ตอนที่ 635 ยืนหยัดและอดทน
ถ้าสัตว์ประหลาดที่ถูกผนึกอย่างแข็งแกร่งที่สุดในโลกน้ำนี้คือจ้าวไฮดรานรก เย่ว์หยางคงไม่เชื่อ
สิ่งที่เขากังวลที่สุดก็คือจ้าวไฮดรานรกนี้อาจเป็นบริวารหรือสหายของสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่ยังไม่ตาย
อย่างเช่นบุรุษเคราดำมังกรปีศาจที่โดนผนึกอยู่ในแดนมรณะภายในทะเลสาบกินคนในแดนสวรรค์ใต้,ฉลามปีศาจดึกดำบรรพ์ ปลาวาฬเกาะดึกดำบรรพ์ ปลาไหลมังกรไฟฟ้า จ้าวปลาหมึกร้อยหนวดก็ยังถูกผนึกไว้ด้วยกันกับเขา ไฮดรานรกทั้งห้านี้อาจเป็นแค่บริวารของสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ ใครจะรู้?จ้าวไฮดรานรกดูเหมือนจะมีสติปัญญา เนื่องจากสายตาของมันสงสัย เมื่อมันมองดูเย่ว์หยางและเมดูซาศิลา
ไฮดรานรกอีกสี่ตัวตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวที่เพิ่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ พวกมันโจมตีเย่ว์หยางและเมดูซาศิลาทันทีที่พบเห็นพวกเขา หัวขนาดใหญ่หลายหัวพ่นไฟ น้ำแข็ง สายฟ้า ไฟฟ้าหมอกดำ และพิษ พร้อมๆ กัน ขณะที่บุกใส่ศัตรูอย่างดุร้าย
เมดูซาศิลามีประสบการณ์ต่อสู้มายาวนาน ไม่ได้สะทกสะท้านอะไร
พลังกดดันระดับนั้นไม่มีอะไรสำหรับผู้ฉลาดอย่างนาง
นางต้องการรับคำท้าทายต่อสู้ แต่เย่ว์หยางรู้สึกว่าการเริ่มสู้รบอย่างไม่ระมัดระวังเป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาที่สุด เนื่องจากมันอาจเป็นสิ่งที่จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ต้องการ
“ไปกันเถอะ!” เย่ว์หยางพูดพลางบินสูงขึ้นไป
ในโลกวารีนี้ การบินไม่ถูกจำกัดโดยรหัสโบราณ
แม้ว่าเมดูซาศิลาจะบินได้ไม่เก่ง แต่ในฐานะอสูรที่ใกล้ระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์การบินในอากาศไม่เป็นปัญหาสำหรับนาง
ไฮดราทั้งสี่ตัวซึ่งมีขนาดเท่าเกาะเล็กๆพ่นอาวุธที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันโจมตีใส่เย่ว์หยางและเมดูซาศิลาทอเป็นร่างแหเพลิงในท้องฟ้า ถ้าเมดูซาศิลาอยู่ตามลำพังนางอาจไม่สามารถหลบการโจมตีได้ อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางฉุดมือนางและใช้ทักษะหลบร่างแหเพลิงอย่างรวดเร็วขณะบินเลียดผิวน้ำ
ไฮดรานรกไล่ตามอย่างไม่ลดละ แต่ในไม่ช้าก็ตระหนักได้ว่าเย่ว์หยางจากไปพ้นระยะโจมตีของพวกมันและหายไปเทเลพอร์ตเข้าไปทันที
เมื่อสูญเสียเป้าหมาย พวกมันได้แต่กลับไปอยู่ข้างๆราชาของพวกมันอย่างจนใจ
สายตาของจ้าวไฮดรานรกยังคงสงสัย เหมือนกับว่ากำลังคิดบางอย่าง
มันตอบสนองอย่างรวดเร็ว รีบดำน้ำลงทันที ไฮดรานรกอีกสี่ตัวไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาได้แต่ติดตามราชาของพวกมันอย่างใกล้ชิด ลึกลงไปใต้น้ำหนึ่งกิโลเมตร ก้นทะเลไม่ได้อยู่ในความมืดมิดสนิทค่อนข้างจะเป็นภาพที่แปลกประหลาด ที่ก้นทะเลมีต้นไม้งอกและสัตว์นานาพันธุ์ตกแต่งก้นทะเลให้สดใสเหมือนกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่มีแสงสว่างเหมือนตอนกลางวัน
ไม่มีอะไรอยู่บนผิวน้ำ แต่ก้นทะเลกลับเจริญรุ่งเรืองไปด้วยชีวิต กลายเป็นโลกที่มหัศจรรย์
