ตอนที่ 613 ภายในแผนการ
หลิงเซี่ยตื่นแต่เช้าตรู่ หลังจากอาบน้ำบิดานางก็เรียกหาตัวนาง เมื่อเห็นนาง เขายื่นชิ้นกระดาษให้นาง
นางรับกระดาษมาดูด้วยสีหน้าสงสัยและเมื่อนางอ่านเนื้อความในกระดาษแล้ว ความสับสนในตัวหายไปทันที มือของนางเริ่มสั่นเหมือนกับว่าชิ้นกระดาษนั้นหนักเป็นพันตัน ปากของนางแห้ง “นะนี่...นี่เป็นเรื่องจริงหรือ?”
“ใช่”หลิงหยวนหงยอมรับว่าเมื่อเขาได้รับข่าว เขาเองก็ไม่ต่างไปจากธิดาของเขา แต่ในทันใดนั้น เขาสงบจิตใจได้ทันที
“บ้าระห่ำเกินไปแล้ว” หลิงเซี่ยพึมพำ
หลิงหยวนหงก็รู้สึกทำนองเดียวกัน และพยักหน้า “บ้าระห่ำเกินไป”
เขาเปลี่ยนหัวข้อคุย “เจ้าเข้าใจเรื่องของเขามากเพียงไหน?”
หลิงเซี่ยค่อยรู้สึกตัว แม้ว่าหน้าของนางจะดูตกใจและฟุ้งซ่าน แต่นางฝืนหัวเราะ “แทบไม่มีอะไรเลย ครอบครัว เบื้องหลังฐานอำนาจของเขา ไม่มีอะไร”
“ยังจะไม่สงบเร็วๆนี้แน่” หลิงหยวนหงถอนหายใจ เพราะครอบครัวมีความร่ำรวยหนุนหลัง พวกเขาหยั่งรากลึกในทวีปทรายขาวเครือข่ายของพวกเขาลึกซึ้งจนคนภายนอกไม่มีทางคิดถึงได้
ใจหลิงเซี่ยสั่นสะท้าน นางรู้ว่าบิดาของนางรู้บางอย่าง
หลิงหยวนหงหัวเราะ “และตอนนี้มีคนบ้าและห้าวหาญโผล่ออกมาคนหนึ่ง ข้าสงสัยว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันแน่”
หลิงเซี่ยไม่ค่อยได้เห็นสีหน้าท่าทางที่ซับซ้อนหรือลังเลจากบิดานางมาก่อน แม้ว่าเขาจะเป็นคนอ่อนโยนและเป็นกันเอง แต่เขาเป็นคนที่มีจิตใจมั่นคงและมักมีความแน่วแน่ในหลายเรื่องและยากจะมีทางเลือกใดๆ
“สถานการณ์แย่มากนักหรือ?” หลิงเซี่ยตัดสินใจลองถามดู
“แย่มาก” หลิงหยวนหงถอนหายใจ “ตั้งแต่สามปีที่แล้วเหออิงพาท่านหญิงโหรวไปพบเจ้าปกครองทวีป หลังจากนั้นมาเจ้าปกครองทวีปก็ละเลยงานปกครอง เมื่อสองปีที่แล้วข้าได้ยินว่ากิจการส่วนใหญ่ของทางการตกอยู่ในมือของท่านหญิงโหรวและข้ารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในเงื้อมมือท่านหญิงโหรวช่างเรืองอำนาจนัก เพียงแค่สองปี เหลือผู้อาวุโสอยู่ในแผนกภายในเท่าใด? เมื่อเดือนที่แล้วคุณชายใหญ่พบกับอันตรายร้ายแรง ถ้าไม่ใช่เพราะท่านซัวปี่ไปปกป้องเขาได้ทัน ข้าเกรงว่า...”
หลิงเซี่ยตาเบิกกว้าง หน้าของนางเต็มไปด้วยอาการเหลือเชื่อ “เป็นไปได้ไหมว่า...”
