ตอนที่แล้วตอนที่ 627 การคาดเดาที่น่าสะพรึงกลัว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 629 ช่วงอันตราย การหายไปของผนึกโบราณ

ตอนที่ 628 ใครจะควบคุมโชคชะตาได้?


เมื่อเย่ว์หยางพบเย่ว์หวี่เขาพบว่านางกำลังร้องไห้สะอื้นอยู่ในอ้อมอกแม่สี่

หลิวเย่และเป่าเอ๋อก็อยู่ด้วยเช่นกัน และกำลังลอบปาดน้ำตาพวกนางอย่างเงียบๆ

แม้แต่หนูน้อยเย่ว์ซวงผู้ซุกซนก็นั่งอยู่บนตักของเย่ว์ปิงอย่างว่าง่ายไม่ส่งเสียงดัง  ดวงตาของเธอมองดูทางนั้นทีทางนี้ทีเธอไม่เข้าใจความหมายของความตาย

เมื่อเห็นว่าทุกคนร้องไห้ เธอก็ร้องไห้ตามบ้าง

อย่างไรก็ตาม เธอเบื่อจากการร้องไห้และไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนต้องร้องไห้ด้วย

เย่คง เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นนิ่งเงียบอยู่ในพื้นที่  พวกเขาต้องการจะพูดปลอบใจพวกนางแต่ไม่รู้จะพูดยังไง ดังนั้นพวกเขาได้แต่เพียงอยู่เงียบๆ

เมื่อเย่ว์หยางเห็นพวกเขา เขาค่อนข้างประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดว่าเพียงเวลาฝึกฝนไม่กี่วัน พวกเขาทุกคนเข้าถึงระดับปราณก่อกำเนิดกันหมดแล้ว  เย่คงเจ้าอ้วนไห่และองค์ชายเทียนหลัวเกือบจะถึงขั้นปราณก่อกำเนิดระดับสอง  เสวี่ยทันหลางไปไวที่สุด  เขาถึงชั้นปราณก่อกำเนิดระดับสองแล้ว  เย่ว์หยางไม่ต้องสอนพวกเขา พวกเขาก็สามารถเข้าถึงระดับปราณก่อกำเนิดกันหมด  ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจเรื่องนี้มาก ดูเหมือนว่าความสามารถตามธรรมชาติและสายเลือดจะเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง การเรียนรู้ผ่านประสบการณ์และพลังของความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญกว่า..   ไม่ว่ายังไงก็ตามตั้งแต่เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ สามารถเอาชนะอุปสรรคนี้ได้ การฝึกฝนในอนาคตของพวกเขาจะทำได้ง่ายมากขึ้น

เย่ว์หยางมีความรู้สึกว่ามนุษย์เข้าถึงขอบเขตปราณก่อกำเนิดเป็นเรื่องยากกว่านักสู้ปราณดินในแดนสวรรค์บรรลุถึงระดับนักสู้ปราณฟ้าเสียอีก

การเข้าถึงขอบเขตปราณก่อกำเนิดเป็นเหมือนกับการเข้าประตูสู่ท้องพระโรง  ถ้าใครไม่สามารถย่างเท้าเข้าประตูได้  พวกเขาก็ไม่สามารถได้รับการเปิดเผยตัว

ทันทีที่พวกเขากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด  จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นสำหรับพวกเขาในการก้าวหน้าต่อไปในอนาคต...

ถ้าเย่ว์ซานไม่ได้ตายในการต่อสู้และถ้าเย่ว์หยางไม่รีบเร่งกลับมาปลอบเย่ว์หวี่  เย่ว์หยางอาจจะให้คำแนะนำบางอย่างกับเย่คงเจ้าอ้วนไห่และพวกที่เหลือเพื่อช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าสู่ระดับต่อไป

“พี่เสี่ยวซาน!”  เย่ว์ซวงตาไวขณะที่เธอมองเห็นเย่ว์หยางตั้งแต่อยู่ข้างนอกประตู  เธอกระโดดออกจากอ้อมแขนพี่สาวและโถมตัวเข้าหาเขาทันที  เธอกระโดดเข้าอ้อมกอดเย่ว์หยางทำตาแดงและเริ่มเบะปากทำท่าจะร้องไห้ วันนี้ไม่ง่ายสำหรับเธอจริงๆ กับการพยายามทำตัวเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่ายตลอดทั้งวัน  ทุกคนเอาแต่ร้องไห้ทำให้เธออึดอัดใจมากจนไม่กล้าซุกซนทำลายบรรยากาศเธอคิดว่าเธอคงทำผิดพลาดอะไรบางอย่าง

“โอ๋...อย่าร้อง,ซวงเอ๋อเป็นเด็กดีนะ!”  เย่ว์หยางเช็ดน้ำตาและหอมแก้มเธอและช่วยเช็ดน้ำตาที่กำลังจะไหลอีกครั้ง

“อืม!”  เด็กหญิงใจอ่อนกับคำชมของเย่ว์หยางอยู่แล้ว  เธอจะรู้สึกภูมิใจเมื่อเขาชมเธอและจะยิ้มให้เขาทันที

เย่ว์หวี่เงยหน้ามองและเห็นว่าเย่ว์หยางกลับมาแล้ว

ทันใดนั้นความเศร้าท่วมทับใจนาง นางผละออกจากอ้อมแขนแม่สี่และโถมเข้าหาและกอดน้องชายไว้แน่นพลางร้องเสียงดัง  บิดาของนางจากไปแล้ว  ตอนนี้นางเหลือแต่เพียงน้องชายที่เกื้อหนุนนาง ความจริงนางไม่จำเป็นต้องพอใจกับชีวิตของนางมากนัก ตราบใดที่บิดาของนางสุขภาพดีขึ้นและน้องชายนางยังคงแข็งแกร่งขึ้น  นางไม่มีความปรารถนาอื่น  อย่างไรก็ตาม ความเป็นจริงช่างโหดร้ายบิดาของนางผู้เคยทรยศตระกูลมาก่อน ได้รับอภัยจากสมาชิกตระกูล เขาได้ตายไปพร้อมกับราชาเฮยอวี้...

ตอนนี้ นางมีแต่เพียงน้องชายเท่านั้น

หลิวเย่เช็ดน้ำตาและรำพึง “เขาเพิ่งเล่านิทานให้ข้าฟังในตอนเช้านี้เองในตอนบ่าย เขาตายได้ยังไง!”

แม่สี่ยืนขึ้นและกอดทั้งเย่ว์หวี่และเย่ว์หยางทั้งคู่  นางไม่อาจปลอบใจทั้งสองด้วยคำพูดได้  แต่นางต้องการบอกพวกเขาว่าแม้ว่านางจะไม่แข็งแกร่งเพียงพอ นางจะอยู่กับพวกเขาเสมอในเวลาที่พวกเขาต้องการนาง

ลุงใหญ่และลุงสามตายในการต่อสู้แม้แต่สามีของนางก็ถูกคนฆ่า อย่างไรก็ตามครอบครัวยังมีนาง...

ตราบใดที่นางยังคงอยู่ด้วย พวกเขาก็ยังมีครอบครัว!

“พี่รองอย่าโศกเศร้าไปเลย นั่นเป็นทางที่ลุงใหญ่เลือกแล้ว  การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องเกิดขึ้นไม่เร็วก็ช้า  เราไม่มีทางเลือกในเรื่องนี้  นอกจากนี้ไม่สำคัญว่าเราจะเข้มแข็งหรืออ่อนแอศัตรูของเราก็ยังจะมาสู้กับเราอยู่ดี สิ่งที่เราสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือเช็ดน้ำตาของเราซะ และสานภารกิจของรุ่นผู้ใหญ่ของเรา  เรายังต้องไปต่อและสร้างเส้นทางของเราด้วยพลังของเรา!” เย่ว์หยางเช็ดน้ำตาที่หน้าของเย่ว์หวี่ หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวดเมื่อเห็นนางมีน้ำตานองหน้า

โชคชะตาจะไม่ลดความทรมานของนางแค่เพียงเพราะนางใจดี

ความจริงตราบเท่าที่พวกเขาเกิดอยู่ในตระกูลเย่ว์ ล้วนเกิดขึ้นในท่ามกลางวังวนการสู้รบ  พวกเขาไม่สามารถไม่หนีไปจากชะตากรรมนี้ได้

ตอนแรกเย่ว์หยางไม่เข้าใจว่าทำไมตระกูลที่ไม่สำคัญอย่างตระกูลเย่ว์จึงได้มีแผนการและการสมคบคิดกันมากมายทำไมจะต้องมาพบกับการสู้รบมากมาย..

ความจริงไม่ใช่เพราะเขาเป็นจากโลกภายนอก

มันเริ่มมาก่อนหน้านี้มากแล้ว สิบห้าปีที่แล้ว  เมื่อเย่ว์ชิวตาย  หรือแม้แต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน เมื่อภูตอัจฉริยะเย่ว์กงฟื้นฟูตระกูลเย่ว์ด้วยวิชาหุ่นของเขา  หรือแม้แต่เมื่อหลายพันปีก่อนนั้นเมื่อตระกูลเย่ว์ถูกจัดตั้งครั้งแรกโดยบรรพบุรุษแห่งตระกูลเย่ว์.. ตั้งแต่นั้น พวกเขาก็พบกับชะตากรรมนี้ประวัติศาสตร์ตระกูลเย่ว์ทั้งหมดสร้างขึ้นจากการสู้รบกับศัตรูจากรุ่นต่างๆ ไม่มีใครสามารถหลบเลี่ยงการพัวพันในการสู้รบเหล่านี้ได้ ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือขอบเขตการมีส่วนร่วมของพวกเขา

ถ้ามีใครสืบสาวประวัติศาสตร์ลึกลงไปอีก  อาจจะไปได้ไกลกว่ายุคนางเซียนดอกหนามตั้งแต่สามพันปีก่อน  ยุคจักรพรรดิอวี้เมื่อหกพันปีที่แล้วหรืออาจเป็นยุคของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเมื่อหมื่นปีที่แล้ว ยิ่งกว่านั้นโดยผ่านประวัติศาสตร์ของนักรบนับไม่ถ้วน โชคชะตาได้ก่อขึ้นผ่านจังหวะของโชคชะตาที่ต่อเนื่องที่ดูเหมือนมิอาจคาดเดาได้นี้

ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงชะตากรรมนี้ได้

เว้นแต่มีคนที่สามารถควบคุมชะตากรรมได้

เย่ว์หยางหลับตาและสูดหายใจลึก เขารู้สึกได้ถึงแขนที่ไร้แรงของเย่ว์หวี่และแขนที่คอยประคับประคองและมุ่งมั่นของแม่สี่  เขารู้สึกได้เขารู้สึกพวกนางอย่างลึกซึ้งขณะที่ความคิดนับไม่ถ้วนทะลักเข้ามาในใจของเขา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เขาถูกส่งเข้ามายังโลกนี้ มันผุดขึ้นมาในใจของเขาทำให้เขาตระหนักได้ถึงบางเรื่อง ดูเหมือนว่าเขาไม่เคยควบคุมชะตากรรมของตนเองได้  แต่ก็แปลกชะตากรรมของเขาดูเหมือนจะดึงดูดเขาให้ควบคุมมัน บางทีนี่อาจเป็นวัตถุประสงค์ของการส่งเขาเข้ามา  บางทีนี่เป็นชะตาที่แท้จริง  บางทีนี่อาจเป็นโชคชะตาของเขาก็เป็นได้!

เนื่องจากไม่มีใครสามารถควบคุมชะตากรรมได้  เขาจะพยายามควบคุมมันเอง  หลายๆ อย่างที่นางเซียนดอกหนาม,จักรพรรดิอวี้และนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่สามารถทำได้  เขาจะทำให้หมด นี่อาจเป็นชะตากรรมของผู้มาจากโลกภายนอกอย่างเขา!

