งที่ยังเด็กอยู่แทนที่จะเห็นเขาเป็นคนในครอบครัว
แต่เขาไม่คาดคิดว่าฉินหวังเจิ้งจะกล้าลดบทบาทของเขาลง เพื่อลดอำนาจในราชวงศ์ของหลู่บูเว่ยทีละเล็กทีละน้อยและเลื่อนตำแหน่งให้เหมิงเถียน ผู้มาใหม่เมิ่งอี้และคนอื่นๆ
เมื่อฝูซูไปค้นข้อมูลประวัติศาสตร์เพิ่มเติมมา เขาก็คิดขึ้นได้ว่าเจ้าชายเฉิงเจียว?ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกัน? เขาลืมนึกไปเลย เพราะตอนนั้นที่เขามาโลกนี้ครั้งแรก ระบบบอกว่าตอนนี้อยู่ในสมัยราชวงศ์ฉิน ซึ่งตอนนี้ฉินหวังเจิ้งเป็นจักพรรดิแห่งราชวงศ์ฉินอยู่
หรือเป็นไปได้ไหมว่ายังมีคนที่ถูกส่งมายุคสมัยนี้แบบเขาอีก ไม่น่าเป็นไปได้หรอกมั้ง ฝูซูรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
เมื่อเขาไปถามระบบ ก็ทำให้เขารู้ว่า หลังจากฉินหวังเจิ้งขึ้นครองบัลลังก์ เจ้าชายเฉิงเจียวถูกประหารชีวิตทันที เพื่อปกปิดความลับที่ซ่อนไว้ของเขาและมีหลายคนที่มีส่วนรู้เห็น ทุกคนที่มีส่วนรวมในเหตุการณ์เหล่านี้ถูกไล่ฆ่าไปหมดแล้ว
ต่อมาเมื่อเขาค้นข้อมูลไปมากขึ้น ฝูซูก็ได้ค้นพบความลับว่าฉินหวังเจิ้งไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับจ้าวจี
หลังจากที่ฝูซูได้รู้ความลับนี้ เขาก็เก็บซ่อนมันไว้ในใจและเขาไม่มีทางพูดเรี่องนี้ออกไปแน่อน มิฉะนั้น ไม่ว่าสถานะของเขาตอนนี้ตำแหน่งเขาจะสูงแค่ไหน
เขาอาจจะสิ้นวาระลงก็ได้ ในตระกูลจักรพรรดิที่โหดเหี้ยมที่สุด
หลังจากรู้เรื่องนี้ ฝูซูก็รู้สึกเห็นใจจ้าวจีเป็นอย่างยิ่ง นอกจากเธอถูกคนรักหักหลังและท้ายที่สุดลูกชายของเธอ ก็ดันไม่ใช่สายเลือดแท้ๆของเธอ
ในตอนเย็นฝูซูพร้อมผู้ติดตามสองคนเตียนอุยและชีซี มุ่งไปไปยังวังฮั่นหยวน
ในเวลานี้ฉินหวังเจิ้งอยู่ในจุดสำคัญของหน้าประวัติศาสตร์ของเขาแล้ว เขามุ่งมั่นที่จะรวมหกประเทศให้เป๋นหนึ่งเดียว ดังนั้นเขาจึงไม่เคยโผล่มาที่นี่เท่าไหร่
“ถวายบังคม องค์ชาย” ทหารชุดเกราะสีดำที่เฝ้าทางเข้าทำความเคารพฝูซูทีละคน
ฝูซูพยักหน้าและเดินมุ่งหน้าต่อไปไม่สนใจเหล่าคนที่ทำความเคารพ
“ท่านย่า ซูเอ๋อมาหาแล้วขอรับ” ฝูซุตะโกนออกไปขณะยืนอยู่นอกประตู เขาจัดท่าทางให้เรียบร้อย
“ซูเอ๋อ! เข้ามาได้เลยจ้ะ” เสียงหวานดังขึ้นหลังประตู น้ำเสียงนุ่มนวลราวกับนกกระจิบในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้คนฟังลุ่มหลง
ฝูซูหันไปพยักหน้าและชี้ไปทีเตียนอุย
“ขอรับ” เตียนอุยพยักหน้าอย่างใจเย็นและยืนเฝ้าประตู
ห้องโถงของวังฮั่นหยวน เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ เว้นแต่จักพรรดิหรือคนในราชวงศ์จะเสด็จด้วยตนเอง พวกทหารจะทำได้เพียงยืนเฝ้าประตูอยู่ด้านนอกเท่านั้น
