ตอนที่แล้วบทที่ 29 การทดสอบ? ข้าจะทำมันเอง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 31 เงาของหลี่หราน!

บทที่ 30 ท่านอาจารย์ของข้าช่างน่ารักจริงๆ!


“การทดสอบจะกินระยะเวลากว่าหนึ่งเดือน นอกจากนี้ถ้าเจ้ากลับบ้าน ไม่ใช่ว่าข้าต้องอยู่ห่างจากหรานเอ๋อร์ตั้งนานหรอกหรือ?” เหลิงอู่เหยียนรู้สึกผิดหวัง

โดยปกติ ด้วยการบ่มเพาะของนาง การเก็บตัวครั้งนึงมักจะกินเวลาหลายสิบปี ช่วงเวลาอันน้อยนิดนี้เป็นเพียงการสะบัดนิ้วสำหรับนาง

แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าหนึ่งเดือนนั้นยาวนานและยากลำบากมาก

หลี่หรานบีบมือนางแล้วพูดว่า “ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด ข้ายังคงตั้งตารอเดทครั้งถัดไปกับท่านอาจารย์”

ฮึ่ม เจ้าคนปลิ้นปล้อน ใครอยากไปเดทกับเจ้ากัน?” ร่องรอยแห่งความสุขฉายผ่านดวงตาของเหลิงอู่เหยียน ขณะที่นางพูด ความขุ่นมัวในหัวใจของนางก็สลายไปไม่น้อย

เฮ้อ ความคิดที่ว่าจะไม่ได้พบท่านอาจารย์เป็นเวลานานทำให้ศิษย์คนนี้เจ็บปวดหัวใจ... หรือบางทีข้าไม่ควรไป?” หลี่หรานถอนหายใจ

“เอาล่ะ เส้นทางของผู้บ่มเพาะนั้นไร้จุดจบ มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆสำหรับเจ้าและข้า วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล” เหลิงอู่เหยียนปลอบโยนเขาแทน

ร่องรอยของความเจ้าเล่ห์วาบผ่านดวงตาของหลี่หราน ขณะที่เขาหันหลังไปหานางและพูดว่า “ก่อนที่ข้าจะจากไป ท่านตอบสนองความปรารถนาเล็กๆน้อยๆของศิษย์คนนี้ได้ไหม?”

เหลิงอู่เหยียนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “ความปรารถนา? ไหนลองบอกข้าสิ?”

หลี่หรานกระแอมเพื่อเคลียร์ลำคอ “ชื่อที่ข้าเพิ่งบอกไป ข้าอยากได้ยินท่านพูดจริงๆ”

“อา?” เหลิงอู่เหยียนสูญเสียความเป็นตัวเองทันที นางพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ไม่ ข้าไม่สามารถเรียกเจ้าเช่นนั้นได้!”

“ข้าเข้าใจ...” หลี่หรานเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

เหลิงอู่เหยียนมองไปที่เขาและลังเลอยู่นานก่อนที่นางจะพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าข้าเรียกเจ้าแบบนั้น เจ้ากลับมาเร็วกว่าที่ควรได้ไหม?”

“แน่นอน!” ดวงตาของหลี่หรานเป็นประกาย “ข้าสัญญาว่าจะจัดการให้เร็วที่สุด!”

“เอาล่ะ...” เหลิงอู่เหยียนปิดหน้าของนางและพูดเสียงเบาราวกับยุง “ส-สามี~”

เขาสามารถเห็นแก้มสีแดงก่ำของนางผ่านร่องนิ้วที่ปิดไว้ได้ ก่อนที่หลี่หรานจะตอบสนอง ร่างของนางก็หายไปในทันที นางอายมากจนต้องเผ่นหนี

หลี่หรานนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความมึนงงและไม่ฟื้นตัวเป็นเวลานาน เขากำหัวใจที่เต้นแรงและพึมพำว่า “ท่านอาจารย์ช่างน่ารักจริงๆ...”

เมืองหวู่หยาง

นี่คือเมืองหลวงของราชอาณาจักรซึ่งเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด

ในขณะนี้ ทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าประตูทางเข้าของแท่นแสวงดารา เฝ้ามองผู้บ่มเพาะมากหน้าหลายตา

[ งานชุมนุมสวรรค์อมตะ! ]

นี่เป็นวันที่โลกมนุษย์อยู่ใกล้โลกแห่งการบ่มเพาะมากที่สุด กลุ่มอำนาจที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดจะส่งศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของพวกเขามาทดสอบความสามารถที่แท่นแสวงดารา เพื่อรับโอกาสในการเข้าสู่นิกาย

สำหรับนิกายต่างๆ พวกเขายังคงให้ความสนใจกับงานชุมนุมนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียต้นกล้าที่มีพรสวรรค์

ย้อนกลับไปในตอนนั้น พรสวรรค์ของหลี่หรานในวัยแปดปีได้รับการวัดว่าอยู่ในระดับนักบุญ ทำให้เกิดการแข่งขันแย่งชิงระหว่างนิกายชั้นนำ

และในท้ายที่สุด เขาถูกนำตัวเข้าไปอยู่ภายใต้วิหารโหยวหลัว

ในขณะนั้นเอง ผู้ดูแลที่เป็นหัวหน้างานชุมนุมกล่าวว่า “ตอนนี้ เหล่าศิษย์ของตระกูลเซียวจะขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำการทดสอบ”

ชายหนุ่มและหญิงสาวกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นมา คนที่เด็กที่สุดมีอายุเพียงหกถึงเจ็ดปี

พวกเขาสัมผัสหินตามลำดับที่ระบุไว้

“เซียวเฟิง พรสวรรค์ระดับต่ำ”

“เซียวอวิ๋น พรสวรรค์ระดับต่ำ”

“เซียวซาน พรสวรรค์ระดับกลาง”

จนถึงคนสุดท้าย สิ่งที่ดีที่สุดคือพรสวรรค์ระดับกลาง เรียกได้ว่าน่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง

หญิงสาวคนสุดท้ายหายใจเข้าลึกๆและวางมือขวาไว้บนหิน แม้จะผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ

ผู้ดูแลพูดเสียงดังว่า “เซียวชิงเกอ ไร้พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ!”

นางชักมือออกแล้วหลับตาลง

“อย่างที่คาดไว้ ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น... พรสวรรค์ของข้าหายไปแล้วจริงๆ...”

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเข้าร่วมงานชุมนุมสวรรค์อมตะ ตอนที่นางยังเด็ก นางได้มาทดสอบแล้วก็รู้ว่าตนมีพรสวรรค์ระดับสุดยอด แม้มันจะด้อยกว่าหลี่หรานเล็กน้อย แต่ก็เป็นพรสวรรค์ระดับสุดยอดในรอบหลายร้อยปี

ณ ตอนนั้นที่นางอายุสิบปี นางได้รับการยอมรับจาก ‘พระราชวังเต๋าสูงสุด’ ให้เป็นศิษย์สายตรง นางเข้าถึงขอบเขตสร้างรากฐานตอนที่อายุสิบห้า และเมื่ออายุได้สิบแปด นางก็เข้าสู่ขอบเขตแก่นทองคำแล้ว

ความเร็วในการบ่มเพาะของนางเร็วมากและเป็นรองเพียงหลี่หรานซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะการเกิดใหม่ของจักรพรรดิอมตะ

นอกจากจะมีชื่อเสียงในเมืองแล้ว นางยังเป็นที่รู้จักในฐานะ “เทพธิดาชิง” นางโด่งดังไปทั่วโลกและมีผู้ติดตามมากมาย

หากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น นางจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญและนำตระกูลเซียวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว

ครึ่งเดือนก่อน ฐานการบ่มเพาะของนางหายไปอย่างกะทันหัน การบ่มเพาะอย่างอุตสาหะกว่าสิบปีของนางกลับกลายเป็นไร้ค่า

แม้แต่พรสวรรค์ระดับสุดยอดดั้งเดิมของนางก็กลายเป็น ‘ไร้พรสวรรค์’ ที่เลวร้ายที่สุด นิกายและกลุ่มอำนาจต่างๆพยายามทำทุกวิธีเพื่อหาทางแก้ไข

ในท้ายที่สุด มันสามารถให้เหตุผลได้เพียงว่าเป็น ‘ความประสงค์จากสวรรค์’ เท่านั้น นางไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเป็นคนใช้ของนิกายด้วยซ้ำ

หลังจากยืนยันว่านางไม่สามารถฟื้นคืนได้ นางก็ถูกขับไล่ออกจากพระราชวังเต๋าสูงสุด ยิ่งนางบินสูงแค่ไหนก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางก็ยิ่งทุกข์ตรมมากเท่านั้น

ทุกคนมองไปที่เวทีและพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ

“บัดซบ! พรสวรรค์ของเซียวชิงเกอหายไปแล้วจริงๆ?”

“ถูกต้อง ข้าคิดว่ามันเป็นเพียงข่าวลือ ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือนถูกทุบด้วยค้อน!”

“พระเจ้า หลังจากใช้ทรัพยากรไปมากมาย นางกลับกลายเป็นคนพิการ ครั้งนี้ตระกูลเซียวสูญเสียหนักมาก!”

“ข้าได้ยินมาว่านางถูกไล่ออกจากพระราชวังเต๋าสูงสุด...”

“ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่ตระกูลหลี่ก็ยังออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการหมั้น!”

“ตระกูลเซียวกับตระกูลหลี่มีสัญญาหมั้นหมายกัน? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้?”

“เรื่องมันยาว มันเป็นแบบนี้...”

เซียวชิงเกอเดินลงมาจากแท่นแสวงดาราและเดินผ่านฝูงชนอย่างเงียบๆ ทำเป็นหูหนวกต่อความวุ่นวายทั้งหมด

//////////

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด