ตอนที่ 615 ตัดปากอ่าว
ปู้จื้อเฟยมองดูขณะที่คนของซุนเจี๋ยรายงานผลสงครามอย่างระมัดระวัง
สรุปผลสงครามปกติจะรวบรวมได้โดยผู้โชคดีรอดชีวิต กระบวนการทั้งหมดของสงครามและการฟื้นฟูรวบรวมรายละเอียดที่จะกลายเป็นข้อมูลสำคัญเพื่อประเมินพลังของศัตรู
ปู้จื้อเฟยรู้เนื้อหาบทสรุปทั้งภายในและภายนอก เนื่องจากเขาพลิกอ่านดูอยู่หลายรอบแล้ว พลังของซุนเจี๋ยไม่ด้อยไปกว่าเขาแต่เขาก็ยังกลัวตาย ดังนั้นเขาจะไม่มีทางประมาทศัตรู แม้ว่าในข้อมูลจะเป็นการประเมินศัตรูไว้ต่ำมาก ‘สือเซินทรยศ’ ฯลฯ แต่ปู้จื้อเฟยไม่ได้รับผลกระทบจากข้อมูลเหล่านั้นทั้งหมด บางทีซุนเจี๋ยคงจะประมาทศัตรู,แต่การหักหลังของสือเซินก็สร้างอิทธิพลใหญ่จริงๆ และพลังรบของศัตรูก็ยังแข็งแกร่งเช่นกัน
พูดถึงการหักหลังของสือเซินทำเอาเจ้าครองทวีปถึงกับโมโหโกรธา สิ่งที่ทำให้เขาโกรธไม่ใช่เรื่องการทรยศ แต่เป็นพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งซึ่งถูกซ่อนเอาไว้ในทวีปฝานซิงโจวและเป็นเหมือนกับการตบหน้า มีผู้สงสัยบางอย่างเกี่ยวกับสือเซินหลังจากตามสืบอย่างต่อเนื่อง มันกลับถูกลบล้างไปหมด การเปลี่ยนแปลงในกองพลที่สามสิบหกก็ถูกเปิดเผยเช่นกัน ความเกียจคร้านของซุนเจิ้งและการยึดอำนาจผู้นำกองพลที่สามสิบหกเป็นสาเหตุให้มีการเปลี่ยนแปลง
การสอบสวนเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทวีปฝานซิงโจวสร้างเหตุผลให้พวกเขาส่งกองกำลังออกไปได้ หากไม่มีเหตุผลที่ชัดเจน ทวีปฝานซิงโจวจะเสียเปรียบ และถ้าพวกเขาไม่สามารถหาผู้คนที่คอยดูแลทวีปฝานซิงโจวให้เร็วก็จะเป็นอันตรายอย่างมาก
และพวกที่สูญเสียมากที่สุดย่อมเป็นตระกูลซุนอย่างมิต้องสงสัย ซุนเจี๋ยถูกวางตัวไว้เป็นบุคคลสำคัญที่สุดของตระกูลซุนและคนที่มีสายตามองการณ์ไกลสักเล็กน้อยก็พอจะรู้ว่าด้วยการตายของซุนเจี๋ยอาจเป็นจุดเปลี่ยนของตระกูลซุนจากความรุ่งเรืองกลายเป็นตกต่ำ ซุนเจิ้งตกอยู่ในเงื้อมมือของบุคคลลึกลับในทวีปซางโจวถ้าตระกูลซุนต้องการจะไถ่ตัวเขากลับมา พวกเขาจะต้องยกสมบัติให้จำนวนมาก
ตระกูลซุนจะอยู่รอดหรือตกต่ำก็ไม่สำคัญต่อปู้จื้อเฟยสิ่งที่เขาสนใจมากก็คือความสามารถในการต่อสู้ที่ศัตรูแสดงออกมา ประการแรกเป็นเรื่องความเชี่ยวชาญที่พวกเขามี ยอดฝีมือสองสามคนมีพลังที่แข็งแกร่งเฉพาะตัว และมีอาวุธที่แปลกประหลาดหอกสีน้ำเงินซึ่งเขาสงสัยว่าอาจเป็นหอกน้ำแข็งฟ้า และกล่องเล็กสีบรอนซ์ซึ่งเขาไม่เคยเห็นหรือได้ยินมาก่อน กลุ่มของสือเซินเป็นกลุ่มที่เล็กแต่แข็งแกร่งและมีฝีมือดีกว่าที่เขาคิด และหลังจากเปลี่ยนอาวุธคู่มือกลุ่มฝีมือดีนี้สร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับปู้จื้อเฟย
