บทที่ 5 โลกแห่งความเป็นจริง
บทที่ 5 โลกแห่งความเป็นจริง
.
ซูฉางซิงไม่ได้นอนหลับลึกเกินไป แต่อยู่ในสภาวะงีบหลับ ในสถานะนี้ เขาสามารถรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นรอบๆได้ แม้จะไม่ชัดเจนนักก็ตาม
นี่เป็นทักษะที่ซูฉางซิงฝึกฝนได้โดยไม่รู้ตัว ในเวลานั้นเขารู้สึกไม่ปลอดภัยที่จะหลับนอน จึงมักจะหลับในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น
ในตอนที่ซูฉางซิงยังเด็กมาก พ่อแม่ของเขาหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยทิ้งไว้เพียงทรัพย์สินจำนวนไม่น้อย เขาจึงถูกรับเลี้่ยงโดยลูกพี่ลูกน้องที่ไม่คุ้นเคย
ตอนแรกครอบครัวก็ปฏิบัติต่อซูฉางซิงน้อยค่อนข้างดีเนื่องจากผลประโยชน์ด้านทรัพย์สิน ต่อมาไม่นานนัก เขาก็รู้สึกว่าครอบครัวมองเขาแปลกๆ และไม่ค่อยจะให้ความสนใจเขามากนัก
ซูฉางซิงฉลาดมากมาตั้งแต่เด็ก เขารู้ว่าไม่มีใครแปลกใจถ้าหากผู้ป่วยระยะสุดท้ายจะเสียชีวิต และเป็นธรรมดาที่ทรัพย์สินที่มีจะตกเข้ากระเป๋าของผู้รับเลี้ยง
……
ทันใดนั้น ซูฉางซิงก็ลืมตาตื่นขึ้นจากการนอน มีเสียงฝีเท้าเดินไปมาอยู่ตรงทางเดินนอกประตู
มันเป็นฝีเท้าที่เดินไปมาอย่างหนักหน่วง
นี่น่าจะเป็นซอมบี้ ดูเหมือนว่ามันน่าจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของซูฉางซิง และกำลังมองหาที่อยู่ของเขา
ซูฉางซิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาอย่างเงียบๆ
4.50 น.
ยังไม่สว่าง
เขาเปิดฝาขวดดื่มน้ำอึกใหญ่ ความรู้สึกเย็นสดชื่นแผ่ซ่านไปทั่วลำคอ สมองค่อยๆ ตื่นขึ้น
ซูฉางซิงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูจำนวนผู้รอดชีวิต
[จำนวนผู้รอดชีวิต: 9 พันล้านคน]
แน่นอนว่ามีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 500 ล้านคน แต่อัตราการเสียชีวิตไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจน 500 ล้านคนแรกเสียชีวิตภายในไม่กี่ชั่วโมงแรก และอีก 500 ล้านคนต่อมาเสียชีวิตภายในชั่วข้ามคืน
ยกเว้นคนที่โชคดีแล้ว กลุ่มคนที่เสียชีวิตในช่วงแรกๆ ได้แก่ คนแก่ เด็ก คนพิการ และคนที่ไม่สามารถปรับตัวให้กับโลกโลกาวินาศนี้ได้ …
เดิมทีซูฉางซิงจัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทนี้ แต่เขารอดชีวิตมาได้
ตอนนี้ยังไม่สว่าง ซอมบี้อาจยังอยู่ในสภาพที่มีความเร็วเพิ่มขึ้นอยู่ เพื่อความปลอดภัย ซูฉางซิงตัดสินใจจะรอจนกว่าดวงอาทิตย์ขึ้นเต็มที่ก่อนจะออกไป
ซูฉางซิงเปิดฟอรั่ม และโพสต์ยอดนิยมก็ดึงดูดความสนใจของเขา
สายลมรุ่งอรุณคืนข้างแรม: เมื่อคืนฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นร้านลึกลับเปิดไฟสว่างอยู่ชั้นล่าง ฉันสาบานว่าไม่เคยเห็นร้านนี้มาก่อน แล้วมันก็หายไปในตอนเช้า