“พวกเขากำลังทำการเคลื่อนไหว” หลิงหยวนหลงพูดน้ำเสียงหนักแน่น “กองพลที่สามและกองพลที่สี่เริ่มมีความโน้มเอียงไปทางเหออิงแล้ว ท่านหญิงโหรวควบคุมหน่วยงานภายในไว้ได้และเริ่มแผ่อำนาจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตระกูลของทวีปทรายขาวกว่าครึ่งตอนนี้ตกอยู่ในความครอบงำของนาง”
“เจ้าปกครองทวีปไม่รู้เรื่องเหล่านี้เชียวหรือ?” หลิงเซี่ยตะลึง
“เจ้าปกครองทวีปหลงสตรีจนโงหัวไม่ขึ้น ท่านหญิงโหรวควบคุมจวนของเจ้าปกครองทวีปไว้แล้ว และตอนนี้เราไม่สามารถพบกับเจ้าปกครองทวีปได้ ในจวนเต็มไปด้วยคนใช้ของท่านหญิงโหรว ตอนแรกเราคิดว่าจะลอบเข้าจวน แต่ใครจะรู้กันว่าบ่าวไพร่เหล่านั้นมีพลังฝีมือสุดหยั่งคาด และเราเสียคนไปหลายคน เบื้องหลังของท่านหญิงโหรวไม่ง่ายอย่างที่เห็น” หลิงหยวนหงขบฟันกล่าว
หลิงเซี่ยไม่เคยคิดว่าสถานการณ์จะเลวร้ายถึงขนาดนั้นหน้าของนางถึงกับถอดสี
“อย่างนั้นตอนนี้เราจะทำยังไง?” หลิงเซี่ยถามอย่างผิดหวัง แม้ว่านางจะเป็นคนฉลาด แต่นางก็ยังอายุเยาว์อยู่ดี
หลิงหงหยวนผงกศีรษะ “นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ข้าเรียกเจ้ามาที่นี่ เจ้าจำเป็นต้องทำสองเรื่อง ประการแรก ไปควบคุมกองพลที่ห้าไว้ให้ได้”
“แต่คำสั่งที่แท้จริงยังไม่ถูกมอบหมาย...” หลิงเซี่ยไม่เข้าใจ
“มันอยู่ที่นี่แล้ว ถูกส่งมาเมื่อเช้านี้” หลิงหยวนหงส่งคำสั่งแต่งตั้งให้หลิงเซี่ย มันถูกเขียนและประทับตราคำสั่งเป็นทางการ “ท่านซัวปี่จัดการเรื่องนี้ด้วยตนเองไม่ต้องรีรอหรือกลัว เจ้าต้องไปควบคุมกองพลที่ห้าในเวลาอันรวดเร็วที่สุด”
“เข้าใจแล้ว” หลิงเซี่ยพยักหน้า
“เรื่องที่สองรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเหมิ่งหนานไว้” หลิงหงหยวนพูดทันที
“ทำไม?” หลิงเซี่ยสะดุ้ง
หลิงหยวนหงจ้องมองด้วยนัยน์ตาลึก “เราทำการประเมินเป็นอย่างดีแล้ว เหออิงและท่านหญิงโหรวเตรียมการภายในของพวกเขาไว้แล้ว ถ้าทุกอย่างยังคงเป็นไปอย่างราบรื่น โอกาสที่เราจะชนะก็คงน้อยลงทุกที เราจำเป็นต้องมีตัวทำลายล้างจากภายนอกคนที่จะทำลายล้างได้ทุกอย่าง”
“ท่านกำลังพูดถึงเหมิ่งหนาน?” หลิงเซี่ยคิดว่านางได้ยินผิด
“ถูกแล้วข้าเพิ่งได้ยินมา” หลิงหยวนหงไม่ปกปิดไว้ “เขาเป็นคนป่าเถื่อน ขวางโลกและกล้าหาญ จะมีใครอื่นที่สมบูรณ์แบบกับงานนี้เท่าเขา?”
