ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 156 กรงขังปีศาจแห่งไป่อัน
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 156 กรงขังปีศาจแห่งไป่อัน
แปลโดย iPAT
เฉินซื่อฮัวยิ้ม “ทุกท่านโปรดนั่งลงก่อน ข้าหวังว่าทุกท่านจะมีความสุขกับที่พักอันต่ำต้อยของข้าขณะที่ข้าไปหยิบเม็ดยา” เขากลับเข้าไปในห้องด้านหลังพร้อมกับรอยยิ้มที่เลือนหายไป
“นายท่าน ท่านเจ้าเกาะเชิญท่านไปที่ด้านหลังห้องโถง” คนรับใช้กล่าวกับหลี่ฉิงซานอย่างสุภาพ
ขณะที่หลี่ฉิงซานกำลังเดินทาง ชายฉกรรย์สองคนกระโจนออกมาจากพุ่มไม้และปิดกั้นเส้นทางของเขา “เจ้าคือผู้ใด?”
คนรับใช้เร่งกล่าว “พวกท่านเป็นแขกของท่านเจ้าเกาะของเราเช่นนั้นหรือ?”
ชายทั้งสองตรวจสอบหลี่ฉิงซาน “เหตุใดเราไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับเจ้ามาก่อน?”
หลี่ฉิงซานกล่าว “ไม่ใช่ทุกคนที่เจ้าสามารถเห็นหรือได้ยิน”
“เจ้ากล่าวสิ่งใด!?” ทั้งสองเริ่มโกรธและต้องการชักดาบออกมา
เสียงดังขึ้นสองครั้ง ทั้งสองถอยกลับเข้าไปในพุ่มไม้และทิ้งไว้เพียงซากศพ
“พวกเจ้าควรลงนรกจริงๆ!” จากนั้นหลี่ฉิงซานก็กล่าวกับคนรับใช้ “ไปกันเถอะ”
คนรับใช้ตัวสั่นและรีบเดินทาง
เฉินซื่อฮัวถูมือด้วยความกังวลอยู่ในห้องทำงานของเขา เมื่อหลี่ฉิงซานมาถึง เขารีบเชิญให้เด็กหนุ่มนั่งลงและรินชาให้อย่างอ่อนน้อม
หลี่ฉิงซานกล่าว “เจ้าเกาะเฉิน เจ้าต้องการกล่าวสิ่งใดกับข้า เข้าประเด็นเถอะ ข้าไม่สามารถรออีกต่อไป” ด้วยหูของเขา เขาได้ยินเสียงอึกทึกจากห้องโถงใหญ่ นั่นทำให้เลือดของเขาเริ่มเดือดอย่างช้าๆ
เฉินซื่อฮัวยกเสื้อคลุมของเขาขึ้นและคุกเข่าลงต่อหน้าหลี่ฉิงซาน “ข้าทำตามคำสั่งของนายท่านแล้ว โปรดละเว้นข้าด้วย!” ตลอดเวลาที่ผ่านมา หลี่ฉิงซานไม่เคยสัญญาว่าจะไว้ชีวิตเขา นั่นทำให้เขากังวลจนถึงจุดที่รู้สึกว่าอาหารรสชาติจืดชืดและไม่สามารถข่มตาหลับ
หลี่ฉิงซานกล่าว “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะฆ่าเจ้า”
“นายท่านไม่มีแผนการที่จะไว้ชีวิตผู้ใดจริงๆงั้นหรือ?” เฉินซื่อฮัวเงยหน้าขึ้นด้วยความสิ้นหวัง
หลี่ฉิงซานกล่าว “ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้ชีวิตเจ้าแต่เจ้าไม่ไว้ชีวิตตัวเอง”
เฉินซื่อฮัวกัดฟันกล่าว “แต่ข้ากลับเนื้อกลับตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว!”
