บทที่ 14 : ค้นพบฐานที่มั่นของนักรบผู้ร่วงหล่น
บทที่ 14 : ค้นพบฐานที่มั่นของนักรบผู้ร่วงหล่น
ณ ถนนเหวินซานชูโจวเเละคนอื่นๆเดินไปในตรอกที่มีแสงสลัวๆ กวาดตามองรอบๆ อย่างขะมักเขม้น
หลังจากแยกย้ายกับนายตำรวจ พวกเขาก็จัดแจงค้นหานักรบผู้ร่วงหล่นในบริเวณนี้
บริเวณนี้เต็มไปด้วยบ้านเก่าที่แออัด เป็นพื้นที่ยากจนแบบคลาสสิกสภาพแวดล้อมด้านสุขอนามัยไม่ดี
"สถานที่ทรุดโทรมแบบนี้มีเเต่คนจนอาศัยอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะภารกิจ ฉันไม่อยากจะมาที่นี่เลย"
จินเจิ้นหนานกระโจนข้ามแอ่งน้ำบนถนนและพูดด้วยความขยะแขยง
โจวถงก็ขมวดคิ้วเขาเกิดและเติบโตในย่านชนชั้นสูงที่เต็มไปด้วยบรรยากาศไฮเทคเช่นกัน
สิ่งที่พบบ่อยที่สุดคือตึกระฟ้า ทาวน์เฮาส์ หรือวิลล่าครอบครัวเดี่ยวตลอดจนพิพิธภัณฑ์ ห้องสมุด หอศิลป์ และอาคารอื่นๆ ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศทางศิลปะและวัฒนธรรม...ดังนั้นเขาจึงไม่สบายใจกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ยากจนเเบบนี้
ฉู่โจวไม่มีคำพูดใด ๆ เขาเติบโตในย่านที่ยากจนและคุ้นเคยกับพวกมัน
"หลังจากแยกกับตำรวจมา เราค้นหาบริเวณนี้เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเเล้ว แต่ก็ยังไม่พบร่องรอยของนักรบผู้ร่วงหล่นเลย"
"เเถมยังไม่มีข่าวจากเจ้าหน้าที่เกาจุนและคนอื่นๆ… ฉันว่าภารกิจของเราครั้งนี้น่าจะล้มเหลว!" หลิวเฉียนๆกล่าว
ชูโจว, โจวถง และจินเจิ้นหนานขมวดคิ้วหากภารกิจล้มเหลว พวกเขาจะไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถเลยในช่วงนี้
"เพล้ง!" ทันใดนั้น ในพื้นที่ที่ไม่ไกลนัก ก็ได้มีเสียงแก้วแตกชูโจวและคนอื่น ๆ รีบวิ่งเข้าไปทันที
มีกองเศษแก้วปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
"มันเป็นเศษแก้วที่ตกลงมาจากตึกอข้างๆ"
หลิวเฉียนๆมองขึ้นไปที่ตึกสูงข้างๆ เธอ
ชูโจวและคนอื่นๆก็เงยหน้าขึ้นมองเช่นกัน
พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้ฝึกหัดขั้นสูง วิสัยทัศน์ของพวกเขาแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วไปมาก ดังนั้นพวกเขาสามารถมองเห็นในตอนกลางคืนได้อย่างสมบูรณ์
พวกเขาสังเกตเห็นว่าในตึกสูงแห่งนี้ ผนังจำนวนมากมีร่องรอยของการกดทับอย่างรุนแรง เช่นเดียวกับรอยแตกที่เหมือนใยแมงมุม และมีรูขนาดใหญ่ในผนังบางส่วน นอกจากนี้ยังมีรอยกรงเล็บของสัตว์ขนาดใหญอยู่บนผนัง
"ฉันเพิ่งตรวจสอบสถานการณ์ในพื้นที่นี้ ตึกนี้เรียกว่าตึกเฝิงเหมา! ปีที่แล้ว อินทรีทองได้ลงมาโจมตีที่นี่ ในเวลานั้นมีคนเสียชีวิตหรือบาดเจ็บมากกว่าสิบคนเเละสร้างความตื่นตระหนกไม่น้อย"
"ต่อมา แม้ว่าอินทรีทองจะถูกสังหารโดยนักรบ แต่อาคารเฟิงเหมาก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เเละตอนนี้ผู้อยู่อาศัยทั้งหมดได้ย้ายออกไปแล้ว"
เมื่อพูดจบหลิวเฉียนๆก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและคลิกปุ่มเพื่อเปิดการฉายภาพสามมิติโฮโลแกรม
ทันใดนั้นลำแสงเลเซอร์ก็พุ่งออกมาจากโทรศัพท์มือถือและภาพไดนามิกสามมิติก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
อาคารในภาพคืออาคารเฟิงเหมา ในภาพมีนกประหลาดที่มีความยาวมากกว่าสิบเมตรดูเหมือนเครื่องบินรบขนาดเล็ก ปีกของมันส่องแสงแวววาวเหมือนโลหะ และมีกรงเล็บเหล็กขนาดใหญ่คู่หนึ่งที่กำลังโจมตีอาคารอย่างบ้าคลั่ง
ผู้คนทั่วทั้งอาคารต่างวิ่งหนีด้วยความตื่นตระหนก หลายคนถูกปีกของนกประหลาดฟาดตายและในช่วงท้ายของวิดีโอ จู่ๆ เท้าข้างหนึ่งก็ร่วงลงมาจากท้องฟ้า และทับศีรษะของนกอินทรีทองคำ... วิดีโอจบลง
"มอนสเตอร์เป็นศัตรูตัวฉกาจของมนุษย์เราจริงๆ! อินทรีทองนี้เป็นเพียงมอนสเตอร์ชั้นยอดยังมีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้นราชามอสเตอร์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของสัตว์ประหลาดจะน่ากลัวขนาดไหน"
จินเจิ้นหนานพูดด้วยความเครียด
"มอนสเตอร์มีพลังมากแต่มนุษย์เราก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกัน มีราชาสัตว์อยู่ท่ามกลางมอนสเตอร์ เเต่มนุษย์เราก็มีเทพเจ้าสงครามของมนุษย์ที่สามารถต่อสู้กับราชามอนสเตอร์ได้ ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้"โจวถงพูดอย่างใจเย็น
ชูโจวไม่ได้พูดอะไร จริงๆแล้วเขาเพิ่งดูวิดีโอนี้ในรายงานข่าวเมื่อปีที่แล้ว เเถมได้มาดูร่องรอยของจริงที่นี่ เขาก็ยิ่งคร่ำครวญถึงพลังของมอนสเตอร์ในใจเเละโหยหาการเป็นนักรบมากยิ่งขึ้นไปอีก
ในตอนท้ายของวิดีโอ นักรับสามารถจัดการอินทรีทองคำด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว
"ตอนนี้ไม่มีใครอาศัยอยู่ในอาคารหลังนี้ ที่มีเศษเเก้วเเบบนี้คาดว่ากระจกชั้นบนคงจะหลุดและถูกลมพัดปลิวลงมา" หลิวเฉียนๆกล่าว
โจวถงและจินเจิ้นหนานต่างมีสีหน้าผิดหวัง
หากปราศจากนักรบผู้ร่วงหล่นพวกเขาจะแสดงความสามารถได้อย่างไร?
ทันใดนั้นโจวถงก็หันกลับมามองที่ชูโจวแล้วพูดว่า "ชูโจวขึ้นไปดูข้างบนสิ!"
"โจวถงนายเองยังไม่เห็นอะไรที่นี่เลย เเล้วยังจะทำให้ชูโจวลำบากอีกทำไม!" หลิวเฉียนๆขมวดคิ้ว
“ใครบอกว่าฉันไม่สังเกตเห็นอะไร? เราเพิ่งพบเศษแก้วที่ตกลงมาไม่ใช่หรือ ใครจะไปรู้ว่ามีคนขว้างเศษแก้วลงมาจากด้านบนหรือเปล่า...
"ชูโจวในฐานะหัวหน้าทีม นายจะไม่ฟังที่ฉันสั่งหรอ" โจวถงจ้องเข้าไปในดวงตาของชูโจว
อย่างเย็นชา
หลิวเฉียนๆโกรธมากเมื่อเห็นว่าโจวถงมุ่งเป้ามาที่ชูโจวอย่างชัดเจน และความจริงหากต้องการค้นหาพวกเขาก็ควรไปด้วยกัน...
อย่างไรก็ตามก่อนที่หลิวเฉียนๆจะอ้าปากชูโจวก็พูดขึ้น
"เอาล่ะ! ฉันบังเอิญคิดถึงฉากการทำลายล้างของกรงเล็บของนกอินทรีทองและอยากสำผัสถึงพลังทำลายล้างของสัตว์ประหลาดชั้นยอดไกล้ๆ"
ชูโจวชำเลืองมองโจวถงและจินเจิ้นหนานอย่างไม่แยแส จากนั้นขยับร่างกายของเขาพุ่งตรงไปยังอาคารเหมือนเสือชีตาร์
ด้วยการกระโดนเพียงครั้งเดียว ร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศหลายเมตรมือข้างหนึ่งจับขอบหน้าต่างอย่างว่องไวและด้วยแรงเหวี่ยงร่างของเขาก็บินต่อไป
ด้วยความช่วยเหลือของขอบหน้าต่าง ระเบียง ส่วนต่อขยายต่างๆในอาคาร เขาจับ เหยียบ เเละเหวี่ยงตัวเหมือนสไปเดอร์แมน
ในไม่ช้าชูโจวก็มาถึงหลุมที่นกอินทรีทองทิ้งร่องรอยของการโจมตีเอาไว้
เขาสังเกตหลุมอย่างระมัดระวังและพบว่าอิฐและเหล็กเส้นในหลุมได้ถูกทำลายลงอย่างสมบูรณ์
"พลังทำลายล้างของนกอินทรีทองนั้นน่ากลัวจริงๆ... ถ้าเปลี่ยนเป้าหมายเมื่อกี้เป็นร่างของมนุษย์ คนๆนั้นคงจะกลายเป็นก้อนเนื้อในทันที!"
ชูโจวคิดกับตัวเองและปีนขึ้นไปต่อ
หลังจากปีนขึ้นไปสักพัก ทันใดนั้นชูโจวก็หยุดและซ่อนตัวกับผนัง เขาเอียงศีรษะเล็กน้อยและมองเข้าไปในอาคาร
ทันใดนั้นเขาเห็นแสงเล็ดลอดมาจากห้องโถงแห่งหนึ่งที่คลุมด้วยผ้าสีดำ แสงที่ส่องมาจากช่องว่างในผ้าปิดทึบนั้นน้อยมาก นี่ถ้าเขาไม่อยู่ใกล้ๆก็คงจะมองไม่เห็นเลย
ชูโจวกลั้นหายใจ มองเข้าไปในช่องว่างของผ้าสีดำและเห็นร่างคนหลายคนที่มีใบหน้าไม่เป็นมิตร และใกล้ๆมีศพที่ปกคลุมด้วยกระจกและเต็มไปด้วยเลือด
รูม่านตาของชูโจวหดลงเล็กน้อย…… นี่อาจเป็นฐานที่มั่นของนักรบผู้ร่วงหล่นที่พวกเขาพยายามค้นหาอยู่
เขาพยายามตั้งใจฟังเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม แต่คนที่อยู่ข้างในกลับลดเสียงลงและมันก็ถูกกั้นด้วยผ้าสีดำ
ดังนั้นเสียงที่ออกมาจึงคลุมเครือมาก ชูโจวได้ยินแค่คำว่า "ตำรวจ" "วางแผน" และ "ระวัง" เท่านั้นเอง
จากนั้นชูโจวปล่อยมือที่จับขอบหน้าต่างอย่างระมัดระวังและกระโดดลงมาข้างล่างเพื่อเเจ้งข่าวกับคนอื่นๆ
………………………