“แต่...” หลิงเซี่ยลังเล
“ท่านคิดว่าข้าจะใช้ประโยชน์จากเขาหรือ?” หลิงหยวนหงหัวเราะลั่น “ไม่ต้องห่วง เจ้าไม่ต้องทำอะไรแค่ให้ความสนใจเขา ถ้าเขามีเรื่องยุ่งยากก็ช่วยเหลือเขา ข้ามีลางสังหรณ์ว่าเขาเกิดมาเป็นตัวสร้างความฉิบหาย!”
หลิงเซี่ยถอนหายใจโล่งอก นางไม่ปักใจเชื่อบิดาทั้งหมดนัก แม้ว่านางกับเหมิ่งหนานจะรู้จักกันไม่นาน แต่นางรู้สึกได้ว่าเขาเป็นคนตรงไปตรงมา แต่ค่อนข้างเลินเล่อและไร้เหตุผล และไม่ใช่คนประเภทที่บิดาของนางจะอธิบายได้
หลิงหยวนหงเห็นสีหน้าของหลิงเซี่ยก็เข้าใจความคิดของธิดาตนเอง เขาหัวเราะลั่นและไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม
********
เสียงระเบิดดังต่อเนื่องมาจากด้านนอก เสียงครางและโหยหวนดังผ่านประตูใหญ่เข้ามา ตลอดทั้งร่างของเหลยฟูเอ้อสั่นสะท้าน ร่างของเขาสั่นและไม่มีศักดาและความน่ากลัวอยู่ในดวงตาอีกเลย ทุกครั้งที่มีเสียงตะโกนดังมาจากนอกประตู ร่างของเขาจะสั่นกลัวและคิดถึงอนาคตที่มืดมัวปรากฏชัดอยู่บนสีหน้าของเขา
นี่คือฐานที่ใหญ่ที่สุดของของกุหลาบทอง และมันกลายเป็นสุสานขนาดใหญ่
เขาสามารถแยกแยะเสียงที่คุ้นเคยออก พวกเขาคือพวกสถานะต้อยต่ำที่เคยประจบสอพลอและเอาใจเขา แต่ตอนนี้พวกเขากลับถือดาบพยายามไล่ฆ่าเขา พวกเขาเคยสั่นสะท้านตกใจกลัวกับชื่อของกุหลาบทอง แต่ปัจจุบันนี้ด้วยค่าหัวที่น่าประหลาดใจ พวกเขากลับทิ้งความกลัวและรวมหัวกันวางแผนกินโต๊ะหน่วยกุหลาบทอง
สิ่งที่ทำให้เหลยฟูเอ้อกลัวที่สุดก็คือคนพวกนั้นต้องการชีวิตของพวกเขา
หมื่นล้านคลาวด์ หอกน้ำแข็งฟ้าพันก้านคือสิ่งที่ทำให้เหลยฟูเอ้อเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
และสิ่งที่ทำให้เขาสิ้นหวังมากยิ่งกว่าเดิมก็คือ เจ้านายหายไป เขารู้ว่าเจ้านายมีอำนาจยิ่งใหญ่เพียงไหน และถ้าเขายินดีช่วยเขา เขาก็อาจรอดอยู่ได้
แต่เจ้านายไม่เคยปรากฏตัว
เป็นไปได้ไหมว่าเขากังวลว่าข้าจะเปิดเผยทุกอย่างที่เราทำ?
เสียงฝีเท้าจากด้านนอกดังใกล้เข้ามาทุกที เหลยฟูเอ้อไม่สามารถรอต่อไปได้ เขามาที่เตาผิงและเปิดเส้นทางลับ มันคือเส้นทางชีวิตสุดท้ายของเขา
แววที่เคร่งขรึมปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา ทางลับมีกลไกบรอนซ์อยู่ข้างผนังที่ใต้บ้านมีการติดตั้งผลึกพลังงานที่ทรงพลังมาก ถ้าเขากดปุ่ม ภายในนาทีเดียว ระเบิดที่รุนแรงก็ทำลายสถานที่ทั้งหมดและคนที่ไล่ล่าเขาทุกคนพลอยถูกระเบิดไปกับสถานที่นั้นด้วย!
