ตอนที่แล้วตอนที่ 634 ไฮดรานรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 636 ไข่มุกบนจานหยก

ตอนที่ 635 ยืนหยัดและอดทน


ถ้าสัตว์ประหลาดที่ถูกผนึกอย่างแข็งแกร่งที่สุดในโลกน้ำนี้คือจ้าวไฮดรานรก  เย่ว์หยางคงไม่เชื่อ

สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็คือจ้าวไฮดรานรกนี้อาจเป็นบริวารหรือสหายของสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่ตาย

อย่างเช่นบุรุษเคราดำมังกรปีศาจที่โดนผนึกอยู่ในแดนมรณะภายในทะเลสาบกินคนในแดนสวรรค์ใต้,ฉลามปีศาจดึกดำบรรพ์ ปลาวาฬเกาะดึกดำบรรพ์ ปลาไหลมังกรไฟฟ้า จ้าวปลาหมึกร้อยหนวดก็ยังถูกผนึกไว้ด้วยกันกับเขา ไฮดรานรกทั้งห้านี้อาจเป็นแค่บริวารของสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์  ใครจะรู้?จ้าวไฮดรานรกดูเหมือนจะมีสติปัญญา เนื่องจากสายตาของมันสงสัย เมื่อมันมองดูเย่ว์หยางและเมดูซาศิลา

ไฮดรานรกอีกสี่ตัวตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวที่เพิ่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ พวกมันโจมตีเย่ว์หยางและเมดูซาศิลาทันทีที่พบเห็นพวกเขา  หัวขนาดใหญ่หลายหัวพ่นไฟ น้ำแข็ง สายฟ้า ไฟฟ้าหมอกดำ และพิษ พร้อมๆ กัน ขณะที่บุกใส่ศัตรูอย่างดุร้าย

เมดูซาศิลามีประสบการณ์ต่อสู้มายาวนาน ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร

พลังกดดันระดับนั้นไม่มีอะไรสำหรับผู้ฉลาดอย่างนาง

นางต้องการรับคำท้าทายต่อสู้ แต่เย่ว์หยางรู้สึกว่าการเริ่มสู้รบอย่างไม่ระมัดระวังเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาที่สุด เนื่องจากมันอาจเป็นสิ่งที่จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ต้องการ

“ไปกันเถอะ!”  เย่ว์หยางพูดพลางบินสูงขึ้นไป

ในโลกวารีนี้ การบินไม่ถูกจำกัดโดยรหัสโบราณ

แม้ว่าเมดูซาศิลาจะบินได้ไม่เก่ง  แต่ในฐานะอสูรที่ใกล้ระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์การบินในอากาศไม่เป็นปัญหาสำหรับนาง

ไฮดราทั้งสี่ตัวซึ่งมีขนาดเท่าเกาะเล็กๆพ่นอาวุธที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันโจมตีใส่เย่ว์หยางและเมดูซาศิลาทอเป็นร่างแหเพลิงในท้องฟ้า  ถ้าเมดูซาศิลาอยู่ตามลำพังนางอาจไม่สามารถหลบการโจมตีได้ อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางฉุดมือนางและใช้ทักษะหลบร่างแหเพลิงอย่างรวดเร็วขณะบินเลียดผิวน้ำ

ไฮดรานรกไล่ตามอย่างไม่ลดละ แต่ในไม่ช้าก็ตระหนักได้ว่าเย่ว์หยางจากไปพ้นระยะโจมตีของพวกมันและหายไปเทเลพอร์ตเข้าไปทันที

เมื่อสูญเสียเป้าหมาย พวกมันได้แต่กลับไปอยู่ข้างๆราชาของพวกมันอย่างจนใจ

สายตาของจ้าวไฮดรานรกยังคงสงสัย  เหมือนกับว่ากำลังคิดบางอย่าง

มันตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบดำน้ำลงทันที ไฮดรานรกอีกสี่ตัวไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาได้แต่ติดตามราชาของพวกมันอย่างใกล้ชิด  ลึกลงไปใต้น้ำหนึ่งกิโลเมตร ก้นทะเลไม่ได้อยู่ในความมืดมิดสนิทค่อนข้างจะเป็นภาพที่แปลกประหลาด ที่ก้นทะเลมีต้นไม้งอกและสัตว์นานาพันธุ์ตกแต่งก้นทะเลให้สดใสเหมือนกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว  ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่มีแสงสว่างเหมือนตอนกลางวัน

ไม่มีอะไรอยู่บนผิวน้ำ แต่ก้นทะเลกลับเจริญรุ่งเรืองไปด้วยชีวิต กลายเป็นโลกที่มหัศจรรย์

เมื่อเห็นไฮดรานรกว่ายน้ำข้ามทะเล  พวกปลาพากันซ่อนตัวอยู่ในปะการัง   ต้นไม้บางส่วนก็ขดลงไปเป็นก้อน

อย่างไรก็ตามไฮดรานรกไม่ได้กังวลเกี่ยวกับพื้นที่โดยรอบ แต่ตรงไปที่ป่าใต้น้ำ

ขนาดของป่ายังไม่เป็นที่รู้กัน  ต้นไม้ทุกต้นเก่าและสูงอย่างน้อยร้อยเมตร

หลังจากเข้าไปเป็นระยะทางสิบกิโลเมตรแผ่นดินกว้างขวางก็ปรากฏ

ผนึกโบราณซึ่งใหญ่กว่าประตูเทเลพอร์ตถึงสิบเท่าซึ่งที่มีเสาแก้วผนึกล้อมรอบ ไฮดรานรกกลับมายังใจกลางของผนึกโบราณต้องการจะพัก แต่แล้วมันก็ลืมตาโพลงทันที  เมื่อมองตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เงาภาพเย่ว์หยางปรากฏอยู่บนยอดเสาแก้วผลึก

“ขอบคุณที่นำทาง ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น”

ไม่รอให้จ้าวไฮดรานรกโกรธ เย่ว์หยางเทเลพอร์ตห่างออกไปทันที

เครื่องบูชายัญที่มากพอสำหรับประตูเทเลพอร์ตโบราณ ทุกอย่างล้วนเป็นแผนของจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ทั้งนั้นมีแผนสามส่วนสำหรับจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ คือ ตอนแรกแยกเย่ว์หยางกับกลุ่มของเขาและจากนั้นใช้ตัวประกันคนหนึ่งสร้างความโกรธให้กับเขา ประการที่สองจะต้องล่อให้เย่ว์หยางสู้กับไฮดรานรกทันทีที่เขาเข้าประตูเทเลพอร์ตโบราณ เมื่อทั้งสองฝ่ายหมดแรงจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์จะเข้าโจมตี ประการที่สามเมื่อเย่ว์หยางฆ่าไฮดรานรกที่ปกป้องสถานที่ เขาจะเปิดโอกาสให้จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ปล่อยสหายของเขา... ไฮดราเหล่านี้เป็นเพียงผู้พิทักษ์สถานที่ เย่ว์หยางไม่รู้ว่าทำไมมันจึงต้องคอยป้องกัน  แต่พวกมันป้องกันอยู่แน่ๆ สัตว์ประหลาดที่แท้จริงยังคงถูกผนึกอยู่ในผนึกโบราณไม่สามารถหนีออกมาได้!

ก็อบลินแดนสวรรค์นั้นและคนแคระน่าจะเป็นคนงานคอยผลิตอาหารให้ไฮดรานรก

อาจเป็นไปได้ว่าจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์เชื่อมั่นก็อบลินแดนสวรรค์ ดังนั้นเมื่อเริ่มบูชายัญพวกมันจึงไล่ต้อนคนแคระแดนสวรรค์

ถ้าเย่ว์หยางไม่มา คนแคราะแดนสวรรค์เหล่านี้อาจจะหลบหนีไปกันหมดและไฮดรานรกจะไม่มีใครคอยจุนเจือพวกมัน  จากนั้นพวกมันจะทิ้งผนึกเพื่อหาอาหารเปิดทางให้จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์

เมื่อกลับขึ้นมาที่ผิวน้ำอีกครั้ง  เย่ว์หยางขอให้เมดูซาศิลา นางเงือกวายุนาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งแยกย้ายกันค้นหาตามเกาะในโลกวารีทั้งหมดและสังหารก็อบลินแดนสวรรค์ดังกล่าว  ขอเพียงกำจัดก็อบลินแดนสวรรค์ออกไป  คนแคระแดนสวรรค์จะสามารถดำรงอยู่ในโลกวารีได้ เมื่อคิดว่าพวกคนแคระก็เชื่องเชื่อเช่นกันพวกเขาจะไม่ไปจากโลกวารีนี้

ในใจของเย่ว์หยาง เขามีลางสังหรณ์รุนแรงว่าหลังจากการต่อสู้ลับๆนี้แล้ว คงจะมีสงครามใหญ่รอเขาอยู่ข้างหน้า

นอกจากนี้ เขายังให้เสวี่ยอู๋เสีย  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆพักชั่วคราวเพื่อที่ว่าพวกนางจะได้พร้อมที่สุดสำหรับลุยสงครามครั้งใหญ่

จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์คงไม่ใช่ศัตรูที่รับมือได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน  ยังจะมีลูกไม้อะไรอยู่ในแขนเสื้อของเขาอีก?

เย่ว์หยางกำลังรอคอยอย่างอดทน  เพื่อที่ว่าจะได้ปรับตัวได้ทัน

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”

อีกด้านหนึ่งของสนามรบ เย่คงที่อยู่ภายใต้ผลของคำสาปเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าเขาไม่สามารถทนแรงกดดันและกลายเป็นบ้าไปแล้ว

ไป๋หวินเฟยร่างปีศาจเซี่ยเชียนเริ่นร่างสัตว์ร้ายและเซี่ยเชียนชิวที่มีแมลงเต็มตัวพากันงง

พวกเขาเดาว่าเย่คงมีทักษะแฝงเร้นที่ทำให้เขามีภูมิต้านทานหรือช่วยทำให้คำสาปอ่อนลงซึ่งช่วยอธิบายเหตุผลที่เขาหัวเราะด้วยความภูมิใจ ไป๋หวินเฟยใช้กรงเล็บปีศาจของเขาตวัดใส่หลังมือของเขาเอง  แต่ไม่มีรอยแตกเนื่องจากเขามีเกล็ดปีศาจคอยปกป้องผิวของเขาเอง  หลังมือของเย่คงมีเลือดพุ่ง  เนื่องจากคำสาปตัวแทนยังคงมีผล  เมื่อเย่คงหยุดหัวเราะและมองมาทางไป๋หวินเฟย  ไป๋หวินเฟยและพวกถึงกับสะดุ้ง  สิ่งที่พวกเขาเห็นคือคู่ตาที่บอดไม่มีสีและมีความว่างเปล่าในดวงตาเหมือนกับคนตาบอดจริงๆ

ภูมิต้านทานคำสาปไม่เคยมีอยู่ในทักษะแฝงเร้นของเย่คง

นอกจากนี้ เย่คงไม่ได้ทำสัญญากับคัมภีร์มานานนัก  ต่อให้ทักษะแฝงเร้นของเขามีพลังมากมันก็ไม่สามารถหักล้างพลังของสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้

“เจ้ามันก็แค่ตัวตลก เจ้าพยายามขู่ใครให้กลัว?” ไป๋หวินเฟยใช้พลังทุบร่างกายตนเอง ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ แต่เย่คงกลับตรงกันข้ามถูกทุบราวกับว่าช้างแมมม็อธนับร้อยตัวรุมเหยียบย่ำร่างของเขา  ร่างของเขาบอบบาง กระดูกหักจมูกมีเลือดไหลและผิวบางส่วนไหม้เผยให้เห็นรอยแผล

“ไป๋หวินเฟย เจ้ามันอ่อนแอเจ้าไม่สามารถใช้พลังเพิ่มได้อีกหรือ? ข้าละผิดหวังจริงๆ เจ้ามีปัญญาทำได้แค่นี้เองหรือ?” เย่คงปาดเลือดที่จมูกและปากเบาๆ จ้องมาทางไป๋หวินเฟยด้วยท่าทีเหยียดหยาม

“เหลวไหล!”  ไป๋หวินเฟยถูกยั่วเนื่องจากผสานพลังกับปีศาจ เขาอาจมีความรู้สึกเสียใจกับร่างกายจนทำให้คำเหล่านั้นทำร้ายความรู้สึกของเขาจริงๆ

เขาแทบคลั่งทำร้ายตัวเองอย่างโหดเหี้ยม

เป็นการทำร้ายตนเองที่โหดเหี้ยมอำมหิต

ไป๋หวินเฟยรู้ว่าผลของการกระทำนี้จะส่งผลเป็นทวีคูณกับร่างของเย่คงและจะไม่มีผลต่อตัวเขาเอง

คนที่เหลือมองดูอย่างเงียบงัน  ไม่มีใครกล้าหยุดพวกเขา เซี่ยเชียนเริ่นและเซี่ยเชียนชิวต้องการมองดูการแสดงดีๆ  ขณะที่เสวี่ยทันหลางมีสีหน้าเย็นชาบนใบหน้าของเขา ที่ผิดปกติก็คือเจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ก็ยังมองราวกับว่าดูการแสดงดีๆ  ไป๋หวินเฟยทำร้ายตัวเองจนเขารู้สึกเจ็บจนแทบเป็นลมและกระดูกของเขาเกือบแตกหัก  ถ้าไม่มีคำสาปตัวแทน เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาได้ทำมานั้นคงได้ทำร้ายร่างกายของเขาจนเสียหาย  เขาหยุดและมองดูเย่คงรู้สึกว่าเขาอาจเห็นเย่คงอยู่ในสภาพบาดเจ็บน่าอนาถ

อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกผิดหวัง

เย่คงยังคงยืนอยู่ได้

แม้จะมีรอยแผลและรอยฟกช้ำเต็มตัว  แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงดูถูก

เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกายและถ่มน้ำลายลงบนพื้น “เจ้าไม่มีแม้แต่พลังจะเอาชนะคนได้แต่เจ้าก็ยังแกล้งทำเป็นว่ามี?  ถ้าเจ้ายังทำแบบนั้นต่อไป  เจ้าก็เป็นแค่ไอ้งี่เง่าเท่านั้นเอง”

“ไม่, นี่เป็นไปไม่ได้!”  ไป๋หวินเฟยเหาะขึ้นด้วยความโกรธ  เขารู้พลังของตนเอง  เขาสามารถตัดภูเขาและทลายภูผาได้  เขาทุบตีตนเองเป็นร้อยครั้ง  อย่าว่าแต่ร่างมนุษย์เลย  ต่อให้เป็นแมมม็อธทองก็ถูกฆ่าไปนานแล้ว  ทำไมเย่คงถึงยังดูดีอยู่?  ทำไมความเสียหายที่เขาได้รับน้อยลงกว่าแต่ก่อน?

“ก่อนที่เจ้าจะตาย,  ข้าจะบอกคำตอบเจ้า” เย่คงที่ตาบอดและเลือดเต็มตัวฝืนเดินเข้าหาไป๋หวินเฟยทีละก้าว

“ไสหัวไป!”  ไป๋หวินเฟยตวัดกรงเล็บใส่

พลังของกรงเล็บของเขาสามารถฉีกร่างของเย่คงเป็นชิ้นได้

ความเร็วของเขาไร้เทียมทาน  อย่างไรก็ตาม เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น  ร่างของเย่คงมีรอยแผลกรงเล็บเพิ่มขึ้น  แต่อาการไม่รุนแรงเท่าใดนัก   ตรงกันข้ามความเสียหายกลับลดลง  ไม่ว่าไป๋หวินเฟยจะเพิ่มพลังไปเท่าใดก็ตามความเสียหายในร่างกายก็เริ่มลดลง ในที่สุดไป๋หวินเฟยก็เหนื่อยและหอบหายใจไม่หยุด  เย่คงยังยืนอยู่ต่อหน้าเขาอย่างสมบูรณ์  “เจ้าลงมือเสร็จหรือยัง?  เจ้าลงมือต่อได้นะ ถ้ายังไม่หนำใจ! เจ้ากล้าแสดงพลังและความไร้เดียงสาอย่างนั้นได้ยังไง!”

ไป๋หวินเฟยถอยหลังอย่างไร้พลังและมองดูเย่คงอย่างหวาดหวั่น

เซี่ยเชียนเริ่นยังไม่ยอมแพ้

เขาตวัดกรงเล็บเพลิง  เขาเดินหน้าพร้อมกับเซี่ยเชียนชิวและโจมตีเย่คงพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง

เย่คงไม่ตั้งใจต้านแม้แต่น้อย เซี่ยเชียนชิวและเซี่ยเชียนเริ่นถึงกับหมดแรงหลังจากโจมตีเย่คง พวกเขายังสังเกตว่าเขายังยืนได้ไม่เป็นอะไร  แทบไม่มีความเสียหายอะไรบนร่างกายของเขา มีแต่บาดแผลเพียงผิวเผินแต่อวัยวะภายในของเขาไม่ได้รับความเสียหาย

เซี่ยเชียนชิวยิงหนวดที่มีฟันแหลมพยายามจะกัดหน้าของเย่คงและทำลายมัน

อย่างไรก็ตามหนวดที่ยืดออกมานั้นกัดเขาอยู่นานแต่ทิ้งเพียงรอยฟันเล็กๆ ไว้ไม่กี่รอยเท่านั้น

