บทที่ 16 ภารกิจของนายท่าน!
หลี่หรานลูบคางของเขา “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แล้วเจ้ามีความปรารถนาอื่นหรือไม่?”
“ตราบเท่าที่ข้าสามารถอยู่กับท่านเซิงจื่อได้...”
“นอกจากสิ่งนั้นล่ะ?”
“เอ่อ...” อาฉินครุ่นคิดอย่างหนัก
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา นางเป็นเหมือนเงาและอุทิศชีวิตให้กับหลี่หราน นางไม่เคยคิดว่านางต้องการหรืออยากได้อะไร
“ถ้าอาฉินสามารถ อาฉินอยากจะบ่มเพาะ” หลังจากผ่านไปนาน นางก็ให้คำตอบ
“โอ้?” หลี่หรานยิ้ม “ทำไมเจ้าต้องการสิ่งนั้นล่ะ? เจ้าต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้นหรือต้องการมีอายุยืนยาว?”
คนส่วนใหญ่เริ่มต้นเส้นทางแห่งการบ่มเพาะด้วยจุดประสงค์สองประการนี้ แต่อาฉินกลับส่ายหัว “อาฉินเพียงต้องการเป็นคนที่มีประโยชน์ เพื่อที่อาฉินจะได้รับใช้เซิงจื่อตลอดไป”
หลี่หรานเงียบ โดยไม่คาดคิด ความปรารถนาเดียวของหญิงสาวคนนี้คือการอยู่เคียงข้างเขา
“แต่นั่นเป็นเพียงเรื่องเพ้อฝัน” อาฉินหัวเราะอย่างสังเวชในตนเอง “ข้าทดสอบพรสวรรค์ของข้าตั้งแต่ยังเด็ก และพบว่ามันแย่มาก ไม่มีทางที่ข้าจะบ่มเพาะได้”
หลี่หรานลังเล “ถ้าข้าสามารถให้พรสวรรค์แก่เจ้าได้ล่ะ?”
“อา?” นางตกตะลึง
หลี่หรานกางมือออกและกลุ่มแสงสองกลุ่มก็ปรากฏขึ้น อันหนึ่งเป็นสีชมพูและอีกอันเป็นสีเงิน ทั้งสองบินวนอยู่ในอากาศอย่างเงียบงัน
รางวัลจากระบบสามารถมอบให้ใครก็ได้และสามารถเรียกคืนได้ตลอดเวลา ดังนั้นหลี่หรานจึงไม่ต้องกังวลกับการมอบให้นาง
“นี่คือ...?” อาฉินถามด้วยความสงสัยใคร่รู้
หลี่หรานอธิบายให้นางฟังสั้นๆ
“กะ...การบ่มเพาะคู่?!” ใบหน้าของอาฉินเปลี่ยนไปจนดูเหมือนว่าควันจะพุ่งออกจากหูของนาง ในวินาทีต่อมา ดวงตาของนางก็เป็นประกายด้วยแสงแปลกๆ
แม้ว่านางจะเป็นมนุษย์ แต่นางก็ยังรู้ความหมายของคำทั้งสองนี้ มันค่อนข้างจะ...
“เอ่อ... แม้ว่าจะเป็นร่างกายเช่นนั้น แต่ก็ไม่จำเป็นต้องบ่มเพาะร่วมกับผู้อื่น ในแง่ของพรสวรรค์และความเร็วในการบ่มเพาะ มันเป็นหนึ่งในร่างกายที่ดีที่สุดในโลก” หลี่หรานอธิบายอย่างเก้ๆกังๆ
เขาแค่ต้องการชดเชยให้อาฉินเท่านั้น และเขาไม่มีเจตนาอื่น การเปลี่ยนร่างกายของนางเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้นางเริ่มต้นการบ่มเพาะได้
“ข้าเต็มใจ!” อาฉินตอบกลับ
“อย่างไรก็ตาม ข้าต้องเตือนเจ้าก่อนว่าข้าสามารถนำร่างกายนี้กลับคืนมาได้ทุกเมื่อ และหากถูกนำกลับมา เจ้าจะพบกับความตาย รู้แบบนี้แล้วเจ้ายังเต็มใจหรือไม่?”
“แน่นอน ถ้าเจ้าต้องการออกไปตอนนี้ก็ย่อมได้ ข้อเสนอของข้ายังใช้ได้ทุกเมื่อ ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
อาฉินไม่ลังเล “ข้าขอเลือกที่จะบ่มเพาะ!”
“แม้ว่าเจ้าอาจจะตายได้ทุกเมื่อ?”
“อาฉินเต็มใจ!” อาฉินยิ้มและพยักหน้า ราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่นางไม่จำเป็นต้องเลือกแม้แต่น้อย
หลี่หรานอดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเมื่อเห็นรอยยิ้มของนาง จากนั้นเขาก็ถอนหายใจและลูบศีรษะของนาง
“เด็กโง่”
“ท่านเซิงจื่อ...” อาฉินหรี่ตาของนาง เพลิดเพลินกับช่วงเวลาสั้นๆของการสัมผัสทางกาย...
หลี่หรานผลักลูกบอลแสงสีชมพูเข้าไปในร่างของอาฉิน เนื่องจากนางไม่ได้ต่อต้านแม้แต่น้อย ร่างกายของนางจึงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว บาดแผลและรอยแผลเป็นที่ซ่อนอยู่ก่อนหน้านี้เริ่มสลายไป ทำให้ผิวของนางเรียบเนียนราวกับผ้าไหม
หางตาของนางเปล่งประกายด้วยเสน่ห์ราวกับพื้นผิวของวารีอันบริสุทธิ์
ในเวลาไม่ถึงหนึ่งก้านธูป ร่างกายของนางก็เปลี่ยนเป็น ‘ร่างวิญญาณพรหมจารีย์’ ที่หายากยิ่ง
จากนั้นหลี่หรานก็ส่ง ‘พระสูตรแสงเร้นลับ’ ให้กับนาง นับจากนี้ อาฉินได้เริ่มต้นเส้นทางแห่งการบ่มเพาะอย่างเป็นทางการ
“เอาล่ะ การบ่มเพาะและเทคนิคการบ่มเพาะนี้เข้ากันได้ดีมาก เพียงทำตามเทคนิคนี้ ความก้าวหน้าของเจ้าจะรวดเร็วมาก” หลี่หรานกล่าว
“ข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” อาฉินกัดริมฝีปากแล้วเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อผ้าของนางออก
หลี่หรานตกใจมาก “เจ้ากำลังทำอะไร?!”
“การบ่มเพาะเจ้าค่ะ” อาฉินกล่าว “ท่านต้องการให้ข้าบ่มเพาะตามเทคนิคนี้ไม่ใช่หรือ? นี่เป็นวิธีที่ควรทำตามที่เขียนใน ‘พระสูตรแสงเร้นลับ’ ...”
ขณะที่นางพูด การเคลื่อนไหวของนางก็ดำเนินต่อไป
“หยุด!” หลี่หรานรีบหยุดนาง
‘สตรีนางนี้พยายามที่จะจับกดข้าจริงๆ? มันเกิดบัดซบอะไรขึ้น! เมื่อไหร่กันที่ข้าสมควรได้รับความคับข้องใจเช่นนี้?’
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อาฉินก็คิดว่าหลี่หรานรังเกียจนาง และสีหน้าของนางก็กลายเป็นเศร้าหมอง
“อาฉินขอโทษ มันเป็นความผิดของอาฉินเอง แม้ว่าอาฉินจะต้องการแต่อาฉินจะคู่ควรกับเซิงจื่อได้อย่างไร?”
แปะ!
หลี่หรานสะบัดนิ้วไปที่ศีรษะของนางอย่างแรงและพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความสุข: “แม้ว่ามันจะเป็นเทคนิคการบ่มเพาะคู่ แต่มันก็ต้องพิจารณาความแตกต่างระหว่างขอบเขตของทั้งสอง เจ้าไม่ได้อยู่ในขอบเขตหลอมรวมลมปราณด้วยซ้ำ ดังนั้นหากเจ้าเริ่มบ่มเพาะกับข้าในตอนนี้ ไขกระดูกของเจ้าอาจจะแห้งเหือด! เจ้าอยากตายหรือ?”
(หมายเหตุ: กระดูกถือเป็นส่วนกักเก็บพลังที่สำคัญของแต่ละคน โดยเฉพาะในส่วนของกระดูกสันหลัง)
“อย่างนั้นเองหรือ?” อาฉินส่ายหัวของนางแล้วเผยรอยยิ้ม “กลายเป็นว่าเซิงจื่อไม่ได้รังเกียจอาฉิน แต่กลับเป็นกังวลเกี่ยวกับอาฉินมากกว่า!”
หลี่หรานจ้องมองที่นาง “รีบไปแต่งตัวซะ”
“เจ้าค่ะ!” อาฉินพยักหน้าอย่างมีความสุข
หลี่หรานอดไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงลำคอที่แห้งผาก ขณะที่เขามองดูแสงจากฤดูใบไม้ผลิที่สะท้อนออกมาจากผิวเปลือยเปล่าของอาฉินอย่างกะทันหัน
อาฉินเป็นสตรีที่งดงามมาตั้งแต่แรก และหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของนาง ทุกการเคลื่อนไหวของนางก็เต็มไปด้วยเสน่ห์ แม้แต่หลี่หรานก็ไม่สามารถทนได้
นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น เมื่อฐานการบ่มเพาะของนางถึงระดับที่สูงขึ้น เพียงแค่การเหลือบมองนางก็เพียงพอที่จะพรากวิญญาณของใครคนหนึ่งไป!
“จำไว้ว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับใคร เจ้าเพียงแค่ต้องบ่มเพาะอย่างผ่อนคลาย” หลี่หรานเตือน
อาฉินกำหมัดแน่นแล้วพูดอย่างหนักแน่นว่า “อาฉินเข้าใจแล้ว! อาฉินจะบ่มเพาะอย่างตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะบ่มเพาะกับเซิงจื่อให้เร็วที่สุด!”
ร่างกายของหลี่หรานสั่นสะท้าน หากคำพูดเหล่านี้ไปถึงหูของเหลิงอู่เหยียน เขาควรพิจารณาถึงการเกิดใหม่อีกครั้งเพราะความหึงหวงของนาง
“เอาล่ะ เริ่มบ่มเพาะได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ” อาฉินกลับเข้าไปนั่งไขว่ห้างในห้อง นางเริ่มบ่มเพาะคัมภีร์พระสูตรแสงเร้นลับ
ในขณะนั้นเอง พลังของ ‘ร่างวิญญาณพรหมจารีย์’ เริ่มแสดงผลออกมา
เมื่อเทคนิคการบ่มเพาะไหลเวียนไปทั่วร่างกายของนาง มันก็เผยให้เห็นถึงปรากฏการณ์เร้นลับที่ดูดูค่อนข้างลึกซึ้ง
อย่างไรก็ตาม นางไม่สนใจเรื่องเหล่านั้นเลย นางเริ่มทำตามเทคนิคการบ่มเพาะและจดจ่อกับมันอย่างสมบูรณ์ สำหรับนาง นี่เป็นเพียงภารกิจจากนายท่านของนาง นอกจากนี้ยังเป็นสัญญาณของความไว้วางใจจากเขา
//////////