บทที่ 30 ท่านอาจารย์ของข้าช่างน่ารักจริงๆ!
“การทดสอบจะกินระยะเวลากว่าหนึ่งเดือน นอกจากนี้ถ้าเจ้ากลับบ้าน ไม่ใช่ว่าข้าต้องอยู่ห่างจากหรานเอ๋อร์ตั้งนานหรอกหรือ?” เหลิงอู่เหยียนรู้สึกผิดหวัง
โดยปกติ ด้วยการบ่มเพาะของนาง การเก็บตัวครั้งนึงมักจะกินเวลาหลายสิบปี ช่วงเวลาอันน้อยนิดนี้เป็นเพียงการสะบัดนิ้วสำหรับนาง
แต่ตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าหนึ่งเดือนนั้นยาวนานและยากลำบากมาก
หลี่หรานบีบมือนางแล้วพูดว่า “ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด ข้ายังคงตั้งตารอเดทครั้งถัดไปกับท่านอาจารย์”
“ฮึ่ม เจ้าคนปลิ้นปล้อน ใครอยากไปเดทกับเจ้ากัน?” ร่องรอยแห่งความสุขฉายผ่านดวงตาของเหลิงอู่เหยียน ขณะที่นางพูด ความขุ่นมัวในหัวใจของนางก็สลายไปไม่น้อย
“เฮ้อ ความคิดที่ว่าจะไม่ได้พบท่านอาจารย์เป็นเวลานานทำให้ศิษย์คนนี้เจ็บปวดหัวใจ... หรือบางทีข้าไม่ควรไป?” หลี่หรานถอนหายใจ
“เอาล่ะ เส้นทางของผู้บ่มเพาะนั้นไร้จุดจบ มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆสำหรับเจ้าและข้า วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล” เหลิงอู่เหยียนปลอบโยนเขาแทน
ร่องรอยของความเจ้าเล่ห์วาบผ่านดวงตาของหลี่หราน ขณะที่เขาหันหลังไปหานางและพูดว่า “ก่อนที่ข้าจะจากไป ท่านตอบสนองความปรารถนาเล็กๆน้อยๆของศิษย์คนนี้ได้ไหม?”
เหลิงอู่เหยียนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “ความปรารถนา? ไหนลองบอกข้าสิ?”
หลี่หรานกระแอมเพื่อเคลียร์ลำคอ “ชื่อที่ข้าเพิ่งบอกไป ข้าอยากได้ยินท่านพูดจริงๆ”
“อา?” เหลิงอู่เหยียนสูญเสียความเป็นตัวเองทันที นางพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ไม่ ข้าไม่สามารถเรียกเจ้าเช่นนั้นได้!”
“ข้าเข้าใจ...” หลี่หรานเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
เหลิงอู่เหยียนมองไปที่เขาและลังเลอยู่นานก่อนที่นางจะพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าข้าเรียกเจ้าแบบนั้น เจ้ากลับมาเร็วกว่าที่ควรได้ไหม?”
“แน่นอน!” ดวงตาของหลี่หรานเป็นประกาย “ข้าสัญญาว่าจะจัดการให้เร็วที่สุด!”
“เอาล่ะ...” เหลิงอู่เหยียนปิดหน้าของนางและพูดเสียงเบาราวกับยุง “ส-สามี~”
เขาสามารถเห็นแก้มสีแดงก่ำของนางผ่านร่องนิ้วที่ปิดไว้ได้ ก่อนที่หลี่หรานจะตอบสนอง ร่างของนางก็หายไปในทันที นางอายมากจนต้องเผ่นหนี
หลี่หรานนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความมึนงงและไม่ฟื้นตัวเป็นเวลานาน เขากำหัวใจที่เต้นแรงและพึมพำว่า “ท่านอาจารย์ช่างน่ารักจริงๆ...”
—
เมืองหวู่หยาง
นี่คือเมืองหลวงของราชอาณาจักรซึ่งเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองที่สุด
ในขณะนี้ ทุกคนมารวมตัวกันที่หน้าประตูทางเข้าของแท่นแสวงดารา เฝ้ามองผู้บ่มเพาะมากหน้าหลายตา
[ งานชุมนุมสวรรค์อมตะ! ]
นี่เป็นวันที่โลกมนุษย์อยู่ใกล้โลกแห่งการบ่มเพาะมากที่สุด กลุ่มอำนาจที่ยิ่งใหญ่ทั้งหมดจะส่งศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของพวกเขามาทดสอบความสามารถที่แท่นแสวงดารา เพื่อรับโอกาสในการเข้าสู่นิกาย
สำหรับนิกายต่างๆ พวกเขายังคงให้ความสนใจกับงานชุมนุมนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียต้นกล้าที่มีพรสวรรค์
ย้อนกลับไปในตอนนั้น พรสวรรค์ของหลี่หรานในวัยแปดปีได้รับการวัดว่าอยู่ในระดับนักบุญ ทำให้เกิดการแข่งขันแย่งชิงระหว่างนิกายชั้นนำ
และในท้ายที่สุด เขาถูกนำตัวเข้าไปอยู่ภายใต้วิหารโหยวหลัว
ในขณะนั้นเอง ผู้ดูแลที่เป็นหัวหน้างานชุมนุมกล่าวว่า “ตอนนี้ เหล่าศิษย์ของตระกูลเซียวจะขึ้นไปบนเวทีเพื่อทำการทดสอบ”
ชายหนุ่มและหญิงสาวกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นมา คนที่เด็กที่สุดมีอายุเพียงหกถึงเจ็ดปี
พวกเขาสัมผัสหินตามลำดับที่ระบุไว้
“เซียวเฟิง พรสวรรค์ระดับต่ำ”
“เซียวอวิ๋น พรสวรรค์ระดับต่ำ”
“เซียวซาน พรสวรรค์ระดับกลาง”
…
จนถึงคนสุดท้าย สิ่งที่ดีที่สุดคือพรสวรรค์ระดับกลาง เรียกได้ว่าน่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง
หญิงสาวคนสุดท้ายหายใจเข้าลึกๆและวางมือขวาไว้บนหิน แม้จะผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่เกิดปฏิกิริยาใดๆ
ผู้ดูแลพูดเสียงดังว่า “เซียวชิงเกอ ไร้พรสวรรค์ในการบ่มเพาะ!”
นางชักมือออกแล้วหลับตาลง
“อย่างที่คาดไว้ ไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น... พรสวรรค์ของข้าหายไปแล้วจริงๆ...”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางเข้าร่วมงานชุมนุมสวรรค์อมตะ ตอนที่นางยังเด็ก นางได้มาทดสอบแล้วก็รู้ว่าตนมีพรสวรรค์ระดับสุดยอด แม้มันจะด้อยกว่าหลี่หรานเล็กน้อย แต่ก็เป็นพรสวรรค์ระดับสุดยอดในรอบหลายร้อยปี
ณ ตอนนั้นที่นางอายุสิบปี นางได้รับการยอมรับจาก ‘พระราชวังเต๋าสูงสุด’ ให้เป็นศิษย์สายตรง นางเข้าถึงขอบเขตสร้างรากฐานตอนที่อายุสิบห้า และเมื่ออายุได้สิบแปด นางก็เข้าสู่ขอบเขตแก่นทองคำแล้ว
ความเร็วในการบ่มเพาะของนางเร็วมากและเป็นรองเพียงหลี่หรานซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะการเกิดใหม่ของจักรพรรดิอมตะ
นอกจากจะมีชื่อเสียงในเมืองแล้ว นางยังเป็นที่รู้จักในฐานะ “เทพธิดาชิง” นางโด่งดังไปทั่วโลกและมีผู้ติดตามมากมาย
หากไม่มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น นางจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญและนำตระกูลเซียวไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว
ครึ่งเดือนก่อน ฐานการบ่มเพาะของนางหายไปอย่างกะทันหัน การบ่มเพาะอย่างอุตสาหะกว่าสิบปีของนางกลับกลายเป็นไร้ค่า
แม้แต่พรสวรรค์ระดับสุดยอดดั้งเดิมของนางก็กลายเป็น ‘ไร้พรสวรรค์’ ที่เลวร้ายที่สุด นิกายและกลุ่มอำนาจต่างๆพยายามทำทุกวิธีเพื่อหาทางแก้ไข
ในท้ายที่สุด มันสามารถให้เหตุผลได้เพียงว่าเป็น ‘ความประสงค์จากสวรรค์’ เท่านั้น นางไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเป็นคนใช้ของนิกายด้วยซ้ำ
หลังจากยืนยันว่านางไม่สามารถฟื้นคืนได้ นางก็ถูกขับไล่ออกจากพระราชวังเต๋าสูงสุด ยิ่งนางบินสูงแค่ไหนก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางก็ยิ่งทุกข์ตรมมากเท่านั้น
ทุกคนมองไปที่เวทีและพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ
“บัดซบ! พรสวรรค์ของเซียวชิงเกอหายไปแล้วจริงๆ?”
“ถูกต้อง ข้าคิดว่ามันเป็นเพียงข่าวลือ ตอนนี้ข้ารู้สึกเหมือนถูกทุบด้วยค้อน!”
“พระเจ้า หลังจากใช้ทรัพยากรไปมากมาย นางกลับกลายเป็นคนพิการ ครั้งนี้ตระกูลเซียวสูญเสียหนักมาก!”
“ข้าได้ยินมาว่านางถูกไล่ออกจากพระราชวังเต๋าสูงสุด...”
“ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่ตระกูลหลี่ก็ยังออกมาเรียกร้องให้ยกเลิกการหมั้น!”
“ตระกูลเซียวกับตระกูลหลี่มีสัญญาหมั้นหมายกัน? ทำไมข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้?”
“เรื่องมันยาว มันเป็นแบบนี้...”
เซียวชิงเกอเดินลงมาจากแท่นแสวงดาราและเดินผ่านฝูงชนอย่างเงียบๆ ทำเป็นหูหนวกต่อความวุ่นวายทั้งหมด
//////////