ตอนที่ 28 ศพสีดำและหมอกสีดำ
ตอนที่ 28 ศพสีดำและหมอกสีดำ
“นี่มันบ้าอะไร” เรนตกใจมาก เรนรีบใช้แหวนพลังตรวจสอบในทันที
“หมอกสีดำเกิดจากศพสีดำ ผลที่มนุษย์ได้รับมากพอเปลี่ยนให้กลายเป็นผู้ติดเชื้อ” แหวนพลังตอบเรน
เรนตื่นตกใจมากเขารีบกลั้นหายใจในทันที ไม่ใช่เรนที่โดนหมอกสีดำปกคลุม แต่เป็นทั้งห้องแห่งนี้
“แค่ก! ๆ ๆ หมอกพวกนี้มันอะไร” จ่าวัฒน์พยายามใช้แขนปัดหมอกสีดำให้ออกไป แต่มันไม่เป็นผล หมอกยังคงลอยเข้ามาใกล้จ่าวัฒน์
“จ่า ช่วยผมด้วย” เสียงเดฟร้องเรียกจ่า
จ่าวัฒน์ได้ยินดีรีบเดินเข้าไปดูท่ามกลางความมืดของหมอก เขาเห็นแค่ในระยะ 2-3 เมตรเท่านั้น เพราะหมอกสีดำมันมืดและหนาแน่นมาก
พอไปถึงก็พบว่าสภาพของเดฟแปลกไป ดวงตาของเดฟเปลี่ยนเป็นสีแดง ร่างกายมีเส้นสีดำปรากฏขึ้นมา
“กลายร่าง!” จ่าวัฒน์เหมือนโดนน้ำเย็นยะเยือกสาดเข้าใส่สมอง เขาเหมือนตกใจจนโดนแช่แข็ง หมอกสีดำพวกนี้เปลี่ยนคนให้กลายเป็นผู้ติดเชื้อ
“จ่า ช่วยผมด้วย” เดฟกลายเป็นผู้ติดเชื้ออย่างรวดเร็ว เขาลุกขึ้นยื่นและเดินตรงไปหาจ่าวัฒน์
ปัง!
จ่าวัฒน์ยิงใส่ตัวของเดฟจนมันกระเด็นถอยหลังไป
จ่าวัฒน์กำลังจะยิงซ้ำ แต่เขารู้สึกแปลก ๆ การมองเห็นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง จ่าวัฒน์เอามือสัมผัสที่ขอบตา ก็พบว่ามีเลือดไหลออกมา เขายังเห็นอีกว่ามือตัวเองมีเส้นสีดำปรากฏขึ้นมา
“ไม่นะ ไม่ฉันจะไม่ตายแบบนี้” จ่าวัฒน์รีบหันหลังกลับวิ่งไปที่ประตู แต่เขาก็พบว่าประตูมันล็อก จ่าวัฒน์นึกขึ้นมาได้ในความทรงจำสุดท้าย ว่าบัตรใช้เปิดประตูนั้นอยู่กับเรน
“บัตรเปิดประตู” จ่าวัฒน์กรีดร้องออกมาก่อนจะล้มใส่พื้นห้องแน่นิ่งไป
ร่างของเขากระตุกสองสามครั้ง ก่อนจะฟื้นกลับมาด้วยดวงตาที่แดงฉานและพยายามทุบประตูตามสัญชาตญาณสุดท้ายของตนเอง
“เดฟเหรอ” เรนพยายามเดินไปยังทางออก เขาก็พบกับผู้ติดเชื้อที่ยืนอยู่ มันคือเดฟ เดฟได้ยินเสียงฝีเท้าของเรนเดินมา มันหันขวับไปหาเรนในทันที
เรนกลั้นหายใจและใช้รูนิกปืนยิงใส่หัวของผู้ติดเชื้อเดฟในทันที
ปัง!
หัวของผู้ติดเชื้อเดฟระเบิดกระจุยด้วยกระสุนลูก 9 เรนกำลังเดินต่อ เขาก็พบว่าด้านหน้านั้นมีผู้ติดเชื้ออยู่อีกตัว มันคือจ่าวัฒน์
“บัตรเปิดประตู” ผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์หันมามองข้างหลังด้วยดวงตาที่เริ่มขุ่นมัว ใบหน้ามีแผลพุพองขึ้นเล็กน้อย ต่างจากผู้ติดเชื้อตัวอื่น ๆ ที่เคยเจอ
“บัตรเปิดประตู” ผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์สูดลมหายใจพยายามดมกลิ่น
เรนยกปืนขึ้นมาและกำลังจะยิง แต่เขาได้รับการเตือนจากลางสังหรณ์ว่ามันไม่ใช่จุดที่ดีที่สุด
ผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์ได้ยินเรนเคลื่อนไหว มันตรงเข้ามาหาเรนในทันที เรนเบี่ยงตัวหลบทำให้จ่าวัฒน์นั้นวิ่งผ่านตัวเขาไป
ปัง!
เรนยิงใส่หลังของผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์ ทำให้เป็นรูจนถึงด้านหน้า ผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์หันกลับมาในสภาพซี่โครงเปิดออก อวัยวะภายในอย่างปอดหายไปครั้งหนึ่ง
“บัตรเปิดประตู” ผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์กระโจนเข้าใส่เรน
เรนยิงใส่หัวของผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์จนหัวหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง แต่ผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์กลับยังไม่ตาย แม้สมองจะโดนยิงไปหลายครั้ง
เรนม้วนตัวหลบไปข้าง ๆ และหันกลับไปมอง ‘บ้าอะไรวะ’
ร่างของผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์เป็นแผลพุพองมากขึ้นเรื่อย ๆ จนผิวบริเวณนั้นลอกออก
‘หมอกมันเยอะมาก ฉันกลั้นหายใจไม่ไหวแล้ว’ เรนกลั้นหายใจจนหน้าเขียว สุดท้ายเขาก็ไม่อาจจะกลั้นหายใจไหว
“เฮือก!!!” เรนสูดเอาหมอกเข้าไปในปากเป็นจำนวนมาก ซึ่งร่างกายของเขาเป็นไปเอง พอรู้ตัวเรนรีบปิดปาก แต่สักพักเขาก็พบว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ทำไมถึงไม่เป็นอะไร” เรนเรนประหลาดใจที่เขาสูดลมหายใจเข้าไป แต่ไม่เป็นอะไร
“บัตรเปิดประตู” ผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์เหมือนจะคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ มันใช้มือของตัวเองลอกเอาผิวที่พุพองออกไปเรื่อย ๆ
“ไม่ดีแล้ว หรือเป็นเพราะหมอกสีดำ”
รูนิกลางสังหรณ์เตือนเรนถึงอันตรายจากผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์ เพราะมันเข้ามาโจมตีเรนอีกครั้งและทรงพลังเป็นอย่างมาก
เรนต้องจัดการปัญหาตรงหน้าก่อนที่มาคิดว่าทำไมเขาสูดเอาหมอกเข้าไปแล้วถึงไม่เป็นอะไร
“ตาย!” เรนตะโกนขึ้นมาพร้อมกับลั่นไกรูนิกปืนลูกซองยิงถล่มใส่ผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์ไม่ยั้ง เขายิงไปที่ขาของมันขาขาดทำให้มันเสียหลังล้มลง จากนั้นเรนก็ยิงซ้ำไปที่หัวจนหัวของผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์กระจุยกระจาย ร่างของผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์จึงหยุดเคลื่อนไหว
“มันตายแล้ว”
เรนใช้แหวนตรวจสอบมัน ก่อนจะพบว่าผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์ยังคงเป็นระยะแรกผู้ติดเชื้อเท่านั้น แต่ว่าสภาพของเขานั้นต่างออกไป ไม่ใช่ทั้งพวกที่ผู้ติดเชื้อพูดไม่ได้หรือผู้ติดเชื้อพูดได้ แต่เป็นแบบใหม่
“พวกผิวลอก” เรนตั้งชื่อให้กับผู้ติดเชื้อในสภาพแบบผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์ที่เขาเจอ
เรนละความสนใจจากผู้ติดเชื้อจ่าวัฒน์และหันมาสำรวจตัวเอง เขาพบว่าแม้จะสูดเอาหมอกสีดำที่สามารถเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นผู้ติดเชื้อเข้าไป แต่ตัวของเขากลับไม่เปลี่ยนร่างเป็นผู้ติดเชื้อ
ต่อให้สูดเอาหมอกสีดำเข้าไปมากขึ้น หมอกเหล่าพวกนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เหมือนเดิม
“ภูมิต้านเชื้อได้เองตามธรรมชาติ” เรนนึกย้อนไปถึงคำบอกเล่าของร้อยเอกก้อง
ปรากฏว่าเขามีภูมิต้านเชื้อได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งหมายความว่าต่อให้โดนผู้ติดเชื้อกันหรือได้รับเชื้อเข้าไป เรนก็ไม่เป็นอะไร
เขารู้สึกว่าตนเองนั้นช่างโชคดีจริง ๆ ของแบบนี้มันถูกกำหนดไว้ตั้งแต่เกิดมาแล้ว ดังนั้นถ้าไม่เรียกว่าโชคดีที่เกิดมามีภูมิต้านเชื้อได้เองตามธรรมชาติก็คงไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไร 'นี่คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมรูนิกลางสังหรณ์ถึงไม่เตือนเขา'
ในตอนแรกเรนกะว่าเขาจะรีบออกไป แต่ในเมื่อในเมื่อเขามีภูมิต้านเชื้อได้เองตามธรรมชาติที่ทนต่อหมอกสีดำในห้องได้ เรนก็เลือกจะอยู่ต่อ เพื่อสำรวจของในห้อง
เรนเริ่มจากเก็บของที่ออกมาจากตัวของจ่าวัฒน์ มันมีเหรียญทองระบบถึง 4 เหรียญและหินรูนิกเปล่าอีก 1 ชิ้น เรนเก็บพวกมันไป แต่ปืนของจ่าวัฒน์นั้นเสียหายจากการที่เรนใช้รูนิกปืนลูกซองยิงตัวของจ่าวัฒน์ เรนลองไปดูปืนของตำรวจเดฟคนนั้น ก็ต้องผิดหวังอีกครั้ง เพราะปืนนี่ก็พังเช่นกัน มันโดนยิง ซึ่งไม่ใช่ฝีมือของเขา ยังดีที่กระสุนส่วนใหญ่ยังไม่เป็นอะไร เรนโยนพวกกระสุนปืนลงไปรูนิกกล่องพลาสติก
เขาเริ่มสำรวจต่อเริ่มด้วยแฟ้มเอกสาร แม้จะโดนยิงจนเสียหาย แต่บางแผ่นก็ยังอ่านได้ เขาใส่มันลงไปในกล่องพลาสติกด้วย เพราะเอกสารพวกนี้ต้องมีข้อมูลสำคัญแน่นอน
หลังจากเก็บด้านบนเสร็จเรนก็ลงไปด้านล่าง เริ่มจากไปดูตู้มีหมอกออกมา แหวนพลังบอกว่าหมอกสีดำปรากฏขึ้นมาจากศพสีดำ
พอเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่ามันมีจริง ๆ สิ่งที่เรียกว่าศพสีดำ
เมื่อมองผ่านเข้าไปภายในแทงค์ทดลองด้านในมีสิ่งที่คล้ายกับร่างกายของมนุษย์ที่แห้งเหี่ยวเหมือนมัมมี่อยู่ครึ่งร่าง ร่างทั้งหมดเป็นสีดำมืดที่แทบจะไม่สะท้อนแสง ซึ่งทำให้เรนสังเกตมันยากมาก
เรนหรี่ตาจ้องไปที่ศพสีดำพร้อมกับเอาแสงส่องเข้าไป เขาก็พบว่ามีหมอกถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง เพียงแค่มันกำลังน้อยลงเรื่อย ๆ
“นี่นะเหรอศพสีดำ มันคือต้นกำเนิดของเชื้อบ้า ๆ นี่เหรอ มันมาจากไหนกัน” เรนเริ่มตั้งคำถามที่เขาก็ยังไม่มีคำตอบ
“เอ๊ะ!” เขาอุทานด้วยความตกใจ เพราะศพสีดำก็เริ่มผุพังลงหลังจากที่มันปลดปล่อยหมอกออกมาจนหมดและกี่วินาทีถัดมาศพสีดำก็กลายเป็นเถ้าถ่านกองหนึ่งเท่านั้น
“ตรวจสอบ” เรนลองตรวจสอบดูด้วยแหวนพลัง
“ร่างของศพสีดำ ไร้ค่า” แหวนพลังบอกกับเรน
‘นั้นหมายความว่าศพสีดำเพียงแค่ภาชนะที่บรรจุหมอกเท่านั้น ถ้าหมอกหมดมันก็จะสลายเป็นขี้เถ้าที่ไม่มีประโยชน์อะไร’ เรนตั้งนิยามให้มันตามข้อมูลที่รู้ไปก่อน
เขาสำรวจแทงค์ทดลองอันอื่น ๆ ก็พบว่าด้านในนั้นเป็นพวกชิ้นส่วนของสัตว์ป่าที่ไม่สมบูรณ์
“สัตว์ป่าอย่างนั้นเหรอ” เรนสงสัยว่าพวกเขาเอาพวกมันมาทำอะไร
เรนเดินดูไปเรื่อย ๆ ก็เจอเข้ากับตู้กระจกที่เก็บของจากระบบไว้ ซึ่งนำมาใช้ในการทดลอง มันต้องใช้บัตรในการเปิดเข้าไป ซึ่งในมือของเขามีอยู่
พอเปิดเข้าไปเรนก็เริ่มสำรวจดูของในตู้ที่เก็บของจากระบบไว้ ซึ่งมีหินรูนิกเปล่า 5 อัน หินอัพเกรด (1) 3 ชิ้น หินพลังธาตุดิน 1 ชิ้น หินธาตุโลหะ 1 ชิ้น หินธาตุไฟ 1 ชิ้น หินเติบโต 4 ชิ้น หินซ่อมแซมอีก 1 ชิ้น
ยังคงพบแหวนพลังอีก 2 วงด้วย เรนเก็บพวกมันมาทั้งหมดลงไปในกล่องพลาสติก
เขาดูตู้ต่อไป และพบว่าตู้นี้มีเพียงรูนิกชิ้นเดียวที่วางอยู่อย่างโดดเด่น เขาใช้บัตรเปิดตู้และหยิบออกมา
“เป็นรูนิกที่สร้างแล้ว” เรนลองใช้แหวนพลังตรวจสอบดูในทันที
“รูนิกหมีดำภูเขา (1) : 1 ขั้นไม่มี พลังงานที่ใช้ 1 หน่วยต่อชั่วโมง สภาวะแรก ‘จำลองพลัง’ ใช้พลังงาน 10 หน่วย สภาวะที่สอง ‘ผสานร่าง’ ใช้พลังงาน 20 หน่วย สภาวะที่สามหลอมรวมสมบูรณ์ใช้พลังงาน 30 หน่วย”
เรนมองดูข้อมูลที่แหวนพลังบอก เขาก็อึ้งไป เพราะรูนิกนี้คือสิ่งใหม่ที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน โดยเฉพาะสภาวะทั้งสามของรูนิก
พลังงานที่ใช้คือระยะเวลาเรียกใช้จะมากนานขึ้นอยู่กับพลังงานที่มี แต่สภาวะด้านหลังนั้นต่างออกไป
เขาลองถามแหวนพลังดูในทันที ซึ่งก็ได้ข้อมูลมาว่า...