หลี่ฉิงซานกล่าว “กลับเนื้อกลับตัวอย่างสมบูรณ์? หกเดือนก่อนเจ้าทำสิ่งใด? เจ้าคิดว่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์จะไม่รู้จริงๆงั้นหรือ?” แม้สมาชิกหลักของกองกำลังผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์จะมีน้อยแต่พวกเขามีสายสืบมากมายอยู่ในเมืองต่างๆ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่มีผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์คนใดสนใจภารกิจสังหารเฉินซื่อฮัวแต่ข้อมูลก็ยังหลั่งไหลเข้าไปไม่เคยหยุด นี่เป็นการรับประกันว่าหากวันหนึ่งผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ต้องการจัดการเขา พวกเขาจะมีข้อมูลทั้งหมด
เฉินซื่อฮัวนึกถึงบางสิ่ง เมื่อครึ่งปีก่อน หลังจากดื่มไปเล็กน้อยและเห็นหญิงงามในเมืองริมทะเลสาบ เขาบังคับพานางมาที่เกาะบุปผา
เขาโต้เถียง “แต่ข้ารับนางเป็นสนมแล้ว”
“เจ้าวางแผนที่จะรับนางบำเรออีกกี่คน? เหตุใดเจ้าไม่บอกข้า?” น้ำเสียงของหลี่ฉิงซานสงบมาก ความโกรธของเขาเหมือนลาวาร้อนที่ไหลอยู่ใต้ภูเขาน้ำแข็งและสามารถปะทุขึ้นได้ทุกเมื่อ
การแสดงออกของเฉินซื่อฮัวเปลี่ยนไปหลายครั้ง สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจกดมือลงบนกระเบื้อง เสียงกลไกดังขึ้นจากใต้ดินขณะที่กรงโลหะขนาดใหญ่เด้งออกมากักขังหลี่ฉิงซานเอาไว้
สถานที่ที่เฉินซื่อฮัวเชิญหลี่ฉิงซานให้นั่งลงเป็นกับดัก มันมีกลไลซ่อนอยู่
เฉินซื่อฮัวตะโกน “หลี่ฉิงซาน เจ้าทำมากเกินไปแล้ว! ในเมื่อเจ้าไม่ไว้ชีวิตข้า เช่นนั้นก็มาตายพร้อมกัน!”
เหล็กแต่ละเส้นหนาเท่าแขนของผู้ใหญ่ พวกมันยังถูกจารึกด้วยอาคมจำนวนมาก เมื่อนิ้วของหลี่ฉิงซานสัมผัสลูกกรง เขารู้สึกเหมือนถูกเข็มทิ่มแทง ด้านบนสุดยังมีภาพสัตว์ประหลาดที่ดูเหมือนเสือแต่ไม่ใช่เสือ
เฉินซื่อฮัวกล่าว “สิ่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ด้านค่ายกล มันถูกเรียกว่ากรงขังปีศาจแห่งไป่อัน กระทั่งสัตว์ปีศาจที่ทรงพลังก็ไม่สามารถหลบหนี ดังนั้นท่านควรเลิกคิดเรื่องนั้นซะ ให้ข้าถามท่านอีกครั้ง ท่านจะไว้ชีวิตข้าหรือไม่? หากท่านตกลง ข้าจะปล่อยท่าน ข้ายังจะช่วยท่านฆ่าคนเหล่านั้น”
“หากข้าบอกว่าข้าจะไว้ชีวิตเจ้า เจ้าจะเชื่องั้นหรือ?”
เฉินซื่อฮัวรู้สึกขัดแย้ง “ข้าเต็มใจที่จะเดิมพันกับมัน ข้าเชื่อว่าท่านเป็นลูกผู้ชายพอ”
หลี่ฉิงซานส่ายศีรษะอย่างเงียบๆและช้าๆ
เฉินซื่อฮัวกรีดร้อง “ตอนนี้ท่านอยู่ในมือของข้าแล้ว สิ่งที่ท่านต้องทำก็แค่พยักหน้า จากนั้นเราจะนั่งคุยกัน การบ่มเพาะของท่านอาจสูงแต่บางครั้งท่านก็ยังต้องการผู้ช่วยเช่นข้า”
หลี่ฉิงซานระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทำให้เกิดสายลมกรรโชกแรงพัดหนังสือ ภาพวาด และแจกันตกลงบนพื้น
เฉินซื่อฮัวปิดหูของตนพร้อมกับพยายามต่อต้านพลังปราณที่แผ่พุ่งเข้ามาและคิดว่าคนผู้นี้เป็นเพียงจอมยุทธ์ขั้นสองจริงๆงั้นหรือ?
คนนอกรีตในห้องโถงมองถ้วยชาสั่นพร้อมกับอาคารที่สั่นไหว นั่นทำให้พวกเขาเริ่มตื่นตระหนก
“เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“บางคนกำลังหัวเราะงั้นหรือ?”
“พลังภายในช่างแข็งแกร่งนัก!”
“มันดังมาจากห้องที่เฉินซื่อฮัวเข้าไปหยิบยามิใช่หรือ?”
“บางคนพยายามขโมยยางั้นหรือ?”
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงรู้สึกกระสับกระส่าย “ไปดูกันเถอะ!”
“ผู้ใดกันที่โง่เขลาถึงขั้นพยายามขโมยสมบัติจากปากเสือ!”
หลี่ฉิงซานหยุดหัวเราะและกล่าวกับเฉินซื่อฮัว “เจ้าคิดว่าตนเองที่ไม่ต่างจากสัตว์มีค่าพอที่จะเป็นสหายของข้างั้นหรือ?”