ดังนั้นนอกจากนางสนมและขันที ที่ได้รับอนุญาติที่เข้ามาในวังฮั่วหยวนได้
เตียนอุยเอามือไพล่หลังกวาดตามองดูทุกสิ่งรอบตัวเขาและเตรียมพร้อมเสมอเหมือนมีอะไรเกิดขึ้น
ความแข็งแกร่งของเตียนอุยตอนนี้ช่วยให้ฝูซูรู้สึกปลอดภัย ด้วยความที่เขาเป็นองครักษ์อันดับหนึ่งของจีนและประสิทธิภาพในการต้อสู่ของเขาก็สุดยอด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรบทางพื้นดินซึ่งบอกได้เลยว่าเขาไม่มีที่ติ
ฝูซูยังไม่เคยพบกับสุมาอี้ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าสุมาอี้แข็งแกร่งแค่ไหน แต่ฝูซูรู้สึกว่าถ้าทั้งสองคนสู้กันถึงตายไปข้าง สุมาอี้อาจจะต้องเป็นคนที่ตายก็ได้
ฝูซูเดินเข้ามาอยู่ในพระราชวังพร้อมพกดาบยาวบนร่างกายเล็กๆของเขา ซึ่งตัวดาบมีความเรียบง่ายและงดงามตัวฝักดาบฝังด้วยไข่มุกและหยกแสดงถึงความเป็นสุขภาพบุรุษ
ดาบสามารถแสดงถึงความสุขภาพบุรุษและผู้ชายหลายคนชื่นชอบที่จะพกดาบติดตัว
ฝูซูโบกมือของเขาทำให้ชีซีหยุดยืนอยู่นอกประตูเช่นเดียวกับเตียนอุย
ฝูซูมองไปที่ประตูโถงวังฮั่นหยวนและเปิดประตูเข้าไป
ภายในนั้นถูกประดับไปด้วยเครื่องประดับสีแดง ม่านโปร่งแสง และรอบๆมีตะเกียงสีทองกำลังส่องสว่างไปทั้งห้อง มีโต๊ะไม้ซึ่งมีผลไม้ต่างๆเป็นเครื่องบรรณาการ มีขวดสีเขียวและจานหยกอยู่บนโต๊ะ
“ซูเอ๋อมาหาย่าแล้ว มานี่เร็วให้ย่ากอดหลานหน่อย” เมื่อเห็นฝูซูเดินเข้ามาจ้าวจีก็ดีใจมาก โบกมือเรียกฝูซูให้เข้ามาหาตน
“ท่านย่า!” ฝูซูร้องขึ้นมาและเงยหน้าขึ้นมองสถานการณ์โดยรอบ
บนโซฟาฟินิกซ์มีหญิงสาวสวยกำลังมองเขาด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของเธอราวกับดอกพีช ผิวของเธอขาวดุจหิมะ คิ้วของเธองดงามราวกับภาพวาด เธอสวมเสื้อคลุมลายฟีนิกซ์ที่สวยงามไร้ที่ติ ทั้งตัวของเธอเผยออร่าที่มีเสน่ห์
ฝูซูที่ครั้งหนึ่งเคยมีประสบการณ์ชีวิตพบเจอสาวสวยมากมาย ก็ยังอดไม่ได้ที่แอบกลืนน้ำลาย
ในชีวิตก่อนเขาเจอรูปร่างหน้าตาหญิงสาวมามาก แต่เมื่อเทียบกับจ้าวจีมันทำให้เขาถูกปลุกอารมณ์ความเป็นชายขึ้นมาเลย
ตามที่คาดหวังไว้สำหรับความงามไว้ในประวัติศาสตร์ ตราบใดที่คุณยังมีความเป็นผู้ชาย คุณจะมีความรู้สึกตกอยู่ภายใต้เสน่ห์ของเธอทันทีและยอมศิโรราบแก่เธอ
ฝูซูก็ไม่มีข้อยกเว้น แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีร่างกายเป็นเด็กหกขวบ แต่ในเรื่องของจิตใจเขาก็คือชายหนุ่มที่ผ่านโลกมาแล้ว
แต่ฝูซูเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันดี ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงระงับอารมณ์เก็บซ่อนไว้ เพราะในตอนนี้ร่างกายเป็นเด็กหกขวบ จึงยังระงับมันไว้ได้อยู่