ตอนที่แล้วตอนที่ 614 ฉวยโอกาส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 616 ป้อมปราการแห่งฐานไพรกระบี่

ตอนที่ 615 ตัดปากอ่าว


ปู้จื้อเฟยมองดูขณะที่คนของซุนเจี๋ยรายงานผลสงครามอย่างระมัดระวัง

สรุปผลสงครามปกติจะรวบรวมได้โดยผู้โชคดีรอดชีวิต กระบวนการทั้งหมดของสงครามและการฟื้นฟูรวบรวมรายละเอียดที่จะกลายเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อประเมินพลังของศัตรู

ปู้จื้อเฟยรู้เนื้อหาบทสรุปทั้งภายในและภายนอก  เนื่องจากเขาพลิกอ่านดูอยู่หลายรอบแล้ว  พลังของซุนเจี๋ยไม่ด้อยไปกว่าเขาแต่เขาก็ยังกลัวตาย ดังนั้นเขาจะไม่มีทางประมาทศัตรู  แม้ว่าในข้อมูลจะเป็นการประเมินศัตรูไว้ต่ำมาก  ‘สือเซินทรยศ’ ฯลฯ แต่ปู้จื้อเฟยไม่ได้รับผลกระทบจากข้อมูลเหล่านั้นทั้งหมด  บางทีซุนเจี๋ยคงจะประมาทศัตรู,แต่การหักหลังของสือเซินก็สร้างอิทธิพลใหญ่จริงๆ และพลังรบของศัตรูก็ยังแข็งแกร่งเช่นกัน

พูดถึงการหักหลังของสือเซินทำเอาเจ้าครองทวีปถึงกับโมโหโกรธา สิ่งที่ทำให้เขาโกรธไม่ใช่เรื่องการทรยศ แต่เป็นพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งซึ่งถูกซ่อนเอาไว้ในทวีปฝานซิงโจวและเป็นเหมือนกับการตบหน้า  มีผู้สงสัยบางอย่างเกี่ยวกับสือเซินหลังจากตามสืบอย่างต่อเนื่อง มันกลับถูกลบล้างไปหมด  การเปลี่ยนแปลงในกองพลที่สามสิบหกก็ถูกเปิดเผยเช่นกัน ความเกียจคร้านของซุนเจิ้งและการยึดอำนาจผู้นำกองพลที่สามสิบหกเป็นสาเหตุให้มีการเปลี่ยนแปลง

การสอบสวนเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทวีปฝานซิงโจวสร้างเหตุผลให้พวกเขาส่งกองกำลังออกไปได้  หากไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ทวีปฝานซิงโจวจะเสียเปรียบ และถ้าพวกเขาไม่สามารถหาผู้คนที่คอยดูแลทวีปฝานซิงโจวให้เร็วก็จะเป็นอันตรายอย่างมาก

และพวกที่สูญเสียมากที่สุดย่อมเป็นตระกูลซุนอย่างมิต้องสงสัย ซุนเจี๋ยถูกวางตัวไว้เป็นบุคคลสำคัญที่สุดของตระกูลซุนและคนที่มีสายตามองการณ์ไกลสักเล็กน้อยก็พอจะรู้ว่าด้วยการตายของซุนเจี๋ยอาจเป็นจุดเปลี่ยนของตระกูลซุนจากความรุ่งเรืองกลายเป็นตกต่ำ ซุนเจิ้งตกอยู่ในเงื้อมมือของบุคคลลึกลับในทวีปซางโจวถ้าตระกูลซุนต้องการจะไถ่ตัวเขากลับมา พวกเขาจะต้องยกสมบัติให้จำนวนมาก

ตระกูลซุนจะอยู่รอดหรือตกต่ำก็ไม่สำคัญต่อปู้จื้อเฟยสิ่งที่เขาสนใจมากก็คือความสามารถในการต่อสู้ที่ศัตรูแสดงออกมา  ประการแรกเป็นเรื่องความเชี่ยวชาญที่พวกเขามี ยอดฝีมือสองสามคนมีพลังที่แข็งแกร่งเฉพาะตัว  และมีอาวุธที่แปลกประหลาดหอกสีน้ำเงินซึ่งเขาสงสัยว่าอาจเป็นหอกน้ำแข็งฟ้า และกล่องเล็กสีบรอนซ์ซึ่งเขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อน  กลุ่มของสือเซินเป็นกลุ่มที่เล็กแต่แข็งแกร่งและมีฝีมือดีกว่าที่เขาคิด  และหลังจากเปลี่ยนอาวุธคู่มือกลุ่มฝีมือดีนี้สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับปู้จื้อเฟย