ตอบกลับ 1: เจ้าของโพสต์ป่วยเป็นโรควิตกจริตหรือเปล่า จะมีร้านค้าที่เปิดไฟสว่างได้ยังไง? ตอนกลางคืนที่นี่ฉันไม่เห็นแสงไฟอะไรแม้แต่น้อย
ตอบกลับ 2: น่ากลัวจัง น่าจะเจอผีหรืออะไรซักอย่างนะ
ตอบกลับ 3: ต่อให้มันเป็นเรื่องจริง ฉันก็ไม่แปลกใจเลย เพราะมันไม่มีเหตุผลที่เราถูกจับมาวางไว้ที่นี่
ตอบกลับ 4: อันที่จริง ดูเหมือนฉันก็เห็นเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าฉันอยู่ที่เดียวกับเจ้าของโพสต์หรือเปล่า ตอนแรกนึกว่าเห็นภาพหลอนซะอีก
ตอบกลับ 5: บังเอิญเห็นเหมือนกัน
……
จากการตอบกลับโพสต์ ซูฉางซิงเรียนรู้ว่าหลายคนเห็นร้านลึกลับที่ไม่เข้าสภาพแวดล้อมโดยรอบ และสามารถตัดออกไปได้ว่าพวกเขาอยู่ในที่เดียวกันและเห็นร้านเดียวกัน
แสดงว่าสิ่งนี้ไม่ใช่กรณีพิเศษ แต่เป็นสถานการณ์ทั่วไป
หรือว่าจะเป็นเหมือนร้านค้าคะแนนส่วนลด หรือว่ามันคือร้านค้าคะแนน? ในเมื่อมีร้านค้าคะแนนส่วนลด การที่จะมีร้านค้าคะแนนปกติ มันก็สมเหตุสมผลมาก
จนถึงตอนนี้ซูฉางซิงยังไม่ได้ยินว่าใครในฟอรั่มเคยเข้าไปในร้านค้าเลย แต่เขาแน่ใจว่ามีคนเคยเข้าไปแล้ว เพียงแต่พวกเขาไม่ได้พูดออกมาเท่านั้น
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงการคาดเดาของซูฉางซิง ไม่มีใครรู้รายละเอียดจนกว่าจะเห็นด้วยตัวเองเท่านั้น
นอกประตูยังมีเสียงฝีเท้าเดินไปมาดังก้องอยู่
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้น เมืองที่ทรุดโทรมก็ค่อยๆสว่างขึ้น แสงริบหรี่ส่องผ่านรอยแยกของประตูบานเล็ก
ซอมบี้ชายในชุดเสื้อแจ็คเก็ตสีแดงขาดรุ่งริ่งเดินไปมาอยู่ตรงทางเดินเหมือนกำลังตามหาอะไรบางอย่าง
“เคร้ง~”
ประตูที่อยู่ด้านหลังของซอมบี้ถูกเปิดออกอย่างแรง
ซูฉางซิงปรากฏตัวขึ้นด้านหลังซอมบี้พร้อมกับมีดเหล็กในมือ ก่อนที่ซอมบี้จะทันได้หันกลับมา มีดเหล็กก็ถูกจ้วงแทงลงไป
เลือดกระเซ็น มีดเหล็กจมลึกเข้าไปในกะโหลก ซอมบี้ถูกซูฉางซิงสังหาร
[ฆ่าซอมบี้ รับ 10 คะแนน]
“เป็นความแข็งแกร่งที่ทรงพลังจริงๆ”
ซูฉางซิงฆ่าซอมบี้ตัวนี้ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก พลังของความแข็งแกร่ง 4 เกินกว่าที่เขาจินตนาการ มันเทียบได้กับนักกีฬาที่มีพละกำลังที่สุดบางคน
สิ่งที่เขาขาดในตอนนี้ก็คือทักษะการต่อสู้ อย่างไรก็ตามการจัดการซอมบี้เหล่านี้สามารถใช้วิธีที่ตรงไปตรงมาได้ แค่การจ้วงแทงธรรมดาๆก็เพียงพอแล้ว
หลังจากนั้น ซูฉางซิงก็เริ่มต้นการค้นหาเสบียงบนชั้นนี้ และดูว่ายังมีอะไรที่เป็นประโยชน์อยู่บ้าง แม้ว่าเขาจะไม่ใช้มัน แต่ก็สามารถนำไปขายแลกเปลี่ยนกับคะแนนได้
ทุกห้องรก ลิ้นชักตู้และโต๊ะถูกเปิดออก ดูเหมือนว่าจะเคยถูกใครบางคนค้นมาก่อน
ภายในลิ้นชักที่ถูกเปิดออก บนแก้วที่มีฝุ่นจับมีตัวการ์ตูนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เมื่อลองค้นหาในลิ้นชักที่ถูกเปิดออกดูอีกครั้ง ก็พบสมุดบันทึก ที่ดูเหมือนจะเป็นรายงานบันทึกการปฏิบัติงาน ซึ่งกระดาษเป็นสีเหลืองแล้วอยู่ หลายร้อยหน้ากระดาษอัดแน่นไปด้วยรายงานที่เขียนด้วยลายมือ
……
หลังจากค้นมาได้สองห้อง ซูฉางซิงก็ยังไม่พบอะไรที่เป็นประโยชน์ แต่เขาก็ยังคงเดินไปยังห้องถัดไป และค้นหาไปทีละห้องพยายามหาสิ่งที่เป็นประโยชน์
ที่มุมใต้โต๊ะตัวหนึ่ง ซูฉางซิงพบโทรศัพท์มือถือที่ไม่เสียหายเครื่องหนึ่ง มันไม่มีไฟแล้ว แต่ยี่ห้อของโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
นอกจากนี้ยังพบไดอารีส่วนตัวอยู่ในตู้เก็บเอกสารที่ยังปิดอยู่เล่มหนึ่งด้วย
4 เมษายน
ประสิทธิภาพของบริษัทแย่ลงเรื่อยๆ สงสัยว่าจะเจ๊ง ฮิฮิ ทำไมถึงดีใจ มันต้องเศร้าสิ ถ้าบริษัทล้มละลาย ฉันจะกลายเป็นคนเร่ร่อนไม่มีงานทำไม่ใช่เหรอ?
12 เมษายน
เจ้านายได้มอบยาเม็ดที่ไม่มีใครรู้จักให้ บอกว่ามันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และทำให้ทำงานได้ยาวนานขึ้น
ฉันจะไปกินของแปลกๆแบบนี้ได้อย่างไร
15 เมษายน
เพื่อนร่วมงานรอบตัวที่กินยาลงไป กลายเป็นเหมือนหุ่นยนต์ และเริ่มทำงานล่วงเวลา นี่เป็นจุดเริ่มต้นของ ‘007’ ใช่ไหม?
น่าขันจริงๆ ฉันพนันได้เลยว่าโลกกำลังจะถึงจุดจบ
16 เมษายน
ฉันถูกไล่ออกเพราะไม่ยอมกินยา แต่ก็รู้สึกดีนะ อย่างน้อยก็ผ่อนคลาย บางทีการไม่ต้องทำงานและเป็นคนไร้บ้านก็เป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกัน
……
ไดอารี่จบลงตรงนี้ ไม่มีการระบุปี มีแต่วันที่กับเดือน ดูเหมือนว่าเจ้าของไดอารี่จะไม่ได้มีนิสัยชอบเขียนไดอารี่เลย เพียงแค่เขียนไปตามความรู้สึกเท่านั้น
ซูฉางซิงรู้สึกได้ว่าโลกนี้อยู่ในสภาวะตกต่ำอย่างมากก่อนวันโลกาวินาศจะมาถึง พนักงานบริษัทต้องเสพยาในการทำงานเพื่อให้บริษัทก้าวทันกระแสสังคม
และในสังคมก็มีคนไร้บ้านอยู่เป็นจำนวนมาก
นี่เป็นโลกวันโลกาวินาศ หรือว่าวันโลกาวินาศเกิดขึ้นภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว
ในโลกที่จากมาก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นเช่นนี้เหมือนกัน ซูฉางซิงตัดสินได้จากรายละเอียดต่างๆ
นอกจากนี้เขายังโชคดีที่พบบิสกิตช็อกโกแลตที่น่าจะหมดอายุแล้วสองถุง
อายุการเก็บรักษา: 2 ปี
วันหมดอายุ: 3 มีนาคม 2980
เพราะไม่รู้วันเวลาปัจจุบันของโลกนี้ เขาจึงไม่สามารถตัดสินได้ว่าบิสกิตสองถุงนี้หมดอายุแล้วหรือยัง
เขาไม่กล้ากินบิสกิตช็อกโกแลตสองถุงนี้ หากกินลงไปแล้วเกิดท้องเสียขึ้นมา ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้มันจะอันตรายมาก และเขาก็มีร้านค้าคะแนนส่วนลด ภายในระยะเวลาอันสั้น เขาไม่ควรจะขาดแคลนอาหาร
ดังนั้นซูฉางซิงจึงโพสต์ขาย ‘ของที่ระลึก’ สองถุงนี้เพื่อแลกกับคะแนนในฟอรั่ม
เด็กโชคดี: บิสกิตช็อกโกแลต 2 ถุง ถุงละ 50 คะแนน มาก่อนได้ก่อน
[รูปภาพ]
ในช่วงเวลานี้ทุกคนขาดแคลนอาหาร โดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครเอาอาหารออกมาขาย ไม่ต้องพูดถึงการนำอาหารมาแลกกับคะแนนที่ยังไม่มีประโยชน์ชั่วคราวนี้
ทันทีที่โพสต์ออกไปก็ได้รับการตอบกลับมากมาย
ทะเลดาว: สุดยอดเลยเถ้าแก่ น่าแปลกใจมากที่มีอาหารมาขาย แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ฉันมีเพียง 20 คะแนนเท่านั้น
ทำอะไรไม่ได้เลย: โปรดแลกเปลี่ยน ฉันมี 100 คะแนน
คนฉลาด: คะแนนมากมายแบบนี้คุณได้มาจากไหน ฉันมีแค่ 10 คะแนนเท่านั้น
มันเทศหัวใหญ่ 24 กก.: เตือนความจำอย่างเป็นมิตร ฆ่าซอมบี้ได้ตัวละ 10 คะแนน
……
ซูฉางซิงทำการแลกเปลี่ยนบิสกิตช็อกโกแลตสองถุงกับคะแนน 100 คะแนนของทำอะไรไม่ได้เลย
ทำอะไรไม่ได้เลยขอบคุณอย่างกระตือรือร้นสำหรับความเอื้อเฟื้อและความเมตตาของซูฉางซิง ราวกับสวรรค์มาโปรด จนทำให้ซูฉางซิงรู้สึกอายเล็กน้อย เพราะเขารู้ตัวว่าตนเองเอาเปรียบผู้อื่นจริงๆ
ซูฉางซิงลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเตือนว่า: บิสกิตสองถุงนี้มีโอกาสมากที่จะหมดอายุมานานแล้ว ดังนั้นจึงมีโอกาสมากที่จะกินแล้วท้องเสีย ระวังตัวด้วยนะสหาย
ทำอะไรไม่ได้เลย: ขอบคุณที่เตือน แต่จนถึงตอนนี้ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย ท้องเสียยังดีกว่าอดตาย
หลังจากเสร็จสิ้นการค้นหา ซูฉางซิงก็พร้อมจะออกไปจากที่นี่ แม้ว่าในชั่วระยะเวลาสั้นๆ ที่นี่จะปลอดภัยก็ตาม แต่มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาระยะยาวอย่างแน่นอน
เนื่องจากไม่มีกระเป๋าเป้ ซูฉางซิงจึงดื่มน้ำที่เหลือในขวดภายในอึกเดียว จนรู้สึกว่าท้องพองขึ้นเล็กน้อย และรู้สึกจุกเหมือนกินอาหารจนอิ่มแล้วไม่ได้เดินย่อยอาหารอะไรแบบนั้น
ซูฉางซิงถือมีดเหล็กเดินไปตามทางเดิน เขากำลังจะเคลียร์ไปทีละชั้นอย่างมั่นใจ ตราบเท่าที่มีซอมบี้ไม่เกินสองตัวในเวลาเดียวกัน ก็จะไม่มีปัญหาใหญ่
ในขณะที่กำลังเข้าใกล้ชั้นถัดไป ซูฉางซิงก็ได้ยินเสียงคำรามโดยไม่รู้ตัวของซอมบี้แล้ว มันเป็นเสียงต่ำๆที่แหบแห้งราวกับเจ็บปวดอย่างมาก
ตามที่คาด ชั้นนี้ก็มีซอมบี้อยู่