ทันใดนั้น เหลยฟูเอ้อรู้สึกเจ็บปวดที่อกของเขาสีหน้าของเขาขาวซีด ปลายกระบี่โผล่มาที่หน้าอกของเขา
เงาร่างค่อยๆ โผล่ออกมาจากด้านหลังเขาทันที
“หลายปีมานี้เจ้าทำได้ดีเฮ้อ.. เพราะความตายของเจ้า ข้าเองก็สูญเสียหนักเหมือนกัน น่าเสียดาย”
เสียงเฉื่อยชาดังออกมาจากด้านหลังของเขา
เขามาหาเราเงียบๆ ....
หน้าของเหลยฟูเอ้อมีรอยยิ้มแปลกประหลาดและเขาล้มลง
เงาร่างนั้นไม่หลบหนีไปตามทางออก แต่เขาปิดและขณะเดียวกันเขาย้ายศพของเหลยฟูเอ้อไปไว้ข้างโต๊ะ
สิบวินาทีต่อมา ปังประตูถูกกระแทกเปิดออกโดยฝูงคนบ้าคลั่ง
คนนับไม่ถ้วนเห็นเหลยฟูเอ้อนั่งอยู่บนเก้าอี้ นัยน์พวกเขาเป็นประกาย ทุกคนโห่ร้องเฮโลเข้าหาร่างของเหลยฟูเอ้อบ้างก็ทะเลาะ ด่าทอ ต่อสู้กัน ทั่วทั้งสถานที่ตกอยู่ในความวุ่นวาย
ไม่มีใครสังเกตว่ามีคนที่ดูธรรมดาคนหนึ่งลอบออกไปจากห้อง
ปัง!
กลุ่มไฟมหึมาพุ่งออกมาจากใต้พื้นเกิดระเบิดรุนแรงทำให้ทั้งเมืองทรายขาวสั่นสะเทือน
ทุกคนวิ่งออกมาจากบ้านมองดูไฟที่ลุกโหมรุนแรงและหน้าพวกเขามีสีหน้าซับซ้อน
พวกกุหลาบทองจบสิ้นแล้ว กลุ่มผู้มีอิทธิพลใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดสูญสลายไปอย่างสมบูรณ์
พวกกุหลาบทองถูกทำลายโดยสิ้นเชิง
เงินจำนวนมหาศาลทำให้ผู้คนยอมเสี่ยงชีวิตอย่างสิ้นคิด แม้ว่าพวกเขาจะกลัวต่อกลุ่มกุหลาบทอง แต่พวกเขาจะได้เหรียญคลาวด์มาช่วยปลดเปลื้องชีวิตพวกเขาทั่วทั้งทวีปทรายขาว ฐานทั้ง 32 ของพวกกุหลาบทองล้วนนองเลือดและกลุ่มที่ทรงอิทธิพลอำนาจและมีชื่อเสียงมากที่สุดในทวีปทรายขาวถูกถอนรากถอนโคนภายในคืนเดียว
ราตรีนองเลือด
ทวีปทรายขาวไม่ขาดแคลนคนรวยและคนมีอำนาจ และมีคนที่ร่ำรวยและสกปรกอย่างถังเทียน แต่ไม่เคยมีใครใช้วิธีการที่โหดร้ายเพื่อแก้แค้น
ถังเทียนกลายเป็นผู้มีชื่อเสียง และมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
แม้ว่าชื่อเสียงเช่นนี้จะไม่ใช่ชื่อเสียงที่ดีบ้าระห่ำ, โหดเหี้ยม, งี่เง่า ฯลฯ แต่ไม่มีใครกล้าตอแยเขา ไม่มีใครกล้าดูแคลนเขา กล่าวกันว่าเมื่อเหออิงผู้บัญชาการกองพลที่สองได้รับข่าว เขาโกรธจัดจนฆ่านักระบำที่เขารักไปถึงสามคนเพื่อระบายความโกรธ
สำนักความมั่นคงร้างคนไปถึง 70% เพราะสมาชิกลาออก และเพราะสำนักความมั่นคงกลายเป็นอัมพาต สำนักความมั่นคงที่ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดกลับตกอยู่ในสภาพหวาดกลัวทำให้ชื่อเสียงของถังเทียนโด่งดังมากขึ้นเป็นประวัติการณ์
แค่เพียงวันเดียว ทั่วทั้งเมืองทรายขาวก็รู้กันว่ามีคนรวยที่เป็นจอมอิทธิพลและบ้าระห่ำอยู่คนหนึ่ง
ขณะที่เถียนฉีกวงวิ่งมาขอความช่วยเหลือเหออิง เหออิงสงบใจได้เรียบร้อยแล้วและคิดหาวิธีโดยโดยเร็ว เขาแค่นเสียง “ใช่แล้ว สำนักความมั่นคงกลายเป็นอัมพาตอย่างนั้นก็ปล่อยไว้ก่อนคิดดูแล้วถ้าแม้แต่สำนักความมั่นคงก็ยังกลัวความดุร้ายของเขา แล้วใครจะปกป้องพลเมืองของทวีปทรายขาว? ใครจะปกป้องครอบครัว? สถานการณ์ความรุนแรงดังกล่าวจะทำให้ถนนของเมืองทรายขาวกลายเป็นธารโลหิต และเมื่อเสียเลือดเสียเนื้ออย่างเพียงพอก็จะตระหนักถึงความสำคัญของสำนักความมั่นคง และพวกเขาจะเข้าใจว่าใครคือศัตรูที่แท้จริงของพวกเขา”
ความคิดของเถียนฉีกวงถูกปลุกเร้า เขารู้สึกว่าความคิดเจ้านายมหัศจรรย์มาก
เจ้าเด็กนี่เป็นคนนอก ความเย่อหยิ่งของเขาจะทำให้ผู้คนพบว่ามันน่ารำคาญ สำนักความมั่นคงต้องดึงนักสู้ที่ไม่แข็งแกร่งเพียงไม่กี่คนออกมา และเติมเชื้อไฟเข้าไปทำให้เมืองทรายขาวตกอยู่ในความวุ่นวายอย่างหนัก การฆาตกรรมการลักพาตัวจะทำให้ทุกคนและทุกครอบครัวรู้สึกเทความเกลียดชังไปที่เจ้าเด็กบัดซบนั่น
“ผู้น้อยรู้ว่าจะต้องทำยังไง” เถียนฉีกวงกล่าวด้วยความเคารพ
เถียนฉีกวงเพิ่งออกไป ก็มีเสียงดังออกมาจากในเงา “เจ้ามีความคิดที่ไม่เลวเลย”
หน้าของเหออิงมีท่าทางดีใจ เขาตอบอย่างเย็นชา “ท่านอย่าให้อะไรเกิดขึ้นกับข้าดีกว่า! ข้าขอให้ท่านมาที่นี่เพื่อให้แก้ปัญหาคุณชายใหญ่ แต่ในที่สุดเจ้าก็ล้มเหลว และตอนนี้ยังมีเรื่องยุ่งยากลำบากมากขึ้น เจ้าอย่าเพิ่งหยุดไล่ล่าดีกว่า เมื่อคุณชายใหญ่ตายเมืองทรายขาวก็จะเป็นของเรา และถึงเวลานั้น เจ้าสามารถทำอะไรก็ได้ตามชอบใจ แต่ก่อนนั้น เจ้าฆ่าเขาให้ได้ก่อนจะดีกว่า! ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าคนของเรากำลังจับตาดู แล้วข้าจะเรียกเจ้ามาทำไม?”
“สบายใจได้ เขาจะตายในไม่ช้านี้” เสียงในเงายังคงเฉื่อยชาเหมือนก่อน
เมื่อออกจากคฤหาสน์ของเหออิง เถียนฉีกวงลาพักสำนักมั่นคงทันที และตัวเขาเองกลับไปที่บ้านเพื่อแกล้งป่วยและเมืองที่ปั่นป่วนก่อนนั้น ก็ยิ่งปั่นป่วนมากขึ้น โลหิตเริ่มนองตามท้องทถนน
ในเวลานั้น ทุกคนเริ่มตระหนักถึงอันตราย