ตอนที่ 612 ถังเทียนตอบโต้!
“เหมิ่งหนาน?”
บุรุษที่อยู่ในเงาพูดโดยไม่แสดงอาการโกรธหรือดีใจ
เหลยเอ้อฟูหัวหน้าของกุหลาบทองเป็นนักสู้ที่มีชื่อเสียง ตาของเขาคล้ายกับงู แต่กระนั้นเขาก็ยังหมอบกับพื้นคำนับและพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่น “กลุ่มยอดฝีมือ 47คนขึ้นเรือฉินอวี่หรันระหว่างทาง พวกที่เอาชนะกองเรือโจรสลัดได้ก็คือพวกเขา”
“เขามีสัมพันธ์ใดกับสมาคมการค้าสวีจี้?”
เสียงที่อยู่ในเงาทำให้เหลยเอ้อฟูหลั่งเหงื่อเยียบเย็น เขาหมอบต่ำกว่าเดิม “ข้าน้อยไม่ทราบ”
คนผู้นั้นแค่นเสียงทำให้เหลยเอ้อฟูหลั่งเหงื่อโชกไปทั้งร่าง เขากล่าวทันที“ข้าน้อยจะรีบไปตรวจสอบทันทีขอรับ!”
“สิบสามตระกูล, เจ้าตรวจสอบดูพวกเขาหรือยัง?”
เหลยเอ้อฟูตอบทันที “ข้าน้อยลอบตรวจสอบมาในช่วงสองสามปีมานี้และมีปัญหาบางอย่าง ในสิบสามทวีปมีอยู่หกที่หนีไปทวีปทองแล้ว เนื่องจากมีบางตระกูลที่นั่นช่วยเหลือพวกเขา อีกเจ็ดตระกูล มีอยู่ตระกูลหนึ่งเดินทางไปภูมิภาคตะวันตก ส่วนตระกูลที่เหลืออีกหกยังคงอยู่ในภูมิภาคใต้”
“เจ้าตรวจดูตำแหน่งหกตระกูลดูหรือยัง?”
“ตรวจสอบดูหมดแล้ว ท่านต้องการให้เราลงมือหรือไม่?” เหลยเอ้อฟูตื่นเต้น
“รออีกสักนิด” เสียงในเงามืดยังคงเย็นชา “ส่งคนไปสอดแนมพวกมันไว้ ครั้งนี้ข้าต้องการจะจับพวกมันให้ได้ในคราวเดียว”
“ขอรับ!” เหลยเอ้อฟูรับคำ เขาลังเลเล็กน้อย จากนั้นรวบรวมความกล้า “แล้วเจ้าคนชื่อเหมิ่งหนาน..”
“ตรวจสอบให้แน่ใจก่อน อย่าเพิ่งทำให้เขาตื่นตัว” เสียงในเงามืดพูดอย่างราบรื่นและพึงพอใจ “ภายในกับดักของเรา มันจะมีทางหนีพ้นไปได้หรือ?”
ร่างของเหลยเอ้อฟูสั่นสะท้าน เขาก้มศีรษะมากกว่าเดิม “ขอรับ!”