ทวีปฝานซิงโจวมีกองทัพระดับเงินอยู่แปดกองพล นอกจากกองพลที่แปดของซุนเจี๋ยแล้ว ยังมีกองทัพระดับเงินอีกเจ็ดกองพล แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือการสร้างสะพานลอย เพื่อเตรียมรับมือกับคนแคระน้ำเงินที่อาจปรากฏตัวขึ้นได้ทุกเมื่อ กองทัพระดับเงินสองกองพลถูกสั่งให้เฝ้าระวัง
ทวีปฝานซิงโจวสามารถเข้ามาได้จากรอบด้าน และนี่คือการสร้างการค้าขนาดใหญ่ในทวีปฝานซิงโจว แต่ว่าก็ต้องหมายความว่าถ้าทวีปฝานซิงโจวจะต้องร่วมสงครามก็จำเป็นต้องมีการป้องกันอยู่หลายที่บางส่วนของสถานที่ไม่สำคัญสามารถปล่อยให้กองทัพธรรมดาดูแลได้ แต่ยิ่งมีการตั้งที่สำคัญก็ย่อมต้องการกองทัพระดับเงินเพื่อเฝ้าระวัง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจถูกเรียกระดมกำลังได้
ในเวลาปกติกองพลที่แปดของซุนเจี๋ยและกองพลที่เจ็ดของปู้จื้อเฟยจะเรียกระดมและพร้อมทำงานได้เร็ว และเป็นกองทัพที่มากไปด้วยฝีมือ แต่ด้วยเหตุเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน ความล่มสลายของกองพลที่แปดก็หมายความว่ามีแต่กองพลที่เจ็ดของปู้จื้อเฟยเท่านั้นที่สามารถถูกส่งเข้าร่วมสงคราม
ปู้จื้อเฟยมีพลังที่โดดเด่นและเป็นคนที่ไม่ประมาท กองพลที่เจ็ดของเขาคือกองทัพระดับเงิน และในทวีปฝานซิงโจวพวกเขาเป็นกองทัพที่มีความคิดดี
ปู้จื้อเฟยฝืนหัวเราะ ความจริงเขาไม่ต้องการสู้ในสงครามเลย
สำหรับทวีปฝานซิงโจวแล้ว ทวีปซางโจวไม่มีผลประโยชน์อะไร เป็นที่แห้งแล้งและยากจนจะมีประโยชน์อะไรที่จะพยายามเข้ายึดพวกเขา? เพื่อแสนชีวิตน่ะหรือ? นั่นช่างตลกจริงๆ
แต่เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้
เพราะซุนเจี๋ยตายและกองพลที่แปดและกองพลที่สามสิบหกก็มีคนตาย ถ้าทวีปฝานซิงโจวไม่ลงมืออะไรบ้าง อย่างนั้นมหาอำนาจที่ทรงพลังและร่ำรวยรอบๆด้านก็จะฉวยโอกาสเหมือนสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
ดังนั้นไม่เพียงแต่ปู้จื้อเฟยต้องชนะสงครามที่จะมีมาถึงเท่านั้น แต่ต้องทำให้ได้อย่างงดงาม ทวีปฝานซิงโจวจำเป็นต้องชนะ และต้องเป็นชัยชนะที่ไร้ข้อกังขาและท่วมท้นจนสามารถพิสูจน์ให้ทวีปอื่นๆทราบว่าพวกเขามีพลังจะป้องกันตัวเอง
เรื่องนี้ทำให้ปู้จื้อเฟยระมัดระวังมากขึ้น
บริเวณปากอ่าวไม่มีที่กำบังหรือฐานป้องกันใดๆดูเหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีกำลังคนอย่างจำกัด สำหรับทวีปใดๆการตั้งป้อมไว้รอบปากอ่าวเป็นการป้องกันพื้นฐานสุด แต่รอบๆ ปากอ่าวในทวีปซางโจว มีแต่ฝั่งว่างๆ
ความเครียดในใจของปู้จื้อเฟยคลายตัว แต่เมื่อเขามองดูปากอ่าวดีๆ เขาถึงกับส่ายศีรษะมันกว้างเพียง 150 เมตร ดังนั้นเรือรบของกองพลที่เจ็ดไม่สามารถเข้าไปได้ อ่าวเล็กอย่างนั้นช่างเป็นแผ่นดินที่ยากจนจริงๆ ต่อให้เป็นเรือสินค้าใหญ่หน่อยก็ยังบินเข้าไปไม่ได้
“พวกเจ้า 200 คนจะต้องคอยคุ้มกันเรือ ส่วนพวกที่เหลือจะไปที่ทวีปกัน”
ปู้จื้อเฟยออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว
กองพลที่เจ็ดจัดขบวนใหม่อย่างรวดเร็วและเรียบร้อยและบินเข้าไปในปากอ่าว
“พวกมันช้าแบบนี้ได้ยังไง? คอยอยู่หลายวันแล้วพวกมันก็ยังไม่มาเสียที?” หลิงซิ่วไม่พอใจ เขาอยู่คุ้มกันปากอ่าวทุกวัน และทำให้เสียเวลาในการฝึก
เขามีความรู้สึกที่ดีเมื่อเร็วๆนี้ เนื่องจากวิชาหอกของเขามีความรุดหน้า แต่ก็ทำให้เขาไม่สบายใจที่ไม่สามารถคร่ำเคร่งกับการฝึกได้
ในระยะห่างอาเฮ่อและจิ่งหาวลอยตัวอยู่ในท้องฟ้านั่งขัดสมาธิหลับตา จากแตกต่างกันก็คือกระบี่กระเรียนของอาเฮ่อลอยอยู่ข้างตัวเขา ขณะที่กระบี่ดื่มเลือดเซียนพาดขวางอยู่บนตักของเขา
หลังจากสู้กันครั้งสุดท้ายกระบี่ดื่มเลือดเซียนได้อาบเลือดเซียนดังนั้นจึงเริ่มเปล่งรังสีอำมหิตขนาดใหญ่อย่างน่าประหลาดใจ และเริ่มปั่นป่วนกระสับกระส่าย แต่ก็ช่วยไม่ได้เนื่องจากจิ่งหาวเป็นเหมือนภูเขาไม่หวั่นไหว ข่มมันได้อย่างมั่นคง
ปราณที่กระบี่กระเรียนเปล่งออกมาก็แตกต่างออกไปบางคราก็เบาและเลือนราง แต่บางคราวก็เปิดเผยและคงที่ แต่ไม่ส่งผลต่อการเผชิญกับปราณดุร้ายของกระบี่ดื่มเลือดเซียน
“แทงแม่งให้ตาย! แทงแม่งให้ตาย! แทงแม่งให้ตาย!”
หลิงซิ่วคำรามอยู่ข้างๆร่างของเขาเคลื่อนไหวเหมือนสายฟ้า ครั้งแล้วครั้งเล่ารังสีหอกพุ่งเข้าไปในปากอ่าว แสงสว่างวาบขึ้น เขาก็กำลังฝึกวิชาหอกวิ่ง!
เมื่อเขาเริ่มซึมซาบเข้าใจวิชาหอกวิ่งในวิชาหอกของเขา เขาตระหนักได้โดยเร็วว่ามันไม่ได้ใช้แต่เพียงระเบิดพลังไปข้างหน้า แต่สามารถใช้ในด้านการสู้รบได้
แม้ว่าเสียงคำรามของเขาจะไม่เคยหยุด แต่ดูเหมือนว่าความอดทนของเขาจะถึงจุดที่วิกฤติ แต่การปล่อยพลังหอกของเขาไม่ส่งผลอะไรแม้แต่น้อย เขาฝึกครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ตัดทอนเลย
ทันใดนั้นเขาหยุดทันที
อาเฮ่อและจิ่งหาวที่อยู่ในระยะไกลลืมตา
“พวกมันมาถึงนี่แล้ว”
ทั้งสามคนมองหน้ากันเอง อาเฮ่อลุกขึ้นยืนและกระบี่กระเรียนที่กำลังบินอยู่รอบๆก็บินเข้ามาในมือของเขา จิ่งหาวคว้ากระบี่ดื่มเลือดเซียนและยืนขึ้นโดยไม่พูดอะไร หลิงซิ่วผู้อารมณ์ร้อนเก็บปราณทั้งหมดทันทีและมองดูที่ไกลเงียบๆ
ทั้งสามคนเหมือนกับนักล่ากำลังรอเหยื่อของพวกเขา
“หน่วยกองหน้าจะเข้าไปก่อน คอยระวังศัตรูลอบทำร้ายด้วย” ปู้จื้อเฟยกล่าว การเข้าทวีปทำได้ง่ายก็เป็นเวลาถูกลอบทำร้ายได้ง่ายเช่นกัน
“ขอรับ!” หัวหน้าหน่ยวหน้าชื่อหลงหนานตอบรับเขามองไปรอบๆ จากนั้นสั่ง “หน่วยหน้า...เคลื่อนขบวน”