แม้แต่คนเลวก็มีความภูมิใจในตัวเอง เฉินซื่อฮัวตะโกน “มากเกินไปแล้ว!”
คนนอกรีตกลุ่มหนึ่งรีบเข้ามาและถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเกาะเฉิน เกิดสิ่งใดขึ้น?”
“คนผู้นี้คือ?”
ทุกคนที่เข้ามาล้วนเป็นนักสู้ชั้นหนึ่ง คนที่อ่อนแอกว่าทำได้เพียงรวมตัวกันอยู่ด้านนอกและเฝ้ามองเท่านั้น
“เจ้าบังคับให้ข้าทำเช่นนี้” ใบหน้าของเฉินซื่อฮัวกลายเป็นบิดเบี้ยวขณะที่เขากล่าวกับทุกคน “ทุกท่าน ข้ามีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพวกท่านจะบอก”
ทุกคนเงียบลง เฉินซื่อฮัวกล่าว “นี่คือผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ที่ถูกส่งมาเพื่อฆ่าพวกเรา!”
เมื่อได้ยินคำว่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ ใบหน้าของทุกคนก็กลายหน้าซีดเผือด เดิมทีพวกเขาแสดงตัวราวกับภาคภูมิใจที่ชื่อของพวกเขาได้ขึ้นบัญชีดำและปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเย่อหยิ่งจนถึงขั้นที่อ้างว่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ไม่สามารถทำสิ่งใดพวกเขา อย่างไรก็ตามแท้จริงแล้วพวกเขาหวาดกลัวผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์มากที่สุด
“กล่าวอีกอย่างคือไม่มีเม็ดยางั้นหรือ?”
“บัดซบ! เฉินซื่อฮัว เจ้าร่วมมือกับผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์!”
ทุกคนเริ่มคิดถึงการล่าถอยขณะมองหลี่ฉิงซานที่ดูเหมือนสัตว์ร้าย ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยเส้นผมปรกหน้าและปิดบังใบหน้าของเขาเอาไว้ แม้แต่ตอนนที่เขาถูกขังอยู่ในกรง เขาก็ยังดูน่าสะพรึงกลัวมาก
เฉินซื่อฮัวโยนกระดาษกองหนึ่งออกไป “ดู นี่คือเอกสารอย่างเป็นทางการของผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์ ครั้งนี้เขามาเพื่อฆ่าพวกเราทุกคน ทุกท่านทราบดีว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับบ่อนมงคลในเมืองภูเขาเงิน เด็กคนนี้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด พวกท่านต้องการเป็นรายต่อไปงั้นหรือ?”
พวกเขาหยิบเอกสารขึ้นมาและพบชื่อของตนเอง หลังจากนั้นพวกเขาก็ตัวสั่นด้วยความตกใจสุดขีด ความรุ่งโรจน์ของพวกเขาที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีดำกลายเป็นโทษประหารไปแล้ว
“เจ้าเกาะเฉิน เจ้าต้องการให้เราทำสิ่งใด?”
“พวกเรามาร่วมมือกันจัดการเขา!”
“ฆ่าผู้พิทักษ์หมาป่าอินทรีย์? เจ้าเสียสติไปแล้วงั้นหรือ?”
“หากเราไม่ฆ่าเขา เขาจะฆ่าเรา!”
ทุกคนถกเถียงด้วยความขมขื่น
หลี่ฉิงซานกระแอมเบาๆและดึงดูดความสนใจของทุกคน “ทุกคนที่ควรอยู่ก็อยู่ที่นี่แล้ว”
“เทียนจงห่าว”
ชายวัยกลางคนที่ดูหยาบช้าตัวสั่น “เจ้าต้องการสิ่งใด?”
“ในอดีต เจ้าต้องการเรียนทักษะการต่อสู้กับปรมาจารย์หวังของเมืองไผ่หลิว แต่เขาพบว่าเจ้าขาดความจริงใจ เขาจึงปฏิเสธที่จะสอนเจ้า ผลคือเจ้าวางยาเขาจนตาย ขโมยคัมภีร์ของเขา และยกระดับตัวเอง หลายปีที่ผ่านมา เจ้าดักปล้นนักเดินทาง ฆ่าพวกเขา และขโมยสินค้า เจ้าถึงกับกินหัวใจและตับของคนที่มีชีวิตใช่หรือไม่?”
เขาถูกทุกคนจ้องมอง แต่เขาไม่เต็มใจทำให้ตนเองอับอาย ดังนั้นเขาจึงตะโกนออกไปอย่างแข็งกร้าว “แล้วอย่างไร!?”
