ตอนที่ 633 ความลับก้นทะเลสาบ
เมื่อเย่ว์หยาง เสวี่ยอู๋เสียองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ มาถึงจุดหมายปลายทาง พวกเขาพบกับทะเลสาบมหึมา
ทะเลสาบนิ่งและน้ำกลายเป็นสีแดงสดใส
ศพนับไม่ถ้วนจากการบูชายัญเต็มอยู่ในน้ำ
“ดูเหมือนเราจะมาสายไปก้าวหนึ่ง” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมองดูรอบๆด้วยสีหน้าจริงจัง เมื่อมองดูร่องรอยที่ยุ่งเหยิงในทะเลสาบ ด้วยทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ของนาง นางสามารถพบรอยเท้าเปียกที่น่าสงสัยได้อย่างรวดเร็ว จากรอยเท้ามีสิ่งมีชีวิตร่างมนุษย์หลายรูปแบบออกมาจากทะเลสาบเพื่อช่วยผู้เสนอ
“ตามไปเถอะ!” เจ้าเมืองโล่วฮัวเห็นว่ารอยเท้าเปียกยังไม่ทันแห้งซึ่งก็หมายความว่าศัตรูยังจากไปไม่นาน ถ้าพวกเขาตามรอยเท้าไป พวกเขาอาจตามพวกนั้นได้ทันเวลา
“มีบางอย่างดูเหมือนไม่ถูกต้อง” เสวี่ยอู๋เสียส่ายหน้า
นางขมวดคิ้วและคิดอยู่ชั่วขณะ
นางส่ายศีรษะ “เราสามารถสันนิษฐานได้อย่างปลอดภัยว่าศัตรูจากไปบางส่วน แต่รอยเท้าเหล่านี้เป็นผู้ทำบูชายัญหรือสิ่งที่ถูกผนึกอยู่ข้างในล่ะ? เราไม่สามารถบอกได้เลย! ข้าคิดว่าทะเลสาบดูแปลกๆอยู่ ถ้าเราไป ข้าคิดว่าเราอาจจะพลาดบางอย่างไปก็ได้”
เมื่อได้ยินเสวี่ยอู๋เสียวิเคราะห์ อี้หนานออกมาจากโลกคัมภีร์ก็ถามทันที “อย่างนั้นเราจะแบ่งกำลังกันไหม?”
ก่อนที่อี้หนานจะพูดจบเจ้าเมืองโล่วฮัวปฏิเสธทันที “ไม่, คงเป็นเรื่องแย่แน่ถ้าเราแบ่งกำลังกันเราต้องอยู่ด้วยกันเพื่อแสดงพลังสูงสุดของเรา การแบ่งแยกกำลังกันจะทำให้ศัตรูเล่นงานเราทีละคนๆ ได้ง่ายเราไม่อาจปล่อยให้จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ทำแผนการของเขาได้สำเร็จ อู๋เสียพูดถูกข้ายังคงคิดว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ ถ้าการปลดปล่อยผนึกโบราณเป็นเรื่องง่าย อย่างนั้นก็คงไม่ใช่ผนึกโบราณแน่นอน! ราชาเฮยอวี้ ราชันย์พันปีศาจและจักรพรรดิชื่อตี้สามารถหลบหนีไปจากผนึกเหล่านั้นได้หลังจากผ่านไปหลายร้อยปีหลังจากได้รับการบูชายัญหลายอย่างแล้ว ตอนนี้ เจ้าคิดว่าเป็นไปได้หรือว่า ผนึกโบราณจะถูกปล่อยออกไปได้ง่ายดายหลังจากจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ขอให้กองกำลังนรกดำบูชายัญมนุษย์ไม่กี่คนหรือ? เป็นไปไม่ได้! มีความเป็นไปได้เพียงสองประการในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ประการแรกจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ พยายามปลดผนึกมาก่อน สอง เขากำลังหลอกเราพยายามใช้กลยุทธเพื่อล่อลวงเรา”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าหลังจากไตร่ตรองชั่วขณะ “จุดสังเกตที่สองมีความเป็นไปได้มาก”