เย่คง เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ เกิดความประหลาดใจ ที่เย่ว์หยางหลับตาจมอยู่ในความคิดพลันมีแสงสีรุ้งครอบคลุมตัวทันที

แสงเริ่มต้นอย่างเลือนราง แต่ค่อยๆ สว่างขึ้นช้าๆ

พลังที่มองไม่เห็นชนิดหนึ่งดูเหมือนจะคลุมไปทั้งพื้นที่

ในสายตาของพวกเขาเย่ว์หยางดูเหมือนจะกลายเป็นยักษ์ผู้สามารถเขย่าสวรรค์และโลกได้ด้วยการขยับมือและขาของเขาเท่านั้น

แน่นอนว่าร่างของเย่ว์หยางไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย มันเป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดนัก  เหมือนกับพลังรหัสโบราณแต่ยังไม่สมบูรณ์  รู้สึกเหมือนกับว่าเป็นพลังที่เป็นของเย่ว์หยางโดยสมบูรณ์ คล้ายกับพลังจิตที่อี้หนานใช้ระหว่างสู้กับนักสู้ปราณฟ้า  อย่างไรก็ตาม มันให้ความรู้สึกลึกลับและยากจะหยั่งถึง

ทุกคนไม่สามารถขยับได้ เหมือนกับว่าพวกเขาตกลงไปในทะเลโฟมนุ่ม

ทุกคนรู้สึกสะดวกสบายและไม่ต้องการขยับเลยแม้แต่น้อย  แม้แต่เย่ว์หวี่ที่กำลังร้องไห้ก็ยังหยุดสะอื้นและอาบอยู่ภายในแสงรุ้งที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับพื้นที่พลังจิต

มีเพียงแม่สี่ที่กำลังลูบหัวเย่ว์หยาง

ราวกับว่านางเข้าใจสถานการณ์ของเย่ว์หยาง  ดังนั้นนางจึงต้องการลูบศีรษะเขาเพื่อปลอบใจ

มีแต่ความรักที่สะท้อนอยู่ในดวงตานาง

นั่นคือท่าทางที่อบอุ่นที่สุดและนุ่มนวลที่สุดที่นางสามารถให้เขาได้

เกี่ยวกับเด็กคนนี้ นางไม่สามารถช่วยเขาได้มาก  นางไร้พลังจะช่วยเขา  อย่างไรก็ตาม นางเข้าใจถึงความลำบากยากเย็นของเขา เย่ว์หวี่สามารถร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกกับเขาได้  เพราะเขาเป็นน้องชายนาง  เย่ว์ปิงและเย่ว์ซวงสามารถยิ้มและแบ่งปันความสุขของพวกนางทุกคนกับเขาได้  เพราะพวกนางเป็นน้องสาวของเขา  เย่คง ไห่ต้าฟู่ เสวี่ยทันหลางและคนอื่นๆ สามารถฝึกฝนอย่างหนักและยึดถือเขาเป็นแบบอย่าง,เพราะเขาคือผู้นำกลุ่มของพวกเขา ผู้อาวุโสรุ่นก่อนสามารถวางใจได้และดูเขาออกไปสู้  เพราะเขาคือความหวังของทุกคน!

มีแต่เขาเย่ว์หยางเพียงคนเดียวที่ไม่มีใครแบ่งปันภาระในใจกับเขาได้

เหมือนกับสวรรค์ได้จัดเตรียมชะตากรรมของเขาไว้ล่วงหน้าแล้ว  มันจะเกิดขึ้นกับเขาไม่ว่าเขาจะสามารถรับมือได้หรือไม่ก็ตาม

“เป็นเรื่องลำบากสำหรับเจ้าจริงๆ!” แม่สี่ลูบหน้าของเขาซึ่งกำลังเปล่งประกายสีสัน  เขาคือความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางภาพของลูกนางพยายามดิ้นรนต่อสู้กับชะตากรรมที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดเพื่อนางนั่นไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการเห็น แต่นางไม่มีทางเลือกอื่น สิ่งเดียวที่นางสามารถให้เขาได้ก็คือ สนับสนุนประคับประคองนอกจากกอดปลอบโยนแล้ว นางไม่อาจช่วยอะไรเขาได้เลย

“แม่สี่, ข้าจะไป!” เย่ว์หยางลืมตาหลังจากนั้นชั่วขณะ แสงสีรุ้งกลับเข้าไปในตัวของเขา และทุกคนตื่นจากภวังค์ในขณะนั้น พวกเขารู้สึกตัวจากความหลงใหลสภาพที่สวยงามสะดวกสบายที่พวกเขาพบในชั่วครู่ก่อนนั้น

เย่ว์หยางพยักหน้าให้แม่สี่และค่อยๆ ปล่อยเย่ว์หวี่

เขาหันกลับมาตะโกนใส่เย่คง เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นที่ด้านนอกประตู  “ไปกันเถอะ การสู้รบครั้งใหม่รอเราอยู่  เราไม่มีเวลาร้องไห้เสียใจอยู่ที่นี่  เราเป็นลูกผู้ชายที่เติบโตกันแล้วทุกคน  เราหลั่งเลือดได้ แต่จะไม่ร้องไห้  เราจะสู้ให้หนำใจ! ไม่สำคัญว่าชะตาเราจะถูกกำหนดไว้หรือว่าเป็นอุบัติเหตุ  เราไม่อาจจะหลีกเลี่ยงการศึกที่มาถึงเราได้!  ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วมาสู้กันจนกว่าจะจบ สักวันเราจะคว้าชะตากรรมเราไว้ได้แน่นอน”

ฮุยไท่หลางเป็นตัวแรกที่ตอบสนองมันบินเข้าหาเขาและยืนอยู่หน้าเขา

จุดประสงค์ที่มันยังอยู่ก็เพื่อเป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ที่สุดนั่นเอง

ตามติดมาด้วยเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ  แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเย่ว์หยางพูดถึงการสู้แบบไหน  พวกเขาไม่มีความกลัว พวกเขาตั้งใจติดตามเขาจนถึงวาระสุดท้ายของโลก  ไม่ว่าจะเป็นหอทงเทียนหรือแดนสวรรค์  พวกเขาจะติดตามเขาไป

พวกเขาไม่รู้ว่าอนาคตแบบไหนที่รอพวกเขาอยู่ แต่พวกเขารู้ว่าการติดตามเย่ว์หยางจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในชีวิตของพวกเขา

เย่ว์ปิงกล่าวลามารดาของนาง

นางเองก็เป็นนักรบคนหนึ่ง ไม่ใช่แค่น้องสาวของเขา!

หลิวเย่ เป่าเอ๋อและคนอื่นๆก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นจะติดตามเขา..

“เสี่ยวซาน!”  เย่ว์หวี่ปาดน้ำตาและตามมากับพวกเขา  นางตะโกนปนเสียงสะอื้น  “พาพี่รองไปกับเจ้าด้วย  พี่สาบานว่าจะไม่เหนี่ยวรั้งเป็นภาระเจ้า!”

เย่ว์หยางมองดูเย่ว์หวี่ เมื่อนางกังวลว่าเขาอาจปฏิเสธนาง นางจับมือเขาไว้

น้ำตานางยังคงทะลักออกมาเป็นสาย

นี่ไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจอย่างเมื่อครู่ก่อน  แต่เป็นน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มใจ

นางจับมือน้องชายไว้และใช้กำลังทั้งหมดไล่ตามฝีเท้าของเขา  นางผ่านประตู ผ่านเส้นแบ่งแสงสว่างและความมืดผ่านเครื่องกางกั้นในหัวใจนางและวิ่งไปข้างหน้า ที่เนินเขาไม่ไกลออกไป องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสะพายดาบเทพจักรพรรดิอวี้อยู่ที่หลังนาง  เสวี่ยอู๋เสียถือคัมภีร์โบราณไว้ในมือ  เจ้าเมืองโล่วฮัวกับจิ้งจอกเก้าหางของนางไห่อิงอู่ในชุดเกราะจักรพรรดิสมุทรถือง้าวจักรพรรดิสมุทรและมารกฎฟ้าที่ลอยเอนตัวอยู่ในอากาศเหมือนกับเจ้าหญิงนิทรา...

พวกเขาพร้อมจะเผชิญกับสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด