ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 157 พยัคฆ์ร้ายหลุดจากกรง
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 157 พยัคฆ์ร้ายหลุดจากกรง
แปลโดย iPAT
เรือหลายลำจอดอยู่ที่ท่า
ละอองฝนโปรยปรายลงมาและสร้างระลอกคลื่นขึ้นบนผิวทะเลสาบอย่างต่อเนื่องขณะที่หมอกบางๆก่อตัวขึ้น ทุกอย่างทำให้สถานที่แห่งนี้ดูสงบสุข
ชายหลายคนถูกทิ้งไว้เบื้องหลังเพื่อเฝ้าเรือ ภายในห้องเล็กๆ พวกเขาคุยกันเรื่องเสียงหัวเราะที่ดังขึ้นบนเกาะ
ทันใดนั้นเรือบางลำราวกับถูกบางสิ่งชน มันสั่นสะเทือนอย่างแรงก่อนจะจมลงอย่างรวดเร็ว
ทุกคนที่ถูกทิ้งไว้บนเรือรีบขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือและเห็นเรือของกลุ่มหมาป่าสีน้ำเงินกำลังจมลงไปในทะเลสาบ นอกเหนือจากกลุ่มหมาป่าสีน้ำเงินที่กำลังตื่นตระหนก คนอื่นๆต่างยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือของตนเองและหัวเราะอย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเรืออีกลำก็จมลง
ทุกคนเริ่มรู้สึกถึงบางสิ่งที่ผิดปกติ พวกเขาตะโกนถาม “เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“ผีน้ำกำลังจมเรือ!”
“ผู้ใดว่ายน้ำได้ ลงไปดูเร็ว!”
แน่นอนว่าผีน้ำที่พวกเขากล่าวถึงไม่ใช่ผีจริงๆแต่เป็นคนที่ซุ่มโจมตีอยู่ใต้น้ำ
ทันใดนั้นชายฉกรรจ์หลายคนก็กระโดดลงไปในน้ำ หลังจากดวงตาของพวกเขาคุ้นเคยกับความมืดใต้น้ำ พวกเขาก็ตกตะลึง สิ่งที่พวกเขาเห็นคือลูกไฟขนาดใหญ่สองลูก ไฟสีแดงอยู่ตรงกลางขณะที่ไฟสีขาวอยู่ที่ขอบนอก ท่ามกลางพวกเขา ไม่มีผู้ใดเคยเห็นไฟที่ดูมีชีวิตชีวาเช่นนี้มาก่อน
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ พวกเขาก็มองเห็นแหล่งที่มาของลูกไฟทั้งสอง นั่นยิ่งทำให้พวกเขาตกตะลึงมากขึ้นไปอีก
มันเป็นหัวกระโหลกขนาดใหญ่ที่สูงกว่าร่างมนุษย์ ลูกไฟสีขาวแดงลุกไหม้อยู่ในเบ้าตาของมัน มันดูเหมือนปีศาจที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรกขณะที่มันมองมาที่พวกเขา
หลังจากนั้นมันก็อ้าปากและพุ่งเข้าหาพวกเขา ไฟชนิดเดียวกันลุกโชนขึ้นในปากของหัวกะโหลกเหมือนประตูสู่ขุมนรก
เสี่ยวอันยืนอยู่ในส่วนลึกของทะเลสาบด้วยมือที่ประสานอยู่กลางหน้าอกราวกับกำลังสวดมนต์ เขาควบคุมลูกประคำหัวกะโหลกและใช้มันกลืนกินเป้าหมายทีละคนก่อนพุ่งกระแทกเรือลำอื่น
ในการปะทะแต่ละครั้ง เรือหนึ่งลำจะจมลง
บนท่าเรือ ไม่มีผู้ใดสามารถซ่อนความหวาดกลัวของตนเอาไว้ได้อีก เรือทั้งหมดถูกทำลาย คนที่ดำลงไปใต้น้ำไม่เคยกลับขึ้นมา พวกเขาไม่รู้ว่ามีสิ่งใดซ่อนอยู่ใต้น้ำและตอนนี้พวกเขาถูกขังอยู่ที่นี่
“ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ...” เสียงอันแผ่วเบาดังขึ้นขณะที่ผู้คนบนชายฝั่งทรุดตัวลงกับพื้นราวกับหุ่นเชิดถูกตัดขาดจากเชือก
ทุกคนกรีดร้อง “ศัตรูโจมตี!”
“ที่ใด?”
“ออกไปจากที่นี่!”
“ไปเร็วเข้า!”
ไม่มีผู้ใดมองเห็นริ้วสีขาวท่ามกลางสายฝน ลูกประคำหัวกะโหลกกลับสู่สภาพเดิมของมันและเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วอยู่ในอากาศ เหตุการณ์นี้เหมือนจอมยุทธ์ขั้นหกที่ควบคุมสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ มันไม่ใช่สิ่งที่คนเหล่านี้จะสามารถค้นพบ
ผู้คนทรุดลงกับพื้นมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนเหวี่ยงอาวุธออกไปอย่างบ้าคลั่ง บางคนมองไปรอบๆแต่สิ่งที่พวกเขาเห็นมีเพียงความมืด คนที่ใจเย็นกว่าพยายามค้นหาสาเหตุการตายของคนอื่นๆ ในไม่ช้าพวกเขาก็พบรูขนาดเท่าหัวแม่มือที่เชื่อมหน้าอกกับแผ่นหลังของผู้ตาย อย่างไรก็ตามไม่มีเลือดสักหยดจากบาดแผล
ขณะที่พวกเขากำลังครุ่นคิด บางคนก็ตะโกนออกมาว่า “ดูเหมือนจะเป็น...ไฟ!”
พวกเขาค้นพบว่ารูเหล่านั้นกำลังลุกไหม้ บาดแผลขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ตามตลอดช่วงเวลาเหล่านั้นไม่มีเลือดไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว ไฟเผาเลือดและเนื้อของผู้ตายอย่างเงียบๆ
ทุกคนที่ถูกเชิญมายังเกาะบุปผาล้วนเป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่กับการนองเลือด พวกเขาเป็นคนที่เลียเลือดจากใบมีด อย่างไรก็ตามพวกเขากลับตกใจและรู้สึกหมดหนทางเมื่อเห็นคนข้างๆล้มลงเสียชีวิตทีละคน
เปลวไฟกลืนกินเลือดและเนื้อทั้งหมด กระทั่งกระดูกยังถูกหลอมละลายอย่างช้าๆ
ไฟไม่ได้เผาทำลายเสื้อผ้าของพวกเขาแต่เมื่อมันสัมผัสเลือดและเนื้อสดๆ มันก็เหมือนไฟที่พบน้ำมัน มันลุกลามไปอย่างรวดเร็ว
เสียงกรีดร้องอย่างน่าสมเพชดังขึ้นที่ท่าเรือ เพียงชั่วพริบตาเสียงก็เงียบลง สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงโครงกระดูกสีขาวหลายสิบชุด
เสี่ยวอันโผล่ขึ้นมาจากน้ำและนับตัวเลข
หกร้อยเก้าสิบเจ็ด!
โครงกระดูกที่เหลืออยู่ถูกเพลิงสีขาวหลอมและกลายเป็นของเหลวสีขาวรวมเข้ากับร่างกายของเสี่ยวอัน
เมื่อเสี่ยวอันต้องการกลับไปช่วยหลี่ฉิงซาน เขาพลันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งและหันกลับไป
เบ้าตาที่ลุกเป็นไฟของเขามองผ่านทะเลหมอก จากระยะไกล เขาเห็นเรือลำใหญ่สีดำลำหนึ่งค่อยๆแล่นเข้ามา
เสี่ยวอันคิดและยังตัดสินใจเข้าไปในสวน
“ฮ่า!” หลี่ฉิงซานระเบิดพลัง เสียงคำรามของปีศาจพยัคฆ์พร้อมกับสายลมกรรโชกแรงพุ่งเข้าหาเหล่าคนโฉดและพัดพวกเขากระเด็นออกไปพร้อมเลือดที่พุ่งออกมาจากปาก ใบหน้าและหน้าอกของพวกเขายุบเข้าไป แม้แต่ชีวิตก็ไม่เหลือรอด
แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นเสียงคำรามของปีศาจพยัคฆ์ที่ลดพลังลงมากแล้วแต่มันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่นักสู้เหล่านี้จะสามารถทนได้
เพียงเสียงคำราม หลี่ฉิงซานก็สามารถสังหารนักสู้ชั้นหนึ่งไปหลายคน
เป็นเพียงเวลานี้ที่พวกเขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากระหว่างพวกเขากับผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์
ด้วยเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเหล็ก หลี่ฉิงซานบังคับเปิดช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างลูกกรง กระแสไฟฟ้ากระจายหายไป
หลี่ฉิงซานเดินออกจากกรงเหมือนพยัคฆ์ร้ายที่โผล่ออกมาจากถ้ำ เขาปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมาทำให้ทุกคนถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวขณะที่พวกเขามองหลี่ฉิงซานด้วยความหวาดกลัวและตกใจ
ความสูงของหลี่ฉิงซานกลับสู่สภาพเดิมแล้ว เขาจะไม่เปิดเผยร่างปีศาจต่อหน้าคนจำนวนมาก เว้นเพียงเขาจะแน่ใจว่าสามารถกวาดล้างผู้คนทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าคนที่เขาต้องการกำจัดทันทีคือเฉินซื่อฮัวที่สัมผัสได้ถึงปราณปีศาจของเขา
“ไม่ เรือ! เรือถูกทำลายหมดแล้ว!” ทันใดนั้นลูกสมุนคนหนึ่งก็วิ่งเขาและตะโกนเสียงดัง
“อันใด? ผู้ใดทำเรื่องเช่นนั้น?” เทียนจงห่าวคว้าไหล่ลูกน้องของเขา
“ข้าไม่รู้!”
พวกเขามองไปที่หลี่ฉิงซาน แม้พวกเขาจะได้ยินเรื่องนี้จากเฉินซื่อฮัวมาแล้วแต่พวกเขาพึ่งตระหนักอย่างแท้จริงว่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์หนุ่มผู้นี้วางกับดักที่นี่เพื่อสังหารพวกเขาทั้งหมด
หลี่ฉิงซานยิ้ม เสี่ยวอันลงมือแล้วเช่นกัน หลังจากนั้นเขาก็หรี่ตามองเฉินซื่อฮัวที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนและกำลังจะหลบหนี เขาตะโกน “เจ้ากำลังจะไปที่ใด?”
เฉินซื่อฮัวตัวสั่น เขาหันกลับด้วยความตกใจ หลี่ฉิงซานพุ่งเข้ามาหาเขาแล้ว
นักสู้ชั้นหนึ่งหลายคนไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา ดังนั้นพวกเขาจึงลงเอยด้วยการกีดขวางเส้นทางของหลี่ฉิงซาน พวกเขารู้สึกเหมือนถูกช้างพุ่งชนและกระเด็นไปไกลหลายเมตร กระดูกแตกเป็นเสี่ยงๆ ขณะที่พวกเขาเสียชีวิต พวกเขายังไม่สามารถส่งเสียงใดๆออกมา
ยันต์ถูกกระตุ้นใช้งาน แสงสีทองส่องประกายขึ้นบนร่างของเฉินซื่อฮัว เขาตอบสนองได้ค่อนข้างเร็ว ในช่วงเวลาวิกฤต เขาสามารถใช้ยันต์ราชันผู้พิทักษ์และเหวี่ยงหมัดสองหมัดไปที่ท้องของหลี่ฉิงซาน
หลี่ฉิงซานเพิกเฉยต่อการโจมตี เขากางมือขวาเป็นกรงเล็บและส่งมันเข้าไปหาเฉินซื่อฮัว “ตายซะ!”
ปีศาจพยัคฆ์ควักหัวใจ!
นิ้วทั้งห้าของเขาแทงผ่านชั้นแสงสีทอง พลังปราณและแสงสีทองปะทะกันทำให้เกิดเสียงดังแสบหู
เฉินซื่อฮัวตกใจมาก เขาไม่เคยคิดว่ายันต์ราชันผู้พิทักษ์จะถูกทำลายด้วยมือเปล่า อย่างไรก็ตามเขารู้ว่าเวลาของเขาหมดลงแล้ว ดังนั้นเขาจึงรวบรวมพลังปราณทั้งหมดไว้ที่กำปั้นและชกหน้าอกของหลี่ฉิงซานอย่างแรง
หลี่ฉิงซานอดทนต่อหมัดทั้งสอง เขาเซไปเล็กน้อยแต่มือขวาของเขายังแทงเข้าไปในหน้าอกข้างซ้ายของเฉินซื่อฮัวและควักหัวใจเปื้อนเลือดออกมา
ห้องโถงกลายเป็นเงียบสงัด คนที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มพวกเขา เฉินซื่อฮัว เสียชีวิตในการโจมตีเดียว นี่เป็นอีกครั้งที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจของพวกเขา
ตอนนี้พวกเขาไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป พวกเขาหยิบยันต์ออกมาและกระตุ้นใช้งานพวกมัน ยันต์จำนวนมากระเบิดแสงออกมา อย่างไรก็ตามพวกเขากลับเลือกที่จะหลบหนี พวกเขาไม่แม้แต่จะสนใจผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเอง ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่พยายามโยนชีวิตไปที่หลี่ฉิงซาน
เมื่อพยัคฆ์ร้ายลงจากภูเขา นกและสัตว์น้อยใหญ่ก็กระจัดกระจายกันไป
“ยันต์? ข้าก็มี!” หลี่ฉิงซานหยิบยันต์เคลื่อนวายุออกมาจากกระเป๋าร้อยสมบัติและกระตุ้นใช้งาน สายลมหมุนรอบตัวเขาและทำให้เขารู้สึกตัวเบาลงมาก หนึ่งก้าวที่เขาส่งตัวเองออกไปทำให้เขารู้สึกเหมือนสามารถบินขึ้นสู่ท้องฟ้า
กลางอากาศ เขาหยิบดาบวายุออกมาและกวาดออกไป
ร่างกายของนักสู้ชั้นหนึ่งที่ตอบสนองเร็วที่สุดถูกตัดครึ่ง เลือดและอวัยวะภายในของเขาสาดกระเซ็นลงบนพื้น
หลังจากใช้ยันต์เคลื่อนวายุ หลี่ฉิงซานก็เหมือนภูตผี การอธิบายว่าเขาเหมือนเสือท่ามกลางฝูงแกะไม่เพียงพออีกต่อไป
นี่ไม่ใช่การต่อสู้แต่เป็นการสังหารหมู่ฝ่ายเดียว ต่อหน้าความแข็งแกร่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์หรือทักษะใดๆ มันก็ไร้ความหมาย ทุกย่างก้าวตลอดเส้นทางจากห้องทำงานไปยังลานบ้าน ศีรษะของผู้คนจะร่วงลงกระแทกพื้น
เหล่าคนโฉดหลบหนีไปทุกทิศทุกทางเหมือนผึ้งแตกรัง พวกเขาสาปแช่งเฉิงซื่อฮัวหลายพันครั้งแม้ฝ่ายหลังจะตายไปแล้วก็ตาม
หนึ่งในนั้นมองย้อนกลับไปและเห็นหลี่ฉิงซานเคลื่อนที่ใกล้เข้ามา เขารีบคุกเข่าลงและตะโกน “ข้าเป็นสายลับของทางการ!” นั่นทำให้หลี่ฉิงซานหยุดอยู่ตรงหน้าเขาและหยุดดาบของเขาเอาไว้เป็นการชั่วคราว ในเสี่ยวพริบตา หลี่ฉิงซานก็เคลื่อนที่เข้าหาเป้าหมายอื่นแล้ว คนผู้นี้ทรุดตัวลงกับพื้นอย่างสูญสิ้นเรี่ยวแรง จากนั้นเขาก็คลานและกลิ้งตัวไปที่มุมหนึ่งของลานประหาร
ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงเริ่มเลียนแบบเขา พวกเขาคุกเข่าลงและตะโกน “ข้าเป็นสายลับเช่นกัน!”
เพียงไม่นาน สายลับจำนวนมากก็แสดงตัวออกมา หลี่ฉิงซานไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับคนเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกลังเล
บนผิวทะเลสาบ แสงไฟหลายสิบดวงสว่างขึ้นท่ามกลางสายหมอก จากนั้นเสียงหวีดแหลมก็ดังตามมา
“บึม บึม บึม บึม!” ท่ามกลางเสียงอึกทึก เกาะบุปผากลายเป็นทะเลเพลิงไปในพริบตา
ลูกกระสุนสีดำทะลุเพดานและตกลงด้านหน้าห่างจากหลี่ฉิงซานประมาณห้าเมตร มันระเบิดแสงและคลื่นความร้อนออกมาเป่าผู้คนที่อยู่ใกล้เคียงราวกับกระดาษ