ตอนที่แล้วตอนที่ 28 ศพสีดำและหมอกสีดำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 30 สถานที่ตั้งและหินอัพเกรดรูนิก

ตอนที่ 29 โดนต่อยปากแตก


ตอนที่ 29 โดนต่อยปากแตก

ก่อนหน้านั้นเสียงปืนจากการต่อสู้ของเรนและตำรวจทั้งสองได้ดึงดูดความสนใจของผู้ติดเชื้อที่ติดอยู่ในห้องรอบ ๆ นี้ ทำให้พวกมันพังประตูเหล่านั้นและออกมา

หลังจากออกมาผู้ติดเชื้อมากกว่า 30 ตัวก็มายืนเบียดกันอยู่ที่หน้าประตูห้องวิจัย แต่ว่าประตูห้องนี้ทนทานกว่าประตูห้องอื่น ๆ มาก ทำให้พวกมันไม่สามารถเข้าไปด้านในได้

เรนมองดูผ่านกระจกห้องอย่างตึงเครียด ผู้ติดเชื้อมีมากเกินไป ถ้าเขาเปิดประตูออกไปคงยากจะฆ่าพวกมันในพื้นที่จำกัดแบบนั้น และถ้าลองฝ่าออกไป พละกำลังของเขาเพียงคนเดียวคงสู้ผู้ติดเชื้อ 30 กว่าตัวนี้ไม่ได้ด้วย

เขาลองดูของที่ตนเองมีจนหมดก็ยังหาวิธีจัดการพวกมันไม่ได้ จนกระทั่งเรนนึกขึ้นได้

“ยังมีของที่ไม่ได้ลอง”

สิ่งที่เรนกล่าวถึงแน่นอนว่าเป็นรูนิกหมีดำภูเขา หมีจัดเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ทรงพลังมาก มันน่าจะทำให้เรนมีพละกำลังมากขึ้น แต่ว่าเรื่องพื้นที่จำกัด เรนคิดออกวิธีเดียวคือการปล่อยให้มันเข้ามาในห้องนี้

แน่นอนว่าการให้พวกมันเข้าในห้องนี้เสี่ยงมาก เพราะหมอกสีดำจะทำให้พวกมันเริ่มกลายร่างไปยังระยะสองได้เร็วขึ้น

“ช่างมันขอแค่ออกไปจากฐานวิจัยลับได้ก็พอ หลังจากนั้นก็ค่อยปิดตายฐานใต้ดินแห่งนี้” เรนตัดสินใจลงมือ

เขาเริ่มจัดการรูนิกของตนเองใหม่ โดยครั้งนี้จะมีรูนิกลางสังหรณ์อยู่ในช่องแรก รูนิกปืนลูกซองฯอยู่ในช่องที่สองและสุดท้ายคือรูนิกหมีดำภูเขาอยู่ในช่องที่สาม เขายังเติมพลังงานเข้าไปจนเติม เพราะการใช้รูนิกหมีดำภูเขาเพียงแค่สภาวะแรกก็ใช้พลังงานไปถึง 10 หน่วยแล้ว

“สภาวะแรก จำลองพลัง!” รูนิกหมีดำถูกเรียกใช้งาน ร่างของเรนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงใจทันที

เขารับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อที่กำลังขยายใหญ่พร้อม ๆ กับส่วนสูงที่เพิ่มขึ้น เรนในสภาพปกติสูง 179 เซนติเมตร แต่ตอนนี้ความสูงของเขาไปถึง 210 เซนติเมตรตามมาด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาก

เรนกลายเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ไปแล้ว

“นี่นะเหรอการจำลองพลังของหมีดำภูเขา” เรนรู้สึกถึงพลังงานที่อัดแน่นในกล้ามเนื้อ เขาคิดว่าตัวเองสามารถซัดกับหมีได้เลยทีเดียว

เขาไม่รอช้าใช้บัตรเปิดประตูทันทีและถอยหลังออกมา

ว๊ากกก!!!

ผู้ติดเชื้อ 30 กว่าตัวพากันวิ่งเข้ามาในหมอกสีดำอย่างบ้าคลั่ง มันเริ่มมองหาเหยื่อที่อยู่ด้านใน แต่ว่าพวกที่เข้ามาก่อนกับไม่พบกับเรน เพราะเรนนั้นแอบอยู่บนแทงค์ทดลอง

เมื่อเห็นว่าผู้ติดเชื้อเข้ามา 20 กว่าตัวแล้ว เขาก็กระโดดลงไปและวิ่งที่หน้าประตูในทันที

ผู้ติดเชื้อที่ยังไม่เข้ามา มันเห็นเรน แต่เรนก็ซัดกลับไปด้วยหมัด เข้าไปที่หน้าอกของผู้ติดเชื้อ

ปัง!

