บทที่ 1 เกิดใหม่พร้อมระบบอัญเชิญ
ณ เทือกเขาฉินหลิง เทือกเขานี้มีความยาวและกว้างกว่า 600 ลี้ บนเทือกเขามีต้นไม้ใหญ่สูงขึ้นตระหง่านโผล่ขึ้นมาทั่วทั้งเทือกเขา เหมือนกับมังกรเขียวที่กำลังหลับไหลบนผืนแผ่นดินของมนุษย์
ดินแดนของประเทศจีนได้แบ่งออกเป็น 9 ส่วน ได้แก่ กิจิ๋ว หยานโจว ชิงโจว ซูโจว หยางโจว จิงโจว เหลียงโจว หย่งโจว และหยูโจว
ดินแดนพวกนี้ถูกปกครองโดยรัฐต่างๆ แต่ละรัฐมีสงครามแย่งชิงอำนาจหรือแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วทั้งประเทศ
ในดินแดนอันกว้างใหญ่นี้มีรัฐผู้ชนะที่กลืนกินรัฐอื่นเข้าไปเพียง 7 รัฐเท่านั้น
รู้จักกันในชื่อเจ็ดมหาอาณาจักรได้แก่ ฉี ฉู่ เยียน หาน จ้าว เว่ย และฉิน
ในหมู่อาณาจักรพวกนี้ ความแข็งแกร่งของรัฐฉินนั้นขึ้นชื่อที่สุด โดยเฉพาะในเรื่องกองทัพทหาร
หลังเกิดการปฏิรูปเปียงยาง ความแข็งแกร่งของประเทศจีนก็ได้ระส่ำระส่าย ความแข็งแกร่งในการปกครองแต่ละรัฐก็เริ่มอ่อนแอลง
แต่ก็มีหลายอาณาจักรได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการเป็นใหญ่ในครั้งนี้ พวกเขาเปิดสงครามกับอาณาจักรโดยรอบเพื่อหวังกลืนกินมาเป็นของตน
ทั้งประเทศได้อยู่ในภาวะสงคราม ประชาชนเริ่มอดยากและเดือดร้อนจากไฟสงคราม
คนหนุ่มต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร คนเฒ่าคนแก่ต้องมาทำนั่งงานหาเลี้ยงปากท้อง มีการแบ่งแยกชนชั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ความสามัคคีภายในอาณาจักรเริ่มสั่นคลอน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ณ วังแห่งหนึ่ง วังแห่งนี้มีการตกแต่งที่สวยงามตระการตา ด้านหน้าของวังได้หันไปทางทิศเหนือ
มีแม่น้ำสองสายได้ไหลเข้าสู่ภายในกำแพงวัง แม่น้ำได้ไหลผ่านไปยังศาลา และอาคารที่สูงใหญ่
มีต้นไม้ถูกปลูกตกแต่งเป็นอย่างดีภายในสวนของวังแห่งนี้ มีสะพานสำหรับข้ามแม่น้ำอยู่ในวังอีกด้วย
บนสะพานมีการตกแต่งไว้อย่างปราณีต มีการสลักรูปมังกรและก้อนเมฆเอาไว้
ภายในราชวังมีหลังคาที่เป็นกระเบื้องสีทองเคลือบอยู่ มันส่องแสงระยิบระยับแสบตาให้แก่นกที่โผล่บินมนท้องฟ้าอย่างมาก
ที่ผนังก็มีอิฐหินที่ขัดเกลาได้อย่างเรียบเนียนวางเรียงรายอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกันกับพื้น
ระหว่างผนังและพื้นมีการสลักหินหยกลงไปประดับ บริเวณประตูถูออกแบบมาอย่างสวยงาม มีการวาดรูปดอกบ๊วยอย่างปราณีตมีขนาดเท่ากันทั้งสองประตู รวมไปถึงหน้าต่างด้วย
ในวังที่สวยสดงดงามราวกับไข่มุกหรือว่าหยกแบบนี้ มีผ้าไหมแพรวผ้าวางคลุมอยู่บนโต๊ะ มีผลไม้ที่ใส่ไว้ใส่ถ้วยทองสัมฤทธิ์ที่ถูกตีขึ้นอย่างดีและสวยงาม
ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เห็นแต่ผ้าผ่านที่แขวนซ้อนไว้อยู่เป็นชั้นๆ เป็นผีม่านสีแดงที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น หากว่ามองรวมๆก็จะเห็นถึงความสง่างามและเกียรติยศของเจ้าของวังนี้
ณ ราชวังแห่งนี้ไม่ใช่ราชวังธรรมดาแน่นอน
ภายนอกวังอันหรูหรานี้มีชายหนุ่มคนหนึ่ง เขาได้ใส่ชุดสีดำยืนนิ่งอยู่ที่ด้านนอกประตู เขาได้แหงนมองดูท้องฟ้าราวกับหาที่พึ่งทางจิตใจอยู่
ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดคลุมสีแดงมีลายมังกรทองงดงามและสวมมงกุฏมีลูกปัดร้อยประดับบนศีรษะ
มีดาบยาวที่มีจี้หยกห้อยอยู่ปลายด้ามจับติดอยู่ที่ข้างเอว รูปลักษณ์เป็นชายหนุ่มรูปงาม มีสง่าราศี คล้ายวีรบุรุษที่เกรียงไกรในหน้าประวัติศาสตร์
ด้านหลังชายหนุ่ม มีผู้คนยืนรายล้ออมอยู่เป็นจำนวนมาก มีทั้งขันทีและนางสนม กำลังก้มหน้าเฝ้ารออะไรบางอย่าง
ในขณะนั้นเองก็มีเสียงกรีดร้องอันแสนเจ็บปวดดังก้องออกมาในห้องพระราชวัง ที่หน้าประตูมีเหล่านางสนมกำลังวิ่งเข้าๆออกๆ บางคนก็กำลังถืออ่างใส่น้ำร้อนอยู่ในนั้น
แล้วจู่ๆลมและเมฆเริ่มแปรปรวน และเหนือท้องฟ้าก็เกิดกระแสไฟเป็นกลุ่มก้อนขึ้นมา มีเสียงคำรามจากท้องฟ้าพร้อมทั้งปรากฏภาพของสัตว์ขนาดยักษ์
มันคือมังกรยักษ์สีฟ้าคราม มีเกล็ดปกคลุมเกือบทั่วร่างของมัน มันกำลังเคลื่อนที่ผ่านท้องฟ้า จากตะวันออกไปตะวันตก
ผู้คนที่รายล้อมกำลังอยู่สับสนและอึ้งในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ร่างมังกรยักษ์กำลังแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า
ชายหนุ่มมองไปที่มังกรยักษ์ที่อยู่บนฟ้าเบื้องหน้าของเขา และพึมพำกับตัวเอง "นี่มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดีๆมีมังกรยักษ์ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าข้า"
โฮกกก! เสียงคำรามดังกึกก้อง มังกรยักษ์อ้าปากพ่นแสงศักดิ์สิทธิ์ออกมา พุ่งตรงไปยังพระราชวังเบื้องล่างของมัน
ชายหนุ่มที่กำลังเฝ้าดูมังกรยักษ์ตัวนั้น ดวงตาก็ของเขาจับจ้องไปที่วิถีของแสง พร้อมขยับมือคว้าจับกระชับดาบยาวที่เอวอย่างรวดเร็ว เขาเห็นทิศทางของแสงมันพุ่งตรงมาหาเขา
แต่ทิศทางของแสงที่ตอนแรกชายหนุ่มคิดว่าจะพุ่งมาที่ตนเองนั้น มันกลับพุ่งผ่านไปด้านหลังเขาที่เป็นพระราชวังแทน เขาเบิกตากว้างออกแต่กลับไม่สามารถทำอะไรกับเหตุการณ์ตรงหน้าได้เลย
แสงได้พุ่งใส่พระราชวัง แล้วขยายตัวเป็นแสงสว่างรอบราชวังแล้วก็จางหายไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงของเด็กทารกดังขึ้นมาจากในห้อง
"ฝ่าบาท! " เสียงผู้หญิงดังขึ้นและประตูในห้องโถงพระราชวังเปิดออก มีนางสนมคนหนึ่งวิ่งออกมาอย่างเร็วและถวายบังคมลงตรงหน้าชายหนุ่ม
ชายหนุ่มได้กล่าวขึ้นมาว่า "ลูกข้า ผู้ชายหรือหญิง?" โดยสายตาจ้องมองสลับไปมาระหว่างนางสนมตรงหน้ากับพระราชวังด้วยความร้อนรน
"ยินดีด้วยเพคะฝ่าบาท เป็นผู้ชายเพคะ" นางสนมตอบกลับด้วยสีหน้าที่มีความสุข
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
"อย่างงี้ต้องเฉลิมฉลอง!" ชายหนุ่มตะโกนออกมาอย่างมีความสุข ราวกับไม่มีอะไรที่จะทำให้เขามีความสุขได้มากเช่นนี้อีก
ไม่เพียงแต่จะได้ว่ารู้ตนได้เป็นพ่อคน แต่ลูกชายของเขาที่เกิดมาจะต้องจะพิเศษกว่าคนอื่น ในอนาคตต่อจากนี้ ภายใต้การปกครองของลูกชาย บ้านเมืองจะต้องเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน
"ขอบพระทัยฝ่าบาท" ทุกคนต่างยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่จะมีงานเฉลิมฉลอง
ชายหนุ่มได้เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่ ณ ตอนนี้ได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็เดินตรงเข้าไปในพระราชวังทันที
…
"โอ้ย!! เจ็บจัง!! ทำไมเจ็บแบบนี้ ปวดร้าวไปทั้งตัวเลย"
"อุแว้ อุแว้"
"เอ๊ะ!! ทำไมมันเป็นเสียงร้องของเด็กละเนี่ย?"
ภาพทุกอย่างทำไมมันเบลอแบบนี้ นี่เราต้องพยายามลืมตาอย่างงั้นเหรอ?
เอ๊ะ!! ทำไมมือของเรามีขนาดเล็กแค่นี้เอง?
"อย่าบอกนะว่าเรากลายเป็นเด็กทารก?"
เด็กทารกตกใจกับเหตุการณ์ตรงหน้ามาก เขาพยายามนึกย้อนความทรงจำเท่าที่เขาจำได้ก่อนจะมาเป็นแบบนี้
ซูฟู่คือชื่อของเรา งานที่เราทำคือหัวหน้าแผนกของบริษัทเกมแห่งหนึ่ง แถมบริษัทเกมนี่ก็เป็นธุรกิจของครอบครัว บริษัทเรามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ
ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลาพร้อมกับอยู่ในตระกูลที่ร่ำรวย เราจึงประสบความสำเร็จทั้งที่อายุยังน้อย มีสาวสวยมากหน้าหลายตาห้อมล้อมอยู่ตลอดเวลา
"ฉันเปิดคอมแล้วจะทดสอบเกมใหม่ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมาไม่ใช่เหรอ? เกมที่เราทดสอบนั้นดูเหมือนจะชื่ออะไรน้า??"
"อ๋อ!!"
"Summon the Warrior"
ซูฟู่พยายามพูดกับตัวเองพร้อมทั้งรื้อฟื้นความทรงจำ
"ตัวเกมที่พัฒนาขึ้นมานั้น ดูเหมือนจะเป็นเกมที่ผู้เล่นจะสามารถอัญเชิญบุคคลที่มีเสียงชื่อในประวัติศาสตร์ออกมาได้ สามารถอัญเชิญได้ตั้งแต่ยุคสมัยจีนโบราณไปจนถึงสิ้นสุดยุคของราชวงศ์ชิง"
"ระบบอัญเชิญนั้นสามารถอัญเชิญได้หมดทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นระดับแม่ทัพ กุนชือ นางสนม ขันที ฯลฯ โดยจุดประสงค์หลักของเกมคือสร้างกองทัพของตัวเองขึ้นมาและทำสงครามเพื่อยึดครองดินแดง"
"คร่าวของเกมก็ประมาณนี้สินะ"
"แต่ก่อนที่เราจะมาทดสอบเกมนี้ เราไปปาร์ตี้ฉลองบริษัทครบรอบ 50 ปีของบริษัทนี่นา สภาพในงานปาร์ตี้คือเมาเละสุดๆ กว่าจะลากตัวเองกลับถึงห้องได้ก็เหนื่อยพอสมควร"
"เราพยายามข่มตานอนแล้ว แต่ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้เราปวดหัวจนนอนไม่หลับ เราเลยเปิดคอมขึ้นมาทำงาน จากนั้นเราก็ง่วงแล้วก็เผลอหลับไป"
"แต่ทำไมพอเราตื่นขึ้นมาถึงกลายเป็นเด็กได้ละเนี่ย?"
"พระเจ้าเล่นตลกอะไรกับฉันเนี่ย? ครอบครัวของฉันล่ะจะว่ายังไง? แล้วบริษัทที่ฉันใช้ความอุตสาหะสร้างขึ้นมาตั้งหลายปี ไหนจะยังทรัพย์สมบัติของฉันอีก"
"นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น? ทำไมให้ฉันมาอยู่ในร่างของเด็กเพิ่งเกิดเนี่ย? ขยับแขนขาไม่ได้ดั่งใจเลยเว้ย!!"
"เอาร่างกายของฉันคืนมานะ เอาชีวิตเก่าของฉันคือมา"
ซูฟู่พยายามโวยวายออกมาแต่ก็มีแต่เสียงของเด็กทารก
"ตึ๊ง!" อยู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาในหัวของเขา
"ใครน่ะ?"
ซูฟู่พยายามตะโกนออกมาแต่เสียงนั้นก็ออกมาเป็นคำว่า "แอ๊" ของทารก
"ปัดโธ่เว้ย!! ทำไมพูดเป็นคำมันยากขนาดนี้นะ" ซูฟู่ได้บ่นกับตัวเองในใจ
"ตึ๊ง!"
"กำลังเชื่อมระบบเข้ากับโฮสต์ กำลังโหลด 1%..10%..40%..80%..100% เชื่อมต่อเสร็จสมบูรณ์ คุณต้องการเริ่มการอัญเชิญเลยหรือไม่" มีเสียงปรากฏขึ้นในหัวของซูฟู่อีกครั้ง
"ห้ะ! อัญเชิญ?" ซูฟู่สับสนกับเสียงในหัวที่ได้ยิน เขาคุ้นๆกับคำพูดนี้ในหัวของเขาอย่างมาก มันหมือนกับคำพูดในฉากตอนเริ่มเกมที่เขากำลังทดสอบอยู่เลย
"อัญเชิญเลย" ซูฟู่ตอบกลับไป
"รับทราบ กำลังทำการเริ่มอัญเชิญ โปรดรอสักครู่" เสียงตอบกลับดังขึ้นในหัวของเขาอีกครั้ง
ระหว่างนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา ชายหนุ่มคนนั้นรีบพุ่งตรงมาหาซูฟู่ทันที เขาสวมชุดคลุมสีแดงที่มีลายมังกรทองงดงาม บนศีรษะสวมมงกุฏมีลูกปัดร้อยประดับอยู่ ดวงตาของเขานั้นเฉียบคมดุจดั่งเหยี่ยว
ซูฟู่มองไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาพร้อมกับคิดในใจ
"นี่คือการอัญเชิญที่เสียงในหัวของเราบอกอย่างงั้นเหรอ? แต่ที่แน่ๆการแต่งตัวแบบนี้จะต้องเป็นคนที่ตำแหน่งสูงมากแน่ๆ"
"ถวายบังคมฝ่าบาท" ทุกคนในห้องพูดออกมา พร้อมคุกเข่าลงหันไปที่ชายหนุ่ม
"นี่คือลูกชายของเราสินะ" ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยความดีใจและยื่นมือไปอุ้มเด็กทารกขึ้นมา
"เพคะฝ่าบาท" น้ำเสียงที่ดูไพเราะดังขึ้นมา โดยมีหญิงงามคนหนึ่งกำลังพยายามดันตัวขึ้นมา
"ที่รัก เจ้านอนลงก่อนเถอะ" ชายหนุ่มพูดขึ้นพร้อมอุ้มเด็กทารกและเดินเข้ามาหาหญิงงามผู้นี้
เมื่อซูฟู่ได้เห็นหญิงงามตรงหน้าใกล้ๆเขาถึงถึงกับอุทานในใจ "สวยมาก"
ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขา เธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกตั้งแต่ที่เขาเคยเจอมาเลย เหมือนถูกธรรมชาติรังสรรค์ความงามนี้ขึ้นมา ถึงแม้ว่าสีหน้าเธอจะดูอ่อนล้า แต่ก็ไม่สามารถกลบความงดงามของเธอผู้ได้แม้แต่น้อย
"จริงสิ ฝ่าบาทช่วยตั้งชื่อให้ลูกของเราได้ไหมเพคะ" หญิงงามล้มตัวนอนลงและพูดขึ้นมาพร้อมส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม
"ได้อยู่แล้วที่รัก ข้าตั้งชื่อไว้ให้เด็กคนนี้เรียบร้อยแล้ว ข้าอยากให้เด็กคนนี้เป็นดั่งภูเขาที่สูงตะหง่านอยู่ค้ำฟ้ามั่นคงและยืนยาว นามของเจ้าคือ ฝูซู" ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้ม
"ฝูซู? เดี๋ยวนะทำไมรู้สึกคุ้นๆชื่อนี้" ซูฟู่พยายามนึกถึงชื่อนี้ในความทรงจำของเขา
แล้วซูฟู่ก็ตกใจเมื่อขึ้นได้ว่า ฝูซูนั้นเป็นชื่อของชายที่โชคร้ายถูกน้องชายของตัวเองฆ่าตาย แถมครอบครัวของเขาเองก็ถูกฆ่ากันหมดอีกด้วย
"เฮ้! ระบบ โลกนี่มันยังไงกัน อธิบายมา" ซูฟู่พูดในใจพร้อมเรียกระบบในหัวของเขา
"ระบบกำลังตรวจหาสิ่งที่โฮสต์ได้ร้องขอ ต้องใช้เวลาในการตรวจสักครู่" เสียงของระบบตอบกลับมา
"ดูสิเพคะ ลูกของเราคงจะชอบชื่อนี้มากแน่เลย" หญิงงามพูดขึ้นหลังจากเห็นท่าทีของทารกที่ดิ้นไปมาและร้องโวยวาย
"แน่นอน! เป็นชื่อที่ข้าฉินหวางเจิ้งผู้นี้ตั้งขึ้นมาให้เลยนะ" ชายหนุ่มกล่าวขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ
ในที่สุดตัวตนของชายหนุ่มก็ถูกเปิดเผย เขาคือจักรพรรดิแห่งยุคสมัยราชวงศ์ฉิน จักรพรรดิองค์แรกในประวัติศาสตร์จีนฉินหวางเจิ้ง หรือที่คนทั่วไปจะรู้จักกันดีในชื่อของจิ๋นซีฮ่องเต้
(ต่อจากนี้จะเรียกซูฟู่ ว่า ฝูซู)
ฝูซูถึงกับปวดหัวสิ่งที่ฉินหวางเจิ้งพูดขึ้นมา "ชอบ? ชอบกับผีหนะเซ่"
เขารู้สึกโกรธอยากจะเถียงใจจะขาด แต่ร่างกายเล็กๆนี้ทำได้แค่ "แอ แอ๊"
แล้วฝูซูถึงกับอดกลั่นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เมื่อคิดว่าสิ่งที่เขาคิดไว้เป็นเรื่องจริง
"ทำไมเราถึงได้โชคร้ายแบบนี้น่ะ เราจะเอาชีวิตรอดยังไงจากชะตากรรมตามประวัติศาสาต์ดีเนี่ย" ฝูซูได้ครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง
"ก่อนอื่นฉันต้องหาวิธีเลี่ยงเหตุการณ์ ไม่ให้เป็นตามในประวัติศาสตร์ที่จะเกิดขึ้นให้ได้ก่อน.."