******
สวีจินมองดูถังเทียนที่ยังมีสีหน้าสงบ หัวใจเขาสั่นสะท้านทันที ‘สำหรับคนหัวรุนแรงและอารมณ์หงุดหงิดจู่ๆ ก็สงบสำรวมได้ทันที ไม่โกรธไม่โวยวายหรือสูญเสียการควบคุมตัวเองราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เมื่อมันปรากฏอยู่ต่อหน้าท่าน ความเยือกเย็นถึงขั้วกระดูกจะทำให้อากาศโดยรอบหนาวเย็นจนแทบสำลัก’
“ไม่มีปัญหา”
สวีจินไม่ลังเลใจไม่แต่น้อย เขากำลังแสดงความสนับสนุนถังเทียนเต็มที่เรือรบราคาหกหมื่นล้านไม่มีอะไรสำหรับสมาคมการค้าสวีจี้ ราคาของเรือเกินกว่าหกหมื่นล้านอยู่แล้วนอกจากนี้ถังเทียนยังเป็นลูกค้าที่ถือครองทองดำ สวีจินอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายปีแล้ว ดังนั้นเขารู้ศักยภาพของถังเทียนอย่างชัดเจน
ด้วยทองดำนี้และความเป็นพันธมิตรกับตระกูลไป๋ ถังเทียนมีแต่จะรวยขึ้นแน่นอน
“แค่นี้พอหรือเปล่า? อำนาจของข้าจำกัดอยู่ที่แสนล้าน!” สวีจินกล่าวย้ำอีกครั้งในช่วงสองสามครั้งของการพูดคุย เขาพบว่าเหมิ่งหนานคือบุคคลที่พูดกันฉันท์มิตรได้และการสามารถช่วยเขาครั้งนี้ได้ เขาก็จะได้เก็บเกี่ยวผลของกรรมดี
“ขอบคุณผู้อาวุโสสวี” ถังเทียนไม่ปฏิเสธเขา “ท่านให้ข้าทุกอย่างจริงๆ”
สวีจินไม่ยอมแพ้และมอบการ์ดเงินตราให้กับถังเทียน
เมื่อมาจากหอการค้าสวีจี้ ถังเทียนขึ้นเรือขนส่งเล็กที่ตระกูลหลิงเตรียมไว้ให้เขา เป็นแค่เรือเล็กขนาดสิบหกเมตรและจุคนได้เพียง 50 คน มีคุณสมบัติในการป้องกันที่โดดเด่นและคล่องแคล่วมากรูปลักษณ์ของมันมีความเฉพาะตัวเช่นกัน การตกแต่งด้านนอกดูเหมือนตะกร้าไม้มีช่องว่างที่ทำไว้สำหรับองครักษ์คุ้มกัน
กองกำลังปีศาจทวีปโยวโจว35 คนปกป้องรักษาพื้นที่ของแต่ละคนอย่างแข็งขัน สือเซินพากองกำลังปีศาจไปด้วย 10 คน คงเหลืออยู่ 35คนไว้เตรียมต่อต้านศัตรู
นอกจากถังเทียนที่อยู่ในเรือน้อยฮั่นเซินก็นั่งด้วยสีหน้ากังวล และริชาร์ดผู้ยังไม่ฟื้นฟูหายดี
ริชาร์ดยังคงสงสัยนายท่านจะตอบโต้ได้ยังไง แม้ว่าเขาและถังเทียนจะเป็นพวกเดียวกันได้ในช่วงเวลาสั้นๆเขายังรู้ว่านายท่านไม่ใช่คนที่อารมณ์ดี ตอนแรกเขาคิดว่าเจ้านายจะนำคนไปสู้ตลุยทางประตูหน้าและไม่คิดว่าเจ้านายจะทำแบบนั้นได้จริง
ในเวลาเช้าตรู่ถังเทียนพาพวกเขาทุกคนไปที่สมาคมการค้าสวีจี้ ทำให้ริชาร์ดสับสน
“ในหน่วยกุหลาบทองมีคนอยู่เท่าใด
“ในเมืองทรายขาวประมาณ 100 คนในทั่วทวีปทรายขาวมีราวพันคน” ริชาร์ดตอบ
“นั่นก็ไม่มาก” ถังเทียนคำราม “สิบล้านต่อคนเป็นยังไงบ้าง?”
ริชาร์ดสะดุ้ง “อ๋า?”
เขาไม่เข้าใจถังเทียน
“รางวัลค่าหัวของพวกกุหลาบทองต่อคน” ตาของถังเทียนมีแววเย็นชา เขากล่าว “หลังจากมาทวีปทรายขาว, ในที่สุดข้าก็รู้วิธีใช้เงิน!”
ถังเทียนมีความคิดเรื่องนี้ตั้งแต่คืนก่อน เขาสามารถซื้อเรือรบได้ เขาสามารถซื้อกองทัพได้ แล้วพวกกุหลาบทองเล่า? ข้าย่อมจะซื้อความล่มสลายของพวกมันได้เช่นกัน
“สิบล้านต่อชีวิต!” ริชาร์ดตะลึง
“ใช่,และข้าจะแถมหอกน้ำแข็งฟ้าให้อีกหนึ่งก้าน” ถังเทียนพูดอย่างภูมิใจ “ยอดฝีมือจะราคา100 ล้าน และหอกน้ำแข็งฟ้า 10 ก้าน หัวหน้าเล็กก็พันล้าน และหอกน้ำแข็งฟ้า 100 ก้าน หัวหน้าใหญ่ก็เงินหมื่นล้านและหอกน้ำแข็งฟ้าพันก้าน!”
ฮั่นเซินและพวกที่เหลือพากันชะงักค้าง ปากริชาร์ดอ้าค้างพูดอะไรไม่ออกอยู่นาน
ถังเทียนมองดูริชาร์ดด้วยความสงสัย “ราคานี้ไม่น่าดึงดูดใจเหรอ?”
น่าเสียดาย เขาหมดคำที่จะพูด
“หรือว่าราคาต่ำไป? อย่างนั้นคูณสองเป็นไง หัวละ 20 ล้านและหอกน้ำแข็งฟ้าอีกสองก้าน!” ถังเทียนรู้สึกตัวว่ารวยล้นเหลือทน
“ไม่ต่ำ ไม่ต่ำ, แค่หัวละสองล้านก็พอแล้ว”
“ไม่สำคัญ ต่อให้เป็นยามเฝ้าประตูก็ได้! พวกเขาไม่ได้มีมาก ดังนั้นเราควรจะสู้ได้ด้วยเงิน!” ถังเทียนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าว“ข้าไม่สนใจเรื่องเงิน ใช้เพิ่มขึ้นสักนิดก็ได้ แต่ตอนนี้ ข้าต้องการย่ำพวกกุหลาบทองให้ราบคาบ และเพื่อซื้อข้อมูลเกี่ยวกับราคาผู้ให้ข้อมูล, ข้าต้องการรู้ใครที่อยู่เบื้องหลังกุหลาบทอง ข้าเตรียมไว้แสนล้านสำหรับการนั้น!”
แสนล้าน!
ริชาร์ดสมองว่างเปล่าไปหมด ตอบโต้ด้วยมูลค่าแสนล้านราคานั้นมากเกินกว่าที่เขาจะคิดไว้!
เขาไม่กล้าคิดว่าผลที่ตามมาแบบไหนจะเกิดขึ้นเมื่อเขาโยนระเบิดลงไปแล้ว
ริชาร์ดสั่น เขาเริ่มกำหนดราคา
ค่ายกรุนน์คือกองทหารรับจ้างที่มีขนาดเล็กเรียกกันว่ากองทหารรับจ้างไม้ขาว มีกำลังรวมมากกว่า300 คน ในสถานที่รุ่งเรืองอย่างทวีปทรายขาว กองทหารรับจ้างไม้ขาวไม่ได้มีเปรียบใดๆ และสามารถรับได้แต่งานธุรกิจเล็กๆอย่างเช่นคุ้มกันภัยพื้นฐานประจำวัน
กรุนน์มองดูค่ายที่ทรุดโทรมและสมาชิกที่ไม่มีชีวิตชีวา ใจของเขารู้สึกกังวล ถ้าพวกเขาไม่มีธุรกิจอะไรเข้ามาในปีนี้ พวกเขาคงไม่สามารถจ่ายค่าเช่าค่ายในปีต่อไปได้ และพวกเขาคงต้องออกจากเมืองทรายขาว
ทันใดนั้นสมาชิกคนหนึ่งกระหืดกระหอบวิ่งเข้ามาหา “หัวหน้า! หัวหน้า!”
กรุนน์ขมวดคิ้วและกล่าว “ตูดเจ้าไฟไหม้หรือไง? หรือว่าไปก่อหนี้มาอีก? ข้าส่งเจ้าไปอยู่ที่สมาคมแล้วให้อยู่และรับงานที่นั่นไม่ใช่หรือ? ทำไมเจ้ากลับมา?”
“หัวหน้า! งานมา! มีงานมาแล้ว!” สมาชิกนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“งาน” คำๆ นี้เรียกความสนใจจากทุกคนทันที สมาชิกที่ไร้ชีวิตชีวารุมล้อมเขาทันที
“เสี่ยวจิ่ว, ในที่สุดเจ้าก็เอางานมาให้เราจนได้!”
“งาน! เยี่ยมมาก! ตูดข้าสนิมจับหมดแล้ว!”
“ไอ้บ้า, เอ็งใช้ตูดทำงานหรือวะ?”
……
ทุกคนตื่นเต้นในเวลาอันรวดเร็ว มีงานก็มีเงิน ทุกคนจนกรอบจนไม่สามารถออกไปจากที่นี้ได้ และแม้แต่งานเล็กๆ น้อยๆ ก็ช่วยชีวิตพวกเขาได้
กรุนน์ตื่นเต้นมาก แต่ในที่สุดเขาก็ยังเป็นหัวหน้าและรักษาความใจเย็น “เสี่ยวจิ่ว, งานอะไร? อีกฝ่ายเป็นใคร?
“หัวหน้า ลองดูสิ!” เสี่ยวจิ่วส่งกระดาษให้เขา
กรุนน์มองดูกระดาษและเมื่อเขาเห็นเนื้อหาในกระดาษ สีหน้าของเขาเปลี่ยน ราคาที่เขียนบอกไว้ทำให้เขาตื่นตัว ตัวหนังสือสีแดงชัดเจน
“กุหลาบทองไปล่วงเกินใครมา?” กรุนน์พึมพำ เขาไม่รู้จะพูดอะไร
“กุหลาบทอง” คำนี้ทำให้ทุกคนที่ตื่นเต้นเงียบลงอย่างรวดเร็วราวกับว่าถูกถังน้ำแข็งราดใส่ เมื่อพูดถึงธุรกิจในเมืองทรายขาว ใครบ้างไม่รู้จักกุหลาบทอง? คนที่กล้าเป็นปฏิปักษ์กับกุหลาบทองจะไม่มีชีวิตได้เห็นวันรุ่งขึ้น
“คนที่ชื่อว่าเหมิ่งหนาน!” เสี่ยวจิ่วตรวจสอบข้อมูลมาแล้วและอธิบายอย่างรวดเร็ว “เมื่อวานนี้กุหลาบทองไล่ตามบริวารของเหมิ่งหนานและแม้แต่สำนักความมั่นคงก็พยายามแทรกเข้ามา แต่ใครจะรู้กันเล่า เบื้องหลังของเหมิ่งหนานแข็งแกร่งมาก มีคนกลุ่มใหญ่ออกมาช่วยเขา ทำให้สำนักความมั่นคงต้องถอยกลับไป เช้านี้เขามาตั้งค่าหัวที่สมาคม!”
“ในทุกกลุ่มเชียวหรือ?” กรุนน์ถามอย่างตื่นเต้น
“ใช่แล้วทุกกลุ่มก๊วน ก๊วนมืด ก๊วนทหารรับจ้างต่างก็รับราคานั้น เขาวางประกันไว้ถึงสี่หมื่นล้าน!และหอกน้ำแข็งฟ้าสามพันกิ่ง!” เสี่ยวจิ่วยิ่งตื่นเต้น
กรุนน์ตะลึงและโพล่งออกมา “กุหลาบทองจบสิ้นแล้ว”
เสี่ยวจิ่วมองดูกรุนน์ “หัวหน้า, เราจะรับงานนี้ไหม?”
“เราน่ะหรือ, ทำไมจะไม่ทำเล่า?” กรุนน์มีปฏิกิริยาทันที รังสีอำมหิตทะลัก “ฐานของกุหลาบทองอยู่ถนนถัดไปมีคนรู้เรื่องนี้ไม่มาก เราไปถล่มกันก่อน! แม่มเอ๊ย.. อย่างน้อยสองสามร้อยล้านก็ยังดี! ทุกคน, ไปเข่นฆ่ากัน!”
เมื่อได้ยินคำว่าสองสามร้อยล้าน ตาของทุกคนเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที
ทั่วทั้งเมืองทรายขาวตกอยู่ในความโกลาหลเรียบร้อย
เถียนชี่กวงเข้าไปในสำนักความมั่นคงตามปกติคิดถึงเรื่องเมื่อคืน สัญญาและคำปลอบโยนของเจ้านายทำให้เขาสงบเยือกเย็นขึ้น เจ้านายไม่ได้ตำหนิเขาเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่เถียนฉีกวงไม่ได้ตั้งใจจะเลิกรา
เขาไม่เชื่อว่าพวกคนใหญ่คนโตจะปกป้องเหมิ่งหนานต่อไป ตราบใดที่เขามีโอกาสจับ เขาจะลงมือก่อนและรายงานทีหลังจับคนกลับไปที่สำนักความมั่นคงและตอนนั้น จะเป็นเวลาที่จัดบริการชุดใหญ่
เถียนฉีกวงเป็นคนที่ฉลาดมาก เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเจ้านายให้ความสนใจเหมิ่งหนานมาก
ข้าควรจะวางแผนเรื่องนี้ให้ดี เถียนฉีกวงรู้ว่าเขาเป็นแค่สุนัขล่าและความอดทนก็คือสิ่งที่สำคัญมากกว่าการไล่กัด
ขณะนั้นเองมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นรบกวนความคิดของเถียนฉีกวง เขาขมวดคิ้ว “เข้ามา”
บริวารคนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับก้มศีรษะต่ำและเขายื่นจดหมายลาออก “นายท่าน, มารดาผู้น้อยป่วยและต้องการดูแลครอบครัว ข้าน้อยไม่อาจทำงานนี้ได้อีกต่อไป นี่คือจดหมายลาออก”
เถียนฉีกวงคำราม “ไสหัวไป”
คนผู้นี้แค่หาข้ออ้างและพยายามหาเรื่องหนี
ในเวลาอันรวดเร็วคนอีกมากมายก็เริ่มยื่นใบลาออก เถียนฉีกวงไม่ใส่ใจ หลังจากเผชิญหน้ากันเมื่อคืนก่อน ซึ่งมีแต่คนใหญ่โตทั้งนั้นพวกขลาดเขลาหลายคนกลัวหายนะ ดังนั้นการลาออกเป็นเรื่องธรรมดา
แต่เมื่อมีคนลาออกในสำนักความมั่นคงมากกว่าครึ่งหนึ่ง เถียนฉีกวงก็ฉุกคิดในที่สุดได้ว่าผิดปกติ เขาฉุดบริวารผู้ภักดีไว้คนหนึ่ง “เกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า?”
บริวารนั้นไม่พูดสักคำ เขายื่นกระดาษตั้งค่าหัวให้เถียนฉีกวงและหลบหนีไปทันที
เถียนฉีกวงเปิดกระดาษตั้งรางวัลค่าหัวพร้อมกับขมวดคิ้ว เมื่อเห็นตัวอักษรสีแดงเข้มตาของเขาแทบถลนและรู้สึกในใจมีหยาดเลือดออก
เมื่ออ่านจดหมายตั้งค่าหัวจบหน้าของเขาไร้สีเลือด ความกลัวจับใจแผ่ซ่านไปทั้งตัว เขารู้สึกเหมือนกับว่าไม่สามารถหายใจได้เหมือนกับปลาที่ถูกวิดขึ้นมาจากน้ำ
ร่างของเขาสั่นโดยไม่รู้ตัว ในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงเหตุผลที่บริวารของเขาลาออก แสนล้านจำนวนที่มากน่าประหลาดใจขนาดนั้นดูดเอาพลังงานไปจากตัวของเขาหมด
เขาทรุดตัวลงกับพื้นและเป็นอัมพาต