หน้าอกของผู้ติดเชื้อยุบลงตามหมัดและแรงปะทะยังส่งให้ตัวของมันกระเด็นไปใส่ผู้ติดเชื้อตัวอื่น ๆ อีกด้วย

มีผู้ติดเชื้อตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาเกาะหลังของเรน เรนใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อม โดยการถอยหลังใช้แผ่นหลังกระแทกอัดเข้ากับกำแพง

กร๊อบ!

เสียงกระดูกของผู้ติดเชื้อหักเป็นท่อน ๆ ตกลงกระแทกกับพื้น เรนไม่มีเวลามาสนใจมาก เขาหมุนตัวหันหน้าไปยังทางออก ก่อนจะชนใส่ผู้ติดเชื้อที่ขวางทางอีกสองสามตัว ก่อนจะออกไปจากบริเวณนี้ในทันที

“ต้องเร็วกว่านี้อีก” เรนตะโกนบอกตัวเอง เพราะเวลามีไม่มาก

ผู้ติดเชื้อที่เข้าไปในห้องทดลองก่อนหน้าได้รับหมอกสีดำเข้าไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มันเริ่มกลายร่างเป็นระยะ 2 เข้าไปทุกที แถมหมอกสีดำยังออกมาจากห้องและเคลื่อนที่ไปตามทางเดิน

เรนวิ่งกลับออกมาก็เห็นว่าคนอื่น ๆ นั้นมารออยู่ที่ลิฟต์ทางขึ้นแล้ว

“นั้นมันตัวอะไร” ตำรวจเต้ตกใจที่เห็นเรนที่วิ่งมา

“ไม่ใช่ตัวอะไร นั้นมันเรน” ผู้กองเชนพูดด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น

“หนีเร็ว” เรนตะโกนบอก ก่อนจะเข้าไปในลิฟต์

ผู้กองเชน ตำรวจเต้และทหารหนุ่ม พวกเขาสามคนต่างก็จ้องมองไปที่เรนด้วยแววตาตกตะลึง เพราะเมื่อมองดูใกล้ ๆ จึงสังเกตเห็นเรนได้อย่างชัดเจน

เรนปลดปล่อยสภาวะแรก จำลองพลัง เพราะเขารู้สึกว่าแม้สภาวะจำลองพลังจะสุดยอด แต่ก็ทำให้ร่างกายแบกรับความเหนื่อยล้ามากขึ้น

เขาทรุดตัวลงและหอบหายใจ

“เกิดอะไรขึ้น จ่าวัฒน์กับเดฟไปไหน” ผู้กองเชนถามเรนที่กำลังหอบหายใจ

“พวกเขาตายแล้วโดนหมอกสีดำพวกนั้นเปลี่ยนคนเป็นผู้ติดเชื้อ รีบหนีออกจากที่นี่กันเร็ว!” เรนชี้ไปที่ทางเดินทางด้านขวา ไฟที่กะพริบไปมายังพอให้เห็นว่ามีหมอกสีดำกำลังเคลื่อนตัวมาทางพวกเขา

และในหมอกนั้นยังมีพวกผู้ติดเชื้ออยู่ด้วย

“เชี่ยแล้วไง!” ทหารหนุ่มเห็นเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันอันตรายแค่ไหน ไม่รอช้าชายทหารหนุ่มรีบปิดประตูลิฟต์และกดปุ่มลิฟต์เพื่อให้ขึ้นไปด้านบน

ขณะที่ผู้กองเชนและตำรวจเต้ยังคงสับสนสิ่งที่เกิดขึ้น

“หมอกพวกนั้นมันคืออะไร” ผู้กองเชนถาม

“มันคือสิ่งที่เปลี่ยนคนให้เป็นผู้ติดเชื้อมาจากศพสีดำ เอาเป็นว่าอย่าเข้าไปใกล้พวกมันหมอกพวกนี้เข้มข้นมากจนสามารถเปลี่ยนให้คนทั่วไปกลายเป็นผู้ติดเชื้อได้ในเวลาแค่ 10 วินาที”