เสวี่ยอู๋เสียชี้ให้เห็นอย่างตรงประเด็น“ที่สำคัญที่สุด ถ้าสิ่งที่ถูกผนึกเป็นสหายหรือบริวารของจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ทั้งหมด เขาจะยอมเผยความลับกับเราหรือ? แน่นอนว่าไม่ เขาจะเผยมันต่อเมื่อถ้าสิ่งที่ถูกผนึกอยู่ข้างในคือศัตรูของเขา... จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ตั้งใจจะยิงกระสุนครั้งเดียวฆ่านกได้สองตัว ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถสร้างเหตุปั่นป่วนให้หอทงเทียนโดยปล่อยสิ่งที่ถูกผนึกออกมาเท่านั้น แต่เขาคงสามารถกำจัดเราที่เป็นศัตรูของเขาได้”
คำพูดของนางทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเจ้าเมืองโล่วฮัวและอี้หนานคิดมากขึ้น
เป้าหมายสุดท้ายของจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์อยู่ที่แดนล่มสลายแห่งทวยเทพ
ตามสามัญสำนึกคงจะเป็นเรื่องดีกว่าถ้าจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์มีพลังมากขึ้นก่อนที่เขาจะทำอะไร ตอนนี้ก่อนที่พลังของจ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์จะฟื้นตัว การกระทำที่เร่งด่วนคือปล่อยสิ่งมีชีวิตถูกผนึกอยู่พิสูจน์ได้ว่าความตั้งใจของเขาไม่ง่ายขนาดนั้นต้องมีความหมายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังการกระทำนั้น
“แล้วตอนนี้จะเอาไงดี?” หนึ่งในหญิงสาวส่งเรื่องให้เย่ว์หยางตัดสินใจ
“เราสามารถสันนิษฐานได้ว่าเนื่องจากศัตรูได้บ่ายเบี่ยงหลบเลี่ยงเราห่างไกล เราอาจไม่สามารถไล่ตามพวกเขาได้ทัน ถ้าเราจะไล่ล่าตามพวกเขา แล้วทำไมเราต้องเปลืองพลังงานด้วย? มีคำกล่าวว่าแทนที่จะสนใจว่ามีนกสิบตัวอยู่บนต้นไม้จะดีกว่าไหมถ้ามีสักตัวอยู่ในมือของเรา ตอนนี้มีบางอย่างที่ผิดปกติในทะเลสาบนี้ ดังนั้นเราควรจะตรวจสอบให้ชัดเจนก่อน ถ้าเราพบว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เราก็สามารถไล่ศัตรูได้ต่อ เราไม่สามารถจะจับเบาะแสอะไรได้ อย่างนั้นเราควรเลือกทำบางอย่างที่เรามีความมั่นใจ”เย่ว์หยางยิ้ม
กระบวนการคิดของศัตรูเป็นเรื่องยากจะคาดเดา แต่พวกเขาคิดในอีกทางหนึ่ง
เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถคาดเดากระบวนการคิดของศัตรูที่แท้จริง อย่างนั้นพวกเขาก็น่าจะหลบกับดักของศัตรูได้ พวกเขาควรทำอะไรบางอย่างที่ศัตรูของพวกเขาไม่ต้องการจะเห็นเป็นที่สุด
ดูเหมือนว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติกับทะเลสาบ?
นอกจากนี้ยังคงมีรอยเท้าออกมาจากทะเลสาบ....
การแบ่งกำลังของพวกเขาคือแนวโน้มของการตัดสินใจที่เป็นไปได้มากที่สุดซึ่งศัตรูต้องการให้พวกเขาทำมากที่สุด ดังนั้นพวกเขาต้องไม่ตัดสินใจตามแผนการของศัตรูแน่นอน สิ่งที่ศัตรูของพวกเขาไม่ต้องการเห็นก็คือเย่ว์หยางและคนอื่นรั้งอยู่เพื่อตรวจสอบทะเลสาบ มิฉะนั้นศัตรูจะไม่ทิ้งร่องรอยที่ชัดเจนไว้ต่อหน้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนซึ่งมีทักษะแฝงเร้นหกรับรู้ พวกเขาก็แค่ทำเป็นเปิดเผยสิ่งที่พวกเขาตั้งใจซ่อน
“เจ้าลงไปตรวจดูข้างล่าง เราจะรอเจ้าอยู่ที่ริมฝั่ง!” เจ้าเมืองโล่วฮัวคิดว่านี่คือวิธีที่ดีสำหรับการล่อให้ศัตรูออกมา
“ไม่”เย่ว์หยางปฏิเสธทันที
“ไม่ต้องห่วง เราจะไม่เป็นไร” เจ้าเมืองโล่วฮัวผสานกายกับเย่ว์หยางมาแล้วและได้รับการดูแลจากจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนดังนั้นนางมีความก้าวหน้ามาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพลังจิตชนิดพิเศษซึ่งนักรบของบันไดสวรรค์ทิ้งไว้ นั่นจะคล้ายกับพลังงานของรหัสโบราณ เจ้าเมืองโล่วฮัวมีความเข้าใจพลังงานได้ลึกซึ้งมากกว่าอี้หนานและสามารถควบคุมได้ดีกว่า ดังนั้นนางยังสามารถสู้ได้เมื่อเผชิญกับศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านาง อย่างน้อยที่สุดนางซึ่งมีพลังป้องกันต่ำและพลังโจมตีสูงอย่างเมื่อก่อนแต่ตอนนี้สามารถป้องกันตัวได้โดยไม่มีปัญหา ภูตจิ้งจอกเก้าหางอสูรตัวโปรดของนางก็อยู่ในวิวัฒนาการเป็นร่างมนุษย์หลังจากจื้อจุนดูแลให้อย่างลับๆ...ทุกการเลื่อนขั้นเลื่อนระดับของมันคือผลมาจากการฝึกฝนอย่างหนักของเจ้าเมืองโล่วฮัว
ภูตจิ้งจอกเก้าหางตอนนี้ยังไม่แข็งแกร่งมากนัก
อย่างไรก็ตาม มันจะกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์หรือแม้แต่อสูรในตำนานแน่นอน
เพราะความเชื่อมโยงกันเป็นพิเศษกับเจ้าเมืองโล่วฮัวภูตจิ้งจอกเก้าหางจะกลายเป็นเหมือนกับนางฟ้าปีกโลหิต อสูรของจื้อจุน มันจะแตกต่างจากอสูรในตำนานธรรมดาแน่
“มีความมั่นใจเป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่ง การวางกลยุทธ์และนำไปใช้ก็เป็นเรื่องสำคัญอีกอย่างหนึ่ง” เย่ว์หยางหัวเราะ “ถ้าศัตรูไม่โง่ กลยุทธ์ล่อลวงศัตรูจะต้องล้มเหลวแน่นอน จ้าวปีศาจดึกดำบรรพ์ไม่ใช่คนโง่ เขายังคิดว่าเราอาจจะไม่รู้ถึงแผนการของเขา ดังนั้นเราจำเป็นต้องทำอะไรบางอย่างที่เขาไม่ชอบ เพียงเท่านี้เราก็สามารถทำให้เขาหงุดหงิดได้ พวกเจ้า, มานี่เถอะ, ทำแบบนี้....”
“เราเกลียดการวางแผนมากที่สุด”องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแสดงออกชัดว่าไม่ชอบใจออกมาทางสีหน้า แต่นางชอบด้านนี้ของเย่ว์หยางนางชอบเขาอย่างยิ่งโดยเฉพาะนิสัยฉลาดแกมโกง
เสวี่ยอู๋เสีย?
นางเป็นคนที่ดำเนินตามแผนของเย่ว์หยางเสมอด้วยความยินยอมพร้อมใจที่สุด
เย่ว์หยางส่งเสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเจ้าเมืองโล่วฮัวและอี้หนานกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์จากนั้นเขาเพียงลำพังกระโดดลงไปในทะเลสาบที่มีกลิ่นคาวเลือดรุนแรง เขาว่ายลึกลงไปในทะเลสาบเชื่อในสัญชาตญาณของเขาและว่ายดิ่งลึกลงไป
เมื่อเย่ว์หยางเริ่มว่ายลึกลงไปในทะเลสาบเงาร่างสองสามสายปรากฏอยู่ด้านหลังซากหักพังระยะไกล
พวกเขาเห็นว่าเย่ว์หยางไม่แบ่งแยกกำลังของเขา เขาไม่ไปตามรอยที่ทิ้งไว้และไล่ตามรอยเท้าแต่กลับพาสาวๆ ดำลงในทะเลสาบแทน
หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะเป็นผู้นำอดถอนหายใจไม่ได้ “ฝ่าบาทพูดถูก คุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้นี้ยากจะรับมือจริงๆ ถ้าคนผู้นี้ยังคงอยู่ต่อไป แผนการพิชิตหอทงเทียนของเราคงยากจะสำเร็จได้ ทำไมคนมีพรสวรรค์พิเศษจึงมักจะปรากฏตัวในหอทงเทียนเรื่อย? ตอนแรกข้าคิดว่าจักรพรรดิอวี้ในตอนนั้นนับว่าเป็นข้อยกเว้นแล้ว ข้าไม่เคยคิดเลยว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์นี้จะปรากฏขึ้นมาอีก”
บุรุษที่ยืนอยู่ข้างผู้นำคัดค้านทันที “ไม่,มีคนอันตรายอยู่หลายคนในหอทงเทียน ไม่ใช่แค่คุณชายสามตระกูลเย่ว์เท่านั้น ยังมีจื้อจุนผู้นั้นอีก”
คนหัวหน้าพยักหน้า “ข้าตั้งตารอคอยจะสู้กับนางจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เราไม่อาจเปิดเผยเราเองต่อสาธารณะได้ในตอนนี้”
อีกคนหนึ่งเห็นด้วย “ใช่แล้ว แผนการของฝ่าบาทสมบูรณ์แบบ แต่เรามีเวลาน้อยมาก”
บุรุษอีกคนหนึ่งซึ่งไม่พูดมาตั้งแต่แรกและยืนอยู่ด้านซ้ายพลันบ่นรำพึง “ถ้าเราไม่สามารถสู้ได้ อย่างนั้นทำไมพวกเจ้าต้องไปเชิญเราถึงแดนสวรรค์ให้มาที่นี่เล่า? เราต้องเสียค่าธรรมเนียมในการผ่านประตูแดนสวรรค์ไปตั้งมากมาย เราคิดว่าเราจะสามารถเข้าดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพได้ทันทีเสียอีก เราไม่เคยคิดว่าพวกเจ้ากลับลังเลและกังวลเรื่องนั้นเรื่องนี้เหมือนกับหนูขี้ขลาด จากที่ข้าเห็นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่มีอะไรมาก เขาไม่ได้เป็นนักสู้ปราณฟ้าด้วยซ้ำ ข้าสามารถฆ่าเขาได้ในหมัดเดียว ข้าไม่เข้าใจเลยพวกเจ้ากลัวอะไรกันนักหนา”
ผู้นำกลุ่มฟังอยู่เงียบๆ รอให้อีกฝ่ายหนึ่งแสดงความไม่พอใจจากนั้นจึงตอบช้าๆ “เจ้ารู้ไหม ทำไมเจ้าเป็นแค่กลุ่มของสมาชิกและไม่ได้เป็นกลุ่มของผู้นำ?เจ้ารู้ไหม ทำไมเจ้าตำหนักของเจ้าจึงขอให้เจ้าฟังคำสั่งของข้า? เหตุผลก็ง่ายๆ เป็นเพราะข้าฉลาดมากกว่าพวกเจ้าทุกคน! อย่าพยายามคิดด้วยสมองหมูของพวกเจ้าเจ้าไม่ใช่ยอดฝีมือในเรื่องการวางแผน เข้าใจไหม? สิ่งเดียวที่เจ้าต้องทำก็คือหุบปากและทำตามแผนของข้าไป! สุดท้าย,ข้าอยากจะบอกอะไรสักอย่าง ถ้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์จัดการได้ง่ายนักล่ะก็ทำไมเจ้านายเราจะต้องขอเจ้านายเจ้ามาเป็นพันธมิตรแบ่งปันผลประโยชน์กับพวกเจ้า? ด้วยพลังของเขาและสมองของเขา ทำไมเขาถึงไม่สามารถฆ่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ด้วยตนเองและชื่นชมกับผลประโยชน์จากแดนล่มสลายแห่งทวยเทพด้วยตนเองเล่า? เจ้าคิดหรือว่าพวกที่นั่งอยู่ในสถานะของเจ้าตำหนักของเจ้าและราชาของเราจะโง่ไม่ฉลาดเท่ากับสมองหมูของเจ้าหรือ?”
คำพูดที่สงบและช้าของเขาเต็มไปด้วยการเหยียดหยาม
เหมือนกับว่าเขากำลังอธิบายเรื่องที่ง่ายที่สุดในโลก คนผู้นั้นไม่คาดหวังว่าจะถูกปฏิเสธ
บุรุษอีกคนหนึ่งดูเหมือนจะโกรธจัด แต่ก็ไม่สามารถคัดค้านได้เพราะก่อนที่พวกเขาจากมา เจ้าตำหนักของเขาได้เตือนพวกเขาด้วยน้ำเสียงเข้มงวดอย่างไม่เคยใช้มาก่อน เขาเตือนพวกเขาว่า เขาจะกำจัดตระกูลของพวกเขาทั้งหมด ถ้าพวกเขากล้าขัดขืนคำสั่งและทำข้อผิดพลาดใหญ่
พวกเขาไม่ต้องการให้สำนักพวกเขาทั้งหมดติดร่างแหจากการระเบิดความโกรธครั้งเดียว นอกจากนี้ หัวหน้ากลุ่มนี้เป็นคนฉลาดคนหนึ่ง
เจ้าตำหนักของพวกเขาก็ยังมองเขาด้วยความยกย่อง
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าผู้นำนั้นภักดีต่อราชาของเขาตลอดไป เจ้าตำหนักอาจจะให้ตำแหน่งหัวหน้าผู้อาวุโสก็เป็นได้ พวกเขาผู้อยู่เบื้องหลังผู้นำไม่ว่าจะเป็นพลังหรือสติปัญญาก็ไม่กล้าคัดค้าน อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินเสียงดูหมิ่นของผู้นำ พวกเขาไม่สามารถระงับความขุ่นเคืองไม่พอใจได้ คุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้นี้แข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ?
แม้ว่าเขาจะมีค่าหัวร้อยล้านเหรียญทองในแดนสวรรค์ แต่จะมีความหมายอะไร?
ในกลุ่มพวกเขาใครไม่มีค่าหัวร้อยล้านเหรียญทองและอาจมากกว่า?
“ไปกันเถอะ เราอยู่นานเกินไปคงไม่ดีแน่ ถ้าจื้อจุนหรือจักรพรรดินีราตรีพบเรา ก็จะเกิดเรื่องยุ่งยากมาก บางทีพวกเขาอาจตื่นตัวทันทีและมองเห็นแผนการฝ่าบาทได้ตลอด ก่อนที่แผนของฝ่าบาทจะได้เป็นที่รับรู้ ข้าไม่ต้องการจะเปิดเผยตัวเราเอง” คนที่เป็นผู้นำมองดูที่ทะเลสาบเป็นครั้งสุดท้ายก่อนพากลุ่มตนจากไป
เขามีความรู้สึกบางอย่าง
ตอนนี้ เมื่อคุณชายสามตระกูลเย่ว์กระโดดลงไปในทะเลสาบก็เหมือนกับว่าเขาจะเหลือบมองมาด้านข้างวับหนึ่ง
เป็นไปได้ไหมว่าจากระยะไกลขนาดนั้นเขาสามารถรู้สึกการปรากฏตัวของเขา? ถ้านั่นเป็นความจริง อย่างนั้นคุณชายสามตระกูลเย่ว์ก็น่ากลัวมากจริงๆ! เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญสุดยอด เขาต้องกลับไปรายงานราชาของเขา บางทีนี่อาจเป็นหัวใจสำคัญไขความลึกลับของคุณชายสามตระกูลเย่ว์
“เอ๊ะ?”ในทันใดนั้นเมื่อผู้นำกลุ่มชำเลืองมองไปที่ทะเลสาบ เขาเห็นว่ามีพลังงานแปลกประหลาดบนทะเลสาบ เหมือนกับว่ามีการระเบิดใหญ่ที่ก้นทะเลสาบ เขาตะโกนอย่างตื่นเต้นทันที “หรือว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์พบความลับที่ใต้ทะเลสาบอย่างรวดเร็ว?ไม่ดีแน่ คุณชายสามตระกูลเย่ว์มีสายตาที่พิเศษ”