หลี่ฉิงซานไม่สนใจเขาอีกต่อไป เขากล่าวต่อ “เยว่รุ่ย เจ้าชอบลักพาตัวบุตรหลานของครอบครัวที่ร่ำรวยไปเรียกค่าไถ่ หากพวกเขากล้าพอที่จะรายงานเรื่องนี้ต่อทางการหรือปฏิเสธที่จะจ่ายค่าไถ่ เจ้าจะตัดหูหรือนิ้วของเด็กก่อนจะส่งคืนให้ครอบครัวของพวกเขา ข้าพูดถูกหรือไม่?”
เย่วรุ่ยมีดวงตาที่ดุร้าย เขาหัวเราะเย้ยหยันด้วยท่าทางเย็นชา “เด็กพวกนั้นเกิดมาโชคดีกว่าคนอื่นๆ แน่นอนว่าพวกเขาควรพบกับความทุกข์ทรมานเล็กๆน้อยๆ”
หลี่ฉิงซานไม่สนใจเขาเช่นกัน เขาเอ่ยชื่อคนเหล่านี้ทีละคนจนหมด “สำหรับคนที่ไม่ถูกกล่าวถึง ไม่ว่าพวกเจ้าจะเป็นหัวขโมยหรือก่อนอาชญากรรมใดๆมาก่อน พวกเจ้าก็ไม่ได้รับการให้อภัยจากอาชญากรรมที่พวกเจ้าก่อ พวกเจ้าจะถูกประหารชีวิตทันทีตามกฎหมายของจักรวรรดิต้าเซี่ย”
“และเจ้า เฉินซื่อฮัว เจ้าต้องชดใช้สิ่งที่เจ้าทำลงไป!”
ทุกคนหัวเราะเสียงดัง “เพียงเจ้างั้นหรือ?”
“เขาเสียสติไปแล้ว”
“เราต้องฆ่าเขา!”
อย่างไรก็ตามเสียงหัวเราะกลับค่อยๆเงียบลง
สิ่งที่พวกเขาเห็นคือหลี่ฉิงซานยืนขึ้นจากเก้าอี้และจับลูกกรง มัดกล้ามเนื้อของเขาปูดโปนขึ้นพร้อมกับเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น
แสงสีน้ำเงินที่ดูเหมือนกระแสไฟฟ้าไหลผ่านลูกกรงและมารวมตัวกันอยู่ที่มือของหลี่ฉิงซาน เขารู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยทิ่มแทง แต่มันไม่มีนัยสำคัญกับเขา อย่างไรก็ตามแม้เขาจะออกแรงเท่าใด ลูกกรงก็ไม่ขยับ
หลังจากตกตะลึง เฉินซื่อฮัวก็ผ่อนคลายลง “ไร้ประโยชน์ กรงขังปีศาจแห่งไป่อันของข้าไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะทำลายได้”
คนอื่นๆเย้ยหยันเช่นกัน พวกเขามองหลี่ฉิงซานเหมือนเขาเป็นสัตว์ป่าที่โง่เขลา
เส้นผมของหลี่ฉิงซานตกลงมาปิดบังใบหน้า อย่างไรก็ตามมุมปากของเขายังโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มและกระทั่งดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย
“นี่มันเรื่องใดกัน!?” เฉินซื่อฮัวสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เปลี่ยนแปลงไปของหลี่ฉิงซาน นี่เป็นสิ่งที่มีเพียงจอมยุทธ์เท่านั้นที่สามารถสัมผัสถึง
หลังจากไม่นานทุกคนก็เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกายของหลี่ฉิงซาน เขาสูงและแข็งแกร่งขึ้น เส้นผมของเขาเรืองแสงเป็นสีแดงเข้ม ผิวของเขาค่อยๆกลายเป็นสีดำ
“เอี๊ยด...” กรงเหล็กส่งเสียง กระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินแลบลั่นอย่างต่อเนื่องแต่ไม่สามารถหยุดความจริงที่แท่งเหล็กหนาเท่าท่อนแขนมนุษย์ค่อยๆแยกออกจากกัน
เฉินซื่อฮัวก้าวถอยหลัง “ปะ...เป็นไปไม่ได้! เจ้าเป็น...” หลังจากนั้นเขาก็ตะโกน “ทุกคน ร่วมมือกันฆ่าเขา!”
ทุกคนตระหนักว่าตนเองไม่สามารถลังเลอีกต่อไป พวกเขาตัดสินใจร่วมมือกันและเหวี่ยงอาวุธออกไปทันที พวกเขากลัวว่าหลี่ฉิงซานจะสามารถหลบหนีออกจากกรงได้จริงๆ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องจัดการเขาในช่วงเวลานี้ อย่างไรก็ตามเฉินซื่อฮัวกลับล่าถอยออกไปอย่างเงียบๆ