บทที่ 24 จบสิ้นแล้ว! ข้าเผลอหลุดปาก!
ลมหนาวพัดผ่านถนนและอากาศก็เย็นลง อย่างไรก็ตาม หัวใจของทุกคนกลับเย็นยะเยือกเสียยิ่งกว่าสายลมหนาว
“คนๆนั้นคือหลี่หรานจริงๆ?” มีคนพูดด้วยท่าทางไม่เชื่อ
หลิ่วเซิงหัวเราะอย่างขมขื่น “เขามาจากวิหารโหยวโหลวและเขายังหนุ่มมาก แต่การบ่มเพาะของเขากลับลึกซึ้งจนน่ากลัว นอกจากเซิงจื่อแห่งนิกายปีศาจแล้วเขาจะเป็นใครได้อีก?”
เฮือก!
ทุกคนราวกับถูกสาดด้วยน้ำเย็น
หลี่หราน เซิงจื่อแห่งนิกายปีศาจ พรสวรรค์โดยกำเนิดของเขานั้นเกินกว่าจะเทียบได้ และเขาเกิดมาพร้อมกับตราประทับแห่งเต๋า
เขาเข้าไปในวิหารโหยวหลัวตอนที่อายุครบแปดปี เมื่ออายุได้สิบสองปี เขาได้เข้าสู่ขอบเขตสร้างรากฐาน และเมื่ออายุสิบเจ็ด เขาก็เข้าสู่ขอบเขตแก่นทองคำแล้ว
ความเร็วในการบ่มเพาะที่น่าสะพรึงกลัวนี้เป็นสิ่งที่แทบจะไม่เคยพบเห็นมาก่อนในดินแดนอันกว้างใหญ่ อาจกล่าวได้ว่าเขาคือจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิด!
เขาเป็นผู้สืบทอดของเหลิงอู่เหยียน เป็นผู้นำนิกายในอนาคตของวิหารโหยวหลัว หากเขามีเวลาเติบโตเพียงพอ เขาจะเป็นราชาปีศาจที่สามารถเหยียบย่ำแผ่นดินอันกว้างใหญ่ในอนาคตได้อย่างแน่นอน!
ใครจะคิดว่าคำพูดตอนเมาของหวังเยว่จะกระตุ้นให้บุคคลดังกล่าวลงมือ
หวังเยว่ตกตายอย่างไร้ความเป็นธรรม
หลิ่วเซิงยืนขึ้นและพูดว่า “มันเป็นเรื่องบาดหมางระหว่างวิหารโหยวหลัวและตระกูลหวัง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลหลิ่วของเรา พี่น้องทั้งหลาย ข้าขอตัวก่อน!”
จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและจากไปทันที
คนอื่นๆทั้งหมดก็มีปฏิกิริยา
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลจางของข้า!”
“ตระกูลซุนก็เช่นกัน หวังเยว่กับข้าไม่เคยรู้จักกัน!”
“ข้าแค่บังเอิญผ่านมา ตระกูลเมิ่งไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”
ก่อนหน้านี้พวกเขายังชนแก้วกับหวังเยว่เพื่อขอความร่วมมือ แต่ตอนนี้พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะตัดสัมพันธ์
พวกเขาไม่มีสิ่งใดเกี่ยวของกับตระกูลหวังแล้ว และพวกเขาไม่ต้องการล่มสลายไปพร้อมกัน
นั่นคือพลังของวิหารโหยวหลัว!
กลุ่มอำนาจและตระกูลทั้งหมดในเมืองหลินเฟิงถูกผูกมัดเข้าด้วยกัน แต่แม้จะรวมพวกเขาทั้งหมดเข้าด้วยกัน พวกเขาก็เทียบไม่ได้กับวิหารโหยวหลัว!
“ไอ้พวกนกสองหัว! เมื่อกี้พวกเจ้าพึ่งจะประจบประแจงนายน้อย แต่ตอนที่มีบางอย่างเกิดขึ้น เจ้ากลับต้องการปฏิเสธความรับผิดชอบ?!” ผู้คุ้มกันของหวังเยว่ตะโกนด้วยความโกรธ
พวกเขามาจากเมืองหลินเพื่อปกป้องความปลอดภัยของหวังเยว่ แต่ตอนนี้หวังเยว่ตายแล้ว อนาคตของพวกเขาย่อมไม่มีสิ่งดีๆรออยู่เช่นกัน!
“ข้าจะรายงานท่านประมุข! รอรับการลงโทษจากตระกูลหวังได้เลย!” หัวหน้าผู้คุ้มกันพูดอย่างตรงไปตรงมา
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็ชะงักไปครู่หนึ่งและมองหน้ากันอย่างไร้คำพูด
“ตระกูลหวังไม่นับเป็นอะไรในสายตาของวิหารโหยวหลัว… อย่างไรก็ตาม สำหรับเราแล้ว นี่เป็นปัญหาจริงๆ” หลิวเจิ้งถอนหายใจ
“ฮึ่ม! ยังดีที่เจ้ารู้สึกหวาดกลัว!” หัวหน้าผู้คุ้มกันกล่าวอย่างพึงพอใจ
คนอื่นๆไม่ได้สนใจเขาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันด้วยเสียงแผ่วเบา
“ก่อนอื่น เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไป”
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องปิดปากพวกมัน”
“ตระกูลจางเห็นด้วย”
“ตระกูลซุนเองก็เห็นด้วย”
“ตระกูลเมิ่ง...”
หัวหน้าผู้คุ้มกันตกตะลึง “พวกเจ้าหมายถึงอะไร?”
“รออะไรอยู่? จัดการได้เลย” หลิวเจิ้งเผยรอยยิ้มที่น่ากลัว
“จัดการพวกมันเลย!”
เลือดกระเซ็นออกมาและถนนที่ว่างเปล่าก็เต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวนอีกครั้ง
—
หลี่หรานกลับไปที่นิกายและแช่น้ำอุ่นภายใต้การบริการของอาฉิน
วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขาฆ่าคนตั้งแต่ข้ามมายังโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความรู้สึกผิดใดๆ แต่เขากลับรู้สึกว่ามันยอมรับได้มากกว่า
โลกนี้เดิมเป็นโลกที่วุ่นวาย มันเป็นโลกที่ผู้คนต้องเข่นฆ่ากันเพื่อเอาชีวิตรอด!
ต้องใช้เหตุผลนับสิบล้านในการอยู่รอด แต่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นก็เพียงพอที่จะถูกฆ่า
หวังเยว่เป็นคนที่น่ารังเกียจจริงๆ
ตอนที่ระบบปล่อยภารกิจออกมา มันแสดงให้เห็นถึงความเลวทรามที่อีกฝ่ายเคยทำด้วย
แน่นอนว่าหลี่หรานไม่สนใจที่จะเป็นคนชอบธรรม
แม้ว่าจะไม่มีภารกิจ หวังเยว่ก็จะตายในวันนี้เช่นกัน!
ส่วนชายที่ดูลามกคนนั้น...
เป็นเพียงเพราะเขาได้ยินสิ่งที่ชายคนนั้นพูดก่อนหน้านี้ว่า “สินค้าชั้นเลิศ... พวกนางล้วนมาจากตระกูลที่ดี พวกนางถูกวางยา...” เขารู้สึกว่าคนแบบนี้น่ารังเกียจเกินไปก็เลยกำจัดทิ้งไปจากโลกนี้
เขาเรียกระบบขึ้นมา
【ภารกิจเสร็จสิ้น】
【ระดับความสำเร็จ: สมบูรณ์แบบ】
【ได้รับหีบสมบัติขั้นสูง x1】
หลี่หรานเปิดหีบสมบัติ
【ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับทักษะขั้นศักดิ์สิทธิ์ ‘หมัดสยบมาร’】
“ทักษะขั้นศักดิ์สิทธิ์?” หัวใจของเขาเต้นผิดจังหวะ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับทักษะขั้นศักดิ์สิทธิ์เป็นรางวัล เขาดูคำแนะนำของมันอย่างใกล้ชิด
‘หมัดสยบมาร’ เป็นทักษะขั้นศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ เมื่อผู้ใช้ปลดปล่อยมันออกมาเต็มกำลัง แขนของเขาจะเปล่งแสงสีทองออกมา และพลังปราณจะปรากฏบนนิ้วของเขาราวกับกงจักรที่หมุนวนและเปล่งแสงแพรวพราวออกมา!
ด้วยหมัดเดียว ปีศาจร้ายจะคร่ำครวญและโหยหวน!
กล่าวกันว่าเป็นทักษะที่ทรงพลังทั้งสำหรับการสำรวจและปกป้อง ฆ่าปีศาจ และกำจัดวิญญาณชั่วร้าย!
“ทักษะที่ดี!”
หลี่หรานแสดงความพึงพอใจของเขา
เขายื่นมือขวาออกและโคจรทักษะขั้นศักดิ์สิทธิ์ มือของเขาเปล่งแสงสีขาวสว่างจ้าขึ้นในห้องนอนราวกับเป็นเวลากลางวัน
มือขวาของเขาโปร่งแสง เขาสามารถมองเห็นกระดูกและเส้นเลือดใต้ผิวหนังได้ราวกับว่ามันทำจากหยกขาว!
“ว้าว มันน่าอัศจรรย์มากเลย!” อาฉินปรบมืออย่างตื่นเต้น “ท่านเซิงจื่อ ทักษะนี้มีชื่อเรียกว่าอะไรหรือ?”
หลี่หรานเพิ่มความสว่างของทักษะขึ้นสามระดับ จากนั้นโบกมือของเขาและแสงสีขาวก็ดับลง
“การเคลื่อนไหวนี้เรียกว่า ‘ไฟฉาย’”
“ช่างเป็นไฟฉายที่ทรงพลังจริงๆ!”
“โอ้?” หลี่หรานพูดอย่างอยากรู้อยากเห็น “เจ้าเข้าใจมันด้วยหรือ?”
อาฉินส่ายหัวและพูดอย่างจริงจังว่า “ข้าไม่เข้าใจหรอก อย่างไรก็ตาม ทักษะขั้นศักดิ์สิทธิ์ของเซิงจื่อนั้นต้องทรงพลังที่สุดอย่างแน่นอน”
“......”
หลี่หรานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะในขณะที่เขาบีบใบหน้าเล็กๆของนาง “เจ้ามันงี่เง่าจริงๆ”
“ฮี่ฮี่” อาฉินยิ้มอย่างมีเสน่ห์
แม้นางจะไม่รู้ว่างี่เง่าคืออะไร แต่การสัมผัสทางกายแบบนี้ทำให้นางมีความสุขมาก
“อย่างไรก็ตาม ท่านเซิงจื่อ วันนี้ท่านกลับมาช้ามาก ท่านไปบ่มเพาะมาหรือ?” นางถามขณะที่กำลังนวดเขา
หลี่หรานเอนตัวลงในอ่างอาบน้ำด้วยความสบายและตอบอย่างเป็นกันเองว่า “ไม่ ข้าไปเดทกับผู้นำนิกายมา”
“เดทกับผู้นำนิกาย?”
อาฉินมองเขาอย่างว่างเปล่า
ลี่หรัน: ┌(。д。)┐
‘F*ck ข้าเผลอหลุดปาก!’
//////////