เมื่อเห็นไฮดรานรกว่ายน้ำข้ามทะเล พวกปลาพากันซ่อนตัวอยู่ในปะการัง ต้นไม้บางส่วนก็ขดลงไปเป็นก้อน
อย่างไรก็ตามไฮดรานรกไม่ได้กังวลเกี่ยวกับพื้นที่โดยรอบ แต่ตรงไปที่ป่าใต้น้ำ
ขนาดของป่ายังไม่เป็นที่รู้กัน ต้นไม้ทุกต้นเก่าและสูงอย่างน้อยร้อยเมตร
หลังจากเข้าไปเป็นระยะทางสิบกิโลเมตรแผ่นดินกว้างขวางก็ปรากฏ
ผนึกโบราณซึ่งใหญ่กว่าประตูเทเลพอร์ตถึงสิบเท่าซึ่งที่มีเสาแก้วผนึกล้อมรอบ ไฮดรานรกกลับมายังใจกลางของผนึกโบราณต้องการจะพัก แต่แล้วมันก็ลืมตาโพลงทันที เมื่อมองตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เงาภาพเย่ว์หยางปรากฏอยู่บนยอดเสาแก้วผลึก
“ขอบคุณที่นำทาง ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น”
ไม่รอให้จ้าวไฮดรานรกโกรธ เย่ว์หยางเทเลพอร์ตห่างออกไปทันที
เครื่องบูชายัญที่มากพอสำหรับประตูเทเลพอร์ตโบราณ ทุกอย่างล้วนเป็นแผนของจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ทั้งนั้นมีแผนสามส่วนสำหรับจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ คือ ตอนแรกแยกเย่ว์หยางกับกลุ่มของเขาและจากนั้นใช้ตัวประกันคนหนึ่งสร้างความโกรธให้กับเขา ประการที่สองจะต้องล่อให้เย่ว์หยางสู้กับไฮดรานรกทันทีที่เขาเข้าประตูเทเลพอร์ตโบราณ เมื่อทั้งสองฝ่ายหมดแรงจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์จะเข้าโจมตี ประการที่สามเมื่อเย่ว์หยางฆ่าไฮดรานรกที่ปกป้องสถานที่ เขาจะเปิดโอกาสให้จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ปล่อยสหายของเขา... ไฮดราเหล่านี้เป็นเพียงผู้พิทักษ์สถานที่ เย่ว์หยางไม่รู้ว่าทำไมมันจึงต้องคอยป้องกัน แต่พวกมันป้องกันอยู่แน่ๆ สัตว์ประหลาดที่แท้จริงยังคงถูกผนึกอยู่ในผนึกโบราณไม่สามารถหนีออกมาได้!
ก็อบลินแดนสวรรค์นั้นและคนแคระน่าจะเป็นคนงานคอยผลิตอาหารให้ไฮดรานรก
อาจเป็นไปได้ว่าจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์เชื่อมั่นก็อบลินแดนสวรรค์ ดังนั้นเมื่อเริ่มบูชายัญพวกมันจึงไล่ต้อนคนแคระแดนสวรรค์
ถ้าเย่ว์หยางไม่มา คนแคราะแดนสวรรค์เหล่านี้อาจจะหลบหนีไปกันหมดและไฮดรานรกจะไม่มีใครคอยจุนเจือพวกมัน จากนั้นพวกมันจะทิ้งผนึกเพื่อหาอาหารเปิดทางให้จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์
เมื่อกลับขึ้นมาที่ผิวน้ำอีกครั้ง เย่ว์หยางขอให้เมดูซาศิลา นางเงือกวายุนาคาสายฟ้าและปีศาจอสรพิษน้ำแข็งแยกย้ายกันค้นหาตามเกาะในโลกวารีทั้งหมดและสังหารก็อบลินแดนสวรรค์ดังกล่าว ขอเพียงกำจัดก็อบลินแดนสวรรค์ออกไป คนแคระแดนสวรรค์จะสามารถดำรงอยู่ในโลกวารีได้ เมื่อคิดว่าพวกคนแคระก็เชื่องเชื่อเช่นกันพวกเขาจะไม่ไปจากโลกวารีนี้
ในใจของเย่ว์หยาง เขามีลางสังหรณ์รุนแรงว่าหลังจากการต่อสู้ลับๆนี้แล้ว คงจะมีสงครามใหญ่รอเขาอยู่ข้างหน้า
นอกจากนี้ เขายังให้เสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆพักชั่วคราวเพื่อที่ว่าพวกนางจะได้พร้อมที่สุดสำหรับลุยสงครามครั้งใหญ่
จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์คงไม่ใช่ศัตรูที่รับมือได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน ยังจะมีลูกไม้อะไรอยู่ในแขนเสื้อของเขาอีก?
เย่ว์หยางกำลังรอคอยอย่างอดทน เพื่อที่ว่าจะได้ปรับตัวได้ทัน
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”
อีกด้านหนึ่งของสนามรบ เย่คงที่อยู่ภายใต้ผลของคำสาปเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่งราวกับว่าเขาไม่สามารถทนแรงกดดันและกลายเป็นบ้าไปแล้ว
ไป๋หวินเฟยร่างปีศาจเซี่ยเชียนเริ่นร่างสัตว์ร้ายและเซี่ยเชียนชิวที่มีแมลงเต็มตัวพากันงง
พวกเขาเดาว่าเย่คงมีทักษะแฝงเร้นที่ทำให้เขามีภูมิต้านทานหรือช่วยทำให้คำสาปอ่อนลงซึ่งช่วยอธิบายเหตุผลที่เขาหัวเราะด้วยความภูมิใจ ไป๋หวินเฟยใช้กรงเล็บปีศาจของเขาตวัดใส่หลังมือของเขาเอง แต่ไม่มีรอยแตกเนื่องจากเขามีเกล็ดปีศาจคอยปกป้องผิวของเขาเอง หลังมือของเย่คงมีเลือดพุ่ง เนื่องจากคำสาปตัวแทนยังคงมีผล เมื่อเย่คงหยุดหัวเราะและมองมาทางไป๋หวินเฟย ไป๋หวินเฟยและพวกถึงกับสะดุ้ง สิ่งที่พวกเขาเห็นคือคู่ตาที่บอดไม่มีสีและมีความว่างเปล่าในดวงตาเหมือนกับคนตาบอดจริงๆ
ภูมิต้านทานคำสาปไม่เคยมีอยู่ในทักษะแฝงเร้นของเย่คง
นอกจากนี้ เย่คงไม่ได้ทำสัญญากับคัมภีร์มานานนัก ต่อให้ทักษะแฝงเร้นของเขามีพลังมากมันก็ไม่สามารถหักล้างพลังของสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้
“เจ้ามันก็แค่ตัวตลก เจ้าพยายามขู่ใครให้กลัว?” ไป๋หวินเฟยใช้พลังทุบร่างกายตนเอง ดูเหมือนว่าเขาไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ แต่เย่คงกลับตรงกันข้ามถูกทุบราวกับว่าช้างแมมม็อธนับร้อยตัวรุมเหยียบย่ำร่างของเขา ร่างของเขาบอบบาง กระดูกหักจมูกมีเลือดไหลและผิวบางส่วนไหม้เผยให้เห็นรอยแผล
“ไป๋หวินเฟย เจ้ามันอ่อนแอเจ้าไม่สามารถใช้พลังเพิ่มได้อีกหรือ? ข้าละผิดหวังจริงๆ เจ้ามีปัญญาทำได้แค่นี้เองหรือ?” เย่คงปาดเลือดที่จมูกและปากเบาๆ จ้องมาทางไป๋หวินเฟยด้วยท่าทีเหยียดหยาม
“เหลวไหล!” ไป๋หวินเฟยถูกยั่วเนื่องจากผสานพลังกับปีศาจ เขาอาจมีความรู้สึกเสียใจกับร่างกายจนทำให้คำเหล่านั้นทำร้ายความรู้สึกของเขาจริงๆ
เขาแทบคลั่งทำร้ายตัวเองอย่างโหดเหี้ยม
เป็นการทำร้ายตนเองที่โหดเหี้ยมอำมหิต
ไป๋หวินเฟยรู้ว่าผลของการกระทำนี้จะส่งผลเป็นทวีคูณกับร่างของเย่คงและจะไม่มีผลต่อตัวเขาเอง
คนที่เหลือมองดูอย่างเงียบงัน ไม่มีใครกล้าหยุดพวกเขา เซี่ยเชียนเริ่นและเซี่ยเชียนชิวต้องการมองดูการแสดงดีๆ ขณะที่เสวี่ยทันหลางมีสีหน้าเย็นชาบนใบหน้าของเขา ที่ผิดปกติก็คือเจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ก็ยังมองราวกับว่าดูการแสดงดีๆ ไป๋หวินเฟยทำร้ายตัวเองจนเขารู้สึกเจ็บจนแทบเป็นลมและกระดูกของเขาเกือบแตกหัก ถ้าไม่มีคำสาปตัวแทน เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขาได้ทำมานั้นคงได้ทำร้ายร่างกายของเขาจนเสียหาย เขาหยุดและมองดูเย่คงรู้สึกว่าเขาอาจเห็นเย่คงอยู่ในสภาพบาดเจ็บน่าอนาถ
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกผิดหวัง
เย่คงยังคงยืนอยู่ได้
แม้จะมีรอยแผลและรอยฟกช้ำเต็มตัว แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงดูถูก
เขาไม่สนใจอาการบาดเจ็บบนร่างกายและถ่มน้ำลายลงบนพื้น “เจ้าไม่มีแม้แต่พลังจะเอาชนะคนได้แต่เจ้าก็ยังแกล้งทำเป็นว่ามี? ถ้าเจ้ายังทำแบบนั้นต่อไป เจ้าก็เป็นแค่ไอ้งี่เง่าเท่านั้นเอง”
“ไม่, นี่เป็นไปไม่ได้!” ไป๋หวินเฟยเหาะขึ้นด้วยความโกรธ เขารู้พลังของตนเอง เขาสามารถตัดภูเขาและทลายภูผาได้ เขาทุบตีตนเองเป็นร้อยครั้ง อย่าว่าแต่ร่างมนุษย์เลย ต่อให้เป็นแมมม็อธทองก็ถูกฆ่าไปนานแล้ว ทำไมเย่คงถึงยังดูดีอยู่? ทำไมความเสียหายที่เขาได้รับน้อยลงกว่าแต่ก่อน?
“ก่อนที่เจ้าจะตาย, ข้าจะบอกคำตอบเจ้า” เย่คงที่ตาบอดและเลือดเต็มตัวฝืนเดินเข้าหาไป๋หวินเฟยทีละก้าว
“ไสหัวไป!” ไป๋หวินเฟยตวัดกรงเล็บใส่
พลังของกรงเล็บของเขาสามารถฉีกร่างของเย่คงเป็นชิ้นได้
ความเร็วของเขาไร้เทียมทาน อย่างไรก็ตาม เกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น ร่างของเย่คงมีรอยแผลกรงเล็บเพิ่มขึ้น แต่อาการไม่รุนแรงเท่าใดนัก ตรงกันข้ามความเสียหายกลับลดลง ไม่ว่าไป๋หวินเฟยจะเพิ่มพลังไปเท่าใดก็ตามความเสียหายในร่างกายก็เริ่มลดลง ในที่สุดไป๋หวินเฟยก็เหนื่อยและหอบหายใจไม่หยุด เย่คงยังยืนอยู่ต่อหน้าเขาอย่างสมบูรณ์ “เจ้าลงมือเสร็จหรือยัง? เจ้าลงมือต่อได้นะ ถ้ายังไม่หนำใจ! เจ้ากล้าแสดงพลังและความไร้เดียงสาอย่างนั้นได้ยังไง!”
ไป๋หวินเฟยถอยหลังอย่างไร้พลังและมองดูเย่คงอย่างหวาดหวั่น
เซี่ยเชียนเริ่นยังไม่ยอมแพ้
เขาตวัดกรงเล็บเพลิง เขาเดินหน้าพร้อมกับเซี่ยเชียนชิวและโจมตีเย่คงพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง
เย่คงไม่ตั้งใจต้านแม้แต่น้อย เซี่ยเชียนชิวและเซี่ยเชียนเริ่นถึงกับหมดแรงหลังจากโจมตีเย่คง พวกเขายังสังเกตว่าเขายังยืนได้ไม่เป็นอะไร แทบไม่มีความเสียหายอะไรบนร่างกายของเขา มีแต่บาดแผลเพียงผิวเผินแต่อวัยวะภายในของเขาไม่ได้รับความเสียหาย
เซี่ยเชียนชิวยิงหนวดที่มีฟันแหลมพยายามจะกัดหน้าของเย่คงและทำลายมัน
อย่างไรก็ตามหนวดที่ยืดออกมานั้นกัดเขาอยู่นานแต่ทิ้งเพียงรอยฟันเล็กๆ ไว้ไม่กี่รอยเท่านั้น
“เป็นไปไม่ได้!” เซี่ยเชียนชิวและเซี่ยเชียนเริ่นประหลาดใจว่าพลังป้องกันแบบนี้มีอยู่ในโลกด้วยหรือ หรือว่านี่เป็นทักษะแฝงเร้นที่เป็นพลังป้องกันของเขา? แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เขาควรจะมีภูมิป้องกันบาดแผลด้วย แต่ตัวเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยช้ำ ไป๋หวินเฟยและพวกที่อยู่ต่อหน้าพยายามคิดหาคำตอบ ทันใดนั้นเย่คงเหวี่ยงหมัดโดยไม่รอให้พวกเขาคิดจบ
หมัดที่เหมือนดาวตกพุ่งเข้าในระยะสั้นใส่ไป๋หวินเฟยเซี่ยเชียนชิวและเซี่ยเชียนเริ่นอย่างแม่นยำ
ไป๋หวินเฟยตอบสนองได้ทันเวลาไวที่สุด เมื่อหมัดจะกระทบเขา เขาก็ถอยห่างออกไปห้าสิบเมตร
เซี่ยเชียนชิวก็รู้สึกตัวได้ทันเวลา เขาพยายามรับหมัดขณะถอยหลัง ดังนั้นจึงสลายพลังของหมัดนี้ซึ่งดูเหมือนว่าไม่ทรงพลังสำหรับเขา อย่างไรก็ตาม หลังจากรับหมัดแล้ว เขาเซไปหนึ่งก้าวและล้มกับพื้นตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว
รอยหมัดขนาดใหญ่ฝังลึกบนอกของเขา
เย่คงตอนนี้มีพลังระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งไม่น่าเป็นไปได้ที่เขาจะปล่อยหมัดที่น่ากลัวขนาดนั้นได้
“ทำไม?” ไป๋หวินเฟยยังคงไตร่ตรองถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ขณะที่เขางอตัวบิดตัวอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดทำให้เขาไม่สามารถคิดลึกได้ เขารู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาแทบจะถูกกระแทกเป็นชิ้นๆ จนยากจะอธิบายออกมานี่คือพลังหมัดของเย่คงหรือ? นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามเย่คงโจมตีเขาจนกระอักโลหิตได้ยังไง?
“นั่นเป็นเพราะเขามีทักษะแฝงเร้น ‘ยืนหยัด’ และอสูรพิทักษ์นามว่า ‘อดทน’ ไงเล่า” เจ้าอ้วนไห่หัวเราะ“ข้าเสียใจด้วย ในฐานะเป็นพี่ใหญ่ของเขา ข้าไม่ได้แนะนำเขาให้เจ้าได้รู้จักเย่คงศิษย์น้องข้าไม่กลัวโดนทุบตี เจ้าอาจจะไม่รู้มัน แต่เขาเป็นชีวิตระดับต่ำ ก็เหมือนกับฮุยไท่หลางยิ่งโดนทุบตีมากก็ยิ่งกระตือรือร้นมาก ในสมรภูมิ เขามักจะยืนหยัดอยู่ได้ไม่ยอมล้ม ถ้าเจ้าไม่ทุบตีเขา เขาอาจจะล้ม แต่เมื่อเจ้าทุบตีเขามากขึ้น ความเสียหายของเขาก็จะสะสมขึ้นและไปเพิ่มพลังให้กับทักษะแฝงเร้นของเขาขณะที่อสูรอดทนเป็นอสูรรูปแบบพิเศษ เขาก็แค่เหมือนกับเจ้านายของเขา ยิ่งพวกเจ้าทุบตีเขาก็ยิ่งแข็งแกร่ง ยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้น พลังโจมตีโต้ตอบก็จะแข็งแกร่งขึ้น เจ้าเข้าใจไหมว่าทำไมข้าถึงอธิบายให้พวกเจ้าฟัง? เพราะยังมีอีกคนอยู่ที่นี่มีทักษะแฝงจะทำให้ศัตรูหดหู่ใจมากขึ้น ถ้าเขาปากมากเกินไปพวกเจ้าทุกคนคงตายไปสิบครั้งแล้ว”
“พูดไร้สาระพอแล้ว” เสวี่ยทันหลางเพิ่มพลังและตะโกนอย่างใจเย็น “รีบส่งพวกเขาไปตามทางของพวกเขาได้แล้ว!”