“บางทีอาจเป็นหุ่นหนูค้นสมบัติของเย่ว์กงกระมัง?” สหายของเขาคาดการอย่างไม่แน่ใจ
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น” หัวหน้ากลุ่มฝืนถอนหายใจ “หวังว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้มีทักษะแฝงเร้นรอบรู้ทุกอย่าง มิฉะนั้นจะต้องลำบากมากขึ้นเป็นแน่”
ที่ใต้ก้นทะเลสาบ เย่ว์หยางเรียกหนูเบญจธาตุค้นสมบัติออกมาและค้นพบม่านพลังพิเศษ
ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงไม่กล้ารีบทำอะไรบุ่มบ่ามแน่
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางมีทักษะแฝงเร้นญาณทิพย์เขาชักดาบเทาเถี้ยและฟันม่านพลังขาด
ม่านพลังที่ไม่รู้จักเปิดออกพร้อมกับเสียงดังกึกก้อง แต่ไม่ได้แตกเป็นเสี่ยงๆ เย่ว์หยางใช้ดาบอย่างแม่นยำเกาะกุมโอกาสอย่างสมบูรณ์เพื่อหยุดพลังงานหมุนเวียนรอบๆม่านพลัง เหมือนกับปรมาจารย์สร้างสรรค์ผลงานชิ้นโบว์แดง สิ่งที่น่าอัศจรรย์ที่สุดก็คือจากมุมมองของคนนอก เย่ว์หยางทำลายม่านพลัง ไม่ได้เปิดออก
ผลทั้งสองอย่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
เมื่อเย่ว์หยางเปิดม่านพลังได้ เขาสามารถสังเกตจดจำและทำซ้ำม่านพลังผ่านจักษุญาณทิพย์ก่อนที่มันจะหายไป
การทำลายจะไม่สร้างผลออกมาเช่นนั้น...คนภายนอกจะไม่มีทางรู้ว่าในขณะที่เย่ว์หยางเปิดม่านพลังนั่นเหมือนกับบทเรียนสำหรับเขา...ก็เหมือนกับขโมยที่เรียนรู้วิชาปลดล็อคผนึกเวท หากไม่ประสบด้วยตนเอง จะไม่มีทางเข้าใจความลับของเคล็ดวิชาได้เต็มที่
พลังงานนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากม่านพลังและแผ่ไปทั่วทะเลสาบ
ประตูเทเลพอร์ตที่ดูเก่าแก่โบราณขนาดมหึมาปรากฏอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง
โดยไม่ต้องรอให้เย่ว์หยางลงมือทำอะไร มันสว่างขึ้นทันที พวกเผ่าโนม (คนแคระ) แดนสวรรค์ที่มีอยู่ในแดนสวรรค์วิ่งออกมาจากอีกด้านหนึ่งของประตูเทเลพอร์ตเหมือนกับสายน้ำบ่า
บรรดาคนแคระแดนสวรรค์เหล่านี้ มีก็อบลินแดนสวรรค์ที่ตัวไม่ค่อยสูงแต่มีพลังอย่างน้อยเป็นนักสู้ปราณดินระดับสาม เขาถือแส้และหวดใส่พวกคนแคระอย่างโหดร้ายเพื่อให้พวกเขาสร้างวงเวทขณะบูชายัญให้ประตูเทเลพอร์ต ตามที่เย่ว์หยางประเมินคาดการณ์ นี่คือการพยายามเพิ่มพลังให้กับประตูเทเลพอร์ตผ่านการบูชายัญ เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้รับนักสู้ปราณฟ้าที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
“เป็นแบบนี้นี่เอง...น่าสนใจมาก!” เย่ว์หยางมองดูกระแสคนแคระแดนสวรรค์และพวกก็อบลินแดนสวรรค์ที่ชั่วร้ายและยิ้ม