ประเภทของรูนิกนั้นมีสองแบบแบ่งตามต้นแบบของรูนิก
ประเภทแรกคือ อุปกรณ์
ประเภท คือ ซากศพ
ซึ่งสภาวะพวกนี้จะพบในรูนิกที่เกิดจากการใช้ซากศพมาเป็นต้นแบบ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ หรือสิ่งที่เคยมีชีวิตอื่น ๆ ดังนั้นนอกจากการเรียกใช้ตามระยะเวลาที่ใช้พลังงานจ่ายไปแล้วมันยังมีการเพิ่มสภาวะในการใช้งานมาด้วย
สภาวะแรก จำลองพลัง เป็นหยิบยืมพลังมาส่วนหนึ่งจากรูนิกนั้น ร่างกายยังไม่เปลี่ยนเป็นสัตว์ตามต้นแบบรูนิกนั้น ๆ ชัดเจน
สภาวะที่สอง ผสานร่าง เป็นการเปลี่ยนร่างกายให้เป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ตามต้นแบบรูนิกนั้น ๆ ทำให้พลังเหมือนสัตว์ร้ายนั้น ๆ
สภาวะที่สาม สภาวะหลอมรวมสมบูรณ์ เตือนผู้ใช้วงแหวน สภาวะนี้อันตรายขั้นสุด หลังจากหลอมรวมแล้วจะเริ่มสูญเสียสติปัญญาสมบูรณ์ยากที่จะกลับคืนร่างมนุษย์เป็นสัตว์ต้นแบบรูนิกไปจริง ๆ การต่อสู้จะคงไว้เพียงแค่เจตจำนงที่แข็งแกร่งเท่านั้น
การเรียกใช้รูนิกซากศพจึงจำเป็นต้องมีพลังงานในการคงสถานะการเรียกใช้และมีพลังงานพอในการเปิดใช้สภาวะ
ตัวอย่างเช่น ถ้าผู้ใช้วงแหวนต้องการใช้รูนิกหมีดำภูเขาต้องใช้พลังงาน 1 หน่วยในการเรียกใช้ 1 ชั่วโมงและต้องมีพลังงาน 10 หน่วยในการเปิดใช้สภาวะแรกจำลองพลัง เท่ากับต้องมีพลังงานทั้งหมด 11 หน่วยในการใช้งาน 1 ชั่วโมงและถ้าจะใช้ชั่วโมงที่ 2 ติดต่อกันก็ต้องเสียพลังงาน 1 หน่วย แต่ไม่จำเป็นต้องเสียพลังงาน 10 หน่วยในการเปิดสภาะแรกอีก เพราะมันเปิดค้างอยู่แล้ว
ยกเว้นจะทำการเปิดสภาวะที่สอง ผสานร่างจะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นตามที่ระบุ
ข้อมูลนี้ทำให้เรนเข้าใจว่าพวกนักวิจัยที่นี่เอาศพของสัตว์มาเปลี่ยนให้เป็นต้นแบบรูนิกและใช้รูนิกซากหรือรูนิกสัตว์ขึ้นมา
เรนนึกไปถึงแฟ้มเอกสารที่ขาดครึ่งจากการโดนยัง เขาเอาออกมาและอ่านดูข้อมูลคร่าว ๆ จากหน้าแรกดูก็พบว่าเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ นักวิจัยพวกนี้ใช้สัตว์ป่าเป็นต้นแบบรูนิก ซึ่งมันสำเร็จด้วยบางส่วน โดยข้อมูลบอกว่าจะต้องเป็นสัตว์ที่อยู่ในระดับสัตว์ป่าที่มีร่างกายครบมากที่สุด ถึงจะมีอัตราการสร้างสำเร็จสูง
นอกจากเรื่องที่เอาสัตว์ป่ามาทำเป็นต้นแบบได้แล้ว เรนพบว่าการสร้างรูนิกมีโอกาสล้มเหลวด้วย
“ต้องไปแล้ว” เรนเก็บของทั้งหมดเข้าไปในกล่องพลาสติกและเก็บมันกลับไป ก่อนจะเอาไปไว้ในเตาหลอมพระเจ้า
หลังจากนั้นเขาก็ตรงไปที่ประตูทางออก หมอกในห้องยังไม่สลายไป เรนจึงต้องระวังมากในตอนที่เปิดประตูออกไป เพื่อไม่ให้หมอกพวกนี้ออกไปยังทางเดินด้านนอก ไม่อย่างนั้นคนอื่น ๆ ที่อยู่ในฐานวิจัยลับใต้ดินนี้จะกลายเป็นผู้ติดเชื้อจนหมด
แต่ก่อนที่เรนจะเปิดประตู รูนิกลางสังหรณ์ก็เตือนถึงอันตราย เรนมองออกไปก็พบว่าด้านหน้านั้นเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่เฝ้ารอเขาอยู่
“ซวยแล้วไง!”