ตอนที่ 631 หลี่หรันบุรุษเหล็ก
“รักษาตำแหน่งไว้ มีมากกว่าสามคนกำลังมาทางนี้!”
“อาเสียง! อยู่ตรงนั้นปล่อยปีกขวาให้เสี่ยวหลินดูแล
……
หลี่หรันลากขาที่ค่อนข้างอ่อนแอของเขาไปมา เขาได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาในการต่อสู้เมื่ออายุยังน้อยตอนนั้นเขารักษาไม่ทันเวลา ดังนั้นขาขวาของเขาถูกปล่อยให้พิการการสูญเสียความสามารถในการสู้ หลี่หรันจำใจต้องออกจากกองทัพเดินเรื่อยเปื่อยไปตามถนนจนกระทั่งฉินอวี้หรันช่วยเขา ฉินอวี้หรันเคยล้อเล่นว่าพวกเขามีชื่อว่าหรันอยู่ในชื่อเหมือนกัน ดังนั้นนางจะปล่อยเขาไปได้ยังไง
หลี่หรันตะโกนลั่น หน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อและโคลนซึ่งปกติเขาไม่แสดงออกแต่ก็แผ่ไปด้วยรัศมีแสงประหลาด
ความจริงกลุ่มรักษาความปลอดภัยไม่ชอบหลี่หรัน ในโลกที่ผู้แข็งแกร่งได้รับความนับถือคนพิการจะได้รับการนับถือได้ยังไง? แต่คุณหนูมีความเด็ดเดี่ยว และแม้ว่าหลี่หรันจะไม่สามารถนำรบได้ด้วยตนเอง แต่ทักษะของเขาในการรับมือแต่ละวันทำได้ดี หลังจากผ่านไปนานไม่มีใครพูดอะไรเกี่ยวกับเขา
ในใจของทุกคนหลี่หรันเป็นเพียงเจ้าหน้าที่คำนวณคนหนึ่ง ช่วยและทำให้ชีวิตของทุกคนก้าวหน้า
จนกระทั่งบัดนี้
เมื่อเห็นหลี่หรันลากขาที่อ่อนแอขึ้นลงไปมาและตะโกนออกคำสั่งต่อเนื่องจนเสียงแหบแห้งทำให้ทุกคนรู้สึกนับถือเขา ตราบใดที่เขายืนเป็นเวลานาน ขาขวาของเขาจะมีความรู้สึกเจ็บปวด และในกรณีที่รุนแรง ขาของเขาจะบวม
ขาของหลี่หรันบวมราวกับหัวไชเท้าเส้นเลือดแดงและดำปูดขึ้นมองดูเหมือนหนอนหรือไส้เดือนเป็นภาพที่น่ากลัว เขาไม่สนใจความเจ็บปวด และยังคงเดินไปรอบๆ สายตาของทุกคนที่มีต่อหลี่หรันก็คือความเคารพ
ความแข็งแรงสร้างความกลัวได้ แต่ความกล้าหาญและศรัทธาย่อมควรแก่การนับถือ
‘เขาทุ่มเททุกอย่างจริงๆ....’
ทุกคนที่มีความคิดไม่มีใครปฏิเสธคำสั่งของหลี่หรัน บุรุษเหล็กแบบนั้นคู่ควรแก่การร่วมสู้ด้วย
แต่หลังจากคลื่นศัตรูเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทุกคนเริ่มเคารพหลี่หรันมากขึ้น มีข่าวลือว่าหลี่หรันเป็นเจ้าหน้าที่ทหารที่แท้จริง แต่หลี่หรันไม่เคยพูดออกมา ดังนั้นทุกคนจึงว่าเป็นคำบอกเล่า แต่ตอนนี้ ทุกคนตระหนักว่านั่นไม่ใช่คำเล่าลือ
คำสั่งของหลี่หรันมีศิลปะในการเคลื่อนไหว
แม้ว่าฉินอวี่หรันจะไม่ใช่ผู้ร่ำรวยทรงอิทธิพล แต่นางเป็นคนมีชื่อเสียงพอจะดำรงชีวิตได้อย่างสบาย และองครักษ์ปกป้องข้างตัวนางก็ค่อนข้างแข็งแกร่งเช่นกัน หลายคนนางได้รับมอบโดยเจ้าครองทวีปที่นางเคยไปเปิดการแสดงมาก่อนดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่ผู้อ่อนแอ
พวกเขารู้ว่าอะไรเป็นอะไร หลังจากผ่านไปไม่กี่รอบ พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าศัตรูที่กำลังโจมตีคฤหาสน์จันทราไม่แสดงท่าคุกคามมาก และทิ้งไว้แต่เพียงกองซากศพมากมายเท่านั้น ความสูญเสียของพวกเขาหนักหนามาก
หลี่หรันแข็งแกร่งมาก!
ข้อสรุปนี้สร้างความประหลาดใจให้กับหลายคน แต่ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น หลังจากเดินทางเป็นเวลาหลายปี พวกเขาทุกคนมีประสบการณ์มากมาย และพวกเขารู้ว่าสิ่งที่พวกเขาประสบเจอนั้นไม่ง่ายเลย
ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธวิธีครอบคลุมหลายอย่างมีประโยชน์มากกว่าอะไรอย่างอื่น แม้ว่าความแข็งแรงส่วนบุคคลของแต่ละคนจะไม่ใช่อ่อนแอ พวกเขามาจากพวกเชี่ยวชาญในการสู้รบทุกประเภท เมื่อเผชิญหน้ากับขนาดการคุ้มครองและป้องกันแบบนั้น พวกเขาไม่มีประสบการณ์นั้น
ด้วยความเชื่อมั่นในหลี่หรันของพวกเขา พวกเขากลับมั่นคงมากขึ้น ขณะนั้นหลี่หรันยังคงทดสอบปล่อยองครักษ์คุ้มกันและบ่าวรับใช้มากขึ้นและเริ่มใช้แผนง่ายๆ
เขายังคงใจเย็นทำให้ทุกคนรู้สึกสงบ ทุกคนเชื่อว่าผลที่เหลืออยู่ในมือของหลี่หรัน
ในความเป็นจริงแล้วหัวใจของหลี่หรันไม่ได้สงบเหมือนกับสิ่งที่เขาแสดงออกภายนอก แต่เขากลับกังวลและกระวนกระวายมากขึ้น การโจมตีเริ่มรุนแรงมากขึ้น มันเริ่มกับกลุ่มของขโมยหรือโจรสามถึงห้าคน แต่เมื่อผ่านไปกลับกลายเป็นหน่วยทหารรับจ้างขนาดเล็ก
คฤหาสน์จันทราไม่เหมาะตั้งรับ เนื่องจากตั้งอยู่ในที่เปิดโล่งใหญ่เกินไป และเนื่องจากมันอยู่ภายในเมืองทรายขาว ดังนั้นโครงสร้างของมันจึงไม่มีแนวคิดใดๆสำหรับการป้องกัน ทำให้หลี่หรันลำบากหนัก
ไม่มีชั้นป้องกันใดๆ และกลุ่มของทหารที่มีกำลังแตกต่างกันมีแต่อดีตนายทหารที่พิการไม่สามารถรบได้ หลี่หรันฝืนหัวเราะ แปลกจริงๆสามารถสู้ได้จนถึงระดับนี้ ก็นับว่าดีแล้ว
‘ทำไมท่านเหมิ่งหนานยังไม่มาถึงที่นี่?’
ความหวังเดียวของหลี่หรันฝากไว้ที่ท่านเหมิ่งหนาน หวังว่าเขาจะมาถึงได้โดยเร็ว ดังนั้นเขาจึงจะหยุดพักได้ เขาสูญเสียความรู้สึกที่ขาขวาทั้งหมดแล้ว ‘แต่ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยข้าไม่รู้สึกเจ็บปวด’
ทันใดนั้นกลุ่มจุดดำเล็กๆ ปรากฏในท้องฟ้า
สภาพใจของหลี่หรันตื่นตัวขึ้น เขาตะโกนทันที “เตรียมตัว, ศัตรูกำลังมาถึง!”
หน่วยคุ้มกันทั้งหมดตื่นตัวขณะที่พวกเขาเตรียมรับมือศัตรู แต่เมื่อพวกเขาตั้งขบวน คฤหาสน์ก็เกิดเสียงฮือฮาทันที
ในกลางนั้นคือบุรุษที่ทุกคนรู้จัก เขาคือบุรุษที่ทรงอำนาจที่สุดในทวีปทรายขาวเหออิง ผู้บัญชาการกองพลที่สอง
เหออิงโบกมืออย่างหยิ่งยโส เมื่อหนึ่งในหัวหน้าหน่วยวิ่งออกมาและตะโกน “จากนี้ไปการป้องกันตำแหน่งนี้กองพลที่สองจะรับมือเอง! ทุกคน, ปลดอาวุธของพวกเจ้าลง ถ้ามีผู้ใดขัดขืน เจ้าจะต้องถูกฆ่าทันที!”
หน้าของหลี่หรันซีดขาว เขาตระหนักได้ทันทีว่าเหออิงคือศัตรูที่แท้จริง ตอนแรกเขานึกว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะมีโจรและพวกสลัดไม่กี่คน แต่จากนั้นเขาตระหนักได้ว่าความวุ่นวายปั่นป่วนทั้งหมดเพราะเหตุผลเดียว! ทุกอย่างวางแผนโดยบุคคลในเงามืด และมีทางเป็นไปได้มากที่สุดก็คือเหออิง
ปัง ปัง ปังอาวุธถูกวางลงพื้น บ่าวรับใช้ทั้งหมดและผู้คุ้มกันดีใจ
“นั่นดีจริงๆ!”
“ท่านเหอมาที่นี่แล้ว พวกเราปลอดภัยกันทุกคนแล้ว”
“เราปลอดภัยแล้ว!”
……
องครักษ์ของฉินอวี่หรันมองหน้ากันเอง จากนั้นมองหน้าหลี่หรัน
หลี่หรันคอแห้งผาก แต่เขารู้ว่าพวกเขาอยู่ในระหว่างความเป็นความตาย เขาคิดถึงภรรยาและสุภาพสตรีในคฤหาสน์ และจากนั้นคิดถึงคุณหนู เหออิงไม่ยอมปล่อยคุณหนูไปแน่ ถ้านางตกอยู่ในเงื้อมมือชั่วร้ายของเหออิง นางจะกลายเป็นของเล่นของเขา
ไม่!
หลี่หรันกลายเป็นตื่นตัว เขาจะไม่มีทางเห็นด้วยกับเรื่องนั้น! เขาโยนความกลัวทั้งหมดทิ้งไปทันที ‘ร่างกายซอมซ่อนี้ได้รับความช่วยเหลือจากคุณหนู ถึงข้าจะตายก็ไม่ยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับนาง’
หลังจากตื่นตัวแล้วหลี่หรันสงบจิตใจตนเอง
เขาชักดาบออกมาจากเอว นั่นเป็นดาบง่ายๆ เขาชูขึ้นเหมือนกับเป็นธง
“ทุกคน,สัมผัสที่หัวใจของพวกเจ้า ในทุกวันคุณหนูปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไร? นางดูแลกองกำลัง ถึงได้มีวันนี้! ข้าได้รับพระคุณของคุณหนู และนี่คือเวลาตอบแทนบุญคุณ ใครก็ตามที่กล้าวางแผนกับคุณหนูจะต้องก้าวข้ามศพพวกเราไปก่อน!”
หน้าขององครักษ์ค่อยๆจริงจังทันที ทุกคนเริ่มแสดงความยืดหยุ่น พวกเขาเป็นทหารผ่านศึกเก่าที่มีประสบการณ์กันทุกคน และเมื่อเห็นสถานการณ์ พวกเขารู้ว่าไม่ใช่วันที่จะปราณี
“บังอาจนักไอ้พวกหัวงูพวกนั้น พวกมันกล้าแตะต้องทำอะไรกับคุณหนูหรือ?”
“หัวหน้าหลี่พูดถูก เราทุกคนรู้ว่าคุณหนูปฏิบัติต่อพวกเรายังไง ชีวิตของพวกเราทุ่มเทเพื่อคุณหนู ก็คู่ควรแล้ว”
……
เมื่อได้ยินพวกคุ้มกันพูดออกมาด้วยความโกรธและไร้ไมตรี หน้าของเหออิงเขียวคล้ำ กองพลที่สองส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่ข้างตัวเขา พวกเขาเป็นแค่หน่วยหน้าทะลวงฟัน
‘แต่กับพวกปลาเล็กปลาน้อยเหล่านี้ หน่วยหน้าทะลวงฟันก็เกินพอ’
“เฉียวอัน ข้าจะปล่อยพวกนี้ให้เจ้าจัดการ ฆ่าพวกมันทุกคน” เหออิงพูดอย่างเฉยเมย บุรุษผอมสูงแสดงสายตาเยาะเย้ย ทำให้เหออิงโกรธ และความปรารถนาจะฆ่าของเขาเพิ่มขึ้นทันที
สำหรับสาวงามจะมีผลต่อเขาหรือ? เหออิงไม่สนใจ
เฉียวอี้อันใจสั่นสะท้าน แต่เขาตอบรับ “ขอรับ!”
เพียงแค่นั้นเขากระโจนและลอยตัวในอากาศอย่างนุ่มนวล ความเร็วของเขาไม่เร็วไม่ช้า แต่ในพริบตา เขามาถึงหน้ากระบวนศึก และชักกระบี่ชูในอากาศ รัศมีของเขาฉายอยู่ทั่วสถานที่
องครักษ์ทุกคนชักอาวุธพร้อมกับคำรามและเปล่งม่านแสงพลัง
แสงที่เฉียวอี้อันปล่อยออกมาไม่แพรวพราว แต่เมื่อสัมผัสม่านพลังแสงกลับเหมือนมีดคมตัดใส่เต้าหู้ ฉัวะ ฉัวะฉัวะ มีศีรษะสองสามศีรษะปลิวอยู่ในท้องฟ้า และเลือดฉีดพุ่ง
ทั้งกระบวนการเพียงอึดใจเดียวเฉียวอี้อันเคลื่อนไหวอย่างอิสระและง่ายโดยไม่ทิ้งรอยเพลิงหรือปราณนับเป็นภาพเพลินตา
หน้าของหลี่หรันเปลี่ยนจอมกระบี่ปีกเงินเฉียวอี้อันคือคนที่เขารู้จัก เขาเคยเห็นเฉียวอี้อันแสดงตัวเองหลายครั้งขณะติดตามฉินอวี่หรัน แต่เมื่อเผชิญหน้ากันในฐานศัตรูเขากลับรู้สึกแตกต่าง แรงกดดันรุนแรงโถมทับเขา
แรงกดดันที่มาถึงไม่สามารถหลบหนีได้ทำให้ผู้คนรู้สึกสิ้นหวัง
วิชากระบี่ที่ไร้ความปราณีคร่าชีวิตหลายคน ความพยายามใดๆที่ใช้ป้องกันกระบี่ธรรมดาล้วนถูกตัดผ่าน
แต่พวกเขาไม่มีทางออก
เลือดฉีดใส่หน้าของหลี่หรันเขาสูญเสียราคาต่อรองของเขาทั้งหมดและเตรียมสู้อย่างไร้ประโยชน์
“อาเสียงตั้งใจป้องกันคุณหนู!”
“เสี่ยวหลิน ใช้...”
ฉัวะ ฉัวะ!
ศีรษะของอาเสียงและเสี่ยวหลินปลิวขึ้นฟ้าโลหิตฉีดพุ่งย้อมด้านหลังร่างที่ล้มลง
ขณะนั้นเขาปรารถนาแทบแย่ว่าคนของตัวเขาเองจะได้รับการฝึกและผ่านการเป็นทหาร เขาปรารถนาว่าเขาจะกลับไปอยู่ช่วงเยาว์วัยสามารถอาศัยตนเองเปลี่ยนกระแสการสู้รบได้!
เขาแก่แล้วพิการและเตรียมพร้อมจะตาย
ตาของหลี่หรันเป็นสีแดง เขาคำราม “ตั้งขบวนวงกลม!”
‘ถ้าข้าจะตาย อย่างนั้นก็ปล่อยให้ตายไปเถอะ!’