ทวีปฝานซิงโจวมีกองทัพระดับเงินอยู่แปดกองพล  นอกจากกองพลที่แปดของซุนเจี๋ยแล้ว  ยังมีกองทัพระดับเงินอีกเจ็ดกองพล  แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือการสร้างสะพานลอย  เพื่อเตรียมรับมือกับคนแคระน้ำเงินที่อาจปรากฏตัวขึ้นได้ทุกเมื่อ  กองทัพระดับเงินสองกองพลถูกสั่งให้เฝ้าระวัง

ทวีปฝานซิงโจวสามารถเข้ามาได้จากรอบด้าน และนี่คือการสร้างการค้าขนาดใหญ่ในทวีปฝานซิงโจว แต่ว่าก็ต้องหมายความว่าถ้าทวีปฝานซิงโจวจะต้องร่วมสงครามก็จำเป็นต้องมีการป้องกันอยู่หลายที่บางส่วนของสถานที่ไม่สำคัญสามารถปล่อยให้กองทัพธรรมดาดูแลได้  แต่ยิ่งมีการตั้งที่สำคัญก็ย่อมต้องการกองทัพระดับเงินเพื่อเฝ้าระวัง  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจถูกเรียกระดมกำลังได้

ในเวลาปกติกองพลที่แปดของซุนเจี๋ยและกองพลที่เจ็ดของปู้จื้อเฟยจะเรียกระดมและพร้อมทำงานได้เร็ว  และเป็นกองทัพที่มากไปด้วยฝีมือ  แต่ด้วยเหตุเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน  ความล่มสลายของกองพลที่แปดก็หมายความว่ามีแต่กองพลที่เจ็ดของปู้จื้อเฟยเท่านั้นที่สามารถถูกส่งเข้าร่วมสงคราม

ปู้จื้อเฟยมีพลังที่โดดเด่นและเป็นคนที่ไม่ประมาท  กองพลที่เจ็ดของเขาคือกองทัพระดับเงิน  และในทวีปฝานซิงโจวพวกเขาเป็นกองทัพที่มีความคิดดี

ปู้จื้อเฟยฝืนหัวเราะ  ความจริงเขาไม่ต้องการสู้ในสงครามเลย

สำหรับทวีปฝานซิงโจวแล้ว  ทวีปซางโจวไม่มีผลประโยชน์อะไร  เป็นที่แห้งแล้งและยากจนจะมีประโยชน์อะไรที่จะพยายามเข้ายึดพวกเขา? เพื่อแสนชีวิตน่ะหรือ? นั่นช่างตลกจริงๆ

แต่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้

เพราะซุนเจี๋ยตายและกองพลที่แปดและกองพลที่สามสิบหกก็มีคนตาย ถ้าทวีปฝานซิงโจวไม่ลงมืออะไรบ้าง อย่างนั้นมหาอำนาจที่ทรงพลังและร่ำรวยรอบๆด้านก็จะฉวยโอกาสเหมือนสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์

ดังนั้นไม่เพียงแต่ปู้จื้อเฟยต้องชนะสงครามที่จะมีมาถึงเท่านั้น  แต่ต้องทำให้ได้อย่างงดงาม  ทวีปฝานซิงโจวจำเป็นต้องชนะ และต้องเป็นชัยชนะที่ไร้ข้อกังขาและท่วมท้นจนสามารถพิสูจน์ให้ทวีปอื่นๆทราบว่าพวกเขามีพลังจะป้องกันตัวเอง

เรื่องนี้ทำให้ปู้จื้อเฟยระมัดระวังมากขึ้น

บริเวณปากอ่าวไม่มีที่กำบังหรือฐานป้องกันใดๆดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีกำลังคนอย่างจำกัด สำหรับทวีปใดๆการตั้งป้อมไว้รอบปากอ่าวเป็นการป้องกันพื้นฐานสุด  แต่รอบๆ ปากอ่าวในทวีปซางโจว มีแต่ฝั่งว่างๆ

ความเครียดในใจของปู้จื้อเฟยคลายตัว  แต่เมื่อเขามองดูปากอ่าวดีๆ เขาถึงกับส่ายศีรษะมันกว้างเพียง 150 เมตร ดังนั้นเรือรบของกองพลที่เจ็ดไม่สามารถเข้าไปได้  อ่าวเล็กอย่างนั้นช่างเป็นแผ่นดินที่ยากจนจริงๆ ต่อให้เป็นเรือสินค้าใหญ่หน่อยก็ยังบินเข้าไปไม่ได้