หน่วยหน้าประกอบด้วยคนจำนวน50 คน ทั้งหมดนั้นเป็นยอดฝีมือ หลงหนานเคยเป็นโจรสลัดที่มีชื่อเสียงมีพลังที่โดดเด่นที่ปู้จื้อเฟยดึงเข้ามาทำงานด้วย ดังนั้นหน่วยของเขาจึงเปลี่ยนเป็นหน่วยหน้า
หลงหนานไม่เห็นด้วยกับความรอบคอบของปู้จื้อเฟยและหวังว่าศัตรูจะโผล่ออกมาท้าทายเขา
ห้าสิบคนในหน่วยดูเหมือนจะมีรูปแบบที่สับสน แต่ว่าแต่ละคนจะรักษาระยะห่างระหว่างกันที่เหมาะสม เพราะว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นเพื่อนร่วมกลุ่มแต่ละคนจะสามารถตั้งตัวและดำเนินการได้ทันที กลยุทธการต่อสู้ของหน่วยหน้าจะแตกต่างไปจากกองทัพอย่างสิ้นเชิง และแม้ว่าพวกเขาจะเป็นกองทหารรับจ้าง แต่พวกเขาก็แข็งแกร่งกันมากทุกคน ดังนั้นพวกเขาจึงมีความสามารถในการรุกสู้ด้วย
ลำแสงสว่างรอบๆพวกเขามาจากพื้นใต้เท้าพวกเขา ทะลุผ่านเมฆและป่า
พวกเขาเป็นคนที่มีฝีมือและกล้าหาญ พวกเขาไม่ได้ปล่อยตัวร่วงลงมาอย่างอิสระ แต่กลับเพิ่มความเร็วของพวกเขาพุ่งลงมาเหมือนกับลูกธนูที่มีความเร็วที่ไม่ธรรมดา
ควั่บ!
ภาพปากอ่าวพุ่งผ่านสายตาของหลงหนานและในพริบตาพวกเขาก็มาจนเกือบถึงท้ายเส้นทางปากอ่าวเพื่อเข้าสู่ทวีปซางโจว ทันใดนั้นหลงหนานมีความรู้สึกอย่างหนึ่งในใจ หน้าของเขาเปลี่ยน เขาตะโกนทันที “ระวัง!”
สมาชิกที่บินออกมาจากทางผ่านดูเหมือนจะอยู่ในสภาพเหมือนเมาเหล้าทุกคนสูญเสียการควบคุมร่างกาย
โจมตีทางจิต!
หลงหนานไม่เคยคาดเลยว่าพวกเขาจะเผชิญกับการโจมตีทางพลังจิตในแผ่นดินกันดารแห่งนี้ เซียนที่เชี่ยวชาญในการโจมตีทางจิตมีจำนวนน้อยมาก และเป็นสิ่งที่คนเกลียดมากที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาทุกคนก็มีค่าตัวสูงมาก หลงหนานไม่มีเวลาชะลอความเร็วของเขา แต่ด้วยประสบการณ์มากมายของเขา เขากัดฟันและกระตุ้นพลังในร่างกายของเขาเกิดชั้นพลังงานรอบตัวเขา
พลังงานที่หนาแน่นสามารถทำลายการโจมตีทางจิตได้ระดับหนึ่ง
เป็นไปตามคาดทันทีที่เขาออกจากปากอ่าว สภาพใจของเขาก็สั่นสะท้านทันทีราวกับว่าตกลงไปในใยแมงมุมที่ไร้สภาพ
เขากัดลิ้นตัวเองทันที ความเจ็บปวดและเลือดที่เต็มปากขับไล่พลังจิตโจมตีได้ทันที สายตาของเขาได้เห็นนักสู้ผู้น่ากลัวที่เป็นคนโจมตีทางจิต
บุรุษหนุ่มชุดดำยืนถือกระบี่เล่มหนึ่งเหมือนกับนกกระเรียนเริงระบำ เขาเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วอยู่ในกลางอากาศ
แต่เขาไม่เคยคาดเลยว่าใยที่อยู่ข้างเขาจะมีเพียงชั้นเดียว
รังสีรัศมีสีเงินฉายประกายครอบคลุมสายตาของเขา ปราณที่แหลมคมทะลวงตรงเข้าหาระหว่างคิ้วของหลงหนานทันที เขาสะท้านใจ รังสีหอก!
รังสีหอกปริมาณหนาแน่นครอบคลุมเต็มท้องฟ้า แม้ว่าพลังของพวกเขาอาจไม่นับว่าแข็งแกร่ง แต่สามารถใช้ได้ถึงระดับนั้นนับว่าเต็มไปด้วยศักยภาพในการฆ่าฟัน
ชี่ชี่ ชี่!
สมาชิกหน่วยหน้าที่สูญเสียการควบคุมมีโลหิตฉีดพุ่งกระจาย ในพริบตามีพวกเขาถูกแทงไปสิบคน
ตาหลงหนานกลายเป็นสีแดง เขาคำรามและปล่อยหมัดขวาออกไปทันที!
รังสีหมัดเจิดจ้ายิงออกไปเหมือนดาวตกทำลายปราณวิญญาณที่ครอบคลุมสถานที่ทั้งหมด
แม้ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บ แต่เขาจำเป็นต้องทำลายข่ายหอกให้ได้
แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะป้องกันการโจมตีทางจิตได้อย่างมีประสิทธิภาพแต่ความสามารถในการสังหารและทำร้ายของพวกเขายังไม่แข็งแกร่งนัก ส่วนใหญ่ใช้การทำลายสภาพจิตใจของฝ่ายตรงข้าม ตราบใดที่พวกเขาสามารถหนีไปจากพื้นที่ได้ สมาชิกของเขาจะฟื้นฟูความสามารถในการต่อสู้ได้อีกครั้ง
หมัดของเขาคือวิชาไม้ตายของเขากินพลังงานถึงสามในสี่ของร่างกาย โดยแปลงพลังงานเป็นเปลวไฟหมุนด้วยความเร็วสูงก็จะผสานกันเป็นเหมือนอ่างวังวนยาวใหญ่มหึมาถึง 60เมตรเหมือนกับกงจักรเพลิงขนาดยักษ์
วังวนจักรเพลิง
พลังหมัดสามารถกรุยทางผ่านฝนหอกไปได้
ทันใดนั้น ความรู้สึกถึงอันตรายผ่านเข้ามาในใจของเขาก่อนที่เขาจะทันรู้ตัว วังวนจักรเพลิงข้างหน้าของเขาถูกตัดขาดเป็นสองส่วนเหมือนกับมีดตัดเต้าหู้
วังวนจักรเพลิงที่แตกขาดปรากฏร่างของคนผู้หนึ่งกำลังถือกระบี่
นี่.. นี่เป็นไปได้ยังไง...
***********************
ปิงมองดูป้อมไพรกระบี่ที่สำเร็จแล้ว เขามีสีหน้าท่าทางพอใจ ป้อมไพรกระบี่ที่สำเร็จแล้วสามารถทนรับพลังโจมตีที่กล้าแข็งได้ แม้ว่าในมือของเขาจะมีแต่กองกำลังรักษาการณ์เมืองไป๋กวงให้ใช้ได้เท่านั้น
เมื่อเขาได้ยินว่าถังห้าวซื้อทหารสองกองพล ปิงตะลึงเขาไม่เคยได้ยินว่าทหารสามารถซื้อขายกันได้มาก่อน
แต่ถังห้าวสามารถขายทองดำได้ราคาดี และนี่ทำให้เขาสบายใจ เงินคือปัญหาใหญ่ และในความเป็นจริง ปิงเองก็ไม่เก่งในเรื่องหาเงิน แต่ถังห้าวเป็นคนที่ไม่ค่อยประมาณตัวเองชอบก่อเรื่องยุ่งยากทุกที่ที่เขาไป
ทันใดนั้น สมบัติในตัวเขาเริ่มสั่นสะเทือนเตือน หัวใจปิงสั่นสะท้าน จิ่งหาวและพวกจับตำแหน่งศัตรูได้!
เขาไม่ได้ตั้งความหวังไว้กับกองทหารรักษาการณ์เมืองไป๋กวง แต่โชคดีที่จิ่งหาวและพวกมีความแข็งแกร่งเพียงพอ และใช้พวกเขาเป็นยามขณะขาดแคลนทรัพยากร แต่ก็เป็นเพียงเรื่องเดียวที่เขาสามารถทำได้
‘ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงนี่....’
‘ตามที่คาดเวลาเอาไว้ ก็น่าจะเป็นเวลาที่ทวีปฝานซิงโจวจะลงมือแล้ว’
เสียงเตือนภัยดังไปทั่วสถานที่ทำให้สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนและหยุดกิจกรรมที่กำลังทำ เมื่อพวกเขารู้ตัวในที่สุดพวกเขาทุกคนวิ่งไปที่ป้อมไพรกระบี่
ในศูนย์กลางป้อมไพรกระบี่แสงประกายระยิบระยับเจิดจ้าขึ้น จากนั้นก็เริ่มขยายไปด้านนอก ป้อมกระบี่ทั้ง 36เริ่มสะเทือนและเปล่งประกายเหมือนกระบี่ฉายขึ้นไปในท้องฟ้า