องครักษ์ล้อมหลี่หรันไว้ในตรงกลาง ตาของหลี่หรันคลุมไปด้วยเลือดชั้นหนึ่ง เขาเหมือนกับสุนัขป่า สุนัขป่าแก่ที่พร้อมจะตายในพริบตา
“เป็นไปตามคาดจอมกระบี่ปีกเงิน เขาทรงพลังแท้จริง” บุรุษผอมสูงชื่นชม
เหออิงมีสีหน้าดีใจ “เขาดีแน่นอน และหายากที่เขาจะยอมเชื่อฟัง ท่านควรจะรู้ ยอดฝีมือทั้งหมดในเดี๋ยวนี้อารมณ์ไม่ดี”
บุรุษร่างผอมสูงพยักหน้า “นั่นก็จริง”
“รอจนกว่าข้าจะกลายเป็นเจ้าครองทวีปทรายขาวก่อน ข้าจะควบคุมพวกเขาให้หมด!” เหออิงพูดอย่างมีความสุข
หลี่หรันไม่พูดสักคำ เขาจ้องมองกระบวนท่าที่สง่างามเด็ดขาดของเฉียวอี่อันคร่าชีวิตผู้คน กระบี่ของเฉียวอี่อันร่ายรำเป็นวงโค้งอย่างสง่างาม ทุกครั้งที่เคลื่อนไหวต้องเด็ดชีวิตคนสองสามคน
หลี่หรันเลียริมฝีปาก หัวใจของเขาคำนวณอย่างสงบ
เฉียวอี่อันยังคงเคลื่อนไหว เมื่อหลี่หรันพูดเบาๆ ทันที “ต่อไปเมื่อข้าพูดชื่อคนหนึ่งทุกคนจะต้องวิ่งเข้าสู่ตำแหน่งโจมตี อย่าได้ถอย”
คนที่เหลือล้วนตึงเครียดมากพวกเขาเหลือน้อยกว่า 20 คน ในเวลานี้ทุกคนรู้ว่าพวกเขาคงจะไม่รอดชีวิต ดังนั้นพวกเขาจึงเข้มแข็งมากเนื่องจากเป็นการโจมตีครั้งสุดท้ายของพวกเขา
หลี่หรันจ้องมองร่างที่ลอยอยู่ของเฉียวอี้อัน ความเคลื่อนไหวของเฉียวอี้อันเจ้าเล่ห์มาก แต่หลี่หรันมีประสบการณ์รบมากมายและเขารู้เกี่ยวกับนิสัย นิสัยมักจะเผยตัวเองในการสู้รบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อไม่มีแรงกดดัน คนที่ได้เปรียบมักเปิดเผยนิสัยและพฤติกรรมของพวกเขามากขึ้น
และด้วยการใช้ชื่อเพื่อกำหนดตำแหน่งนี้เป็นวิธีที่แยบยล พวกเขาทุกคนคุ้นเคยกันและกัน แต่เฉียวอี้กันไม่รู้จักพวกเขา
เฉียวอี้อันเคลื่อนไปทางซ้ายและขวา กระบวนท่าของเขายากจะทำนายได้
ภาพเงาซ้อนตามกันรบกวนสายตาผู้คน
หลี่หรันตะโกนทันที“ต่งปัว!”
องครักษ์ที่ยืดร่างรอแล้วไม่มีลังเลเขารวมพลังทุกคนและยิงออกไปทันที
ตาของเฉียวอี้อันเบิกกว้างแสงรังสีที่สับสนวุ่นวายทะลักออกมาด้านหน้าเขาเหมือนกำแพงหลากสี
สวะเอ๊ย!
ฝ่ายตรงข้ามคาดการณ์และเห็นความเคลื่อนไหวของเขา เขาไม่มีเวลาป้องกันได้แต่เกร็งกำลังขวางกระบี่ไว้!
รังสีกระบี่ปลดปล่อยออกมาเจ็ดแปดสาย ก่อนที่จะทำอะไรไม่ได้อีกต่อไป
ร่างของเฉียวอี้อันสว่างด้วยม่านแสง เขาเหยียดฝ่ามือซ้ายและครางร่างของเขาปลิวออกไป 60 เมตรและร่วงลงพื้น ผมของเขายุ่งเหยิง มุมปากมีรอยเลือดซึมออก
เขาจ้องมองกลุ่มคนเจ้าเล่ห์อย่างจงใจ เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาถูกพวกนั้นทำร้าย
พวกผู้คุ้มกันฉลองกันแทบคลั่ง เป็นครั้งแรกที่พวกเขาสามารถคุกคามเฉียวอี้อันได้
แต่นัยน์ตาของหลี่หรันเต็มไปด้วยแววผิดหวัง เขารู้ พวกเขาไม่มีโอกาสเหลืออยู่แล้ว
ทันใดนั้นร่างของเขาสั่น ตาของเขาจ้องมองด้านหลังเหออิง กลุ่มจุดสีดำพุ่งตรงมาทางพวกเขาเหมือนกับคลื่นสีดำ
‘นั่นคือ...’
ครืนน ครืนนน
พื้นสั่นสะเทือน บ้านสั่นสะเทือน อากาศสั่นสะเทือน