“พวกเจ้า 200 คนจะต้องคอยคุ้มกันเรือ  ส่วนพวกที่เหลือจะไปที่ทวีปกัน”

ปู้จื้อเฟยออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว

กองพลที่เจ็ดจัดขบวนใหม่อย่างรวดเร็วและเรียบร้อยและบินเข้าไปในปากอ่าว

“พวกมันช้าแบบนี้ได้ยังไง?  คอยอยู่หลายวันแล้วพวกมันก็ยังไม่มาเสียที?” หลิงซิ่วไม่พอใจ เขาอยู่คุ้มกันปากอ่าวทุกวัน และทำให้เสียเวลาในการฝึก

เขามีความรู้สึกที่ดีเมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากวิชาหอกของเขามีความรุดหน้า แต่ก็ทำให้เขาไม่สบายใจที่ไม่สามารถคร่ำเคร่งกับการฝึกได้

ในระยะห่างอาเฮ่อและจิ่งหาวลอยตัวอยู่ในท้องฟ้านั่งขัดสมาธิหลับตา  จากแตกต่างกันก็คือกระบี่กระเรียนของอาเฮ่อลอยอยู่ข้างตัวเขา ขณะที่กระบี่ดื่มเลือดเซียนพาดขวางอยู่บนตักของเขา

หลังจากสู้กันครั้งสุดท้ายกระบี่ดื่มเลือดเซียนได้อาบเลือดเซียนดังนั้นจึงเริ่มเปล่งรังสีอำมหิตขนาดใหญ่อย่างน่าประหลาดใจ  และเริ่มปั่นป่วนกระสับกระส่าย  แต่ก็ช่วยไม่ได้เนื่องจากจิ่งหาวเป็นเหมือนภูเขาไม่หวั่นไหว ข่มมันได้อย่างมั่นคง

ปราณที่กระบี่กระเรียนเปล่งออกมาก็แตกต่างออกไปบางคราก็เบาและเลือนราง แต่บางคราวก็เปิดเผยและคงที่ แต่ไม่ส่งผลต่อการเผชิญกับปราณดุร้ายของกระบี่ดื่มเลือดเซียน

“แทงแม่งให้ตาย!  แทงแม่งให้ตาย!  แทงแม่งให้ตาย!”

หลิงซิ่วคำรามอยู่ข้างๆร่างของเขาเคลื่อนไหวเหมือนสายฟ้า ครั้งแล้วครั้งเล่ารังสีหอกพุ่งเข้าไปในปากอ่าว แสงสว่างวาบขึ้น เขาก็กำลังฝึกวิชาหอกวิ่ง!

เมื่อเขาเริ่มซึมซาบเข้าใจวิชาหอกวิ่งในวิชาหอกของเขา  เขาตระหนักได้โดยเร็วว่ามันไม่ได้ใช้แต่เพียงระเบิดพลังไปข้างหน้า แต่สามารถใช้ในด้านการสู้รบได้

แม้ว่าเสียงคำรามของเขาจะไม่เคยหยุด  แต่ดูเหมือนว่าความอดทนของเขาจะถึงจุดที่วิกฤติ  แต่การปล่อยพลังหอกของเขาไม่ส่งผลอะไรแม้แต่น้อย  เขาฝึกครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ตัดทอนเลย

ทันใดนั้นเขาหยุดทันที

อาเฮ่อและจิ่งหาวที่อยู่ในระยะไกลลืมตา

“พวกมันมาถึงนี่แล้ว”

ทั้งสามคนมองหน้ากันเอง อาเฮ่อลุกขึ้นยืนและกระบี่กระเรียนที่กำลังบินอยู่รอบๆก็บินเข้ามาในมือของเขา จิ่งหาวคว้ากระบี่ดื่มเลือดเซียนและยืนขึ้นโดยไม่พูดอะไร  หลิงซิ่วผู้อารมณ์ร้อนเก็บปราณทั้งหมดทันทีและมองดูที่ไกลเงียบๆ

ทั้งสามคนเหมือนกับนักล่ากำลังรอเหยื่อของพวกเขา

“หน่วยกองหน้าจะเข้าไปก่อน  คอยระวังศัตรูลอบทำร้ายด้วย”  ปู้จื้อเฟยกล่าว การเข้าทวีปทำได้ง่ายก็เป็นเวลาถูกลอบทำร้ายได้ง่ายเช่นกัน

“ขอรับ!”  หัวหน้าหน่ยวหน้าชื่อหลงหนานตอบรับเขามองไปรอบๆ จากนั้นสั่ง “หน่วยหน้า...เคลื่อนขบวน”

หน่วยหน้าประกอบด้วยคนจำนวน50 คน  ทั้งหมดนั้นเป็นยอดฝีมือ  หลงหนานเคยเป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสียงมีพลังที่โดดเด่นที่ปู้จื้อเฟยดึงเข้ามาทำงานด้วย ดังนั้นหน่วยของเขาจึงเปลี่ยนเป็นหน่วยหน้า

หลงหนานไม่เห็นด้วยกับความรอบคอบของปู้จื้อเฟยและหวังว่าศัตรูจะโผล่ออกมาท้าทายเขา

ห้าสิบคนในหน่วยดูเหมือนจะมีรูปแบบที่สับสน แต่ว่าแต่ละคนจะรักษาระยะห่างระหว่างกันที่เหมาะสม  เพราะว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นเพื่อนร่วมกลุ่มแต่ละคนจะสามารถตั้งตัวและดำเนินการได้ทันที กลยุทธการต่อสู้ของหน่วยหน้าจะแตกต่างไปจากกองทัพอย่างสิ้นเชิง  และแม้ว่าพวกเขาจะเป็นกองทหารรับจ้าง  แต่พวกเขาก็แข็งแกร่งกันมากทุกคน  ดังนั้นพวกเขาจึงมีความสามารถในการรุกสู้ด้วย

ลำแสงสว่างรอบๆพวกเขามาจากพื้นใต้เท้าพวกเขา ทะลุผ่านเมฆและป่า

พวกเขาเป็นคนที่มีฝีมือและกล้าหาญ  พวกเขาไม่ได้ปล่อยตัวร่วงลงมาอย่างอิสระ แต่กลับเพิ่มความเร็วของพวกเขาพุ่งลงมาเหมือนกับลูกธนูที่มีความเร็วที่ไม่ธรรมดา

ควั่บ!

ภาพปากอ่าวพุ่งผ่านสายตาของหลงหนานและในพริบตาพวกเขาก็มาจนเกือบถึงท้ายเส้นทางปากอ่าวเพื่อเข้าสู่ทวีปซางโจว ทันใดนั้นหลงหนานมีความรู้สึกอย่างหนึ่งในใจ  หน้าของเขาเปลี่ยน  เขาตะโกนทันที “ระวัง!”

สมาชิกที่บินออกมาจากทางผ่านดูเหมือนจะอยู่ในสภาพเหมือนเมาเหล้าทุกคนสูญเสียการควบคุมร่างกาย

โจมตีทางจิต!

หลงหนานไม่เคยคาดเลยว่าพวกเขาจะเผชิญกับการโจมตีทางพลังจิตในแผ่นดินกันดารแห่งนี้ เซียนที่เชี่ยวชาญในการโจมตีทางจิตมีจำนวนน้อยมาก  และเป็นสิ่งที่คนเกลียดมากที่สุด  แต่ในขณะเดียวกัน  พวกเขาทุกคนก็มีค่าตัวสูงมาก  หลงหนานไม่มีเวลาชะลอความเร็วของเขา  แต่ด้วยประสบการณ์มากมายของเขา  เขากัดฟันและกระตุ้นพลังในร่างกายของเขาเกิดชั้นพลังงานรอบตัวเขา

พลังงานที่หนาแน่นสามารถทำลายการโจมตีทางจิตได้ระดับหนึ่ง

เป็นไปตามคาดทันทีที่เขาออกจากปากอ่าว สภาพใจของเขาก็สั่นสะท้านทันทีราวกับว่าตกลงไปในใยแมงมุมที่ไร้สภาพ

เขากัดลิ้นตัวเองทันที  ความเจ็บปวดและเลือดที่เต็มปากขับไล่พลังจิตโจมตีได้ทันที สายตาของเขาได้เห็นนักสู้ผู้น่ากลัวที่เป็นคนโจมตีทางจิต

บุรุษหนุ่มชุดดำยืนถือกระบี่เล่มหนึ่งเหมือนกับนกกระเรียนเริงระบำ เขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วอยู่ในกลางอากาศ

แต่เขาไม่เคยคาดเลยว่าใยที่อยู่ข้างเขาจะมีเพียงชั้นเดียว

รังสีรัศมีสีเงินฉายประกายครอบคลุมสายตาของเขา ปราณที่แหลมคมทะลวงตรงเข้าหาระหว่างคิ้วของหลงหนานทันที  เขาสะท้านใจ รังสีหอก!

รังสีหอกปริมาณหนาแน่นครอบคลุมเต็มท้องฟ้า  แม้ว่าพลังของพวกเขาอาจไม่นับว่าแข็งแกร่ง  แต่สามารถใช้ได้ถึงระดับนั้นนับว่าเต็มไปด้วยศักยภาพในการฆ่าฟัน

ชี่ชี่  ชี่!

สมาชิกหน่วยหน้าที่สูญเสียการควบคุมมีโลหิตฉีดพุ่งกระจาย ในพริบตามีพวกเขาถูกแทงไปสิบคน

ตาหลงหนานกลายเป็นสีแดง  เขาคำรามและปล่อยหมัดขวาออกไปทันที!

รังสีหมัดเจิดจ้ายิงออกไปเหมือนดาวตกทำลายปราณวิญญาณที่ครอบคลุมสถานที่ทั้งหมด

แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ  แต่เขาจำเป็นต้องทำลายข่ายหอกให้ได้

แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันการโจมตีทางจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ความสามารถในการสังหารและทำร้ายของพวกเขายังไม่แข็งแกร่งนัก ส่วนใหญ่ใช้การทำลายสภาพจิตใจของฝ่ายตรงข้าม  ตราบใดที่พวกเขาสามารถหนีไปจากพื้นที่ได้  สมาชิกของเขาจะฟื้นฟูความสามารถในการต่อสู้ได้อีกครั้ง

หมัดของเขาคือวิชาไม้ตายของเขากินพลังงานถึงสามในสี่ของร่างกาย โดยแปลงพลังงานเป็นเปลวไฟหมุนด้วยความเร็วสูงก็จะผสานกันเป็นเหมือนอ่างวังวนยาวใหญ่มหึมาถึง 60เมตรเหมือนกับกงจักรเพลิงขนาดยักษ์

วังวนจักรเพลิง

พลังหมัดสามารถกรุยทางผ่านฝนหอกไปได้

ทันใดนั้น ความรู้สึกถึงอันตรายผ่านเข้ามาในใจของเขาก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว วังวนจักรเพลิงข้างหน้าของเขาถูกตัดขาดเป็นสองส่วนเหมือนกับมีดตัดเต้าหู้

วังวนจักรเพลิงที่แตกขาดปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งกำลังถือกระบี่

นี่.. นี่เป็นไปได้ยังไง...

***********************

ปิงมองดูป้อมไพรกระบี่ที่สำเร็จแล้ว  เขามีสีหน้าท่าทางพอใจ ป้อมไพรกระบี่ที่สำเร็จแล้วสามารถทนรับพลังโจมตีที่กล้าแข็งได้  แม้ว่าในมือของเขาจะมีแต่กองกำลังรักษาการณ์เมืองไป๋กวงให้ใช้ได้เท่านั้น

เมื่อเขาได้ยินว่าถังห้าวซื้อทหารสองกองพล  ปิงตะลึงเขาไม่เคยได้ยินว่าทหารสามารถซื้อขายกันได้มาก่อน

แต่ถังห้าวสามารถขายทองดำได้ราคาดี  และนี่ทำให้เขาสบายใจ  เงินคือปัญหาใหญ่  และในความเป็นจริง  ปิงเองก็ไม่เก่งในเรื่องหาเงิน  แต่ถังห้าวเป็นคนที่ไม่ค่อยประมาณตัวเองชอบก่อเรื่องยุ่งยากทุกที่ที่เขาไป

ทันใดนั้น สมบัติในตัวเขาเริ่มสั่นสะเทือนเตือน  หัวใจปิงสั่นสะท้าน  จิ่งหาวและพวกจับตำแหน่งศัตรูได้!

เขาไม่ได้ตั้งความหวังไว้กับกองทหารรักษาการณ์เมืองไป๋กวง  แต่โชคดีที่จิ่งหาวและพวกมีความแข็งแกร่งเพียงพอ  และใช้พวกเขาเป็นยามขณะขาดแคลนทรัพยากร  แต่ก็เป็นเพียงเรื่องเดียวที่เขาสามารถทำได้

‘ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงนี่....’

‘ตามที่คาดเวลาเอาไว้ ก็น่าจะเป็นเวลาที่ทวีปฝานซิงโจวจะลงมือแล้ว’

เสียงเตือนภัยดังไปทั่วสถานที่ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนและหยุดกิจกรรมที่กำลังทำ  เมื่อพวกเขารู้ตัวในที่สุดพวกเขาทุกคนวิ่งไปที่ป้อมไพรกระบี่

ในศูนย์กลางป้อมไพรกระบี่แสงประกายระยิบระยับเจิดจ้าขึ้น จากนั้นก็เริ่มขยายไปด้านนอก ป้อมกระบี่ทั้ง 36เริ่มสะเทือนและเปล่งประกายเหมือนกระบี่ฉายขึ้นไปในท้องฟ้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด