ตอนที่ 629 หอกเผด็จศึกฟ้าเขียว
ถ้าเจ้าต้องการกอดโลก เจ้าไม่อาจลืมดวงดาวได้
หิ่งห้อยแดงนำเอาความรับรู้ที่แปลกประหลาดทว่าสงบกระจายไปทั่วทุกที่ บ้านที่อยู่ตามแนวถนนเริ่มเกิดรูและโดยรวดเร็วกลุ่มรูพรุนเริ่มมากขึ้นจนดูเหมือนรังผึ้ง
ถ้าใครตกไปอยู่ในคลื่นทะเลสีแดง เขาจะพบตัวเองหลงและถูกกลืนหายไป
ภายในทะเลหิ่งห้อยที่กว้างใหญ่นี้ ใบหน้าของบุรุษหนุ่มสะท้อนกับหิ่งห้อยและทะเลแสงร่างของเขาเคลื่อนไหวเป็นแนวตรงเหมือนกับหอก ดวงตาที่สงบของเขาดูเหมือนมองผ่านทะเลที่ไร้ขอบเขตได้
หิ่งห้อยนับไม่ถ้วนเริ่มพลุ่งพล่าน กองกำลังเผด็จการทวีปชิงพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วราวสายฟ้า พื้นใต้เท้าพวกเขาสั่นสะเทือนสิ่งก่อสร้างที่เต็มไปด้วยรูเริ่มพังทลาย
แสงที่ฉายออกมาทำให้หิ่งห้อยไม่สามารถเคลื่อนขึ้นหน้าไปได้แม้แต่นิ้วเดียว
เหมือนกับสัตว์ป่าที่เผชิญกับคลื่นขนาดใหญ่ ทั้งสองไม่ขยับเคลื่อนหน้าเลยสักนิด เป็นการโจมตีเพียงครั้งเดียวแต่กองกำลังเผด็จการทวีปชิงก็ทำให้ถังเทียนรู้ว่าพวกเขามีความสามารถจะเขย่าโลกได้ และชื่อกองกำลังเผด็จการของพวกเขามิใช่ได้มาโดยไม่มีอะไร!
แต่ละวิธีการโจมตีของกองกำลังเผด็จการจะระเบิดพลังกดขี่รุนแรงและสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือต่อให้โจมตีโดยวู่วามการผสานพลังงานของพวกเขาก็ยังไร้เทียมทาน
รัศมีแสงผุดขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นแสงสีเขียว
เป็นวิชาเฉพาะของกองกำลังเผด็จการทวีปชิง“เพลิงเขียวสวรรค์”
อาซังยิ้มอย่างเห็นได้ชัดและสงบเย็นและประกายตาของเขาฉายแสงเจิดจ้า เพลิงเขียวที่รุนแรงที่สุดของเขาตามมาด้วยเพลิงเขียวอื่นๆ ที่เขาเรียกออกมา
ร่างของเขาโค้งงอเหมือนคันธนู ก้าวตรงเข้าหาถังเทียน
มือที่ว่างของเขาเหมือนกับพลังวังวนแสงสีเขียวทะลักเข้าหามือของเขาอย่างบ้าคลั่ง ซี่... กระแสพลังงานปลดปล่อยเสียงเหมือนคมมีดกรีดผ่านน้ำ แสงสีเขียวของกลุ่มเขาสีเข้มทันที
หอกแสงสีเขียวแฝงด้วยปราณสะกดข่มกวาดใส่ทุกอย่างเหมือนคลื่นกระแทก
เผียะ เผียะ เผียะ!
หิ่งห้อยโดยรอบเริ่มปะทุเหมือนกับพลุไฟ
หอกเผด็จศึกฟ้าเขียว เริ่มขยายยาวถึงสิบเมตร
ถังเทียนยืนอยู่ด้านหลังหิ่งห้อย นัยน์ตาของเขาปล่อยประกายเยือกเย็นปราณที่น่ากลัวต่อหน้าเขา พลันฉีกขาดไม่สม่ำเสมอ ปราณที่รุนแรงพลันถูกเก็บไว้ทันที ในพริบตา ผมขนทุกเส้นบนตัวถังเทียนก็ตั้งชัน หิ่งห้อยที่ขยายอยู่ด้านหน้าเขากลายเป็นเหมือนอสูรร้ายโบราณที่หมอบรออย่างเงียบงัน
ความรู้สึกที่รุนแรงและปราณมรณะล้อมรอบถังเทียน และสัญชาตญาณมีชีวิตรอดได้รับการกระตุ้นถังเทียนไม่ได้คิดอะไร ปล่อยให้สัญชาตญาณควบคุมสำนึก
ขาของเขาถ่างกว้าง ย่อเอวเพลิงสุญญตาเริ่มขยายอย่างเงียบงัน
เพลิงสุญญตาเริ่มหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว
หิ่งห้อยที่ลอยอยู่รอบๆทั้งหมดเข้าไปในเพลิงสุญญตา และในเวลาอันรวดเร็วเพลิงสุญญตาสีเทาก็เริ่มกัดกร่อนหิ่งห้อย หิ่งห้อยมากขึ้นเริ่มถูกดึงดูดเข้ามาและถ้ามองลงมาจากภาพมุมสูง เมฆเพลิงทั้งหมดกำลังทะลักตรงเข้าหาถังเทียนเหมือนกับว่ามีหลุมขนาดใหญ่อยู่ที่นั่น
หิ่งห้อยนับไม่ถ้วนสร้างเปลวเพลิงที่งดงามเพลิงครอบคลุมหมัดของถังเทียน เหมือนกับวังวนที่หมุนเป็นเกลียวหางเพลิงที่ลากตามหลังขยายระยะขนาดเป็นยี่สิบเมตรเป็นภาพที่งดงามเหมือนกับภาพหางเพลิงของนกฟีนิกซ์และในท่ามกลางเปลวเพลิงที่งดงามผสมเครื่องหมายสีเทาที่ยากจะตรวจพบ
พลังงานเกลียว!
ใช้พลังงานเกลียว เขาผสานเพลิงสุญญตาและทะเลหิ่งห้อยเข้าเป็นวิชาไม้ตาย
ถ้าเป็นเซียนคนอื่นที่อยู่ในระดับเดียวกัน พวกเขาจะยอมยกเลิกวิชาระดับต่ำอย่างพลังงานเกลียว แต่สำหรับถังเทียนเขาไม่เคยสนใจว่าจะเป็นวิทยายุทธลึกซึ้งหรือตื้นเขิน เขาเพียงแต่สนใจว่าเหมาะสมหรือไม่ อาจเป็นเพราะนิสัยที่ฝึกฝนวิทยายุทธพื้นฐานมาหลายปีก็ได้
แตกต่างจากเขาอย่างสิ้นเชิงก็คือจิ่งหาวที่มุ่งแสดงมรรคาที่แตกต่างสิ่งที่เขาไขว่คว้าก็คือความเข้าใจกฎฟ้าและดิน เขาไล่ตามหากฎธรรมชาติพื้นฐานที่สุดของโลก
หิ่งห้อยนับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นในกระแสเปลวเพลิงแดงม้วนตัวเป็นเกลียวในลักษณะที่ไม่เสถียร
หอกแสงเขียวกระแทกใส่ใจกลางของหิ่งห้อยอย่างรุนแรงทันที
ไม่มีเสียงใดๆ เสียงหวีดหวิวผ่านอากาศมีแต่ความเงียบอย่างสิ้นเชิง เหมือนสัตว์ป่าสีเขียวที่ลอบกระโจนใส่เหยื่อของมันรัศมีทั้งหมดยังคงอยู่ข้างใน หอกเผด็จฟ้าเขียวของอาซังมาจากความสำเร็จของวิชาเพลิงที่สมบูรณ์แบบของเขา ไม่มีพลังงานที่รั่วออกมาแสดงให้เห็นถึงการควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ตาของถังเทียนเทียนหรี่แคบจนเท่าเข็ม
แต่หน้าของเขาไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย การสู้รบนับครั้งไม่ถ้วนขัดเกลาสภาพจิตใจของเขาให้แข็งแกร่งอดทน และนิสัยชมชอบชิงชัยทำให้เขาเต็มด้วยความตั้งใจต่อสู้ เหมือนกับเปลวเพลิงที่กระพือโหมรุนแรง
เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในอากาศ แต่กลับดูเหมือนว่าเขาก้าวเดินอยู่บนผิวกระแสพลังงานจากขาของเขาขึ้นมาถึงเอวและเคลื่อนไปข้างหน้า ร่างของถังเทียนเป็นเหมือนแส้กระด้างแข็ง หมัดของเขาเป็นเหมือนปลายแส้ เมื่อพลังมาถึงที่หมัดของเขา ก็แตกออกเหมือนสภาพทรงพลังในปัจจุบัน
ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ลึกซึ้งเป็นหมัดธรรมดาทั่วไป เมื่อเขาปล่อยหมัดออกไป ระลอกพลังไร้ลักษณ์ก็ระเบิดออก
ระลอกพลังทำให้อากาศบิดเบี้ยว พลังของหมัดคือสิ่งที่ทำให้พื้นที่สั่นสะเทือน
ระลอกใสก่อตัวเป็นชั้นเยื่อบางคลุมหมัดและเพลิงสีแดงของถังเทียน ทุกครั้งที่เพลิงยาวเคลื่อนไหวเป็นหางเพลิงยาว ปราณซ่อนเร้นจะถูกปล่อยออกมาเงียบๆ และหิ่งห้อยก็จะหรี่แสงลง
หอกแสงเขียวปะทะกับหมัดของถังเทียนโดยตรง
ปราณที่กักไว้ภายในหอกเผด็จศึกฟ้าเขียวระเบิดออกทันใด
ปัง!
แสงแพรวพราวระเบิดอยู่ต่อหน้าถังเทียนเหมือนสัตว์ร้ายที่ย่องเงียบเข้าหาเหยื่อและช่วงสุดท้ายก็ระเบิดพลังแยกเขี้ยวกางเล็บที่คมเป็นวิธีการที่มีไหวพริบแต่ทรงประสิทธิภาพ
จากท้ายของหอก มีการระเบิดพลังต่อเนื่องและทุกๆ การระเบิดก็จะเพิ่มระดับพลังด้วย เมื่อหัวหอกระเบิด พลังของหอกก็จะถึงจุดสูงสุด แสงสีเขียวบรรจุปราณ เหมือนกับค้อนหนักกระหน่ำใส่ถังเทียนโดยตรง
อาซังแสยะยิ้ม ไม่ได้เผชิญพลังของหอกเผด็จศึกฟ้าเขียวด้วยตนเองก็ไม่มีใครสามารถรู้พลังที่แท้จริงของมันได้ เหมิ่งหนานรับพลังโจมตีโดยตรง และจากที่เห็น ก็เป็นเหมือนกับเขาทิ้งชีวิตไปแล้ว
เพลิงเขียวฟ้าโดยตัวมันเองก็ทรงพลังอยู่แล้วเหมือนกับสัตว์ร้าย และหลังจากใช้วิชาเฉพาะทาง ก็ทำให้ผสานเข้ากับหอกเพลิงฟ้า เหมือนกับฝูงสัตว์ที่มีตาข่ายป้องกันไม่ให้พวกมันเคลื่อนไหว พอเมื่อข่ายถูกทำลายฝูงสัตว์ก็ยิ่งแตกตื่นทันที
นอกจากนี้หลังจากการระเบิดรุนแรงทุกครั้งจากหอก ก็จะมีการเผาผลาญมากขึ้น
นี่คือพลังที่แท้จริงของหอกเผด็จศึกฟ้าเขียว ความทนทานและความร้ายกาจของมันไม่สามารถหยุดไว้ได้
ถ้ามีการปะทะตรงก็มีแต่ยืนยันศักดิ์ศรีของมัน!
แต่ขณะนั้นเอง อาการแสยะยิ้มของเขาค้างทันใด
พลังของหอกเผด็จศึกฟ้าเขียวแข็งแกร่งมากกว่าที่ถังเทียนคาดไว้ พลังรุกที่เพิ่มขึ้นฉับพลันทำให้ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังเผชิญฝูงสัตว์ร้าย ภายใต้แรงกดดันที่รุนแรง สภาพใจของถังเทียน ยังคงสงบนิ่ง และเขาคำราม
“ทำลาย!”
เพลิงเกลียวสีแดงรอบหมัดของถังเทียนเริ่มเปลี่ยนไปไม่แน่นอน เหมือนกับร่มแดง มันเริ่มกางออก!
เปลวเพลิงยาวขยายออก ก่อเป็นฉากแดง
แสงเขียวเข้าไปในม่านเพลิงซึ่งเริ่มยุ่งเหยิงเหมือนชุดแดงคลุมบอลแสงสีเขียว
บอลแสงเขียวดูเหมือนกำลังจะระเบิดเมื่อสายสีเทาข้างในเปลวเพลิงเริ่มสว่าง เหมือนกับตาข่ายสีเทามันเริ่มรัดบอลแสงเขียวไว้อย่างหนาแน่น
แต่พลังของหอกเผด็จศึกฟ้าเขียวที่ถูกเพลิงของถังเทียนห่อคลุมไว้ยังกระแทกใส่ถังเทียน
แย่แล้ว!
ถังเทียนตระหนักว่าเขายังคงประเมินพลังของหอกเผด็จศึกฟ้าเขียวต่ำเกินไป มันกระแทกเข้าหาร่างกายเขาทันทีในช่วงตื่นตระหนกนั้นเอง เขาไม่สนใจทุกอย่างและรั้งหมัดขวากลับมาจากนั้นใช้ฝ่ามือซ้ายตบ ปัง,เขาป้องกันเปลวเพลิงได้และยืมแรงเหวี่ยง มือขวาเปลี่ยนจากหมัดเป็นฝ่ามือและคว้าบอลเพลิงเอาไว้
พลังงานของสายม่านเพลิงสีเทาหมดเกลี้ยงทำให้ถังเทียนสีหน้าเปลี่ยนขณะที่เขาเริ่มหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
แสงมาจากพลังงานที่ผันผวน ถังเทียนรู้ว่าถ้าบอลแสงระเบิดเขามีหวังนิ่งสนิทแน่นอน ข่ายม่านเพลิงเทาอ่อนแอลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากพลังข่มของหอกเผด็จศึกฟ้าเขียว และนอกจากนั้น หลังปล่อยหมัดออกไป เขาไม่เหลือพลังอยู่ในตัวอีกเลย ขณะที่เขาใช้พลังทั้งหมดที่เหลืออยู่เขาก็ยังไม่ฟื้นฟูพลังใดๆ
แย่แล้ว
ถังเทียนไม่สามารถจัดการกับความรู้สึกหนาวยะเยือกที่แล่นมาจากสันหลัง เขาเป็นเหมือนแมวที่ตกใจเพราะถูกเหยียบหาง ความรู้สึกของเขาตึงเครียด
ม่านเพลิงหรี่ลงอย่างรวดเร็ว พลังงานผันผวนภายในเริ่มคลุ้มคลั่งมากขึ้นทุกที เหมือนกับว่าถังเทียนกำลังกอดลูกระเบิดที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ
“อ๊าหหหห์...”
เขาคำรามโดยไม่รู้ตัว ทุ่มเทกระตุ้นพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่ในตัวกล้ามเนื้อที่ผ่อนคลายตอนแรกเริ่มตึงเครียดอีกครั้ง พลัง ข้าต้องการพลัง!
ถังเทียนไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนใกล้ชิดความตายมาก เขารู้สึกเหมือนว่าเห็นหน้ามัจจุราช
เผียะ เผียะ เผียะ!
เสียงแตกดังออกมาจากภายในร่างของถังเทียนเหมือนกับข้าวตอกแตก ถังเทียนรู้สึกว่ากล้ามเนื้อทุกนิ้วกระดูกทุกชิ้น และเส้นเอ็นทุกเส้นกำลังจะระเบิดทั้งหมด
การระเบิดทุกครั้งจะมีกระแสพลังอบอุ่นไหลเวียน เสียงแตกระเบิดติดต่อกันทำให้กระแสความอุ่นคลุมไปทั้งร่างถังเทียน
ถังเทียนรู้สึกเหมือนกับเป็นทะเลทรายที่ได้พบกับฝนในที่สุดจึงดูดซับกระแสความอุ่นไว้อย่างบ้าคลั่ง
พลัง! ร่างของข้าเต็มไปด้วยพลัง!
ถังเทียนไม่รู้ว่าพลังนั้นมาจากไหน แต่ตอนนั้นเขาจะมัวสนใจได้ยังไง?
“อ๊าหหหห์...”
เขาใช้พลังของเขาทั้งหมดและค่อยๆ ผลัก ‘ระเบิด’ ออกไป ปัง ปัง ปังขาของเขากำลังเตะอย่างบ้าคลั่ง แผ่นสุญญากาศพลังงานที่เท้าของเขาแตกในระดับที่เร็วเขาเหมือนกับกระทิงคลั่งใช้พลังทั้งหมดผลักระเบิดออกไปด้านหน้า
ถังเทียนยังคงเพิ่มความเร็วหลังจากผลักออกไปสองสามเมตรแล้ว เขารวมพลังที่เหลือผลักพลังงานระเบิดนี้ตรงไปหากองกำลังเผด็จการทวีปชิง!
ระเบิดพุ่งเข้าไปในทะเลหิ่งห้อย
หอกเผด็จศึกฟ้าเขียวไม่ได้ระเบิดทำให้อาซังประหลาดใจ แต่สิ่งที่ทำให้เขายังใจเย็นก็คือแรงกดดันบนหอกเผด็จศึกฟ้าเขียวอ่อนลงมาก เขาไม่มีพลังเหลืออยู่มากนักเนื่องจากหอกกินพลังงานจนเกือบหมด
เหมิ่งหนานร้ายกาจมากจริงๆ!
ปริมาณของเมฆเพลิงเพิ่มขึ้นในระดับที่น่าประหลาดนั่นคือเหตุผลที่อาซังยินดีจ่ายให้เหมิ่งหนานมากขึ้นหวังว่าเขาจะถอนตัวจากการสู้รบ แต่น่าเสียดายที่แผนติดสินบนของเขาล้มเหลว และเมื่อรู้ว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับเหมิ่งหนาน อาซังแสดงฝีมืออย่างเด็ดขาด เผชิญหน้ากับนักสู้แข็งแกร่งอย่างเหมิ่งหนาน เขารู้ว่าจะไว้ไมตรีไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเมฆเพลิงเริ่มปรากฏ ภาพที่น่ากลัวทำให้อาซังต้องใช้ไม้ตายที่แข็งแกร่งที่สุดโดยไม่ลังเล!
ผู้ที่อยู่ภายในเมฆเพลิงจะแย่สำหรับพวกเขา ชีวิตของกงเฉินก็เป็นเครื่องพิสูจน์
แทงเพียงหนึ่งหอก เรามีโอกาสครั้งนี้
อาซังมั่นใจในหอกของเขามากที่สุด!
เขาเชื่อเต็มเปี่ยมว่าแม้แต่เหมิ่งหนานผู้ร้ายกาจจะไม่สามารถป้องกันหอกเผด็จศึกฟ้าเขียวได้!
แต่เขาไม่เคยคาดเลยว่าถังเทียนจะสามารถข่มมันได้จริงทำให้หน้าของเขาเขียวคล้ำ
เสียงคำรามของถังเทียนดังมาจากภายในทะเลหิ่งห้อย หน้าของอาซังเปลี่ยนเป็นหน้าเกลียดยิ่งขึ้น เขารู้สึกว่าหอกเผด็จศึกฟ้าเขียวกำลังหันเข้าใส่พวกเขา
“หนี...”
ก่อนที่คำพูดของอาซังจะจบ ในสายตาของเขากลุ่มเพลิงลอยออกมาจากทะเลหิ่งห้อย
เขาถลึงตา หน้าซีดขาว