ตอนที่แล้วบทที่ 27 ยกเลิกการแต่งงาน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29 การทดสอบ? ข้าจะทำมันเอง!

บทที่ 28 ภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเหลิงอู่เหยียน


เหลิงอู่เหยียนนั่งลงด้านข้าง มือขวาของนางถูกหลี่หรานจับไว้แน่น รู้สึกถึงความร้อนราวกับเปลวไฟจากเตาเผาผ่านมือของพวกเขา สีแดงเข้มค่อยๆไหลอาบแก้มของนาง

นี่เป็นการสัมผัสทางกายครั้งแรกของพวกเขา

“ท่านอาจารย์ ท่านเองก็ควรทานด้วย” หลี่หรานกินอาหารต่อไปด้วยมือข้างเดียว

เหลิงอู่เหยียนพูดตะกุกตะกัก “จะ...เจ้ายังจับข้าอยู่...”

“อา...” จากนั้นหลี่หรานก็ตอบสนองและปล่อยนางอย่างรวดเร็ว “เป็นความสะเพร่าของศิษย์เอง!”

“ไม่เป็นไร” เหลิงอู่เหยียนหันศีรษะของนางและรู้สึกว่าหัวใจของนางกำลังโบยบิน

เมื่อมองไปที่หลี่หรานที่กำลังเขินอาย คลื่นแห่งความกล้าหาญที่ไม่เคยมีมาก่อนก็พุ่งเข้ามาในตัวนาง นางริเริ่มที่จะวางมืออันบอบบางของนางกลับเข้าไปในฝ่ามือของเขาและกระซิบว่า “ข้ากินด้วยมือซ้ายได้...”

“ท่านอาจารย์?” หลี่หรานจ้องมองนางด้วยอาการงุนงง

เหลิงอู่เหยียนรู้สึกอายเล็กน้อยและตำหนิด้วยความโกรธ “จะจ้องข้าทำไมกัน? รีบกินได้แล้ว”

“ศิษย์คนนี้จะเชื่อฟังท่าน!” หลี่หรานคำนับด้วยมือซ้าย

คิกคิก~

ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มอย่างสดใส

ขณะที่กำลังรับประทานอาหาร เหลิงอู่เหยียนก็กล่าวว่า “หรานเอ๋อร์ ข้าสงสัยเกี่ยวกับบางสิ่ง...”

“ท่านอาจารย์เชิญถามได้เลย”

“เจ้ายอมตายในวันนั้นดีกว่าไม่ได้สารภาพรักกับข้า เจ้าชอบอะไรเกี่ยวกับตัวข้ากัน?” เหลิงอู่เหยียนกล่าว

นางอายเล็กน้อยและมองไปที่หลี่หรานอย่างประหม่า

ในความคิดของเหลิงอู่เหยียน นางเย็นชาและห่างเหิน บุคลิกของนางโบราณมากและยังแบกรับชื่อเสียงของปีศาจ พูดอย่างมีเหตุผล คงไม่มีใครในโลกนี้ชอบนาง

หลี่หรานวางตะเกียบลงและคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดอย่างหนักแน่นว่า “ใบหน้า”

“ใบหน้า??” เหลิงอู่เหยียนตกตะลึง

“ถูกต้อง” หลี่หรานพูดตามความเป็นจริง “ใบหน้าของท่านอาจารย์งดงามมาก ใบหน้าของท่านเป็นสีดั่งดอกกุหลาบ ริมฝีปากของท่านเหมือนหยก และดวงตาของท่านดูเหมือนจะเต็มไปด้วยดวงดาวไร้ที่สิ้นสุด ข้าไม่เคยพบเจอผู้ใดงดงามเท่านี้มาก่อน”

เหลิงอู่เหยียนรู้สึกอายเล็กน้อยกับคำพูดหวานล้ำของเขา แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “นอกเหนือจากนั้นล่ะ?”

“นอกจากหน้าตาที่งดงามแล้ว รูปร่างของท่านยังสมบูรณ์แบบตั้งแต่บนจรดล่างอีกด้วย ส่วนที่ควรอุดมสมบูรณ์ก็อุดมสมบูรณ์ ส่วนที่ควรจะเพรียวบางก็เพรียวบาง ไม่ใช่การพูดเกินจริงที่จะบอกว่าท่านสมบูรณ์แบบ”

“มันเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก...” นางจินตนาการถึงคำตอบนับไม่ถ้วน แต่นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าคำตอบของหลี่หรานจะผิวเผินเช่นนี้ ครู่หนึ่งที่นางไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดี

“ภายใต้ใบหน้าที่สวยงามมีหัวกระโหลกอยู่ ภายใต้ผิวหนังและรูปร่างที่สมบูรณ์แบบมีกองกระดูกสีขาว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิก็ไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป รูปลักษณ์ภายนอกนี้จะจางหายไปตามกาลเวลา ถึงตอนนั้น...เจ้าจะยังชอบข้าอยู่ไหม?” เหลิงอู่เหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตัดสินใจบอกหลี่หรานถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของนาง

“แน่นอน” หลี่หรานไม่ลังเล “มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปลักษณ์ภายนอก เหตุผลที่ท่านอาจารย์ดึงดูดใจข้านั้นเป็นเพราะรูปร่างหน้าตาโดยธรรมชาติของท่าน แต่ถ้าถามว่าข้าชอบสิ่งใดเกี่ยวกับท่านอาจารย์มากที่สุด...”

“สิ่งที่เจ้าชอบในตัวข้ามากที่สุด?” เหลิงอู่เหยียนถาม

“ข้าชอบความจริงจังของท่านอาจารย์เวลาที่ท่านสั่งสอน ข้าชอบความสงบของท่านตอนที่ท่านกำลังฟังดนตรี ข้าชอบความน่ารักของท่านเวลาที่ท่านกำลังทานขนม และข้าชอบความน่ารักของท่านเมื่อท่านทำตัวดื้อดึง”

“ในสายตาของข้า ท่านอาจารย์ ท่านทั้งน่าเชื่อถือและอ่อนโยน ท่านทั้งกล้าหาญและน่ารัก ท่านคือการดำรงอยู่ที่สมบูรณ์แบบ!” หลี่หรานพูดอย่างไม่รู้จบ

แม้ว่าคำสารภาพรักในครั้งนั้นจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่คำพูดเหล่านี้คือความรู้สึกที่แท้จริงของเขา

“ข้ามีข้อดีมากมายขนาดนั้นเลยหรือ? น่ารัก?” ยิ่งนางฟังมากเท่าไหร่ใบหน้าของนางก็ยิ่งเปลี่ยนเป็นสีดอกกุหลาบมากขึ้น จนในที่สุดนางก็แทบจะฝังตัวเองไว้ใต้โต๊ะ หัวใจของนางเต็มไปด้วยความปิติยินดีอย่างแท้จริง “ข้ารู้ ข้ารู้แล้ว”

หลี่หรานยกมือขึ้นและยิ้ม “มีอีกสิ่งหนึ่ง มือของท่านอาจารย์นุ่มมาก”

“อย่าพูดไร้สาระ...” เหลิงอู่เหยียนอายจนหูของนางกำลังจะปล่อยควันออกมา

“ข้ามีคำถามสุดท้าย ในเมื่อเรายืนยันความสัมพันธ์ของเราแล้ว เหตุใดเจ้ายังเรียกข้าว่าอาจารย์?” นางกระซิบ

สิ่งนี้รบกวนจิตใจนางมาเป็นเวลานาน พวกเขาเป็นคู่รักกันแล้ว การที่เขาใช้คำสุภาพกับนางทำให้นางรู้สึกเหินห่างจากเขา

หลี่หรานเกาศีรษะของเขา “ข้าเรียกท่านเช่นนั้นมาสิบปีแล้ว มันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอย่างทันท่วงทีได้... แล้วก็ ท่านไม่คิดบ้างหรือว่าการเรียกเช่นนี้จะยิ่งน่าตื่นเต้นสำหรับความสัมพันธ์ของเรา?”

“......” เหลิงอู่เหยียนเกือบจะอาเจียนเป็นเลือด

“ตื่นเต้นน้องสาวของเจ้าสิ!” นางต้องการที่จะเปิดสมองของหลี่หรานและดูว่ามีอะไรอยู่ด้านในบ้าง

ห้องอาหารเงียบลงอีกครั้ง

นางถือจานอย่างเหม่อลอย และจู่ๆหลี่หรานก็ทำลายความเงียบขึ้น “เหยียนเอ๋อร์?”

“อา?” เหลิงอู่เหยียนเกือบทำตะเกียบหล่นราวกับว่านางถูกไฟดูด

ไม่เคยมีใครเรียกนางแบบนั้นมาก่อน

‘มันน่าอายเกินไป!’

หลี่หรานยักไหล่ “ข้าเปลี่ยนวิธีเรียกแล้ว มันถึงตาของท่านแล้ว”

“ข้า?” เหลิงอู่เหยียนสงบลงและพูดด้วยความสงสัย “ข้าเรียกเจ้าว่า ‘หรานเอ๋อร์’ อยู่แล้วไม่ใช่หรือ? นั่นเป็นชื่อที่ดี”

“นั่นไม่ถูกต้อง ข้าต้องการให้ท่านเปลี่ยนเป็น...” หลี่หรานกระซิบข้างหูนาง

“!!!” เหลิงอู่เหยียนรู้สึกอายจนแทบจะยกโต๊ะขึ้น

“ขะ-ข้าเรียกเจ้าเช่นนั้นไม่ได้!” นางส่ายหัวราวกับกลองที่โดนตี

“ข้าเข้าใจ” หลี่หรานถอนหายใจ สีหน้าของเขาค่อนข้างโศกเศร้า

เหลิงอู่เหยียนไม่สามารถทนเห็นสิ่งนี้ได้ และเมื่อนางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆสีหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

“มีคนกำลังมา”

“ใครกัน?” หลี่หรานตื่นตระหนก

//////////