บทที่ 10 จบลงด้วยหนึ่งกระบวนท่า
ชายวัยกลางคนเปล่งลมปรานขึ้นมารับการโจมตีของเตียนอุยได้ทัน แต่ก็ทำให้เข่าข้างหนึ่งทรุดลงบนพื้น
แต่ชายวัยกลางคนก็ตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อเห็นมงกุฎขนนกบนหัวหักลงมาจากบนศีรษะของเขา ผมของเขาปลิวว่อนในอากาศ
และดาบเกล็ดมังกรในมือของเขา ถูกง้าวคู่ของเตียนอุยซัดลอยกระเด็นขึ้นไปในอากาศ
อ๊ากก!
นักดาบวัยกลางคนร้องออกมา ความรู้สึกที่มือของเขาที่ไม่เหมือนเดิม
ไม่อาจสัมผัสความรู้สึกใดๆที่มือข้างที่ถือดาบเกล็ดมังกรไว้ แต่กลับมีเลือดพุ่งออกจากปากแผล
“บัดซบ”
นักดาบวัยกลางคนสบถออกมาอย่างเจ็บปวด เขาประมาทเกินไป
เขาไม่ควรตั้งรับโดยตรงแต่แรก แต่ควรปัดหรือหันเหการโจมตีออกไปแทน
เพียงความประมาทเลินเล่อ ทำให้เขาต้องมาจบชีวิตตัวเองลงที่นี้
เตียนอุย เตรียมโจมตีด้วยง้าวกระหายเลือดในมือซ้ายของเขา ปลิดชีพชายวัยกลางคนตรงหน้าเขา
“หยุด!”
มีเสียง 2 คนตะโกนออกมาพร้อมกัน เตียนอุยหยุดชะงักมือของเขาอย่างทันที ง้าวกระหายเลือดหยุดอยู่บนหัวชายวัยกลางคนห่างเพียงไม่ถึงคืบ
แต่มีคลื่นพลังจากการหยุดชะงักง้าวกระหายเลือดที่ระเบิดปรานปล่อยออกมา ได้ตัดเสาหินที่อยู่ด้านหลังถัดไปของชายวันกลางคน
เมื่อเห็นเสาหินด้านหลังถูกตัด ทั้งหลู่บูเว่ยและชายวัยกลางคนก็ตรงอยู่ในอาการช็อคอย่างแรง แม้พวกเขาจะยังมีชีวิตอยู่
หลู่บูเว่ยช็อคและตกใจอย่างมาก เขารู้ถึงความแข็งแกร่งของชายวัยกลางคนเป็นอย่างดี เดิมที่เขาคิดว่าชายวัยกลางคนจะจัดการกับหัวหน้าองครักษ์จบลงอย่างรวดเร็ว
แต่เขาไม่คาดคิดว่าเขาเกือบจะถูกสังหารโดยองครักษ์คนนี้ แม้ว่าเขาและชายวัยกลางคนจะประเมิณหัวหน้าองครักษ์ไว้ต่ำ
แต่การพ่ายแพ้อย่างรวดเร็วและยังเกือบจะถูกปลิดชีพ ถ้าหัวหน้าองครักษ์ไม่ได้หยุดชะงักไว้ ชายวัยกลางคนคงได้ตายไปแล้ว
ข้อเท็จจริงนี้ ได้พิสูจน์แล้วว่าหลู่บูเว่ยประมาทเลินเล่อมากเกินไป
เตียนอุยไม่สนใจอาการของหลู่บูเว่ยและชายวัยกลางคน เขาหันหน้าไปทิศที่ได้ยินเสียงของฝูซูออกมา
เมื่อเห็นว่าเตียนอุยกำลังเดินมาหาตน ฝูซูก็อดไม่ได้ที่จะถอดหายใจด้วยความโล่งอก แม้ว่าเขาไม่เกรงกลัวหลู่บูเว่ย
แต่เขายังไม่ต้องการมีศัตรูมากเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นหลู่บูเว่ยยังเป็นคนโปรดของพ่อของตน
ในสายตาของฝูซูตอนนี้ หลู่บูเว่ยก็เหมือนคนตายไปแล้ว
“นายน้อย”
เมื่อเห็นฝูซูอยู่ตรงหน้า เตียนอุยก็คุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น
“องค์ชายฝูซู”
เมื่อหลู่บูเว่ยสังเกตุเห็นฝูซู สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาพยามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ปกปิดความรู้สึกก่อนหน้านี้ทั้งหมดลงไปในใจ
“ไม่ทราบว่า ท่านรัฐมนตรีเรียกชื่อข้ามีอะไรรึ?”
ฝูซูมองไปที่หลู่บูเว่ยอย่างเฉยเมย และเปล่งลมปรานออกมากร่างกาย ปรากฏหน้ามังกรยักษ์ออกมากำลังจ้องมองหลู่บูเว่ย
“ข้าน้อยแค่ตกใจที่เห็นองค์ชาย มาปรากฏตัวอยู่ที่นี้ขอรับ”
หลูบูเว่ย กล่าวออกมาและมองไปที่ร่างของฝูซู โดยพยายามไม่แสดงอารมณ์ใดๆบนใบหน้าของเขา
ในสายตาของหลู่บูเว่ยเมื่อก่อน มองฝูซูเป็นเพียงมังกรหนุ่ม
แต่ตอนนี้ด้านหลังของฝูซู เขาเห็นมังกรยักษ์สีทองบินอยู่เหนือร่างของฝูซู เพื่อปกป้องเขา
“อ้อ ท่านย่าคิดถึงเรามากนะ เราจึงมาอยู่ที่นี้ ว่าแต่…นี่ข้าต้องได้รับอนุญาติจากท่านรัฐมนตรีด้วยหรอ ถ้าข้าจะมาหาท่านย่าของข้านะ?” ฝูซูยิ้มเล็กน้อย
“มิกล้า กระหม่อมแค่อยากรู้เฉยๆ งั้นชายชราขอตัวก่อนขอรับ”
หลู่บูเว่ยล้มเลิกเป้าหมายในตอนแรกที่เขามาทันที
“อ้อท่านปู่ ถ้าท่านไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ ท่านมาแบบเงียบๆ และคำนึงถึงชื่อเสียงของท่าน”
"ดังนั้นจะเป็นการดีกว่าที่ท่านจะมาที่วังฮั่นหยวนให้น้อยลงและโดยเฉพาะตอนกลางคืนควรเลี่ยงไปเลย”
ฝูซูพูดเบาๆใกล้หน้าหลู่บูเว่ยและชักดาบไม้ออกมาถือไว้ในมือของเขา นี่คือคำเตือนของฝูซูส่งถึงหลู่บูเว่ย
“รับทราบ ชายชราจะจำให้ขึ้นใจ”
หัวใจของหลู่บูเว่ยเดือดพล่านขึ้นมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเจตนาต้องการฆ่าหลานชายคนนี้ที่ดูเหมือนจะรู้ความลับของเขามากมาย
ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยเขาให้มีชีวิตไว้แต่มันยังไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้น
“ไปกันเถอะ”
หลู่บูเว่ยโบกมือให้ชายวัยกลางคน
“ขอรับ”
ชายวันกลางคนมองเตียนอุยอย่างหว่ดระแวงและไปหยิบดาบเกล็ดมังกรบนพื้นและเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร
ฝูซูเอามือไพล่หลัง มองไปที่หลังของหลู่บูเว่ย และพูดขึ้นมาว่า
“ท่านย่าเห็นไหมซูเอ๋อทำตามที่สัญญา ที่ท่านได้ขอไว้แล้วนะขอรับ”ฝูซูหันกลับมาพูดกับจ้าวจี ที่กำลังออกมาจากห้อง
“ขอบคุณจ้ะ หลานรักของย่า”
จ้าวจีพยักหน้า เธอเป็นคนขอร้องให้ฝูซูไปหยุดการต่อสู้และอย่าทำอะไรหลู่บูเว่ย
“ท่านย่า ท่านจะขอบคุณข้าทำไม ในใจของหลานท่านคือคนที่หลานรักมากที่สุด”
"และหลานก็เคยบอกแล้วจะป้องปกท่านไม่ให้ใครกล้ามารังแกหรือทำร้ายท่านไปตลอดชีวิต” ฝูซูพูดอย่างยิ้มแย้ม เขาอดไม่ได้ที่จะพูดจาหว่านเสน่ห์
แค่นี้เขาก็ทำให้ผู้หญิงมีความสุขเพราะคำพูดนี้มามากมาย
จ้าวจีมองไปที่เด็กน้อยตรงหน้าของเธอที่แสดงออกมาอย่างจริงใจและจริงจังของฝูซู
น้ำตาเริ่มคลอในดวงตาของเธอและกอดฝูซูไว้ในอ้อมแขนของเธอแน่น
“พี่เตียน ไปพักผ่อนเถอะคืนนี้คงไม่มีอะไรแล้ว” ฝูซูหันไปพูดกับเตียนอุย
“ไม่เป็นไรขอรับนายท่าน ข้ายังสบายดีอยู่”
เตียนอุยกล่าวและทุบไปที่อกของเขาเบาๆ
“อะไรกัน นี้คุณไม่เชื่อฟังคำพูดของข้าแล้วหรือไงกัน”
ชีวิตก่อนหน้าของฝูซูในฐานะหัวหน้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ เขาเชี่ยวชาญการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาดี
“ไม่ขอรับ”
เตียนอุยรู้สึกประทับใจในความห่วงใยในตัวเขา
เมื่อเห็นฝูซูเป็นห่วงเขามาก เขาลุกขึ้นก้มหัวให้ฝูซูและเดินออกจากลานกว้าง
“ซูเอ๋อ ย่าไม่คาดฝันว่าหลานจะมีองครักษ์ที่ทรงพลังขนาดนี้ เขาสามารถเอาชนะนักดาบเกล็ดมังกรได้โดยง่าย”
จ้าวจีอดไม่ได้ที่จะชื่นชมเมื่อเห็นความแข็งแกร่งของเตียนอุยที่กำลังจากไป
“ฮิฮิ คุณย่า ยังมีอีกหลายสิ่งที่ท่านยังไม่รู้นะขอรับ” ฝูซูยิ้มเบาๆ