ตอนที่ 618 ถลึงตามองต่างคนต่างจนปัญญา
“บึ้ม...”
แม้ลูกเรือทั้งหมดพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อจะช่วยเหลือเรือสำราญลอยฟ้า แต่เรือที่อยู่ในอากาศก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้ในที่สุด
มันแตกหักสองส่วนในกลางท้องฟ้าเบื้องบน
เรือเอียงห้อยเหมือนกับกระบี่ปากฉลาม
ในที่สุด มันก็ร่วงลงตรงกลางทะเลสาบกินคน
ม่านพลังลมที่แต่เดิมยังมีอยู่บ้างพังสลายไปทันทีที่เรือผ่านเข้าเขตแดนมรณะ(หมายถึงทะเลสาบ) เมื่อไม่มีม่านพลังลมป้องกัน ชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนและเครื่องมือที่อยู่บนเรือถูกเหวี่ยงกระจายทั่วอากาศ ดาดฟ้าที่กระแทกกับผิวน้ำเกิดเสียงลั่นน่ากลัวและแตกระเบิดเป็นชิ้นๆจากแรงกระแทกผิวน้ำสร้างคลื่นน้ำมหึมาน้ำในทะเลสาบทะลักเข้ามาในเรือและมีเสียงระเบิดบึ้ม แรงกระเซ็นของน้ำพุ่งขึ้นสูงถึงหนึ่งกิโลเมตร ทั่วทั้งทะเลสาบเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดยักษ์กำลังกลืนกินเรือสำราญด้วยความละโมบ ผู้โดยสารหลบหนีไปไกลแล้วขณะที่สมาชิกลูกเรือยังคงอาลัยอาวรณ์ที่จะหนีออกจากเรือในช่วงสุดท้ายต่างจ้องมองดูเรือที่กำลังจมลงอย่างช้าๆ
โจรตัวตลกฉวยโอกาสจากสถานการณ์ หนีเข้าไปในเรือด้วยความเร็วราวกับแสง พยายามจะหลบจากการโจมตีของเย่ว์หยาง
เสี่ยวโฉ่วจอมเจ้าเล่ห์ฉวยโอกาสใช้เงาเรือคุ้มครอง
“มาเร็วเข้า!” เสี่ยวโฉ่วตะโกนก้องในท้องฟ้า เขาเข้ามาจากตรงกลางลำเรือและไปออกอีกข้างหนึ่ง เขาฉวยโอกาสสูดลมหายใจขณะที่เย่ว์หยางไม่มีเวลาไล่กวดต่อ
จากนั้นเสียงตะโกนของเสี่ยวโฉ่วกระตุ้นให้มนุษย์โครงกระดูกและจอมปีศาจจื้อกวงตื่นจากอาการตกใจ
มนุษย์โครงกระดูกและจอมปีศาจจื้อกวงปล่อยไม่สนใจสาวยักษ์ทันทีและเหาะลงมาช่วยเสี่ยวโฉ่ว จากนั้นหลงเสียงลอบถอนหายใจและโจมตีใส่สาวยักษ์ซึ่งขัดกับเจตนาของเขาเอง คือตรึงศัตรูที่แข็งแกร่งนี่ไว้ การต่อสู้วันนี้คือสิ่งที่หลงเสียงหวังว่าจะไม่มีทางเกิดขึ้น แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ในฐานะเป็นพันธมิตรชั่วคราวกับเสี่ยวโฉ่ว
ในฐานะราชองครักษ์ผู้มีใจเป็นธรรม หลงเสียงไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของเจ้านายเขาได้และไม่สามารถทิ้งพันธมิตรของเขาได้เช่นกัน