“เป็นไปไม่ได้!” เซี่ยเชียนชิวและเซี่ยเชียนเริ่นประหลาดใจว่าพลังป้องกันแบบนี้มีอยู่ในโลกด้วยหรือ หรือว่านี่เป็นทักษะแฝงเร้นที่เป็นพลังป้องกันของเขา?  แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง  เขาควรจะมีภูมิป้องกันบาดแผลด้วย  แต่ตัวเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยช้ำ  ไป๋หวินเฟยและพวกที่อยู่ต่อหน้าพยายามคิดหาคำตอบ ทันใดนั้นเย่คงเหวี่ยงหมัดโดยไม่รอให้พวกเขาคิดจบ

หมัดที่เหมือนดาวตกพุ่งเข้าในระยะสั้นใส่ไป๋หวินเฟยเซี่ยเชียนชิวและเซี่ยเชียนเริ่นอย่างแม่นยำ

ไป๋หวินเฟยตอบสนองได้ทันเวลาไวที่สุด  เมื่อหมัดจะกระทบเขา  เขาก็ถอยห่างออกไปห้าสิบเมตร

เซี่ยเชียนชิวก็รู้สึกตัวได้ทันเวลา  เขาพยายามรับหมัดขณะถอยหลัง ดังนั้นจึงสลายพลังของหมัดนี้ซึ่งดูเหมือนว่าไม่ทรงพลังสำหรับเขา  อย่างไรก็ตาม หลังจากรับหมัดแล้ว  เขาเซไปหนึ่งก้าวและล้มกับพื้นตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว

รอยหมัดขนาดใหญ่ฝังลึกบนอกของเขา

เย่คงตอนนี้มีพลังระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะปล่อยหมัดที่น่ากลัวขนาดนั้นได้

“ทำไม?” ไป๋หวินเฟยยังคงไตร่ตรองถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ขณะที่เขางอตัวบิดตัวอย่างบ้าคลั่ง  ความเจ็บปวดทำให้เขาไม่สามารถคิดลึกได้  เขารู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาแทบจะถูกกระแทกเป็นชิ้นๆ  จนยากจะอธิบายออกมานี่คือพลังหมัดของเย่คงหรือ? นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามเย่คงโจมตีเขาจนกระอักโลหิตได้ยังไง?

“นั่นเป็นเพราะเขามีทักษะแฝงเร้น ‘ยืนหยัด’ และอสูรพิทักษ์นามว่า ‘อดทน’ ไงเล่า” เจ้าอ้วนไห่หัวเราะ“ข้าเสียใจด้วย ในฐานะเป็นพี่ใหญ่ของเขา ข้าไม่ได้แนะนำเขาให้เจ้าได้รู้จักเย่คงศิษย์น้องข้าไม่กลัวโดนทุบตี เจ้าอาจจะไม่รู้มัน แต่เขาเป็นชีวิตระดับต่ำ ก็เหมือนกับฮุยไท่หลางยิ่งโดนทุบตีมากก็ยิ่งกระตือรือร้นมาก ในสมรภูมิ เขามักจะยืนหยัดอยู่ได้ไม่ยอมล้ม  ถ้าเจ้าไม่ทุบตีเขา  เขาอาจจะล้ม แต่เมื่อเจ้าทุบตีเขามากขึ้น ความเสียหายของเขาก็จะสะสมขึ้นและไปเพิ่มพลังให้กับทักษะแฝงเร้นของเขาขณะที่อสูรอดทนเป็นอสูรรูปแบบพิเศษ เขาก็แค่เหมือนกับเจ้านายของเขา ยิ่งพวกเจ้าทุบตีเขาก็ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้น พลังโจมตีโต้ตอบก็จะแข็งแกร่งขึ้น เจ้าเข้าใจไหมว่าทำไมข้าถึงอธิบายให้พวกเจ้าฟัง? เพราะยังมีอีกคนอยู่ที่นี่มีทักษะแฝงจะทำให้ศัตรูหดหู่ใจมากขึ้น  ถ้าเขาปากมากเกินไปพวกเจ้าทุกคนคงตายไปสิบครั้งแล้ว”

“พูดไร้สาระพอแล้ว” เสวี่ยทันหลางเพิ่มพลังและตะโกนอย่างใจเย็น  “รีบส่งพวกเขาไปตามทางของพวกเขาได้แล้ว!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด