บทที่ 26 จดหมายจากตระกูล!
เช้าตรู่ของวัน
ขณะที่ผู้ดูแลหวางเดินเข้าไปที่ครัว นางก็ได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากด้านใน
หน้าที่หลักของนางคือการจัดการเครื่องแต่งกายและอาหารของผู้นำนิกาย ห้องครัวนี้มีไว้สำหรับผู้นำนิกายโดยเฉพาะ ไม่มีใครสามารถเข้ามาได้หากปราศจากกุญแจของนาง
แต่ตอนนี้กลับมีคนอยู่ด้านใน?
“เป็นคนบ้าแบบไหนกันที่กล้าเข้ามาขโมยอาหาร?” ผู้ดูแลหวางเปิดประตูและรีบเข้าไปด้วยความโกรธ
“กล้าดียังไงถึงแอบเข้ามาใน... ผู้นำนิกาย?” นางตะลึง
เหลิงอู่เหยียนถือช้อนในมือข้างหนึ่งและฝาหม้อด้วยมืออีกข้าง ใบหน้าสวยของนางมีรอยไหม้เป็นปื้น
“ผู้นำนิกาย ท่านกำลังทำอะไร?” ผู้ดูแลหวางสับสน
“ข้ากำลังทำซุป” เหลิงอู่เหยียนตอบกลับ
“ซุป?” ผู้ดูแลหวางมองไปที่ของเหลวสีดำในหม้อและอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
‘ท่านแน่ใจหรือว่าสิ่งนั้นสามารถทานได้?’
คิ้วของเหลิงอู่เหยียนขมวดเล็กน้อย “แปลกมาก จากประสบการณ์ของข้าในการปรุงยา ส่วนผสมไม่มีอะไรผิดปกติ ทำไมมันออกมาดูน่าเกลียดเช่นนี้?”
ผู้ดูแลหวางถามอย่างระมัดระวังว่า “ท่าน... มันคือซุปประเภทไหน?”
เหลิงอู่เหยียนไล่รายชื่อสมบัติหลายชนิด “วัตถุดิบหลักคือเนื้อของอินทรีย์สายฟ้าขอบเขตสร้างรากฐาน วัตถุดิบเสริมคือผลปีศาจสีโลหิต เถาวัลย์วิญญาณหมื่นปี และโสมกระดูกหิมะ มันมีผลในการบำรุงเส้นชีพจร ชำระพลังปราณให้บริสุทธิ์ และปรับปรุงจิตวิญญาณ”
“......”
ผู้ดูแลหวางไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
‘มันคงจะแปลกถ้ามันออกมารสชาติดี!’
“ผู้นำนิกาย การทำอาหารนั้นแตกต่างจากการปรุงยา มันไม่ได้เกี่ยวกับผลลัพธ์ แต่เกี่ยวกับความสวยงาม กลิ่นหอม และรสชาติ นั่นเป็นเหตุผลว่าแม้ท่านจะไม่จำเป็นต้องทานอาหารแต่ท่านก็ยังเลือกที่จะทานมัน เพราะรสชาติอที่เอร็ดอร่อยเหล่านั้น”
เหลิงอู่เหยียนเอียงศีรษะและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นั่นฟังดูสมเหตุสมผล”
ผู้ดูแลหวางหยิบช้อนจากมือของนาง “ถ้าอยากทานอะไรท่านก็สามารถสั่งพวกข้ารับใช้ได้เลย ท่านไม่จำเป็นต้องลงมือทำ”
เหลิงอู่เหยียนหันศีรษะของนาง “เจ้าไม่เข้าใจ นี่เป็นรูปแบบหนึ่งของการบ่มเพาะ”
นางต้องการทำซุปให้หลี่หรานเป็นการส่วนตัว
‘ไม่ใช่ว่าแฟนสาวที่ดีควรทำเช่นนั้นหรือ?’
“ด้วยขอบเขตการบ่มเพาะของผู้นำนิกาย ข้าแทบจะไม่รู้อะไรเลย อย่างไรก็ตาม หากท่านกำลังพูดถึงการทำอาหาร ข้ารู้มากกว่าท่านเล็กน้อยอย่างแน่นอน” ผู้ดูแลหวางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว!” ดวงตาของเหลิงอู่เหยียนสว่างขึ้น “ผู้ดูแลหวาง มาสอนข้าทำซุป!”
ผู้ดูแลหวางรู้สึกตกใจเล็กน้อย “อา?”
—
หลี่หรานผลักประตูและเดินออกมา แสงแดดอันอบอุ่นส่องกระทบร่างกายของเขา เขาเหยียดร่างกายด้วยความสุขสบาย
“วันนี้อากาศดีจริงๆ” ด้วยการมีอยู่ของเทคนิคพิชิตสวรรค์ เขาไม่จำเป็นต้องทำสมาธิเพื่อบ่มเพาะ ฐานการบ่มเพาะของเขาเพิ่มขึ้นเองตามธรรมชาติ
ชีวิตของปลาเค็มเช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน
[TL: ปลาเค็ม (咸鱼) ในภาษาจีน มีความหมายแฝง หมายถึงคนไร้ความสามารถ,ขี้แพ้ ดังนั้นคนที่ใช้ชีวิตแบบไร้ความฝัน ใช้ชีวิตแบบไร้จุดหมาย จะถูกเรียกว่า ‘ปลาเค็ม’ ]
“อาบแดด หยอกล้ออาฉิน เป็นคนรักของผู้นำนิกาย ช่างเป็นชีวิตที่ยอดเยี่ยม แม้ว่าผู้เป็นอมตะจะมาขอแลกเปลี่ยนด้วยการบ่มเพาะ ข้าก็ไม่เต็มใจ!”
“แต่ข้าละเลยหน้าที่ในฐานะตัวร้ายเกินไปหน่อยไหม?”
พูดตามตรง วิหารโหยวหลัวแตกต่างจากนิกายปีศาจที่เขาจำได้อย่างสิ้นเชิง
เหล่าศิษย์ที่นี่มีความสามัคคี ผู้อาวุโสเองก็เป็นมิตร และแม้แต่ผู้นำนิกายก็น่ารักมาก ชื่อเสียงในทางลบของนิกายปีศาจดูเหมือนจะไม่มีอยู่ที่นี่
“ข้าไม่รู้ว่าวิหารโหยวหลัวกลายเป็นนิกายปีศาจได้อย่างไร ยิ่งกว่านั้นยังเป็นหนึ่งในนิกายปีศาจอันดับต้นๆ...” หลี่หรานส่ายหัว
“เซิงจื่อ!” เสียงร้องที่น่ารักดังมาจากบริเวณใกล้เคียง และลู่ซินหรานก็กระโดดขึ้นและลงตรงหน้าเขา “เซิงจื่อ ไม่เจอกันนานเลย!”
“ไม่ใช่ว่าเมื่อวานพึ่งเจอกันหรือไง…???” นับตั้งแต่ที่เขาช่วยนางทะลวงระดับในครั้งก่อน สตรีนางนี้ก็เกาะติดเขามากขึ้น ตอนนี้ ตราบใดที่หลี่หรานเห็นนาง เขาจะต้องพบกับความปวดหัว
“ข้าไม่ได้เจอท่านเพียงหนึ่งวัน แต่มันเหมือนกับฤดูใบไม้ร่วงผ่านไปสามครั้งแล้ว~” ลู่ซินหรานหยิบกล่องเล็กๆออกมาแล้วยื่นให้เขา “ข้าให้ท่าน”
“มันคืออะไร?” หลี่หรานงุนงง
ลู่ซินหรานยิ้มและพูดว่า “มันคือขนมอบที่ข้าทำให้ท่านเมื่อตอนเช้า วันนี้ข้าตั้งใจตื่นก่อนเวลาสี่ชั่วโมง ข้ารับประกันเรื่องรสชาติ!”
“เจ้ารู้วิธีทำอาหารด้วยหรือ?” หลี่หรานรับกล่องมาด้วยความสงสัย กลิ่นที่คุ้นเคยโชยเข้าจมูกของเขา
“มันคงจะไม่ใช่...”
“ข้าทำขนมกุ้ยฮวามาให้ท่าน เซิงจื่อ ลองชิมดูสิ”
“ขนมกุ้ยฮวาอีกแล้ว?” ใบหน้าของหลี่หรานเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ขนมกุ้ยฮวาเมื่อคืนนี้เกือบทำให้เขาอาเจียน ตอนแรกเขาอยากจะหนีไปทันที แต่เมื่อเห็นดวงตาแดงก่ำของนาง เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยิบมันเข้าปาก
ไม่น่าเชื่อว่ารสชาติจะดีทีเดียว
“เป็นยังไงบ้าง?” ลู่ซินหรานมองมาที่เขาอย่างกระตือรือร้น
“ไม่เลว” หลี่หรานพยักหน้า
“เยส!” ลู่ซินหรานกระโดดขึ้นอย่างตื่นเต้น “ตราบเท่าที่เซิงจื่อชอบ ข้าจะทำให้ท่านทุกวัน”
“ลืมมันซะ แค่นี้ก็พอแล้ว”
“ข้าทำเค้กลูกพลัมได้ด้วยนะ~”
“......”
ลู่ซินหรานวนเวียนอยู่รอบตัวเขาสักพักก่อนที่จะถูกเรียกกลับไปบ่มเพาะ ในที่สุดหลี่หรานก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในขณะนั้นเอง ศิษย์ในคนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับซองจดหมายในมือ “ท่านเซิงจื่อ มันเป็นจดหมายถึงท่าน”
“จดหมาย? ใครกันที่เขียนถึงข้า?” หลี่หรานรู้สึกสงสัยเล็กน้อย
“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน ข้ารู้แค่ว่ามันถูกส่งมาจากเมืองหวู่หยาง”
หลี่หรานเข้าใจทันที “นั่นควรเป็นจดหมายจากตระกูลของข้า”
เขาเปิดซองจดหมายและหยิบหยกชิ้นหนึ่งออกมา แม้จะเป็นจดหมาย แต่ก็ไม่ได้อยู่ในรูปของกระดาษ จดหมายกลับสร้างจากหยกที่บางราวกับปีกของจักจั่นและใช้เป็นตัวกลางในการบันทึกข้อมูล
จดหมายหยกสามารถอ่านได้ด้วยวิธีเฉพาะเท่านั้น มิฉะนั้นมันจะถูกทำลาย อาจถือได้ว่าเป็นจดหมายปิดผนึก
หลี่หรานเปิดใช้งานพลังวิญญาณของเขาและอัดฉีดมันลงไปในจดหมาย เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นในหูของเขา
มันเป็นเสียงจากลุงสองของเขา
อันดับแรก เขาถามหลี่หรานเกี่ยวกับความเป็นอยู่ที่นี่ แต่สิ่งที่เขาพูดหลังจากนั้นทำให้หลี่หรานตกตะลึง
“คะ-คู่หมั้น...?!”
//////////