ทหารหนุ่มตอบคำถามแทนเรนด้วยสีหน้าที่ยังตื่นตกใจอยู่

“นายรู้ได้ยังไง” ตำรวจเต้หันไปถาม

“รู้ได้ยังไงนะเหรอ ก็ฉันเคยเห็นการทดลองมาแล้วไง” ทหารหนุ่มตอบ ก่อนจะพึ่งนึกขึ้นได้ ตนจึงรีบหุบปาก

“นายเล่ามาให้ละเอียดหน่อย” ผู้กองเชนถามเรน

“ออกไปจากที่นี่กันก่อน เดียวผมจะเล่าให้ฟัง” เรนเงยหน้าพูดกับผู้กองเชน เขาค่อย ๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ขณะที่มองลงไปด้านล่าง มันมีเสียงผู้ติดเชื้อคำรามมาอย่างต่อเนื่อง

ลิฟต์ขึ้นมาถึงด้านบน เรนระวังตัวเต็มที่เพราะเขาสงสัยว่าเรื่องที่จ่าวัฒน์และเดฟหักหลังเขาจะมีคนอื่นรู้เรื่องอยู่ด้วย เขาเตรียมลงมือ ถ้าเมฆทำอะไรกับอาจารย์หลินเรนก็จะลุยทันที

แต่ว่าพอขึ้นมาถึงเมฆไม่ได้ทำอะไรหลิน ส่วนหลินก็ยังสบายดี ทำให้เรนสงสัยว่า ‘หมอนี่มันไม่รู้เรื่องที่สองคนนั้นจะหักหลังเราเหรอ’

พวกเขารีบออกจากลิฟต์ ทหารหนุ่มรีบวิ่งไปดึงคันโยกเพื่อปิดประตูทางลงชั้นใต้ดินในทันที

ขณะนั้นเองตำรวจเมฆที่ไม่เห็นเดฟเพื่อสนิทและจ่าวัฒน์กลับมาด้วยก็มองด้วยความสับสน

“สองคนนั้นไปไหน” เมฆถามผู้กองเชน

“พวกเขาตายแล้ว” ผู้กองเชนตอบไปตามตรง

“ผู้กองพูดบ้าอะไร สองคนนั้นเก่งมากจะตายง่าย ๆ ได้ยังไง มันเกิดบ้าอะไรขึ้นข้างล่างบอกผมมา” เมฆเริ่มโวยวาย เดฟเป็นเหมือนเพื่อนสนิทของเขา จึงไม่แปลกที่เมฆจะถามหาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

“เรนลองเล่ามาเกิดอะไรขึ้นกัน” ผู้กองเชนหันไปทวงคำถามที่เรนยังไม่ได้ตอบ

เรนเริ่มเล่าเรื่อง แน่นอนว่ามันแค่ช่วงแรกที่ได้กุญแจมาและเปิดเข้าไปด้านใน จากนั้นเรนก็เปลี่ยนส่วนท้ายของเรื่อง ที่ว่าพวกเขาเจอผู้ติดเชื้อและลงมือโจมตี แต่ในตอนนั้นกระสุนปืนก็ยิงไปโดนแทงค์ทดลองจนมีหมอกสีดำปรากฏออกมา

ทั้งสองคนนั้นอยู่ใกล้กับหมอกมากที่สุดจึงสูดเอาหมอกสีดำเข้าไปในร่างกาย พวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นผู้ติดเชื้อกันในทันที แถมผู้ติดเชื้อที่อยู่ใกล้หมอกสีดำก็ทรงพลังมากกว่าผู้ติดเชื้อทั่วไป ผิวหนังของพวกมันหลุดลอกอย่างน่าสยดสยอง ฆ่าตายได้ยากมาก

เมื่อไม่มีทางเลือกจึงทำได้เพียงรีบหนีออกมา โดยที่ไม่ได้ค้นหาแหวนหรือของในห้องเลย

“มันโกหก! ต้องโกหกแน่นอน แกทำอะไรเพื่อนกู! บอกกูมา!” เมฆได้ยิงเรื่องเล่าของเรนก็รีบชี้หน้าและตะโกนใส่ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปเพื่อจะเอาเรื่องเรน

“หยุดซะ!” ผู้กองเชนเข้ามาห้ามในทันที

“ผู้กอง!!!” เมฆจับคอเสื้อของผู้กองเชนอย่างหมดความอดทน เขาคิดจะซัดหน้าผู้กองเชน

ปัก!

แต่ก่อนจะได้ต่อย ผู้กองเชนก็เปิดก่อน เขาต่อยปากของเมฆจนแตก ทำให้เมฆล้มไปกองกับพื้นด้วยสภาพมึนงง

“อย่าได้ข้ามเส้นอีก” ผู้กองเชนจับคอเสื้อของตัวเองเข้าที่และถลึงตามองเมฆอย่างเย็นชา

“เขาไม่ได้โกหก หมอกสีดำพวกนั้นอยู่ในห้องทดลองจริง ๆ แถมมันยังเปลี่ยนคนเป็นผู้ติดเชื้อด้วย” ทหารหนุ่มเข้ามายืนยันกับคำพูดของเรน

ผู้กองเชนได้ยินก็พยักหน้ารับและพูดต่อว่า “ออกไปจากที่นี่กัน หมอกพวกนั้นอันตรายเกินไป มันอาจจะหลุดออกมาจากฐานวิจัยลับใต้ดินได้”

พูดจบผู้กองเชนก็เดินออกไปด้านนอกตรงไปที่รถบรรทุกทหารในทันที

เรนเหลือบมองทหารหนุ่มอย่างสงสัยว่าทำไมชายคนนี้ถึงเข้ามาช่วยพูดให้เขา

“นายเป็นอะไรไหม” อาจารย์หลินเข้ามาถามเรนด้วยความเป็นห่วง เพราะดูสีหน้าเขาเหนื่อยมาก

“ผมไม่เป็นอะไร เราไปกันเถอะ” เรนบอกกับหลิน

ทั้งสองเดินออกมาด้านนอก ทหารหนุ่มรีบตามเรนออกไป

ตำรวจเต้เดินมาหาเดฟที่ถุยเลือดออกจากปากที่โดนต่อยจนแตก

“ไม่ต้องมายุ่ง!” เมฆสะบัดมือของเต้ด้วยความไม่พอใจ

“ผู้กองเชนเข้าข้างไอ้เด็กเวรนั้นเกินไปจริง แต่เขาก็ช่วยชีวิตนายไว้ ถ้านายเห็นพลังของเด็กนั้นแบบที่ฉันเห็นนายจะไม่กล้าเข้าไปหาเรื่องมันแน่” ตำรวจเต้พูดทิ้งท้าย ก่อนจะรีบเดินออกมา

“ถุย! ก็แค่เด็กหนุ่มธรรมดา รอฉันได้แหวนพวกนั้นก่อนเถอะ” เมฆไม่สนใจคำพูดของเต้ เขาลุกขึ้นและออกไปทางประตูเช่นกัน

“นายช่วยฉันทำไม?” ขณะที่เดินออกมาเรนก็หันไปถามทหารหนุ่มที่เดินตามหลังมา

“แค่ต้องการพวก” ทหารหนุ่มตอบด้วยท่าทางเป็นมิตร

“ฉันเรน นี่อาจารย์หลิน” เรนแนะนำตัวเขาและอาจารย์หลิน

“แม็ค” ทหารหนุ่มบอกชื่อของตัวเอง

เรนไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะเขารู้ว่าแม็คต้องพบความผิดปกติในคำพูดของเขาเบางอย่างแน่นอน แต่การที่อีกฝ่ายไม่เปิดเผยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อเรนเช่นกัน

“เราจะใช้รถบรรทุกขับฝ่ายออกไป” ผู้กองเชนบอกกับทุกคน หลังจากที่พวกเขาออกมารวมตัวกันข้าง ๆ รถบรรทุกแล้ว

ที่ต้องใช้รถบรรทุกขับฝ่าออกไป นั้นก็เพราะว่าเส้นทางที่หมู่บ้านตีนเขานั้นคงเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ ทางเดียวที่จะออกไปได้คือต้องใช้รถบรรทุกวิ่งฝ่าออกไปกลางหมู่บ้านตรง ๆ ต่อให้พวกผู้ติดเชื้อในหมู่บ้านรู้ตัวก็ยากจะวิ่งทันรถบรรทุกที่ขับมาด้วยความเร็วสูงได้

ส่วนที่นี่จะวุ่นวายเพราะรถบรรทุกใครจะไปสนใจ ในเมื่อพวกเขาไม่คิดจะกลับมาที่ค่ายทหารในหุบเขาอีกแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด