ตอนที่ 29 โดนต่อยปากแตก
ตอนที่ 29 โดนต่อยปากแตก
ก่อนหน้านั้นเสียงปืนจากการต่อสู้ของเรนและตำรวจทั้งสองได้ดึงดูดความสนใจของผู้ติดเชื้อที่ติดอยู่ในห้องรอบ ๆ นี้ ทำให้พวกมันพังประตูเหล่านั้นและออกมา
หลังจากออกมาผู้ติดเชื้อมากกว่า 30 ตัวก็มายืนเบียดกันอยู่ที่หน้าประตูห้องวิจัย แต่ว่าประตูห้องนี้ทนทานกว่าประตูห้องอื่น ๆ มาก ทำให้พวกมันไม่สามารถเข้าไปด้านในได้
เรนมองดูผ่านกระจกห้องอย่างตึงเครียด ผู้ติดเชื้อมีมากเกินไป ถ้าเขาเปิดประตูออกไปคงยากจะฆ่าพวกมันในพื้นที่จำกัดแบบนั้น และถ้าลองฝ่าออกไป พละกำลังของเขาเพียงคนเดียวคงสู้ผู้ติดเชื้อ 30 กว่าตัวนี้ไม่ได้ด้วย
เขาลองดูของที่ตนเองมีจนหมดก็ยังหาวิธีจัดการพวกมันไม่ได้ จนกระทั่งเรนนึกขึ้นได้
“ยังมีของที่ไม่ได้ลอง”
สิ่งที่เรนกล่าวถึงแน่นอนว่าเป็นรูนิกหมีดำภูเขา หมีจัดเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ทรงพลังมาก มันน่าจะทำให้เรนมีพละกำลังมากขึ้น แต่ว่าเรื่องพื้นที่จำกัด เรนคิดออกวิธีเดียวคือการปล่อยให้มันเข้ามาในห้องนี้
แน่นอนว่าการให้พวกมันเข้าในห้องนี้เสี่ยงมาก เพราะหมอกสีดำจะทำให้พวกมันเริ่มกลายร่างไปยังระยะสองได้เร็วขึ้น
“ช่างมันขอแค่ออกไปจากฐานวิจัยลับได้ก็พอ หลังจากนั้นก็ค่อยปิดตายฐานใต้ดินแห่งนี้” เรนตัดสินใจลงมือ
เขาเริ่มจัดการรูนิกของตนเองใหม่ โดยครั้งนี้จะมีรูนิกลางสังหรณ์อยู่ในช่องแรก รูนิกปืนลูกซองฯอยู่ในช่องที่สองและสุดท้ายคือรูนิกหมีดำภูเขาอยู่ในช่องที่สาม เขายังเติมพลังงานเข้าไปจนเติม เพราะการใช้รูนิกหมีดำภูเขาเพียงแค่สภาวะแรกก็ใช้พลังงานไปถึง 10 หน่วยแล้ว
“สภาวะแรก จำลองพลัง!” รูนิกหมีดำถูกเรียกใช้งาน ร่างของเรนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงใจทันที
เขารับรู้ได้ถึงกล้ามเนื้อที่กำลังขยายใหญ่พร้อม ๆ กับส่วนสูงที่เพิ่มขึ้น เรนในสภาพปกติสูง 179 เซนติเมตร แต่ตอนนี้ความสูงของเขาไปถึง 210 เซนติเมตรตามมาด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาก
เรนกลายเป็นชายหนุ่มร่างใหญ่ไปแล้ว
“นี่นะเหรอการจำลองพลังของหมีดำภูเขา” เรนรู้สึกถึงพลังงานที่อัดแน่นในกล้ามเนื้อ เขาคิดว่าตัวเองสามารถซัดกับหมีได้เลยทีเดียว
เขาไม่รอช้าใช้บัตรเปิดประตูทันทีและถอยหลังออกมา
ว๊ากกก!!!
ผู้ติดเชื้อ 30 กว่าตัวพากันวิ่งเข้ามาในหมอกสีดำอย่างบ้าคลั่ง มันเริ่มมองหาเหยื่อที่อยู่ด้านใน แต่ว่าพวกที่เข้ามาก่อนกับไม่พบกับเรน เพราะเรนนั้นแอบอยู่บนแทงค์ทดลอง
เมื่อเห็นว่าผู้ติดเชื้อเข้ามา 20 กว่าตัวแล้ว เขาก็กระโดดลงไปและวิ่งที่หน้าประตูในทันที
ผู้ติดเชื้อที่ยังไม่เข้ามา มันเห็นเรน แต่เรนก็ซัดกลับไปด้วยหมัด เข้าไปที่หน้าอกของผู้ติดเชื้อ
ปัง!
หน้าอกของผู้ติดเชื้อยุบลงตามหมัดและแรงปะทะยังส่งให้ตัวของมันกระเด็นไปใส่ผู้ติดเชื้อตัวอื่น ๆ อีกด้วย
มีผู้ติดเชื้อตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมาเกาะหลังของเรน เรนใช้ประโยชน์จากสภาพแวดล้อม โดยการถอยหลังใช้แผ่นหลังกระแทกอัดเข้ากับกำแพง
กร๊อบ!
เสียงกระดูกของผู้ติดเชื้อหักเป็นท่อน ๆ ตกลงกระแทกกับพื้น เรนไม่มีเวลามาสนใจมาก เขาหมุนตัวหันหน้าไปยังทางออก ก่อนจะชนใส่ผู้ติดเชื้อที่ขวางทางอีกสองสามตัว ก่อนจะออกไปจากบริเวณนี้ในทันที
“ต้องเร็วกว่านี้อีก” เรนตะโกนบอกตัวเอง เพราะเวลามีไม่มาก
ผู้ติดเชื้อที่เข้าไปในห้องทดลองก่อนหน้าได้รับหมอกสีดำเข้าไปมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มันเริ่มกลายร่างเป็นระยะ 2 เข้าไปทุกที แถมหมอกสีดำยังออกมาจากห้องและเคลื่อนที่ไปตามทางเดิน
เรนวิ่งกลับออกมาก็เห็นว่าคนอื่น ๆ นั้นมารออยู่ที่ลิฟต์ทางขึ้นแล้ว
“นั้นมันตัวอะไร” ตำรวจเต้ตกใจที่เห็นเรนที่วิ่งมา
“ไม่ใช่ตัวอะไร นั้นมันเรน” ผู้กองเชนพูดด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
“หนีเร็ว” เรนตะโกนบอก ก่อนจะเข้าไปในลิฟต์
ผู้กองเชน ตำรวจเต้และทหารหนุ่ม พวกเขาสามคนต่างก็จ้องมองไปที่เรนด้วยแววตาตกตะลึง เพราะเมื่อมองดูใกล้ ๆ จึงสังเกตเห็นเรนได้อย่างชัดเจน
เรนปลดปล่อยสภาวะแรก จำลองพลัง เพราะเขารู้สึกว่าแม้สภาวะจำลองพลังจะสุดยอด แต่ก็ทำให้ร่างกายแบกรับความเหนื่อยล้ามากขึ้น
เขาทรุดตัวลงและหอบหายใจ
“เกิดอะไรขึ้น จ่าวัฒน์กับเดฟไปไหน” ผู้กองเชนถามเรนที่กำลังหอบหายใจ
“พวกเขาตายแล้วโดนหมอกสีดำพวกนั้นเปลี่ยนคนเป็นผู้ติดเชื้อ รีบหนีออกจากที่นี่กันเร็ว!” เรนชี้ไปที่ทางเดินทางด้านขวา ไฟที่กะพริบไปมายังพอให้เห็นว่ามีหมอกสีดำกำลังเคลื่อนตัวมาทางพวกเขา
และในหมอกนั้นยังมีพวกผู้ติดเชื้ออยู่ด้วย
“เชี่ยแล้วไง!” ทหารหนุ่มเห็นเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันอันตรายแค่ไหน ไม่รอช้าชายทหารหนุ่มรีบปิดประตูลิฟต์และกดปุ่มลิฟต์เพื่อให้ขึ้นไปด้านบน
ขณะที่ผู้กองเชนและตำรวจเต้ยังคงสับสนสิ่งที่เกิดขึ้น
“หมอกพวกนั้นมันคืออะไร” ผู้กองเชนถาม
“มันคือสิ่งที่เปลี่ยนคนให้เป็นผู้ติดเชื้อมาจากศพสีดำ เอาเป็นว่าอย่าเข้าไปใกล้พวกมันหมอกพวกนี้เข้มข้นมากจนสามารถเปลี่ยนให้คนทั่วไปกลายเป็นผู้ติดเชื้อได้ในเวลาแค่ 10 วินาที”
ทหารหนุ่มตอบคำถามแทนเรนด้วยสีหน้าที่ยังตื่นตกใจอยู่
“นายรู้ได้ยังไง” ตำรวจเต้หันไปถาม
“รู้ได้ยังไงนะเหรอ ก็ฉันเคยเห็นการทดลองมาแล้วไง” ทหารหนุ่มตอบ ก่อนจะพึ่งนึกขึ้นได้ ตนจึงรีบหุบปาก
“นายเล่ามาให้ละเอียดหน่อย” ผู้กองเชนถามเรน
“ออกไปจากที่นี่กันก่อน เดียวผมจะเล่าให้ฟัง” เรนเงยหน้าพูดกับผู้กองเชน เขาค่อย ๆ ยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ขณะที่มองลงไปด้านล่าง มันมีเสียงผู้ติดเชื้อคำรามมาอย่างต่อเนื่อง
ลิฟต์ขึ้นมาถึงด้านบน เรนระวังตัวเต็มที่เพราะเขาสงสัยว่าเรื่องที่จ่าวัฒน์และเดฟหักหลังเขาจะมีคนอื่นรู้เรื่องอยู่ด้วย เขาเตรียมลงมือ ถ้าเมฆทำอะไรกับอาจารย์หลินเรนก็จะลุยทันที
แต่ว่าพอขึ้นมาถึงเมฆไม่ได้ทำอะไรหลิน ส่วนหลินก็ยังสบายดี ทำให้เรนสงสัยว่า ‘หมอนี่มันไม่รู้เรื่องที่สองคนนั้นจะหักหลังเราเหรอ’
พวกเขารีบออกจากลิฟต์ ทหารหนุ่มรีบวิ่งไปดึงคันโยกเพื่อปิดประตูทางลงชั้นใต้ดินในทันที
ขณะนั้นเองตำรวจเมฆที่ไม่เห็นเดฟเพื่อสนิทและจ่าวัฒน์กลับมาด้วยก็มองด้วยความสับสน
“สองคนนั้นไปไหน” เมฆถามผู้กองเชน
“พวกเขาตายแล้ว” ผู้กองเชนตอบไปตามตรง
“ผู้กองพูดบ้าอะไร สองคนนั้นเก่งมากจะตายง่าย ๆ ได้ยังไง มันเกิดบ้าอะไรขึ้นข้างล่างบอกผมมา” เมฆเริ่มโวยวาย เดฟเป็นเหมือนเพื่อนสนิทของเขา จึงไม่แปลกที่เมฆจะถามหาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
“เรนลองเล่ามาเกิดอะไรขึ้นกัน” ผู้กองเชนหันไปทวงคำถามที่เรนยังไม่ได้ตอบ
เรนเริ่มเล่าเรื่อง แน่นอนว่ามันแค่ช่วงแรกที่ได้กุญแจมาและเปิดเข้าไปด้านใน จากนั้นเรนก็เปลี่ยนส่วนท้ายของเรื่อง ที่ว่าพวกเขาเจอผู้ติดเชื้อและลงมือโจมตี แต่ในตอนนั้นกระสุนปืนก็ยิงไปโดนแทงค์ทดลองจนมีหมอกสีดำปรากฏออกมา
ทั้งสองคนนั้นอยู่ใกล้กับหมอกมากที่สุดจึงสูดเอาหมอกสีดำเข้าไปในร่างกาย พวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นผู้ติดเชื้อกันในทันที แถมผู้ติดเชื้อที่อยู่ใกล้หมอกสีดำก็ทรงพลังมากกว่าผู้ติดเชื้อทั่วไป ผิวหนังของพวกมันหลุดลอกอย่างน่าสยดสยอง ฆ่าตายได้ยากมาก
เมื่อไม่มีทางเลือกจึงทำได้เพียงรีบหนีออกมา โดยที่ไม่ได้ค้นหาแหวนหรือของในห้องเลย
“มันโกหก! ต้องโกหกแน่นอน แกทำอะไรเพื่อนกู! บอกกูมา!” เมฆได้ยิงเรื่องเล่าของเรนก็รีบชี้หน้าและตะโกนใส่ ก่อนจะรีบเดินเข้าไปเพื่อจะเอาเรื่องเรน
“หยุดซะ!” ผู้กองเชนเข้ามาห้ามในทันที
“ผู้กอง!!!” เมฆจับคอเสื้อของผู้กองเชนอย่างหมดความอดทน เขาคิดจะซัดหน้าผู้กองเชน
ปัก!
แต่ก่อนจะได้ต่อย ผู้กองเชนก็เปิดก่อน เขาต่อยปากของเมฆจนแตก ทำให้เมฆล้มไปกองกับพื้นด้วยสภาพมึนงง
“อย่าได้ข้ามเส้นอีก” ผู้กองเชนจับคอเสื้อของตัวเองเข้าที่และถลึงตามองเมฆอย่างเย็นชา
“เขาไม่ได้โกหก หมอกสีดำพวกนั้นอยู่ในห้องทดลองจริง ๆ แถมมันยังเปลี่ยนคนเป็นผู้ติดเชื้อด้วย” ทหารหนุ่มเข้ามายืนยันกับคำพูดของเรน
ผู้กองเชนได้ยินก็พยักหน้ารับและพูดต่อว่า “ออกไปจากที่นี่กัน หมอกพวกนั้นอันตรายเกินไป มันอาจจะหลุดออกมาจากฐานวิจัยลับใต้ดินได้”
พูดจบผู้กองเชนก็เดินออกไปด้านนอกตรงไปที่รถบรรทุกทหารในทันที
เรนเหลือบมองทหารหนุ่มอย่างสงสัยว่าทำไมชายคนนี้ถึงเข้ามาช่วยพูดให้เขา
“นายเป็นอะไรไหม” อาจารย์หลินเข้ามาถามเรนด้วยความเป็นห่วง เพราะดูสีหน้าเขาเหนื่อยมาก
“ผมไม่เป็นอะไร เราไปกันเถอะ” เรนบอกกับหลิน
ทั้งสองเดินออกมาด้านนอก ทหารหนุ่มรีบตามเรนออกไป
ตำรวจเต้เดินมาหาเดฟที่ถุยเลือดออกจากปากที่โดนต่อยจนแตก
“ไม่ต้องมายุ่ง!” เมฆสะบัดมือของเต้ด้วยความไม่พอใจ
“ผู้กองเชนเข้าข้างไอ้เด็กเวรนั้นเกินไปจริง แต่เขาก็ช่วยชีวิตนายไว้ ถ้านายเห็นพลังของเด็กนั้นแบบที่ฉันเห็นนายจะไม่กล้าเข้าไปหาเรื่องมันแน่” ตำรวจเต้พูดทิ้งท้าย ก่อนจะรีบเดินออกมา
“ถุย! ก็แค่เด็กหนุ่มธรรมดา รอฉันได้แหวนพวกนั้นก่อนเถอะ” เมฆไม่สนใจคำพูดของเต้ เขาลุกขึ้นและออกไปทางประตูเช่นกัน
“นายช่วยฉันทำไม?” ขณะที่เดินออกมาเรนก็หันไปถามทหารหนุ่มที่เดินตามหลังมา
“แค่ต้องการพวก” ทหารหนุ่มตอบด้วยท่าทางเป็นมิตร
“ฉันเรน นี่อาจารย์หลิน” เรนแนะนำตัวเขาและอาจารย์หลิน
“แม็ค” ทหารหนุ่มบอกชื่อของตัวเอง
เรนไม่ได้ถามอะไรอีก เพราะเขารู้ว่าแม็คต้องพบความผิดปกติในคำพูดของเขาเบางอย่างแน่นอน แต่การที่อีกฝ่ายไม่เปิดเผยก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อเรนเช่นกัน
“เราจะใช้รถบรรทุกขับฝ่ายออกไป” ผู้กองเชนบอกกับทุกคน หลังจากที่พวกเขาออกมารวมตัวกันข้าง ๆ รถบรรทุกแล้ว
ที่ต้องใช้รถบรรทุกขับฝ่าออกไป นั้นก็เพราะว่าเส้นทางที่หมู่บ้านตีนเขานั้นคงเต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อ ทางเดียวที่จะออกไปได้คือต้องใช้รถบรรทุกวิ่งฝ่าออกไปกลางหมู่บ้านตรง ๆ ต่อให้พวกผู้ติดเชื้อในหมู่บ้านรู้ตัวก็ยากจะวิ่งทันรถบรรทุกที่ขับมาด้วยความเร็วสูงได้
ส่วนที่นี่จะวุ่นวายเพราะรถบรรทุกใครจะไปสนใจ ในเมื่อพวกเขาไม่คิดจะกลับมาที่ค่ายทหารในหุบเขาอีกแล้ว