ตอนที่ 609 ธุรกิจค้าทองดำ
ในยามราตรีการต่อสู้ในภัตตาคารไป่หลัว (ขาว) แพร่กระจายไปทั่วเมืองทรายขาว
จอมกระบี่ปีกเงินเฉียวอี้อันเป็นบริวารของเหออิงทำให้ศักดิ์ศรีของเหออิงทะยาน ขณะเดียวกันเหมิ่งหนานสามารถทำร้ายหมัดเหล็กหลอมซืออ้าวจนได้รับบาดเจ็บสาหัสสามารถป้องกันกระบี่ของเฉียวอี้อันได้ เนื่องจากหลิงเซี่ยจะกลายเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ห้าก็ยิ่งเพิ่มศักดิ์ฐานะให้นาง
ความเคลื่อนไหวในความมืดอย่างรวดเร็วทำให้ในเมืองทรายขาวแตกตื่นอย่างรวดเร็ว
ในสนามฝึกฝนทั้งตัวของถังเทียนเต็มไปด้วยเหงื่อ เขามองไปข้างหน้าแล้วค่อยๆ รั้งหมัดกลับ
ไป๋เสี่ยวไป๋เยี่ยและฉินอวี่หรันไม่รบกวนถังเทียนขณะที่เขากำลังฝึก
ตาของฉินอวี่หรันเต็มไปด้วยความชื่นชมบุรุษผู้มีความตั้งใจมักจะมีเสน่ห์บางอย่างเสมอ ร่างกายที่แข็งแกร่งของถังเทียนเต็มไปด้วยเหงื่อ ไอจางๆระเหยออกจากตัวของเขาเป็ภาพที่ดูมีเสน่ห์มาก
ไป๋เสี่ยวกลับเต็มไปด้วยความนับถือและปลื้มใจ เจ้าผู้นี้เพียรพยายามอย่างหนักแท้ๆทุกครั้งที่ข้ามาหาเขา เขามักจะเอาแต่ฝึกเหมือนกับว่าไม่เคยรู้จักเหน็ดเหนื่อย
ไป๋เยี่ยมองดูการฝึกของถังเทียนก็มีท่าทีแปลกอยู่ในใบหน้า ใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยจากวิธีที่เขาเห็น ทั้งหมดที่ถังเทียนฝึกล้วนแต่เป็นวิชาพื้นฐานที่ไม่คลี่คลายอะไรได้ง่ายๆและเขาไม่เห็นอะไรที่พิเศษจากตัวของเขาเลย
ถ้าเป็นคนอื่นฝึกบางทีเขาอาจจะดุเย้ยหยันไปแล้ว แต่นี่คือคนที่ทำร้ายซืออ้าวบาดเจ็บสาหัสและต้านทานเฉียวอี้อันได้และยังฝึกแบบนั้น แสดงว่าต้องมีการกระทำบางอย่างที่เขาคิดไม่ถึงแน่นอน
ฮ่าห์ฮ่าห์ ฮ่าห์ ถังเทียนจบการฝึกท่าสุดท้าย เขาเหนื่อยไปทั้งกายจนเหมือนกับไม่เหลือเรี่ยวแรง วิทยายุทธพื้นฐานไม่กินแรงมาก แต่การควบคุมเพลิงสุญญตาสิ้นเปลืองพลังงานและต้องเพ่งสมาธิให้เร็ว
“ยังเช้าตรู่อยู่เลยทำไมพวกท่านถึงมาที่นี่กันหมดเล่า?” ถังเทียนถามอย่างเหนื่อยอ่อน
ฉินอวี่หรันยิ้มหวาน “เรื่องความยิ่งใหญ่ของพี่เหมิ่งเมื่อวานนี้มาถึงหูของอวี่หรันแล้วยังค้างคาอยู่ในใจของอวี่หรัน น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถไปเห็นด้วยตาตนเองได้ ดังนั้นข้าจึงมาแสดงความยินดีกับพี่เหมิ่งหนานแต่เช้า!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า!อย่างนั้นหรอกหรือ? ทุกคนก็รู้เรื่องด้วยหรือ? ข้านี่แข็งแกร่งจริงๆ นะ!” สภาพจิตใจของถังเทียนกระตือรือร้นทันที เขาดีใจแต่หลังจากนั้นก็เริ่มพึมพำกับตนเอง “น่าเสียดาย ข้าได้ซ้อมมือกับเฉียวอี้อันแค่ครั้งเดียวเอง เขาแข็งแกร่งกว่าข้าเพียงเล็กน้อย แต่ข้าคิดหาวิธีเอาชนะเขาได้เรียบร้อยแล้ว”
ไป๋เสี่ยวและไป๋เยี่ยมองหน้ากันเอง หัวใจของพวกเขาเย็นยะเยียบทันที
ฉินอวี่หรันกระพริบตาปริบๆ “ข้ารู้ว่าพี่เหมิ่งจะต้องหาวิธีได้แน่!”
“มันแน่นอนอยู่แล้ว! ถังเทียนไม่มีการถ่อมตัวสักนิด เขาดีใจมากจนเชิดหน้าขึ้นท้องฟ้า จากนั้นหันมามองดูไป๋เสี่ยว ”มีอะไรหรือ เสี่ยวไป๋?”
ไป๋เสี่ยวลูบจมูก “ข้ามาที่นี่ด้วยเรื่องหอกต้นน้ำแข็งฟ้า ได้ยินว่าท่านขายชุดใหญ่ไปให้สมาคมการค้าสวีจี้ ข้าเลยต้องมาอย่างรีบด่วน สมาคมการค้าสวีจี้มีกำลังซื้อกล้าแข็งมากและข้าไม่สามารถแข่งขันกับพวกเขาได้ ความต้องการของข้าไม่มากเกินไปนัก ข้าไม่เอาไปมากนักหรอก ขอแค่สักเล็กน้อย ท่านจะขายให้ข้าสักบางส่วนได้ไหม?”
“ไม่มีปัญหา!” ถังเทียนพูดเหมือนเป็นงานง่ายๆ “ว่าแต่เจ้าต้องการเท่าใด?”
“ก็ไม่มาก แค่มูลค่าสี่พันล้านคลาวด์” ไป๋เสี่ยวแข็งใจกล่าว
“อย่างนั้นก็ 500 กิ่ง? ได้เลย”
ถังเทียนทำเรื่องราวอย่างปกติมากจนไป๋เสี่ยวไม่อยากจะเชื่อ ปัง,กองหอกน้ำแข็งฟ้าปรากฏอยู่หน้าไป๋เสี่ยว ถังเทียนพูดด้วยท่าทีมาดมั่น “เจ้านับเอาเองเลย”
ไป๋เสี่ยวตะลึงหลังจากนั้นเขาฝืนหัวเราะ “ความจริงเมื่อข้ามาถึงนี้ เงินยังไม่พอเลย”
ไป๋เยี่ยชำเลืองมองหอกน้ำแข็งฟ้าทันทีจากนั้นรั้งสายตากลับ เขาตัดสินใจถามปัญหาที่สงสัยอย่างอื่น “เสี่ยวเหมิ่ง, ข้าเพิ่งเห็นเจ้าฝึกฝนและสิ่งที่เจ้าฝึกนั้นก็ดูเป็นท่วงท่าพื้นฐานธรรมดาทั้งหมด ลุงผู้นี้โง่เขลานักเจ้าบอกข้าได้ไหมถึงวิถีและเหตุผลที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังนั้น”
ฉินอวี่หรันลอบตกใจ ไป๋เยี่ยคือใคร? เขาคือแม่ทัพที่มีชื่อเสียง!
เขากำลังถามพี่เหมิ่งในข้อสงสัยเกี่ยวกันการฝึก!
ถังเทียนไม่เห็นว่ามีอะไรแปลกในเรื่องนั้นและเพียงแต่พูดไปตามความเป็นจริง “เพราะว่ามันเป็นเรื่องง่าย อ่า..”
“ง่าย?” ไป๋เยี่ยงง “แต่เจ้าไม่คิดว่าพลังของมันอ่อนเกินไปหรือ?”
“พลังอ่อนเกินไปน่ะหรือ?” ถังเทียนมองดูไป๋เยี่ยทันที และส่ายศีรษะ “มันง่ายแต่ไม่จำเป็นต้องอ่อนแอ”
‘ง่ายแต่ไม่จำเป็นต้องอ่อนแอ?’
ไป๋เยี่ยตะลึงกับประโยคนี้ เขาต้องการคิดหาเหตุผลหักล้าง แต่ยิ่งคิดดูแล้วก็รู้สึกว่ามีความหมายซ่อนลึกอยู่ในคำนี้ ในเวลานั้นเขายืนจมอยู่กับความคิดด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
ไป๋เสี่ยวนับเสร็จแล้วและมองดูหอกน้ำแข็งฟ้าที่เหลือด้วยอาการลังเลใจ
ถังเทียนสังเกตสีหน้าลังเลใจของไป๋เสี่ยวก็หัวเราะลั่นและโยนน้ำแข็งฟ้าที่เหลือให้ไป๋เสี่ยวทั้งหมด “ข้าจะยกให้เจ้า!”
ทุกคนตะลึงกับคำพูดถังเทียน หอกน้ำแข้งฟ้ายังเหลืออยู่อีกราว 450 ก้าน
ไป๋เสี่ยวเงยหน้าทันที
สิ่งที่เขาเห็นในสายตาก็คือสีหน้าที่จริงใจของถังเทียนความอบอุ่นจริงใจที่เหมือนกับแสงอาทิตย์อบอุ่น เขาจ้องมองถังเทียนอยู่ชั่วขณะ จากนั้นหัวเราะทันที “รวยจริงๆอย่างนั้นข้าไม่ขอเกรงใจละ”
เขาเก็บหอกน้ำแข็งฟ้าไว้ทั้งหมด
ถังเทียนหัวเราะสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปสักนิด เสี่ยวไป๋เป็นคนดีจริงๆ เขาไม่สนใจเรื่องหอกน้ำแข็งฟ้ามากนัก ความจริงเขามีอยู่มากมายแล้ว..
ฉินอวี่หรันสะท้านใจกับการกระทำของถังเทียน แม้แต่ไป๋เยี่ยที่เห็นอะไรมามากมายในชีวิตของเขาก็ยังลอบตกใจ เขาจ้องดูหน้าถึงเทียน แต่มองไม่เห็นข้ออ้างหรือความลังเลใจเลยจึงรู้สึกตื่นเต้น สำหรับการยอมสละของมูลค่าสี่พันล้าน ความสูงส่งของจิตใจไม่ใช่ว่าใครจะมีก็ได้
ขณะนั้นเองฮั่นเซินเดินเข้ามารายงาน “นายท่าน นายห้างสวีมาเยือนที่นี่”
สวีจินเดินเข้ามาและเห็นฉินอวี่หรันและพวกที่เหลือ เขาตกใจมาก “ข้าไม่คิดเลยว่าข้าจะได้พบคุณหนูฉินอวี่หรัน,แม่ทัพไป๋และคุณชายไป๋ที่นี่ ข้าสวีจินจากสมาคมการค้าสวีจี้ยินดีที่ได้พบกับท่าน”
สมาคมการค้าสวีจี้คือบริษัทค้าอาวุธที่ทุกคนรู้จักดี มีอำนาจพลังขนาดนั้นบางทีคนธรรมดาอาจไม่รู้จักพวกเขา แต่ไป๋เยี่ยและพวกที่เหลือจะไม่รู้จักพวกเขาได้ยังไง?
ในตอนแรกสวีจินคาดเดาว่าฉินอวี่หรัน,ไป๋เยี่ยและคนที่เหลือคงเป็นผู้หนุนหลังของถังเทียน แต่เขาก็ต้องยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้น คุณหนูอวี่หรันเป็นคนที่ถือตัวและยากที่ใครจะได้พูดหรือพบ และพลังอำนาจของตระกูลไป๋ก็ไม่ด้อยไปกว่าตระกูลสวีเลย
สวีจินเป็นแค่เถ้าแก่ร้านค้าในทวีปทรายขาว แต่ไป๋เยี่ยคือสุดยอดแม่ทัพจากตระกูลไป๋เขาจึงทักทายไป๋เยี่ยในฐานะที่เขาเป็นผู้น้อยกว่า
หลังจากแนะนำและทักทายพวกเขาแล้วสวีจินคุยกับถังเทียน “ท่านเหมิ่ง ข้ามาที่นี่เพราะทองดำ ร้านของข้าหวังว่าจะทำการซื้อทองดำของท่าน และหวังว่าท่านเหมิ่งจะเสนอราคาให้กับเราไม่ว่าจะมากเพียงไหนเรายินดีรับซื้อไว้”
“โอว, สามารถเตะตาสมาคมการค้าสวีจี้ได้ข้าอยากจะขอดูบ้างได้ไหม?” ไป๋เยี่ยถามอย่างสงสัย
ความจริงเมื่อเห็นไป๋เยี่ย สวีจินก็รู้แล้วว่าเขาคำนวณผิด แม้ว่าทองดำจะเป็นวัตถุชั้นดี แต่ผู้ค้าขายของสมาคมการค้าสวีจี้ก็ชอบจะซื้อราคาต่ำ ขายต่อราคาสูงจึงหวังเป็นธรรมดาว่าจะสามารถซื้อสินค้าในราคาที่ต่ำ วันที่เขาเห็นอาการสนองตอบของถังเทียน สวีจินรู้สึกว่าถังเทียนไม่รู้ความจริงเรื่องทองดำมากนัก
ถังเทียนโยนก้อนทองดำให้ไป๋เยี่ย
ไป๋เยี่ยรับทองดำมาพินิจพิเคราะห์อย่างระมัดระวัง ท่าทางของเขายังเป็นกลางๆ แต่เมื่อเขาถ่ายพลังงานเข้าไป หน้าของเขาค่อยๆกระด้าง จากนั้นครึ่งนาทีเขาจึงพูด “ของดีนะ! ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิดมันสามารถทนรับประจุพลังงานได้อย่างมหาศาล”
สวีจินถอนหายใจในอีกครั้ง ‘ข้าคำนวณผิดไปจริงๆ’และยิ่งสรรเสริญไป๋เยี่ย เขาเพียงแต่พบรายงานข้อมูลนี้โดยผ่านห้องค้นคว้าวิจัย ขณะที่ไป๋เยี่ยเพียงแค่สัมผัสครู่เดียว แต่ก็สามารถรู้ถึงความสุดยอดของทองดำได้ ด้วยความเฉลียวฉลาดและประสบการณ์เช่นนี้เขาจะไม่รู้สึกชื่นชมเขาได้ยังไง?
“สายตาท่านแม่ทัพแหลมคมจริงๆ!” สวีจินได้แต่แข็งใจกล่าว “เราทำการทดสอบดูแล้ว ความสามารถของมันทนทานประจุพลังงานได้มากกว่าผลึกเพชรและเป็นรองหยกพลังงานเพียงเล็กน้อย”
ร่างของไป๋เยี่ยสั่น นัยน์ตาของเขาเป็นประกายเจิดจ้าและพูดโดยไม่ลังเลใจ “เราจะเหมาทองดำนี่ทั้งหมด!”
สวีจินไม่อาจถอยหลังได้ “ผู้อาวุโสจะรังแกผู้เยาว์ได้ยังไง? ท่านกำลังแย่งชามข้าวของผู้เยาว์ นั่นเป็นวิธีที่ผู้เยาว์ควรจะทำ!”
“ชามข้าวของเจ้าน่ะหรือ? สิ่งนี้กลายเป็นชามข้าวของเจ้าตั้งแต่เมื่อใด?” ไป๋เยี่ยส่ายศีรษะ
หน้าของสวีจินก็ไม่ลดราวาศอก “ผู้อาวุโสหมายความว่ายังไง?”
ในพริบตาก็เริ่มจ้องหน้ากัน สายตาทั้งคู่เหมือนกับกระบี่คมทำเอาถังเทียนตะลึง
เมื่อเห็นเช่นนี้ไป๋เสี่ยวอธิบายเบาๆ “วัสดุที่แข็งแรงและทนทานมากสามารถทนรับต่อการบรรจุพลังงานยิ่งทำได้เหมาะสมก็ยิ่งเหมาะกับการทำเป็นอาวุธสำหรับเรือรบ ส่วนที่แพงที่สุดของเรือรบก็คืออาวุธชั้นยอดหยกพลังงานเป็นวัสดุอาวุธของเรือรบที่ดีที่สุดในตลาด แต่มันมีราคาแพงลิ่ว คิวบิคละ500 ล้านและสิ่งที่สำคัญก็คือมีปริมาณอย่างจำกัด เรือรบลำหนึ่ง ก็มีขีดจำกัดปริมาณของอาวุธ ครั้งนี้เจ้าทำธุรกิจได้จริงๆแล้ว”
ในที่สุดถังเทียนก็เข้าใจ “อย่านั้นทองดำนี้ควรจะมีราคาเท่าใด?”
สวีจินรีบตอบ “สมาคมการค้าสวีจี้ยินดีจ่ายคิวบิคละ 300คลาวด์!แม่ทัพไป๋ ตามที่หลานชายท่านบอก ตอนนี้ท่านมีเงินสดไม่พอใช่ไหม?”
ไป๋เยี่ยยิ้ม “นั่นก็จริง แต่เสี่ยวเหมิ่งและเสี่ยวไป๋มีไมตรีที่ดีต่อกัน ดังนั้นจะเป็นไรไปถ้ามีเงินสดไม่พอ?”
สวีจินหน้าเขียวคล้ำ
ไป๋เยี่ยรีบเปลี่ยนวิธีพูดและกล่าว “ถ้าเจ้าต้องการให้ข้ายอมยกเลิกซื้อทองดำ ข้าทำได้ ตระกูลไป๋ของข้าไม่สนใจจะผลิตอาวุธเท่าใดนัก แต่ถ้าสมาคมการค้าสวีจี้ยินดีสนับสนุนขายอาวุธที่ผลิตประจำเรือรบด้วยราคาที่น่าพอใจ เราจะรับพิจารณา”
“85% จากราคาเต็ม!” สวีจินพูดโดยไม่ลังเล
ไป๋เยี่ยแค่นเสียง “เสี่ยวสวียังจริงใจไม่พอ ผลกำไรขายอาวุธนั้นมากมายนะ”
“80%!” สวีจินมีสีหน้าเจ็บปวด
ไป๋เยี่ยหัวเราะ “ตระกูลไป๋สามารถสัญญากับเจ้าได้ เราจะใช้แต่เพียงอาวุธเรือรบทองดำนั่นคือเราจะซื้อจากสมาคมการค้าสวีจี้ที่ขายให้เราเท่านั้นและไม่ได้เอาไปขาย”
“75%!” สวีจินกัดฟัน
ไป๋เยี่ยส่ายศีรษะ “50%ของราคาขายสำหรับตระกูลไป๋ทุกปี ปริมาณทองดำต้องไม่น้อยกว่าแสนล้านและไม่มากกว่าห้าแสนล้าน
สวีจินเกือบจะด่าเขา แต่เขาท้วงขึ้น “อย่างนั้นข้าต้องการสิทธิพิเศษในการซื้อ”
“ข้าไม่คัดค้านเรื่องนั้น!” ไป๋เยี่ยหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ เขาหันไปมองถังเทียน “ขายไปก็เป็นความคิดที่ดี จะได้ช่วยแก้ปัญหายุ่งยากของเจ้า และราคาของมันก็ไม่เลวเช่นกัน เจ้าทำการขนส่งได้เลย โอว ถ้าเจ้ามีข้อเรียกร้องพิเศษใดๆรีบทำได้เลย พวกเขาสามารถซื้อได้แน่นอน”
สวีจินอยากจะต่อยหน้าของไป๋เยี่ยยิ่งนักเขาแทบจะถูกไป๋เยี่ยหั่นเป็นริ้วๆ อยู่แล้ว
ไป๋เยี่ยกำลังอารมณ์ดี เขาไม่ได้ใช้แม้แต่เหรียญคลาวด์เดียว จับเสือมือเปล่าจากความได้เปรียบ เขารู้ชัดถึงความสำคัญของข้อตกลงดี
ที่สำคัญยิ่งกว่า เขาตอบแทนทำให้ถังเทียนชอบใจ เขาเพิ่งได้รับหอกน้ำแข็งฟ้าจากถังเทียนไป 4พันล้าน นั่นไม่ใช่ความโปรดปรานเล็กๆน้อยๆ แต่ในพริบตาเขาช่วยให้ถังเทียนทำเงินได้มหาศาล เขาต้องการให้ถังเทียนได้มากขึ้น ดังนั้นจึงเตือนถังเทียน
“ข้าสามารถซื้ออะไรได้บ้าง?” ถังเทียนด้วยความสงสัย
“เกือบทุกอย่าง” ไป๋เยี่ยหัวเราะ
สวีจินแอบด่าแม่เขาในใจ เขาไม่ต้องการคำตอบของคำถามเลย แต่เนื่องจากทองดำเป็นสิ่งสำคัญมากต่อสมาคมการค้าสวีจี้ เขาจึงไม่มีทางเลือกและกล่าว “ตราบเท่าที่สมาคมการค้าสวีจี้สามารถทำให้ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังเทียนนัยน์ตาเป็นประกาย “ข้าต้องการซื้อกองทัพสักกองหนึ่ง! เป็นกองทัพเต็มพิกัด!”
ทุกคนตะลึง