ตอนที่ 625 ลาก่อน
ตกยามราตรี ขณะที่ปลาวาฬเกาะดึกดำบรรพ์ค่อยๆ แหวกว่ายอากาศออกจากทะเลสาบ
มันเหมือนกับเกาะยักษ์ลอยฟ้า ลอยอยู่ในกลางอากาศ
มันค่อยๆ ลอยมุ่งหน้าสู่นครสายรุ้ง
“ต่อไปเราจะเอายังไงดี?” สาวยักษ์ลี่เยี่ยนมักใช้ความเห็นของตนเองเป็นหลัก แต่หลังจากการสู้รบครั้งนี้นางรู้สึกตัวได้ทันทีว่านางไม่เหมาะกับการตัดสินใจ การเป็นผู้นำไม่เหมาะกับนาง ถ้ามีคนอื่นทำหน้าที่วางกลยุทธต่อสู้และนางเพียงแต่บุกตะลุยเข้าหาศัตรู นางน่าจะแสดงพลังของนางได้ดีกว่า นางรู้สึกว่าควรจะคุยกับเย่ว์หยางถ้าเย่ว์หยางยินดีเป็นนักวางกลยุทธให้พวกเขาเพื่อที่ว่านางจะได้ฟื้นฟูกลุ่มโจรเพลิงพิโรธขึ้นมา บางทีนางคิดว่านี่เป็นความคิดที่ดี “นี่,เจ้าต้องการร่วมกับข้าสร้างกลุ่มโจรเพลิงพิโรธไหม ข้าจะฟังความคิดเห็นและคำสั่งของเจ้า แต่ชื่อกลุ่มโจรต้องเป็นชื่อเพลิงพิโรธนะ นี่คือความปรารถนาของพ่อข้า โอวจริงสิ ข้าชื่อลี่เยี่ยน แล้วเจ้าเล่าชื่ออะไร? แล้วชื่อแม่สาวน้อยนั่นล่ะ?”
“ไม่ต้องยกอ้างตัวเป็นผู้อาวุโสหรอกเจ้าคือผู้นำกลุ่มโจรผู้มีเกียรติ ไม่ใช่หัวหน้าอันธพาลคำพูดไร้สาระเช่นนี้ไม่ต้องกล่าวมากไป นอกจากนี้ เจ้าประกาศสลายกลุ่มไปแล้วไม่ใช่หรือ? ในความเห็นของข้าเจ้าไม่ควรจะตั้งกลุ่มโจรอีกแล้ว เจ้าไม่เหมาะจะเป็นผู้นำ” เย่ว์หยางพูดตรงอย่างไม่เกรงใจว่าคำพูดจะทำร้ายจิตใจอีกฝ่ายหนึ่ง
“อะไรนะ?” สาวยักษ์ลี่เยี่ยนจ้องมองเย่ว์หยางด้วยความโกรธเคืองทันที
“ถือเสียว่าข้าไม่เคยพูดอะไรก็แล้วกัน” เย่ว์หยางหาวเหมือนกับว่าเขาไม่สนใจอะไรในโลกทั้งนั้น
“พาสาวน้อยนั้นออกมาเถอะ ให้เรา เอ่อ หัวหน้ากลุ่มอย่างข้าได้คุยกับนาง คุยกับเจ้าเปลืองพลังงานเปล่าๆ” สาวยักษ์ลี่เยี่ยนเตรียมใช้ทางลัด นางรู้ว่าเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนใจเย่ว์หยาง แต่นางมั่นใจว่าทำให้อี้หนานพอใจได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่นางคาดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิงก็คือไม่เพียงแต่อี้หนานไม่ถูกนางเกลี้ยกล่อมเท่านั้น แต่นางพยายามจะแนะนำลี่เยี่ยนอีกด้วย
อี้หนานแนะนำอย่างนุ่มนวล “พี่ลี่เยี่ยนแม้ว่าคนเหล่านั้นจะเป็นบริวารของบิดาท่าน แต่พวกเขาไม่คู่ควรกับการมีบิดาท่านเป็นผู้นำเลย คนเหล่านี้นอกจากที่เลือกไว้ไม่กี่คนแล้วไม่มีความซื่อสัตย์ภักดีแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่ท่านจะได้รับจากการต่อสู้ร่วมกับคนพวกนี้ก็คือการทรยศ ท่านต้องไม่รีบสร้างกลุ่มโจรขึ้นอีกและไม่จำเป็นต้องมีคนหลายคน ถ้าท่านรวมคนฝีมือดีได้สักสิบคน นั่นยังจะดีกว่าพวกมนุษย์โครงกระดูกที่อ่อนแอเป็นพันหรือคนทรยศหักหลังเป็นล้าน! ตอนนี้เราไม่ต้องกังวลกับการรีบจัดตั้งกลุ่มโจร เราควรจะฝึกฝนตนเองให้แข็งแกร่งขึ้น ด้วยพลังของท่านท่านสามารถสร้างกลุ่มโจรได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”
สาวยักษ์ลี่เยี่ยนพึมพำกับตนเองชั่วขณะ “แต่เฒ่าสามและคนอื่นๆ ยังคงอยู่ที่นี่ พวกเขาซื่อสัตย์ภักดีมาก เป็นไปไม่ได้ที่เราจะทอดทิ้งพวกเขา”
เย่ว์หยางค่อยๆ ยิ้ม “ความจริงเราไม่ได้พยายามขัดขวางในเรื่องการสร้างกลุ่มใหม่ของเจ้า บางทีพวกเขาอาจอยู่ที่นครสายรุ้งก็ได้ แม้ว่าพวกเขาไม่อยู่ที่นั่น ท่านก็สามารถขอให้พวกเขาไปรวมตัวกันที่นครสายรุ้งก็ได้ ข้าให้เกียรติข้อเสนอของท่าน แต่มันยากจะทำให้เกิดขึ้นได้เพราะเรามีอุดมการณ์ที่แตกต่างกันมาก”
อี้หนานแตะไหล่เย่ว์หยางเล็กน้อยพยายามเตือนเขาไม่ให้ปฏิเสธนางโดยตรงเกินไป เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้ายความรู้สึกของลี่เยี่ยนเกินไป
นางรู้สึกว่าสาวยักษ์ลี่เยี่ยน คงไม่ยอมรามือง่ายๆ
นางพยายามเน้นถึงปณิธานของบิดานางที่นางรับมาทั้งหมดและกลายเป็นเสาหลักของกลุ่มโจร...นางก็เหมือนท่านหญิงฟู่ซิงครั้งล่าสุดที่พยายามประคับประคองหุบเขาร้อยบุปผาอย่างสุดความพยายาม
เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างกันก็คือป้าของนางไม่เคยขออะไรจากนาง ป้านางเพียงแต่ปรารถนาให้นางเติบโตด้วยดี นี่เป็นเพราะการเติบโตด้วยดีเป็นสิทธิ์ที่สำคัญที่สุดของท่านหญิงฟู่ซิง ในเวลานั้นจะไม่มีใครกดดันนาง อี้หนานเองยังรู้สึกถึงแรงกดดันเป็นอย่างมาก หัวหน้าลี่เยี่ยนต้องรับมรดกปณิธานของบิดาเพื่อฟื้นฟูกลุ่มโจรเพลิงพิโรธและเป็นผู้นำคนสองสามพันคนความจริงแล้วยังหนักกว่าอี้หนานเสียอีก!
เรื่องที่เย่ว์หยางปฏิเสธคำเชิญของนางนั้น สาวยักษ์ลี่เยี่ยนคาดไว้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม นางยังคงรู้สึกเศร้าในเรื่องนั้น
เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกจนใจและเดียวดาย ไม่มีใครยินดีช่วยนาง ไม่มีใครยินดีสนับสนุนนาง
สาวยักษ์ลี่เยี่ยนรู้สึกเศร้าและผิดหวังไม่สามารถพูดออกมาได้ แต่นางทำเป็นเข้มแข็ง นางทำเป็นไม่ใส่ใจและฝืนใจยิ้มอย่างมีความสุข “ทุกคนมีความคิดที่แตกต่าง นี่เป็นเรื่องธรรมดาไม่สำคัญหรอกว่าพวกเจ้าจะเข้าร่วมกลุ่มโจรเพลิงพิโรธหรือไม่ข้าจะคิดว่าพวกเจ้าเป็นสหายอยู่เสมอ!เมื่อเราไปถึงนครสายรุ้งข้าจะจัดงานแต่งงานให้พวกเจ้าอย่างดีที่สุด”
“ไม่จำเป็นเลยความจริงเราลอบออกมาจากบ้านและตั้งใจกลับไปหลังจากผ่านไปสองสามวัน” อี้หนานแลบลิ้นและยิ้มเชิงขออภัยต่อสาวยักษ์ลี่เยี่ยน “ข้าขอรับความตั้งใจดีของพี่ลี่เยี่ยน แต่เราจะต้องให้พ่อแม่ของราอวยพรกับงานมงคลสมรสอย่างนี้ ก่อนนั้นเราแค่หยอกล้อกันเล่น”
“พวกเจ้าจะจากไปวันพรุ่งนี้หรือ?” สาวยักษ์ตกใจรีบมองมาทางเย่ว์หยาง
“ดูเหมือนมีเรื่องเกิดขึ้นที่บ้านเกิดของข้า ข้าชักจะเป็นห่วง ดังนั้นข้าอยากจะกลับไปตรวจดูสถานการณ์ก่อน แล้วข้าค่อยไปนครสายรุ้งในวันหลัง
เย่ว์หยางไม่ได้ตั้งใจจะกลับไปหอทงเทียนในตอนแรก แต่เขาได้รับข้อความที่ส่งมาจากแผนที่สามสีจากไห่อิงอู่ในโลกคัมภีร์ “ร่างตัวแทนของราชันย์พันปีศาจดูเหมือนจะมีความเคลื่อนไหว”ถ้าเป็นเรื่องอื่น เย่ว์หยางคงไม่สนใจเท่าใดนัก อย่างไรก็ตาม เขากังวลเรื่องราชันย์พันปีศาจนี้ ดังนั้นเขาต้องกลับไปก่อนชั่วขณะ จากนั้นค่อยกลับมาที่แดนสวรรค์อีก สำหรับการร่วมเดินทางกับอี้หนานไปยังนครสายรุ้งเขาได้แต่สัญญาว่าจะพานางไปในครั้งต่อไป
อี้หนานไม่ใช่คนที่ไม่ทราบถึงสถานการณ์ว่าปัญหาใดสำคัญ นางสามารถเข้าใจได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่าเรื่องการปฏิเสธการเข้าร่วมกับกลุ่มโจรของลี่เยี่ยนไม่เกี่ยวกับการกลับไปหอทงเทียน แต่นั่นก็เป็นเพราะเย่ว์หยางและอี้หนานไม่เห็นด้วยกับอุดมการณ์ของสาวยักษ์ลี่เยี่ยน
พวกเขาไม่ได้หมายความว่าอุดมการณ์ดังกล่าวที่ไม่ยึดคุณธรรมนั้นไม่ดี เป็นแต่ว่าถ้าพวกเขาต้องอยู่ในแดนสวรรค์ด้วยอุดมการณ์อย่างนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ลำบากมาก นอกจากนี้การเลี้ยงดูคนไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่สะดวกกับการจะแบกรับภาระพิเศษเช่นนั้น ใช่ว่าทุกคนจะมีบุคลิกนิสัยไม่ยอมแพ้ และใช่ว่าทุกคนจะเป็นนักรบที่เห็นการตายดุจการคืนสู่มาตุภูมิ ดังนั้นการใช้อุดมการณ์ของสาวยักษ์ลี่เยี่ยนสร้างกลุ่มมีแต่เพิ่มคนทรยศและล้มเหลวในการบริหาร...เย่ว์หยางและอี้หนานรู้ว่าการปฏิเสธสาวยักษ์ลี่เยี่ยนเป็นเรื่องเศร้า แต่พวกเขาเข้าใจว่าการปฏิเสธนางยังดีกว่าโกหกนางและให้ความหวังจอมปลอมกับนาง!
“ถ้าเป็นอย่างนั้น, ข้าเข้าใจ”สาวยักษ์ลี่เยี่ยนยังคิดว่าเย่ว์หยางกำลังใช้ข้ออ้างปฏิเสธนางและนางยิ่งรู้สึกเศร้ายิ่งขึ้น นางฝืนใจพยักหน้า “ถ้าเจ้ากับน้องอี้หนานแต่งงานกันอย่าลืมเชิญข้าด้วยอ่า..เชิญกลุ่มผู้นำนี้ไปร่วมฉลองงานแต่งงานเจ้าด้วย”
“เราจะเชิญแน่นอน แต่พี่ลี่เยี่ยนจะต้องรอนานหน่อยนะ” อี้หนานจับมือเย่ว์หยางกับนางบอกใบ้ให้เขาปลอบโยนนางสักสองสามคำ”
“ดึกแล้ว ทุกคนควรจะพักกันเนิ่นๆ” เย่ว์หยางรู้ว่าเขาไม่สามารถทำให้สาวยักษ์พอใจด้วยคำพูดอ่อนโยนได้ เขาต้องกลายเป็นตัวร้ายจนถึงที่สุด กับคำแนะนำของเสวี่ยอู๋เสีย องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน และอี้หนานในฐานะคนกลางในบางครั้งเขาจะโยนโอนอ่อนผ่อนตามนาง
เรื่องแบบนี้ไม่อาจเร่งกันได้
เขาควรปล่อยให้นางลองดูและล้มเหลวด้วยตัวเอง ไม่พบกับอุปสรรคเสียบ้างบางทีนางคงไม่ยอมเลิกรา
สาวยักษ์ลี่เยี่ยนริมฝีปากสั่นเล็กน้อยเหมือนกับว่านางมีบางอย่างต้องการพูด ในที่สุดนางก็ไม่พูดอะไรออกมา นางเพียงยกมือและกล่าวอำลาเย่ว์หยางและอี้หนาน
เมื่อเย่ว์หยางและอี้หนานกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ นางตบตัววาฬยักษ์แรงๆ บอกให้มันหยุด นางกู่เสียงร้องก้องท้องฟ้าจากนั้นนางพุ่งวาบขึ้นไปเหมือนสายฟ้าในยามราตรี ร่างโดดเดี่ยวของนางบินห่างออกไป...ตอนนี้นางรู้ว่านางเป็นฝ่ายผิดและนางรู้ว่าสิ่งที่เย่ว์หยางและอี้หนานพูดนั้นถูก อย่างไรก็ตามนางไม่อาจโน้มน้าวใจตัวเองให้ปล่อยอุดมการณ์ของนางในตอนนี้ได้ ที่สำคัญนั่นคือปณิธานที่บิดาของนางฝากฝังไว้กับนางและเป็นอุดมการณ์ที่นางยึดมั่นมาตลอดเวลานี้
นางต้องการให้เย่ว์หยางแนะนำนางเพิ่มสักเล็กน้อย บางทีนางอาจจะรู้สึกดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม เจ้าเด็กนั่นไม่พูดอะไรเลย...
เขาไม่ยอมแม้แต่จะกล่าวคำอำลา
น่าโมโหนัก!
ต่อให้เขาถูก เขาไม่ควรปฏิเสธนางถ่ายเดียวแบบนี้ เขาทำเกินไปแล้ว
สาวยักษ์ลี่เยี่ยนที่ไม่เคยร้องไห้เพราะคนอื่นมาก่อนพลันรู้สึกอยากร้องไห้ดวงตานางรู้สึกร้อน
หอทงเทียน ทวีปมังกรทะยาน
ในลานจัตุรัสฝึกฝีมือในปราสาทตระกูลเย่ว์ เย่ว์ซานซึ่งปกติจะนั่งอยู่บนเก้าอี้เหมือนใบไม้แห้งจู่ๆก็ลุกขึ้นเดิน ใบหน้าที่ขาวเผือดของเย่ว์ซานดูซีดเซียวไม่กำลังแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม แม้แก้มเขาตอบแต่นัยน์ตายังมีประกายเหมือนไฟภูตพรายในความมืด ด้วยดวงตาที่ชัดใสนี้ นอกจากจะดูอ่อนแอแล้วเขายังดูฉลาดและมองการณ์ไกลซึ่งไม่ค่อยพบเห็นในตัวของเขา
เขามองดูเหมือนนักศึกษาที่เดินอยู่ใต้แสงตะวัน ท่ามกลางน้ำค้างยามเช้าไม่เหมือนกับชายชราที่ป่วยนอนติดเตียง
เมื่อเห็นเขาเดินออกมาในยามเช้า สมาชิกต่างๆที่อยู่ในตระกูลเย่ว์ประหลาดใจเล็กน้อย
มีบ่าวสองสามคนรีบเข้ารอรับใช้เขาเกรงว่าเย่ว์ซานจะทรุดหนักเพราะแรงลมพัด อย่างไรก็ตาม เย่ว์ซานยิ้มเล็กน้อยและโบกมือให้ บอกคนอื่นๆไม่ต้องสนใจเขา เขาเพียงแต่อยากเดินด้วยตัวเอง
เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ เข้าสู่ระดับปราณก่อกำเนิดไปแล้วและฝึกอยู่กับอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าอยู่เงียบๆ องครักษ์พิทักษ์ฟ้าและคนอื่นๆอยู่ในหอโถงใหญ่
วันนี้มีเพียงหลิวเย่, เอลฟ์ทองเป่าเอ๋อและคนอื่นๆ ฝึกอยู่ที่นี่
พวกนางรู้เรื่องอดีตของเย่ว์ซาน แต่เนื่องจากการกระทำของเขาที่ฐานใต้ดิน พวกเขาทุกคนคิดว่าเย่ว์ซานเป็นพ่อที่ดีและยกโทษเรื่องในอดีตของเขา นอกจากนี้เย่ว์ซานยังได้รับบาดเจ็บหนักเพราะเขาปกป้องทวีปมังกรทะยานจากการรุกรานของกองกำลังนรกดำ เมื่อพวกเขาเห็นเย่ว์ซานเดินออกมาพวกเขาคำนับแสดงความเคารพเขาเหมือนกับที่ทำกับผู้อาวุโส
“ดี, ดีแล้ว, พวกเจ้าจงฝึกต่อไปเถอะ!” ยากนักที่เย่ว์ซานจะทักทายพวกเขาตามปกติบางทีเขาคงอารมณ์ดีขึ้นแล้ว
“ท่านจะให้ข้าไปตามพี่เย่ว์หวี่มาเป็นเพื่อนด้วยไหม?” หลิวเย่ถามอย่างมีน้ำใจ
“ไม่ต้อง, ให้นางพักสักครู่เถอะ ข้าแค่ต้องการเดินเล่นด้วยตัวเอง” เย่ว์ซานโบกมือเล็กน้อย จากนั้นจู่ๆ ก็หันไปถามหลิวเย่ “หลิวเย่ อาจารย์ของเจ้าชื่อจื่อเกอหรือเปล่า?ที่พูดแบบนั้น เพราะจื่อเกอกับข้าเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนในอดีตเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ข้าเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนถูกส่งตัวไปที่สถาบันเทียนหลัว ตอนนั้นข้าเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับจื่อเกอ”
“จื่อเกอ? ข้าคิดว่าไม่เคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อน อาจารย์ของหลิวเย่ชื่ออาจารย์อันหนิง” หลิวเย่งุนงงทำไมเย่ว์ซานบอกว่าอาจารย์ของนางชื่อจือเกอ?
“อา.. ข้านี่แย่จริงๆ ข้าต้องจำผิดไปแน่ๆ ข้าไม่รู้จักอาจารย์อันหนิง แต่ภรรยาของท่านจื่อเกอดูเหมือนจะชื่อนิ่งเข่อเอ๋อครั้งสุดท้ายข้าได้ต่อสู้เคียงข้างกับท่านจื่อเกอและภรรยาของเขากับเผ่าปีศาจ เราทั้งสองคนอยู่ในเรือลำเดียวกันเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกัน หลังจากนั้นเรามีมิตรภาพที่ลึกซึ้งเฮ้อ.. ความทรงจำของข้าชักเลือนรางไปตามอายุเสียแล้ว!” เย่ว์ซานโบกมือ ทำท่าว่าไม่มีอะไรแล้วเดินออกมา
“ท่านประมุขตระกูลเล่าเรื่องอดีตให้เราฟังบ้างได้ไหม?” หลิวเย่รู้สึกว่าท่าทางที่เขาถอยออกไปนั้นดูเดียวดายและน่าสงสารมาก นางตามเขาไปและตัดสินใจชวนเขาสนทนาต่อ
“ความจริงก็ไม่มีอะไรจะพูดมาก ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดในอดีต” เมื่อเย่ว์ซานเห็นสีหน้ากังวลของหลิวเย่เขาพยักหน้าส่งสัญญาณให้นางนั่งลง เขานั่งลงบนก้อนใหญ่อีกก้อนและระลึกถึงความหลัง “เรื่องค่อนข้างเก่าแล้ว ข้าจำได้เวลานั้น เป็นวันที่เจ้า... เอ่อ..เป็นวันที่เจ้าและเย่ว์หวี่ลืมตาดูโลก เราถูกพวกปีศาจลอบทำร้ายและไม่มีใครช่วยเราได้ ท่านพ่อรู้ว่ามันเป็นแผนการของปีศาจที่จะก่อสงคราม ดังนั้นเขายอมเห็นข้าบุตรคนโตของตระกูลเย่ว์ตายมากกว่าจะขอความช่วยเหลือจากจักรพรรดิ ความจริงในเวลานั้นไม่มีกำลังทหารมากพอจะนำมาใช้ แม้แต่บ่าวทาสจากวังและปราสาทตระกูลเย่ว์ก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้กันแล้ว มีแต่คนชรา คนอ่อนแอสตรีและเด็ก..แทบจะแน่ใจได้ว่าเราคงต้องตายแน่เราแค่รอคลื่นโจมตีระลอกสองของเผ่าพันธุ์ปีศาจคิดแค่เอาตัวให้รอดอยู่เพื่อฆ่าปีศาจให้ได้สักสองสามตนก็ยังดีแน่นอนเรายังคงหวังว่าน้องสามจะกลับมา ในเวลานั้นน้องสามยังอายุน้อยมากพลังของเขาแข็งแกร่งมากน้องสามและน้องสี่ออกไปแนวหน้าโดยท่านพ่อไม่ทราบ เราอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและเราหวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ที่สำคัญคือทุกคนไม่ต้องการจะตายจริงๆ จากนั้นพี่สาวเจ้าเย่ว์หวี่ก็ถือกำเนิดเวลานั้นท้องฟ้าเปลี่ยนสีและฝนเริ่มเทลงมาจากฟากฟ้าแสงทองสายหนึ่งฉายลงมาจากท้องฟ้าย้อมไปทั่วสนามรบสีเลือด แม้แต่ต้นหญ้าใต้ซากศพยังกลายเป็นสีเขียวและดอกไม้บานขึ้นอย่างแปลกประหลาด เผ่าพันธุ์ปีศาจแตกตื่นทันที และกำลังใจของกองกำลังของเราก็เพิ่มขึ้นเราพุ่งจู่โจมอย่างสุดกำลัง และในที่สุดด้วยความยากลำบากมากมาย เราร่วมมือกับน้องสามและน้องสี่ซึ่งถูกพบว่าถูกฟันถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บทั่วตัวและพวกเราสามารถหลบหนีออกมาได้พร้อมกัน อาจกล่าวได้ว่า แค่ก แค่ก แค่ก..เป็นวันที่พี่เย่ว์หวี่ของพวกเจ้าถือกำเนิดนั่นแหละช่วยพวกเราไว้”
“พี่หวี่น่าทึ่งจริงๆ!มิน่าเล่านางถึงมีนิสัยรักสงบ กลับกลายเป็นว่าเคยเกิดเรื่องอัศจรรย์มาก่อน!” หลิวเย่ยกย่องด้วยความชื่นชม
“เจ้าก็ดีเช่นกัน, เจ้าเป็นเด็กดีคนหนึ่ง!” เย่ว์ซานพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม
“ท่านประมุขตระกูล, พรุ่งนี้เล่าเรื่องอื่นให้เราฟังอีกได้ไหม!” หลิวเย่ต้องการฟังเย่ว์ซานเพราะนางรู้สึกเห็นใจที่เย่ว์ซานเดียวดายแต่เป่าเอ๋อกลับติดใจเรื่องของเขานางขอให้เย่ว์ซานเล่าเรื่องให้พวกนางฟังในวันพรุ่งนี้อีก
“พรุ่งนี้.. ข้าอาจจะยุ่งอยู่บ้างแล้วข้าจะเล่าให้ฟังเมื่อมีโอกาส พวกเจ้าทั้งสองคนเป็นเด็กดีกันทั้งนั้น ต้องขยันให้ดีต่อไปจะได้มีความสุข!” เย่ว์ซานเงยหน้ามองฟ้า ดวงอาทิตย์ลอยสูงอยู่ทางทิศตะวันออก เขาลุกขึ้นและค่อยๆ เดินห่างออกมา แสงสีทองสาดฉายต้องทั่วร่างของเขาหลังจากเดินออกมาได้ระยะหนึ่ง จู่ๆเขาก็หันหน้ามายิ้มอย่างจริงใจและโบกมือให้หลิวเย่ “หลิวเย่, ช่วยทักทายอาจารย์หนิงแทนข้าด้วยนะ! ลาก่อน!”
“ค่ะ, ลาก่อน!” หลิวเย่พยักหน้าอย่างว่าง่าย
มีประกายความสับสนอยู่ในความคิดนาง เป็นไปได้ไหมว่าเย่ว์ซานจะรู้จักอาจารย์ของนางจริงๆ? อย่างไรก็ตาม ความคิดนี้หายไปอย่างรวดเร็ว ช่างเถอะไม่ใช่เรื่องสำคัญขนาดนั้น!