บทที่ 27 ยกเลิกการแต่งงาน!
ลุงสองกล่าวในจดหมายว่าเขามีคู่หมั้นแซ่เซียว!
“ทำไมข้าถึงไม่รู้เรื่องนี้?” เขาพูดไม่ออก
หลังจากตั้งใจฟังเนื้อหาในจดหมาย ในที่สุดเขาก็เข้าใจ
สัญญาการแต่งงานถูกตัดสินใจโดยผู้อาวุโสของทั้งสองตระกูล ในเวลานั้น หลี่หรานยังเด็กและไม่มีใครบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้
และสุดท้าย เมื่อเขาอายุได้แปดปี เขาก็ได้รับเลือกจากวิหารโหยวหลัวและเข้าสู่นิกายระดับสูงสุดนี้ หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียง
ช่องว่างระหว่างตระกูลหลี่และตระกูลเซียวขยายใหญ่ขึ้น ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าวิหารโหยวหลัวห้ามการแต่งงาน เรื่องนี้จึงไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดอีกต่อไป
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่หรานได้ยินเรื่องนี้
ลุงสองของเขากล่าวถึงเรื่องนี้ในจดหมาย
[ หลังการจากไปของบรรพบุรุษของตระกูลเซียว ตระกูลเซียวทั้งหมดก็ระส่ำระส่ายด้วยเรื่องต่างๆนาๆและถูกลดระดับลงเป็นตระกูลชั้นสอง ]
[ คุณหนูของตระกูลเซียวสูญเสียพรสวรรค์ทั้งหมดของนางในชั่วข้ามคืน ตอนนี้นางเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ]
[ ทันใดนั้นตระกูลของพวกเขาก็พูดถึงการหมั้นหมาย พวกเขาต้องการที่จะกอดต้นขาของตระกูลหลี่เราและเอาชีวิตรอดจากหายนะครั้งนี้ ]
[ ตอนนี้ทั้งสองตระกูลไม่ได้อยู่ในสถานะเดียวกันอีกต่อไป ดังนั้นการหมั้นหมายนี้ควรเป็นโมฆะ ]
[ อย่างไรก็ตาม มันเป็นข้อตกลงระหว่างผู้อาวุโสในรุ่นก่อน ดังนั้นเราจึงไม่สามารถจัดการกับเรื่องนี้อย่างลวกๆได้ หรานเอ๋อร์ เจ้าควรไปที่ตระกูลเซียวเพื่อยกเลิกการแต่งงานเป็นการส่วนตัว ]
[ ด้วยการมีอยู่ของข้อห้ามของวิหารโหยวหลัว ตระกูลเซียวจะไม่สามารถพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้... ]
หลี่หรานพูดไม่ออก “......”
ตระกูลเซียว สูญเสียพรสวรรค์ ยกเลิกการแต่งงาน... นี่มันบัดซบอะไรกัน!
แต่ทำไมดูเหมือนว่าเขาเคยได้ยินเรื่องนี้ที่ไหนมาก่อน?
เมื่อนึกย้อนกลับไปอย่างรอบคอบ เขาก็จำได้ว่ามีเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่เขาเคยเล่นด้วยตอนที่ยังเด็ก อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาในวิหารโหยวหลัว หลี่หรานก็แทบไม่ได้กลับบ้านเลยหลังจากผ่านไปหลายปี และพวกเขาก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกแม้แต่ครั้งเดียว
“ท่านอาจารย์ไม่ควรรู้เรื่องนี้ ด้วยบุคลิกขี้หึงหวงของนาง...” หลี่หรานตัวสั่น
แม้ว่าการยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้จะหมายถึงการเหยียบซ้ำคนที่กำลังล้ม แต่มันก็เป็นทางออกที่ดีที่สุด
“ข้าต้องหาโอกาสลงจากภูเขาและยกเลิกการหมั้นหมายนี้” เขาตัดสินใจ
ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกเผยแพร่ออกไป เป็นการดีที่สุดที่จะยุติมัน
—
มันเป็นเวลาเกือบเที่ยงที่ผู้ดูแลเข้ามาพบเขา
“เซิงจื่อ ผู้นำนิกายเรียกท่านไปที่ยอดเขาปีศาจ”
“!!!” คิ้วของหลี่หรานกระตุก
‘ท่านอาจารย์เรียกข้า? นางรู้เรื่องนี้แล้วหรือ!’
“เซิงจื่อ?” ผู้ดูแลเห็นว่าเขาไม่ตอบสนอง นางจึงเรียกเขาอีกครั้ง
หลี่หรานกลับมามีสติสัมปชัญญะ “ตกลง ข้าเข้าใจแล้ว”
เขาเก็บจดหมายลงและมอบให้อาฉินเก็บรักษาไว้ จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังยอดเขาปีศาจ
—
เหลิงอู่เหยียนเดินอยู่ในห้องโถงด้วยสีหน้าประหม่าและคาดหวัง
เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู นางก็รีบนั่งลงบนเก้าอี้และหยิบหนังสือขึ้นมา
“เข้ามา”
หลี่หรานผลักประตูเปิดออกและเดินไปตรงหน้านาง
“ข้าขอโทษที่มาสาย ข้าทำให้ท่านอาจารย์ต้องรอนาน” เขาป้องมือพลางกล่าว
การเหาะเป็นข้อห้ามในยอดเขาหลัก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเดินเท้าเท่านั้น
เหลิงอู่เหยียนพูดอย่างสบายๆว่า “นานขนาดนั้นเลย? ข้าอ่านหนังสือจนไม่ได้สังเกต”
ขณะพูด นางก็พลิกหน้าถัดไป
“ท่านอาจารย์...” หลี่หรานต้องการพูดแทรก
“อะไร? ถ้าเจ้ามีอะไรจะพูดก็พูดมา”
“หนังสือของท่านกลับหัวอยู่”
“......แค่ก แค่ก!”
เหลิงอู่เหยียนรู้สึกอับอายเล็กน้อยขณะที่นางพูดเสียงแข็ง “ข้าชอบอ่านหนังสือกลับหัว ไม่ได้หรือไง?”
“เป็นไปตามคาดจากท่าอาจารย์ ข้าชื่นชมท่านอยู่เสมอ” หลี่หรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เหลิงอู่เหยียนหน้าแดง
“เอาล่ะ ไม่มีใครอยู่ที่นี่ ไม่ต้องจริงจังนัก” เหลิงอู่เหยียนกล่าว
หลี่หรานเกาศีรษะของเขา “หมายความว่าปกติแล้วข้าไม่จริงจังหรือ?”
“เจ้าคิดว่าไงล่ะ? ในเมื่อเจ้าจริงจัง เหตุใดเจ้าจึงกล้าสารภาพรักกับข้าก่อนหน้านี้?” เหลิงอู่เหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อธิบายไม่ได้
“......” ใบหน้าของหลี่หรานเปลี่ยนเป็นสีแดงในขณะที่เขาหัวเราะคิกคักอย่างงุ่มง่าม
เหลิงอู่เหยียนกลอกตาใส่เขา “เจ้าศิษย์โง่ มากับข้า”
ทั้งสองเดินผ่านห้องโถงและมาถึงห้องอาหาร
หลี่หรานอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นโต๊ะขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ “ท่านอาจารย์ นี่คือ?”
“เพราะข้าไม่มีอะไรทำ ข้าเลยทำอาหาร อย่างไรก็ตาม ข้าทำอาหารมากเกินไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ข้าจึงเรียกเจ้ามาช่วยจัดการเพื่อไม่ให้พวกมันเสียเปล่า”
หลี่หรานมองไปที่จานบนโต๊ะ อาหารแต่ละจานเต็มไปด้วยสีสันและกลิ่นหอม แต่มันกลับไม่มีร่องรอยของการกินแม้แต่น้อย
‘นางจะทำอาหารมากเกินไปโดยไม่ตั้งใจได้ยังไง? เห็นได้ชัดว่าเป็นงานฉลองที่เตรียมโดยความตั้งใจของนาง!’
“เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ท่านพูดว่าอะไรนะ?” หลี่หรานถามด้วยความตกใจ “ท่านทำอาหารพวกนี้ด้วยตัวเอง?”
ในความทรงจำของเขา เหลิงอู่เหยียนเป็นปรมาจารย์ที่ไม่เคยสัมผัสกระทะและไม่รู้จักส่วนผสมปกติด้วยซ้ำ
“แน่นอน” นางกอดอกและพูดอย่างภาคภูมิใจ
หลี่หรานนั่งลง หยิบตะเกียบเงินขึ้นมาและคีบชิ้นเนื้ออินทรีย์หิมะเข้าไปในปากของเขา
โอ้ว!
ดวงตาของเขาสว่างขึ้น
เหลิงอู่เหยียนถามด้วยความคาดหวัง “รสชาติเป็นยังไงบ้าง?”
หลี่หรานยกนิ้วขึ้นและพูดพร้อมกับอาหารในปากว่า “มันอร่อย! ท่านอาจารย์ ฝีมือของท่านยอดเยี่ยมเกินไป!”
นี่ไม่ใช่คำเยินยอ รสชาติของอาหารนั้นยอดเยี่ยมมาก
แม้ว่าอาหารจะไม่ได้อยู่ในระดับพ่อครัวชั้นนำ แต่ก็อยู่ในระดับที่สูงอย่างแน่นอน
“ดีแล้ว” เหลิงอู่เหยียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ไม่เสียเปล่าที่ข้าตื่นแต่เช้าเพื่อเรียนรู้วิธีทำอาหาร”
ด้วยพรสวรรค์โดยกำเนิดและทักษะการทำความเข้าใจของนาง ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทใด นางสามารถทำมันได้อย่างสมบูรณ์แบบหลังจากอ่านตำราทำอาหาร
ในความเป็นจริง นางยังสร้างอาหารแปลกใหม่มากมาย
และกระนั้น อาหารโต๊ะใหญ่นี้ก็ทำให้นางใช้เวลาไปสี่ถึงห้าชั่วโมง
หลี่หรานมองใบหน้างดงามของนางด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยในใจของเขา
“ท่านอาจารย์ ท่านดีกับข้ามากจริงๆ”
ใบหน้าของเหลิงอู่เหยียนเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะที่นางหันศีรษะและพูดว่า “ข้าแค่ใช้เจ้าเพื่อฝึกฝน ไม่ใช่ว่าข้าทำเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ ทำไมเจ้าต้องทำหน้าสุขใจเช่นนั้น...”
ถึงกระนั้นความหวานล้ำในดวงตาของนางก็ไม่อาจปกปิดได้ หลี่หรานคุ้นเคยกับบุคลิกที่หยิ่งยโสของนางมานานแล้ว เขาดึงนางไปด้านข้างและให้นางนั่งลง “ท่านอาจารย์ มากินด้วยกันเถอะ”
เหลิงอู่เหยียนรู้สึกถึงฝ่ามือที่อบอุ่นของเขา และหัวใจของนางก็เริ่มเต้นเร็วขึ้น นางปล่อยให้เขาดึงนางเหมือนหุ่นกระบอกและนั่งลงอย่างมึนงง
//////////