ตอนที่ 32 การลงมือของธนินท์
ตอนที่ 32 การลงมือของธนินท์
ที่ห้องตำรวจชั้นสามมีชายสามคนที่แอบเข้ามา พวกเขาทั้งสามทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ มองซ้ายขวาอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปด้านใน
“เราลงมือกันจริง ๆ ใช่ไหม”
“แน่นอน ตอนนี้เป็นโอกาสแล้ว ผู้ติดเชื้อมามากขนาดนี้ยังไงพวกมันก็ไม่สามารถต้านได้แน่นอน ดังนั้นเราควรเอาอาวุธปืนแล้วรีบหนีไปจากที่นี่”
“เอาอาหารมา แล้วใช่ไหม”
“ใช่แล้ว อาหารกระป๋องอยู่ในนี้”
“ไอ้พวกตำรวจนั่นมันเก็บปืนไว้ไหนกัน”
“เจอแล้ว”
ธนินท์และผู้รอดชีวิตอีกสองคนที่แอบเข้ามาในห้องก็เห็นว่ากรงเหล็กของห้องเก็บอาวุธเปิดทิ้งไว้ จึงเข้าไปเอาปืนพกมาหนึ่งกระบอก ก่อนจะเอาปืนกระบอกอื่น ๆ กวาดใส่กระเป๋ามาด้วย
ธนินท์และผู้รอดชีวิตอีกสองคนได้วางแผนขโมยปืนมาสักพักแล้ว ที่จริงนี่เป็นแผนที่สอง แผนของธนินท์คือการร่วมมือกับจ่าวัฒน์และเดฟ แต่ทั้งสองคนดันมาตาย
ธนินท์จึงหวาดกลัวและรู้ว่าอยู่ที่นี่ต่อไปแล้วเรนมันรู้เรื่องหรือผู้กองเชนรู้เรื่อง คนพวกนี้ไม่ปล่อยเขาไว้แน่น ดังนั้นธนินท์จึงแอบไปชักชวนผู้รอดชีวิตสองคนที่ไม่พอใจพวกตำรวจเหมือนกัน
สองคนนี้คือพวกที่ไม่พอใจพวกตำรวจอยู่ก่อนแล้วพอได้ยินความคิดของธนินท์ก็ตกลงทันที
“เราไปกันเลยไหม” ผู้รอดชีวิตชายถามธนินท์
“ไปกันเลย” ธนินท์ตอบ สองคนนั้นหอบอาวุธออกไปจากห้อง
ในตอนนั้นสายตาของธนินท์ก็เหลือบไปเห็นแหวนพลังที่วางอยู่บนโต๊ะมันคืออีกวงหนึ่งที่ผู้กองเชนจ้องมองก่อนหน้านี้
“แหวนนี่มันแหวนที่มอบพลังวิเศษ” ธนินท์ไม่รอช้าเข้าหยิบแหวนในทันทีและรีบวิ่งตามผู้รอดชีวิตอีกสองคนไป
“หน้าต่างด้านหลังนี่แหละ รีบไปเถอะสถานีตำรวจนี่ต้านพวกผู้ติดเชื้อไม่ไหวหรอก” ธนินท์บอกกับสองคนนั้น เขาสำรวจทางหนีไว้แล้ว การออกไปจากที่นี่มีหลายทาง แต่เร็วสุดและลับตาสุดคือทางบันไดหนีไฟทางด้านหลังอาคาร ซึ่งมันเป็นบันไดแบบเหล็กยกขึ้นมาได้
ตำรวจได้ยกบันไดขึ้นมาไว้ตั้งแต่วันที่เกิด เพราะไม่ต้องการให้มีผู้ติดเชื้อด้านนอกแอบขึ้นมาทางด้านหลังอาคารได้
ทั้งสามคนช่วยกันทุบประตูที่ออกไปยังบันไดแห่งนี้จากชั้นสาม จากนั้นก็ลงไปทางบันไดหนีไฟ พวกเขาช่วยกันปล่อยบันไดลงไปด้านล่าง
ทั้งสามก็วิ่งลงมาด้านล่างอย่างรีบร้อน แต่พอลงมาถึงพวกเขาก็บังเอิญเจอกลับกลุ่มผู้ติดเชื้อที่เดินอ้อมหาทางเข้าพอดี พวกผู้ติดเชื้อที่เห็นว่ามีคนลงมาตายถึงที่ก็พากันวิ่งเข้าใส่
“แย่แล้วเราจะทำไงกันดี” ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งในกลุ่มของธนินท์พูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ทำแบบนี้ยังไง” ผู้รอดชีวิตชายที่มีใบหน้าโหดคนหนึ่งหันกลับมองชายคนนั้น ก่อนจะใช้ปืนยิงไปที่ท้อง
ปัง!
“อ้า!” ผู้รอดชีวิตชายคนนั้นถอยหลังล้มลงมองดูคนที่ยิงตนเองด้วยสีหน้าหวาดกลัว
ชายคนนั้นไม่สนใจหันกลับไปคิดจะยกยิงธนินท์ด้วย แต่ก็ต้องพบว่ามีด้านหน้าของตนมีปืนจ่ออยู่
“เดี๋ยว!” ชายคนจะยิงธนินท์ แต่ไม่ทันแล้ว
ปัง!
ธนินท์ที่ถือปืนด้วยสองมือเหนี่ยวไกทันทีและพูดว่า “แกก็น่าจะอยู่เป็นเพื่อนเขาด้วย”
กระสุนยิงเข้าไปที่หน้าอกจนชายคนนั้นหงายหลังล้มลงไปนอนตายข้าง ๆ ชายคนที่ยิงก่อนหน้านี้
“ไม่หนีนายจะตายเอานะ” ธนินท์บอกกับชายคนนั้น ก่อนจะวิ่งหยิบกระเป๋าที่เต็มไปด้วยอาวุธปืนและกระสุนมาจากนั้นก็รีบวิ่งออกไปทางด้านหลังของอาคาร
ชายที่โดนยิงก่อนหน้ารู้สึกสิ้นหวังมาก สุดท้ายด้วยความไม่อยากตายจึงพาร่างที่เจ็บของตัวเองคลานกลับไปที่บันได เขากระเสือกกระสนปืนกลับขึ้นไปบนขั้นบันได
ผู้ติดเชื้อที่วิ่งมานั้นไม่สนใจธนินท์ เพราะด้านหน้าของมันมีศพที่ชุ่มไปด้วยเลือดคอยดึงดูดความสนใจพวกมันอยู่ ผู้ติดเชื้อกระโจนใส่และกัดกินศพที่ตายนั้นอย่างบ้าคลั่ง
แต่ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่มีมาก จึงมีหลายตัวที่เข้าไปแย่งกินไม่ได้ พวกมันก็พากันเดินตามชายอีกคนที่โดนยิงที่ท้องไปบนขั้นบันได
“ไม่นะ ไม่!!!” ชายคนนั้นพยายามดิ้นรนเต็มที่ แต่ก็ไม่รอดอยู่ดี เขาโดนกินทั้งเป็น ผู้ติดเชื้อจำนวนมากเริ่มมาที่ด้านหลังอาคาร เพราะกลิ่นเลือดดึงดูดพวกมันมาและอีกหลายตัวเริ่มเดินไปตามบันไดหนีไฟขึ้นไปยังชั้นสามตรงที่พวกธนินท์ทุบประตูออกมา
มันบุกเข้าไปได้ก็เริ่มวิ่งตามหาคนที่มนุษย์คนอื่น ๆ
“พวกมันไปไหนกัน” เรนเริ่มสังเกตเห็นผู้ติดเชื้อไม่พยายามบุกมาด้านหน้าอีก พวกมันวิ่งอ้อมไปด้านหลังอาคารสถานีตำรวจ
ว๊ากกก!!!
ตอนนั้นก็มีเสียงดังเกิดขึ้นจากชั้นสาม เป็นเสียงคำรามของผู้ติดเชื้อที่กำลังเรียกพวกของตนเอง
“มันอยู่ในอาคาร!” ธันวาพูดด้วยสีหน้าตื่นตกใจ
“ไม่หนีพวกเราตายแต่” แม็คทหารหนุ่มเตือนเรนและกลุ่ม
“ไปจากที่นี่เร็ว” เรนตอบสนองบอกพวกของตนเอง
ธันวาคว้ากระเป๋าเป้และอาหารของตนเอง ไอราเข้าไปด้วย รินดาหยิบค้อนของตนเองมา ทหารหนุ่มวิ่งตามกลุ่มไป พวกเขาทั้งรีบตามเรนและหลินออกไปจากห้องพักนี้ในทันที
กลุ่มของเรนมุ่งหน้าลงไปที่บันไดไปยังชั้นแรก โดยด้านหลังมีพวกผู้รอดชีวิตตามมาด้วยเช่นกัน
“เรน” ผู้กองเชนที่ออกมาจากห้องฝั่งตรงข้ามตะโกนเรียกเรน
“ที่ชั้นสามมีพวกมันเข้ามาได้แล้ว” เรนหันไปพูดกับผู้กอง
“ฉันรู้แล้ว พวกเราต้องหนีไปที่ลานจอดรถใต้ดิน” ผู้กองบอกกับทุกคน
“ผมขอปืนกระบอกหนึ่ง” แม็คพูดกับผู้กองเชน
ผู้กองเชนชักปืนสั้นออกมาจากเอวส่งให้กับทหารหนุ่ม เมื่อได้ปืนมาทหารหนุ่มก็ตามคนอื่น ๆ ลงไปด้านล่าง
ผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ พากันวิ่งลงไปที่ชั้นใต้ดินในทันที เรนกับกลุ่มนำไปก่อนตามมาด้วยผู้รอดชีวิตที่เหลือ ด้านหลังตามมาด้วยตำรวจเมฆ ตำรวจเต้กับตรวจลี
ส่วนผู้กองและดาบอินทั้งสองคนช่วยกันยิงพวกที่วิ่งลงมาจากบันไดชั้นสาม
เสียงกระสุนดังไปทั้งอาคาร ผู้ติดเชื้อที่วิ่งลงมาเสียหลังล้มลงและโดนยิงหัวซ้ำจนตาย แต่ว่ามีพวกมันมามากเกินไป
“ไป” ผู้กองเชนบอกกับดาบอิน ทั้งสองยิงพร้อมกับถอยตามคนอื่น ๆ ไป
เรนลงมาที่ด้านล่างเขาก็พบว่าผู้ติดเชื้อพังประตูและกำลังเข้ามา เขาใช้ธนูสังหรณ์พวกมันตายไปหนึ่ง ทำให้ศพของผู้ติดเชื้อตายคาอยู่ที่ประตู ตัวอื่น ๆ จึงมุดเข้ามาไม่ได้ แต่ว่าพวกมันพากันกระแทกใส่ประตูและกรงเหล็กที่ใกล้พัง
โครม!
ประตูและกรงเหล็กหลุดออกมาพร้อมกับ เรนเปลี่ยนรูนิกธนูเป็นปืนลูกซองในทันที ธันวาหลิน ไอราและหลินทั้งสี่คนช่วยกันยิงต้านผู้ติดเชื้อทางประตูหน้า
คนที่รอดชีวิตคนอื่น ๆ ไม่สนใจพวกเขาวิ่งลงไปที่ชั้นใต้ดินกัน
“ธันวาพาคนอื่น ๆ ลงไปก่อน” เรนหันไปบอกธันวา
“ไอรา รินดา อาจารย์หลินพวกคุณไปกันก่อน” ธันวาบอกกับแฟนสาวของตัวเองและอีกสองสาว เขาคิดจะอยู่ช่วยเรนตรงนี้ก่อน
ตอนนั้นเองตำรวจอีกสามนายก็วิ่งลงมา เมฆทำเพียงเหลือบมองเท่านั้นไม่สนใจคิดจะช่วยเรนยิงต้านผู้ติดเชื้อเลย เมฆวิ่งผ่านไปพร้อมกับตำรวจเต้
ตำรวจใหม่ลียังคงแสดงความลังเล แต่สุดท้ายก็ตามสองคนนั้นไป
“รีบไป” เรนพูดย้ำ
“ฉันไปหารถ” หลินพูดจบก็รีบดึงมือของรินดาและไอราไป
ตอนนี้เหลือเรนและธันวาสองคนที่พวกผู้ติดเชื้อที่เข้ามาทางประตู ทั้งสองใช้ปืนลูกซองยิงผู้ติดเชื้อ โดยเป้ายิงคือหัวเป็นหลัก ในระยะแค่ 10-15 เมตรทำให้พวกเขายิงโดนไม่ยาก
ปัง! ๆ ๆ ๆ
ผู้ติดเชื้อที่เข้ามาล้มลงอย่างต่อเนื่อง แต่กระสุนแต่ละคนนั้นมีจำกัด
“โหลดกระสุน” ธันวาตะโกนบอกเรน เรนเข้าใจ เขาระวังมากขึ้นในตอนที่ธันวาโหลดกระสุนเข้าไปในปืนลูกซอง
ปัง! ๆ ๆ
ผู้กองเชนและดาบอินที่พึ่งลงมาจากชั้นสองก็ช่วยเรนและพวกยิงถล่มใส่ผู้ติดเชื้อด้วยปืน AR15 พวกมันล้มตายกันเป็นกอง
“ไปเร็ว!” ผู้กองเชนตะโกนเสียงดัง เพราะด้านหลังของเขาและดาบอินมีฝูงผู้ติดเชื้อวิ่งตามลงมาจากบันได พวกมันบางตัวไม่วิ่งมาแบบปกติ แต่กระโดดลงมาเลย
ดาบอินหันไปยิงซ้ำอีกชุด ฆ่าพวกที่กระโดดลงมา
ทั้ง 4 คนรีบวิ่งหนีพวกมันลงไปที่ชั้นใต้ดินของอาคาร โดยมีผู้ติดเชื้อตามหลังมาด้านหลายร้อยตัว
เรน ธันวา ผู้กองเชนกับดาบอินทั้ง 4 คนช่วยกันปิดประตู แต่ผู้ติดเชื้อมาเร็วเกินไป พวกมันกระแทกอัดใส่ประตูไม่หยุด
“ดันไว้”
ทั้ง 4 คนออกแรงดันจนหน้าเขียว
“ระวังข้างล่าง” เรนเตือนทั้งสามคน เพราะในตอนนั้นก็มีผู้ติดเชื้อคนหนึ่งโผล่หัวออกมาจากด้าน มีเพียงแค่ธันวากลับผู้กองเชนที่ตอบสนองต่อการเตือนของเรนได้ทัน
ส่วนดาบอินนั้นดึงขาออกมาไม่ทัน ผู้ติดเชื้อจึงกัดไปที่ขาของดาบอิน
“อ้า!” ดาบอินร้องด้วยความเจ็บและรีบดึงขาออกมา เนื้อที่ขานั้นโดนกระชากออกไปจนหลุดไปกับปากของผู้ติดเชื้อ เลือดไหลอาบทั้งขาทันที
สีหน้าของดาบอินซีดขาวด้วยความเจ็บ
เรนยกเท้าขึ้นมากระทืบไปที่หัวของผู้ติดเชื้อ แต่มันก็ไม่ได้สะเทือนมากนัก
“ตายซะไอ้เวรตะไล” ดาบอินที่เจ็บขากัดฟันใช้ปืนยิงใส่หัวของผู้ติดเชื้อด้วยความโมโหจนตายคาประตู
คนที่เหลือยังคงดันประตูอยู่ แต่เพราะมีหัวของผู้ติดเชื้อมาขวางไว้ประตูจึงไม่สามารถปิดสนิทได้อีกและจะเปิดเพื่อเอาหัวของมันออกก็ไม่ได้ ถ้าผ่อนแรงผู้ติดเชื้อด้านหลังจะผลักประตูเข้ามาได้ในทันที
“ผู้กองรีบหนีไปผมจะดันประตูไว้เอง” ดาบอินใช้หลังพิงประตูบอกกับผู้กองเชน
“ดาบคุณเอาจริงใช่ไหม” ผู้กองเชนจ้องไปที่ดาบอิน
“ผมโดนกัดแล้ว อีกไม่นานก็ตายอยู่ดี อัก!” ดาบอินกล่าวและร้องเพราะเจ็บที่ขา เนื่องจากที่ขาเริ่มมีเส้นสีดำกระจายออกมา มันทำให้ดาบอินรู้สึกเจ็บมากนี่เป็นสัญญาณว่าเชื้อเริ่มกระจายแล้ว
“ไปกันหรือยัง” ธันวากล่าวขึ้นมา เพราะเขาออกแรงต้านไม่ไหวแล้ว
แววตาของดาบอินเริ่มมีเลือดซึมไหลออกมาแล้วสุดท้ายผู้กองเชนก็พยักหน้าตกลง
“ไป”
ทั้งสามคนปล่อยให้ดาบอินดันประตูไปคนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าด้วยแรงเพียงคนเดียวนั้นไม่สามารถดันประตูได้อยู่แล้ว
เรน ธันวาและผู้กองเชนวิ่งไปที่รถ ขณะที่ดาบอินนั้นก็ดันประตูอย่างเต็มที่และเมื่อดันไม่อยู่เขาก็ใช้ปืนยกใส่พวกมันถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุดในตอนที่ยังมีสติอยู่
ผู้ติดเชื้อกระโจนใส่ดาบอิน อาบอินไม่ยอมตาย เขาสู้กับผู้ติดเชื้อเหล่านั้น ก่อนที่จะโดนรุมกัดจากพวกมันหลายสิบตัว
ดวงตาของดาบอินเป็นสีแดงฉาน เขาฝืนความเจ็บปวดและอาศัยช่วงที่ยังกลายร่างไม่สมบูรณ์ บังคับปืนในมือจ่อไปที่ปาก ก่อนจะเหนี่ยวไกปืน
ปัง!
กระสุนทะลุออกหลังศีรษะ ดาบอินตายทันที
ผู้ติดเชื้อที่เข้ามาได้ก็เหมือนน้ำป่าที่ไหลหลาก พวกมันกระจายไปทุกทางที่มีคนเป็น ๆ อยู่
พวกคนที่ยังไม่ตายเมื่อเห็นว่าผู้ติดเชื้อมาแล้ว พวกเขาก็พยายามหาทางหนีออกจากที่ลานจอดรถ โดยการวิ่งไปที่รถที่จอดอยู่ เพื่อขับรถออกไป แต่พวกเขาเหล่านั้นลืมไปว่ามันต้องใช้กุญแจ สุดท้ายก็หนีไม่ทันโดนพวกผู้ติดเชื้อไล่กัดกินจนตาย
บางส่วนก็พยายามหาทางออกไปที่นี่ประตูทางออกโดยตรง แต่ประตูมันล็อก ตอนนั้นเองมีผู้รอดชีวิตคนนั้นนึกขึ้นมาได้ เขาจึงไปที่ป้อมที่ควบคุม เขาถีบประตูเข้าไปเพื่อกดปุ่มเปิดปิดของประตูลานจอดรถใต้ดิน
“สำเร็จประตูเปิดแล้ว” ชายคนนั้นตะโกนบอกผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ แต่ว่าพอเขาหันกลับไปก็มีผู้ติดเชื้อพุ่งเข้ามาขย้ำผู้รอดชีวิตคนนั้นจนเลือดสาดไปทั่วทั้งป้อมไปอีกหนึ่ง
ส่วนประตูลานจอดรถใต้ดินค่อย ๆ เปิดขึ้นอย่างช้า ๆ ผู้รอดชีวิตที่อยู่หน้าประตูไม่รอให้ประตูเปิดจนหมด พวกเขามุดออกมากันในทันที เพราะด้านหลังผู้ติดเชื้อได้ตามมาถึงแล้ว
ทันทีที่พวกเขาออกมาได้ก็ต้องพบกับผู้ติดเชื้อกลุ่มใหญ่ยืนดักรออยู่ พอพวกมันเห็นกลุ่มผู้รอดชีวิตก็กระโจนเข้าจู่โจมทันที และด้านหลังก็มีผู้ติดเชื้อตามมาด้วย
ตอนนี้คนพวกนี้จึงตกอยู่กลางวงล้อมของผู้ติดเชื้อ ยากที่จะหนีรอดออกไปได้
“ไม่นะ อ๊ากกก!!!”
เสียงร้องด้วยความสิ้นหวังดังขึ้นมาก่อนจะหายไปท่ามกลางฉากนองเลือด
ตำรวจเมฆ ตำรวจเต้กับตำรวจลีที่ลงมาก่อนหน้านั้น พวกเขาคือตำรวจของสถานีแห่งนี้จึงคุ้นเคยกับที่นี่มากที่สุด ตำรวจทั้งสามพากันวิ่งไปหยิบกุญแจรถและวิ่งไปที่รถก่อนแล้ว
...
W.Wit : แจ้งให้ทราบเหลือวันละสองตอนนะ คือ 09.00 น. กับเวลา 18.00 น.