แม้ว่าจะต้องหมายถึงขัดกับหลักการของเขาเองก็ตาม
ฝู่โถวที่แกล้งเป็นบาดเจ็บหนักลอบกระซิบกับนักสู้ปราณฟ้าอีกสองคนดูเหมือนว่าพวกเขาจะถกเถียงโต้แย้งกัน
“ความจริงเจ้าเป็นนักสู้ปราณฟ้าแต่แกล้งปลอมตัวเป็นคนธรรมดา เจ้าเด็กเจ้าเล่ห์” จอมปีศาจจื้อกวงคิดว่าเย่ว์หยางไม่ใช่แค่คนธรรมดา เขาต้องใช้พลังพิเศษบางอย่างปกปิดสถานะนักสู้ปราณฟ้าแต่เดิมด้วยฐานะนักสู้ปราณดิน ถ้าไม่ใช่แบบนั้นทุกคนคงไม่หลงกลติดกับเป็นแน่ และเสี่ยวโฉ่วคงไม่พาตัวเองตกอยู่สถานการณ์ที่น่าสมเพชนั้นเป็นแน่ สำหรับเย่ว์หยางแล้ว จอมปีศาจจื้อกวงไม่สามารถอดกลั้นได้และเขาเริ่มต้นโจมตีทันที แสงสีทองพันหุ้มอยู่ในมือของเขาและด้ายพลังเหมือนเส้นไหมนับไม่ถ้วนแผ่พุ่งออกมาหาเย่ว์หยางราวกับมีชีวิตนั่นคือทักษะแฝงเร้นธรรมชาติใยไหมเกลียวของจอมปีศาจจื้อกวงมันคล้ายกับทักษะพันธนาการของเสี่ยวเหวินหลี แต่ว่าแตกต่างกัน
นี่คือทักษะแฝงเร้นใยไหมเกลียวมีขีดจำกัดอยู่แค่เพียงใช้กักร่างหรืออาวุธของศัตรู
มีผลเด่นชัดในการต่อสู้ระยะประชิด
ไม่มีผลต่อจิตและวิญญาณของศัตรู ไม่สามารถควบคุมศัตรูได้อย่างแท้จริง แต่ใช้แค่ผูกหรือมัดร่างด้วยใยไหมที่แข็งแกร่ง...ถ้าระดับของศัตรูต่ำกว่าจอมปีศาจจื้อกวง อย่างนั้นใยไหมเกลียวนี้จะมีอันตรายมาก ถ้าศัตรูแข็งแกร่งกว่าจอมปีศาจจื้อกวง อย่างนั้นมันจะช่วยทำให้ศัตรูไขว้เขวและเปิดโอกาสให้เขาฉวยประโยชน์ได้
เย่ว์หยางสามารถบอกลักษณะเฉพาะของทักษะแฝงเร้นใยไหมเกลียวด้วยเพียงการมองเท่านั้น จากนั้นเขาเตะใส่เสี่ยวโฉ่วอย่างไม่ปราณีและใช้แรงสะท้อนกลับหลบหนีได้
มนุษย์กระดูกราเชลที่ด้านหลังกวัดแกว่งดาบพิลาปฟันใส่เย่ว์หยางอย่างดุดันขณะที่เขาหลบใยไหมเกลียว ฟันได้สมบูรณ์แบบ ท่าโจมตีนี้เลียนแบบท่าฟันที่สมบูรณ์แบบของเย่ว์หยาง และทำได้ค่อนข้างดีเลียนแบบได้เหมือนถึงแปดในสิบส่วน
“เจ้าต้องเบื่อหน่ายชีวิตเป็นแน่” เย่ว์หยางไม่รับท่าฟันโดยตรง แต่กลับใช้ทักษะพันธนาการของเสี่ยวเหวินหลี ในท่าแช่แข็งมันอยู่กับที่นั้นเอง เย่ว์หยางใช้ดาบเทาเถี้ยแทงเพดานปากบนและล่างของราเชลโจมตีใส่เพลิงวิญญาณที่ฟันสองแถวคอยปกป้องอยู่ ราเชลตกตะลึง แต่โชคดีที่ทักษะแฝงเร้นพันธนาการมีผลแค่เพียงวินาทีเดียวมันรู้ตัวและยอมยกเลิกการโจมตีของมันทันที มันรีบใช้ฟันงับดาบเทาเถี้ยระหว่างซอกฟันขณะที่หลบหนีจากท่าฟันของดาบเทาเถี้ยของเย่ว์หยางทันที
ฟันทั้งสองแถวที่ดูโยกคลอน แต่พอถึงเวลาต่อสู้มันกลับแข็งแรงอย่างคาดไม่ถึง
เย่ว์หยางระเบิดพลังที่ยิ่งใหญ่ออกมาและยังคงแทงต่อไป
แต่เขาก็ยังไม่สามารถผลักดันได้แต่อย่างใด
ตรงกันข้ามกับมนุษย์กระดูกราเชลเชื่อมั่นกระดูกของมันมันไม่เคยคิดว่าจุดอ่อนของมันจะถูกศัตรูพบเห็นในการเคลื่อนไหวครั้งเดียว และศัตรูผู้นั้นคงต้องการแทงไฟวิญญาณของมันแน่นอน
มันพยายามถอยหลังและปัดป่ายพลังแทงของเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตาม จอมปีศาจจื้อกวงที่ด้านหลังก็ไม่ยอมหยุดไล่ตามเขาสะบัดใยไหมเกลียวนับไม่ถ้วนเพื่อไล่จับเย่ว์หยางให้ได้
แต่มนุษย์กระดูกราเชลกลับถอยหนีอย่างสุดฝีเท้าแม้เป็นอย่างนั้นจอมปีศาจจื้อกวงก็ไม่สามารถไล่ตามได้ทัน จอมปีศาจจื้อกวงได้แต่สบถด่าในใจเรียกราเชลไอ้ขี้ขลาด ถ้าเพียงแต่มันหยุดเท่านั้น ขอเพียงแค่วินาทีเดียวใยไหมเกลียวก็จะสามารถรัดจัดการศัตรูได้ เขาตะโกนลั่นขณะไล่ตาม “วนไปทางซ้าย เคลื่อนที่วนมาทางเรา ไม่ไปทางซ้ายอีกสิเฮ้ย..”
มนุษย์กระดูกจื้อกวงก็สบถด่าอยู่ในใจเหมือนกัน ถ้ามันยอมฟังเขา ก็เท่ากับหาที่ตายชัดๆ
ทำไมเจ้าไม่ปล่อยให้คนใช้มีดแทงปากของเจ้าบ้างเล่า?
วนน่ะหรือ?
ถุย!
น่าเสียดายที่มันไม่สามารถส่งเสียงสบถออกมาได้ ถ้าไม่อย่างนั้น มันก็คงโดนจอมปีศาจจื้อกวงระดมสบถด่าใส่เช่นกัน
สถานการณ์การต่อสู้ตอนนี้กลายเป็นเหตุการณ์ตลกอีกครั้ง มนุษย์กระดูกราเชลมีดาบเล่มเล็กไว้สู้กับเย่ว์หยางขณะเดียวกันก็ถอยไปด้วย ดาบเทาเถี้ยยังเสียบอยู่ที่ปากของมันที่ด้านหลังเย่ว์หยางมีจอมปีศาจจื้อกวงที่ทรงพลังมากกว่าแต่เนื่องจากมีความเร็วเป็นรองจึงได้แต่มองอย่างจนใจไม่สามารถช่วยสถานการณ์ได้เลย ราเชลเองก็ไม่กล้าเสี่ยงรับท่าเสียบทะลุวิญญาณของเย่ว์หยางแน่นอน สถานการณ์จึงอยู่ในลักษณะยันกัน
มีเงาร่างสามร่างอยู่ในท้องฟ้ากำลังร่อนลงมาเหมือนกับนกยักษ์
พวกเขาคือฝู่โถวและนักสู้ปราณฟ้าอีกสองคนก่อนนั้น ทั้งสามคนคำนวณเวลาและเข้ามาแทรกตรงกลาง
สิ่งที่เร็วกว่าพวกเขาก็คือสาวยักษ์ผู้ที่เอาชนะหลงเสียงได้เพราะเขาไม่ได้สู้สุดกำลังหลงเสียงถูกทุบจนเกราะของเขาแตกและจากนั้นก็ถอยกลับอย่างน่าสังเวช สาวยักษ์มาถึงทันเวลาเหมือนกับเทพธิดาศึก นางเหยียดแขนมหึมาออกและด้วยแขนเพียงข้างเดียวก็กวาดโจมตีใส่นักสู้ปราณฟ้าทั้งสามคนโดยตรงแขนอีกข้างหนึ่งรวบกำปั้นทุบใส่ศีรษะของราเชลอย่างดุดัน และเกือบฆ่าราเชลได้ทันทีเพลิงวิญญาณของเขาเกือบดับไป ใยไหมเกลียวนับไม่ถ้วนเหมือนกับมีชีวิตกระโจนหาร่างของสาวยักษ์ทันที สาวยักษ์ส่งเสียงคำรามใช้หมัดทุบใส่จอมปีศาจจื้อกวง เพียงคลื่นพลังจากแขนทั้งสองใยไหมที่แข็งกระด้างเกือบจะหลุดจากจากกัน
เสี่ยวโฉ่วเพิ่งพักหายใจเสร็จก็ตามมาถึงจนได้
เขาป้องกันเย่ว์หยางผู้ใช้มีดสังหารเทพช่วยสาวยักษ์จากใยไหมในช่วงวินาทีเดียวเขาเตะออกไปเป็นร้อยครั้ง
เย่ว์หยางไม่ขยับสักนิ้ว ยืนป้องกันอยู่ด้านหลังสาวยักษ์
ราเชลยังใช้ปากงับดาบเทาเถี้ยไว้แน่นส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยางเพียงน้อยนิด แม้ว่าเป็นเช่นนั้นการสู้ด้วยพลังเท้ากับเสี่ยวโฉ่วก็เป็นเรื่องยากเหมือนกัน ในทางตรงกันข้าม เขาใช้ดาบจันทร์เสี้ยวสู้กับดาบพิลาปของราเชลจอมพลเกราะทองหลงเสียงยังคงลังเลเล็กน้อยที่จะโจมตีศัตรูในสถานการณ์ที่เปราะบางในส่วนลึกจิตใจเขายังภูมิใจและมีเกียรติ
นั่นเว้นแต่พันธมิตรของเขาตกอยู่ในอันตราย
ดังนั้น เขาตัดสินใจสังเกตการณ์ต่อครู่หนึ่ง
จอมปีศาจจื้อกวงกลับตรงกันข้าม ไม่มีความกังวลใจเช่นนั้นเลย ด้วยการหมุนควงแขนอย่างทรงพลัง ใยไหมที่เย่ว์หยางตัดออกไปกลับฟื้นขึ้นมาอย่างกับมีปาฏิหาริย์และรวมตัวเป็นเชือกไหมยักษ์เหมือนกับงู มันรัดรอบตัวของสาวยักษ์ไว้
“ไปซะ ปล่อยข้าไว้อย่างนี้!” สาวยักษ์กระโดดขึ้นฟ้า กล้ามเนื้อของนางยืดหยุ่นและทรงพลังมากกว่าเดิม เชือกไหมยักษ์ยิ่งรัดแน่นมากขึ้น
ในการระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวนั้น ทั้งเย่ว์หยางและเสี่ยวโฉ่วถูกแรงระเบิดที่สาวยักษ์สร้างขึ้นอัดกระเด็น เนื่องจากพวกเขาทั้งสองไม่สามารถตั้งตัวได้ทัน เชือกไหมยักษ์ที่จอมปีศาจจื้อกวงเชื่อมั่นว่าแม้แต่ไตตันไม่สามารถทำลายหลุดออกมาได้ แรงระเบิดทำให้จอมปีศาจจื้อกวงที่ใช้ทักษะของเขาเต็มที่หลั่งโลหิตออกจากปากและเกิดความเจ็บปวดที่ข้อต่อนิ้วราวกับว่ามันหัก
ราเชลซึ่งปล่อยการงับดาบเทาเถี้ยเตรียมใช้ท่าฟันที่คาดไม่ถึงกลับส่งเสียงร้องอย่างหวาดผวาเมื่อเห็นว่านางหลุดพ้นจากเชือกไหมยักษ์ออกมาได้
เขาหมุนตัวและเผ่นหนีทันที
มันน่ากลัวมาก ใครจะสามารถต้านทานแรงอำมหิตนั้นได้?
ขณะที่มนุษย์กระดูกราเชลเผ่นหนี มันเห็นเย่ว์หยางกลับตัวเตะใส่มันจากนั้นราเชลพบว่าเขากระเด็นกลับมาอยู่ที่ข้างตัวสาวยักษ์อีกครั้ง
“จะหนีหรือ? ข้าจะให้เจ้าหนีซะให้พอใจเลย!” สาวยักษ์จับมนุษย์กระดูกราเชลและกดลงบนกะโหลกเขาจากนั้นจับจอมปีศาจจื้อกวงที่พยายามจะหลบหนีไปอีกด้านหนึ่งนี่คือความสามารถพิเศษที่มังกรโบราณมีมาตั้งแต่เกิด กรงเล็บมังกร จอมปีศาจจื้อกวงรู้ว่าสถานการณ์กลับกลายเลวร้ายเมื่อเขาเห็นภาพมังกรโบราณปรากฏในท้องฟ้าและกรงเล็บยักษ์พุ่งตรงมาหาเขาจากท้องฟ้าว่างเปล่าเขารีบใช้ไหมห่อตัวจนเหมือนกับดักแด้ไหมป้องกันตัวเอง
อย่างไรก็ตาม สายเกินไปเสียแล้ว
ศีรษะล้านเลี่ยนของเขาถูกสาวยักษ์จับเอาไว้ได้ ตอนนี้นางมีหัวอยู่ในมือข้างหนึ่งและหัวของมนุษย์โครงกระดูกอยู่อีกข้างหนึ่ง
จากนั้นนางเอาหัวทั้งสองโขกเข้าหากันพลางตะโกนลั่นเหมือนเสียงฟ้าผ่า
ในท่ามกลางแรงอัดปะทะสะท้านโลกแรงระเบิดทำให้เกิดคลื่นทะเลสาบยกตัวขึ้นสูงถึงสิบเมตร กระแสอากาศที่ระเบิดปั่นป่วนไปทั่วพื้นที่ต่อสู้
จอมปีศาจจื้อกวงเลือดออกจากตา หู จมูกและปาก และตกอยู่ในสภาพมึนงง ตาของเขาเหลือกกลับไปที่ด้านหลัง เขาร่วงลงไปในทะเลสาบก่อนไม่สามารถยับยั้งร่างกายให้ลอยอยู่ในกลางอากาศได้ เทียบกับเขาแล้ว มนุษย์โครงกระดูกราเชลหนักยิ่งกว่าฟันของมันถูกกระแทกหลุดออกจากปากร่วงลงพื้นทั้งหมดและค่อนข้างแน่ว่ามันคงไม่มีทางหาพบได้อีกกะโหลกที่แข็งแรงแทบไม่มีอะไรเจาะได้มีรอยแตกมากมาย ไฟวิญญาณภายในค่อยสลัวและมืดลง
เสี่ยวโฉ่วพอเห็นว่าสถานการณ์เลวร้าย ก็หนีออกจากสนามรบทันที
เขาสามารถบอกได้ว่าสาวยักษ์กำลังใช้พลังชีวิตอย่างเกินพิกัด นางใช้พลังชีวิตมาเสริมพลังต่อสู้นางจะมีสภาพไร้เทียมทานอย่างนั้นชั่วขณะ ถ้าเขาตกอยู่ในเงื้อมมือนาง เขาเชื่อว่าเขาจะไม่สามารถรักษากระดูกได้แม้แต่ชิ้นเดียว
ในทางตรงกันข้ามหลงเสียงโจมตีใส่เย่ว์หยางทันทีป้องกันไม่ให้เขาฆ่าฝู่โถวและนักสู้ปราณฟ้าอีกสองคน
“เจ้าช้าเกินไป!” เย่ว์หยางไถลตัวออกมาจากตาข่ายใบมีดของหลงเสียงเหมือนกับปลาว่ายน้ำ แม้ว่าดาบของหลงเสียงจะโจมตีเป็นร้อยในการฟันครั้งเดียวแต่ก็เป็นอาการบาดเจ็บผิวเผินไม่มีอะไรสำคัญ เย่ว์หยางพุ่งวาบผ่านข้างตัวหลงเสียงหลงเสียงเอียงตัว ทำให้เกิดรอยหมัดลึกอยู่บนอกของเขา หมัดนั้นทำลายแนวป้องกันของเกราะทองทำลายพลังป้องกันร่างกายและทะลวงเข้าอวัยวะภายในของเขาสร้างความเจ็บปวดทรมานให้เขา
หลงเสียงรู้ได้ทันที หรือว่าแม้แต่เขาก็ไม่ใช่คู่มือของเย่ว์หยาง?
ในฐานะที่เป็นอัศวินหลวงผู้เชื่อมั่นนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของหลงเสียงที่เกิดความสงสัยในความสามารถของตนเอง เขาตระหนักได้บางอย่างความเร็วของคู่ต่อสู้ไวมาก แม้เห็นอย่างผิวเผินว่าเขาต่อยเพียงหมัดเดียว แต่ในความเป็นจริงต้องไม่น้อยกว่าพันหมัดแน่นอนมิฉะนั้นคงเป็นไม่ได้ที่จะสร้างผลกระทบเช่นนั้น
เทียบกับหมัดพันชั้นของคู่ต่อสู้แล้ว เขาคงทำได้เพียงแค่ห้าร้อยหมัด เขาคงปล่อยได้ห้าร้อยแปดสิบแปดหมัดและถูกเป้าหมายเพียงสามร้อยสองหมัด
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่ต่อยหมัด แต่หนีไปไม่สู้เล่า?
เขาจะสามารถโจมตีเขาได้หรือไม่?
หลงเสียงอดหลั่งเหงื่อเยียบเย็นไม่ได้จากความตกใจของอาการความคิดนี้
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้หมด” เย่ว์หยางตั้งท่าเตรียมพร้อมใช้การโจมตีที่หนักหน่วงถล่มทลายดิน ฝู่โถวคนทรยศและนักสู้ปราณฟ้าอีกสองคนหวาดกลัวจนต้องการจะหนีไปทันที
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางไม่ได้โจมตี เขากลับเหวี่ยงโซ่ล่ามเทพและใช้มัดสาวยักษ์ซึ่งยังคงเสริมพลังชีวิตและเตรียมตัวใช้ชีวิตนางสู้ตายเขาใช้ปลายดาบโจมตีเปลี่ยนกระแสอากาศตัดมิติขาดในพริบตาคลื่นทะเลสาบพุ่งสูงขึ้นมาพันเมตร เย่ว์หยางและสาวยักษ์ตรงเข้าไปในคลื่นดูเหมือนว่าพวกเขาจะเข้าไปในรอยแยกมิติ และหายไปในพริบตา
จากนั้นเสี่ยวโฉ่วจึงเข้าใจ เย่ว์หยางไม่เคยตั้งใจทุ่มเทสู้ แต่เขาคิดแต่เพียงหลบหนี เสี่ยวโฉ่วนึกเสียใจทันที
เมื่อเวลาผ่านไป เขาวิ่งกลับมา เขาจะหาร่องรอยของเย่ว์หยางและสาวยักษ์ได้จากที่ไหน?
จอมปีศาจจื้อกวงเพียงแต่มาคอยวนเวียนหลังจากร่วงลงผิวน้ำเขากุมหัวและครางด้วยความเจ็บปวด “ช่างก่อนเถอะ, อย่าเพิ่งไล่ตามเลย, ลี่เยี่ยนโดนพิษเชื้อมังกรทำร้าย นางจะต้องตายแน่นอน ถ้าเรายังไล่ตามนางเราจะต้องเสียสละคนไปอย่างสูญเปล่า”
“ถูกแล้ว การปรากฏตัวของเจ้านั่นเป็นแค่เพียงอุบัติเหตุ โชคดีที่แผนฆ่าลี่เยี่ยนของเราสำเร็จลงได้”มนุษย์โครงกระดูกราเชลที่มีฟันหักเหลือติดปากอยู่เพียงไม่กี่ซี่นับฟันที่หักอย่างขมขื่นใจ มันตามเก็บฟันกลับคืน แม้ว่าจะสู้ต่อไป แต่กำลังใจของมันเสียหายอย่างหนักเพราะสาวยักษ์ทุบหัวมันทำให้มันไม่คิดตั้งใจสู้อีก
“....” เสี่ยวโฉ่วกำลังโกรธเกรี้ยว เขารู้สึกว่าเย่ว์หยางและสาวยักษ์ต้องหนีไปได้ไม่ไกล แต่พันธมิตรของเขาทุกคนไม่มีความตั้งใจจะสู้ต่อไป และถ้าเขามีตัวคนเดียวเขาคงไม่สามารถทำอะไรศัตรูของเขาได้ เขาได้แต่โกรธโดยไม่สามารถทำอะไรได้ เขาบีบนิ้วยาวและกำหมัดแน่นสูดหายใจลึก หลังจากสงบอารมณ์ได้แล้ว เขาพูดช้าๆ “นั่นไม่ใช่การเทเลพอร์ต เจ้านั่นเพียงแต่สร้างภาพหลอก จากการประเมินของข้าเจ้านั่นกับลี่เยี่ยนจะต้องอยู่ในบริเวณใกล้เคียง พวกมันอาจจะซ่อนตัวอยู่ที่ก้นทะเลสาบก็ได้ ข้าขอเสนอว่าเราอยู่ที่นี่กันสักครู่และใช้เวลาค้นหา สำหรับความเสียหายข้าจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ สรุปก็คือประโยคเดียว ข้าจะไม่ยอมยกเลิกจนกว่าจะเห็นศพของลี่เยี่ยน”
“ถ้าการค้นหาจำกัดอยู่แค่บริเวณใกล้เคียง อย่างนั้นเราก็แค่อยู่ต่ออีกสักหน่อย” มนุษย์โครงกระดูกราเชลและจอมปีศาจจื้อกวงตัดสินใจอยู่ต่อหลังจากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
หลงเสียงตัดสินใจอยู่ต่อเช่นกัน
อย่างก็ตามกองกำลังกริฟฟินสายฟ้าต้องคุ้มครองผู้โดยสารและลูกเรือที่บาดเจ็บออกไปเช่นกัน
นำโดยขุนพลเกราะเงินมากกว่าสิบคน ขบวนที่สง่างามก็เดินทางห่างออกไป สมาชิกลูกเรือและหน่วยรักษาความปลอดภัยประจำเรือและมีบางคนตายอย่างโชคร้าย แต่โดยรวมนับว่าไม่เลว คนส่วนใหญ่ถูกกองกำลังกริฟฟินสายฟ้าช่วยไว้ได้
ในท่ามกลางฝูงชนมังกรตาเดียวเปลี่ยนเครื่องแต่งกายของเขาอย่างรวดเร็วและทหารรับจ้างร่างผอมและลูกเรือลอบปนเข้าไปในกลุ่มผู้โดยสาร
พวกเขาหันกลับมามองทะเลสาบอย่างเศร้าใจ
ขณะที่จากไปพร้อมกับกลุ่ม
สมาชิกกลุ่มโจรกระดูกดำและกลุ่มโจรตัวตลกนับไม่ถ้วนคอยลาดตระเวณอยู่ตามพื้นผิวทะเลสาบ
ตามข้ออ้างของเสี่ยวโฉ่ว ท่าฟันครั้งสุดท้ายของเย่ว์หยางไม่ได้ฟันเพื่อเปิดมิติแน่นอนแต่เป็นการฟันเพื่อเปิดผิวทะเลสาบเขตแดนมรณะจากนั้นเขาหลบลงไปพร้อมกับสาวยักษ์และซ่อนตัวอยู่ก้นบึ้งทะเลสาบ
นั่นเป็นเรื่องจริงแน่นอน
ที่ก้นทะเลสาบ เย่ว์หยางและสาวยักษ์ต่างคนต่างมองหน้าอย่างโกรธเกรี้ยว
เป็นการจ้องอย่างจนใจทำอะไรไม่ได้!
ทั้งสองคนมีความสามารถมองเห็นในที่มืดในก้นทะเลสาบที่มืดมิดไม่ได้มีพวกเขาเพียงสองคน
เหตุผลเบื้องหลังที่เย่ว์หยางและสาวยักษ์ต่างโกรธถลึงตาใส่กันเป็นเรื่องง่ายมากสาวยักษ์ไม่ยอมรับการกระทำของเย่ว์หยาง นางคิดว่านางเป็นพี่ใหญ่ และว่าเย่ว์หยางต้องฟังนาง แม้ว่าเขาไม่ยอมฟังเขาก็ไม่ควรห้ามมิให้นางสู้ ขณะเดียวกันเย่ว์หยางก็รู้สึกว่าสาวยักษ์ไม่ใช่ยืดหยุ่นคล้อยตามและว่าคนโง่ควรจะฟังคนฉลาด แน่นอนนางควรจะฟังเขา ไม่สำคัญว่าจะเป็นหัวหน้าหรือผู้นำกลุ่ม
“ข้าได้รับพิษเชื้อมังกรไปแล้ว ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นาน แล้วข้าจะไม่สู้ให้สมใจก่อนตายได้ยังไง?” สาวยักษ์จ้องเย่ว์หยาง
“ใช้สมองที่เจ้าละเลยคิดดูบ้าง ข้าจะช่วยคนตายมาทำไม? ช่างเถอะเจ้าไม่ต้องคิดดีกว่า สิ่งเดียวที่เจ้าต้องทำก็คือฟังและทำตามคำสั่งข้า ถ้าข้าสั่งเจ้าให้ไปทางตะวันออก เจ้าจะไปตะวันตกไม่ได้ ถ้าข้าขอให้เจ้ายืน เจ้าจะนั่งกับพื้นไม่ได้เข้าใจไหม?” เย่ว์หยางจ้องมองสาวยักษ์พร้อมกับคิดว่าถ้าสาวยักษ์มีทักษะต่อสู้ที่ดีแต่ไม่ยอมยืดหยุ่นเลย และถ้านางยอมฟังคำสั่งเขาแต่โดยดี นางจะมีคุณสมบัติเป็นนักสู้ได้อย่างอิสระ ขณะที่เรื่องเพศ เราลืมไปก่อน นางไม่ใช่สตรีแต่เป็นคนเถื่อน
เนื่องจากนางเป็นคนเถื่อน มีสมองที่สร้างจากกล้ามเนื้อ จะกังวลเรื่องเพศไปทำไม?
ไม่จำเป็นเลย!
แน่นอน เย่ว์หยางไม่สนใจเรื่องเพศของสาวยักษ์...