ตอนที่ 606 ตรวจสอบ? ตรวจสอบน้องสาวเจ้าก่อน!
จากนครสายน้ำ (เฟยเป้า) ถึงนครสายรุ้งต้องเดินทางมากกว่าสองพันกิโลเมตร
เนื่องจากทั้งสองเมืองนี้ไม่ได้เชื่อมสัมพันธไมตรีต่อกัน จึงไม่มีประตูเทเลพอร์ตเชื่อมถึงกัน พวกเขาไปแวะที่เมืองจู้หม่าเพื่อโดยสารเรือเหาะเดินทางต่อไป
ความจริงเย่ว์หยางและอี้หนานสามารถเทเลพอร์ตไปยังที่ใกล้ๆ ก็ได้ แต่อี้หนานต้องการขึ้นเรือสำราญลอยฟ้าที่เจ้าเมืองเฟยเป้าแนะนำอย่างแข็งขัน นี่คือเรือเหาะระดับเลิศหรูมีขนาดที่ใหญ่โต สามารถรับผู้โดยสารได้ถึงหมื่นคนภายในตกแต่งอย่างสวยงามดาดฟ้าเรือมีทะเลเทียมและชายหาดถูกสร้างขึ้นมาในรูปแบบสวนสนุกน้ำ
ผู้คนที่ชื่นชอบความตื่นเต้นสามารถสนุกกับการปีนเขาและเล่นกระดานโต้คลื่นได้ คนที่ชอบความสงบก็สามารถชมดนตรีได้อย่างเพลิดเพลินได้
เรือสำราญลอยฟ้าแบบนี้เป็นการขนส่งที่ขึ้นชื่อที่สุดของนครสายรุ้ง
เกือบทั้งหมดของผู้มาเยือนนครสายรุ้งล้วนต้องโดยสารเรือเหาะชนิดนี้
“แย่จริงๆ!” ถ้าเย่ว์หยางไม่มาที่แดนสวรรค์ เขาคงไม่มีทางรู้ว่าเขาจนมากขนาดไหน กลับกลายเป็นว่าผลึกมังกรที่เขาได้รับจากหุบเขามังกรบินแทบจะไม่เหลือเลยแต่ก็ยังไม่เพียงพอ การขึ้นโดยสารเรือสำราญลอยฟ้าแม้แต่ตั๋วที่ราคาถูกที่สุดก็ราคาร้อยเหรียญทองสองคนก็สองร้อยเหรียญทอง สำหรับเย่ว์หยางซึ่งไม่ได้พกเงินมาด้วย เห็นผลึกปีศาจต้องหมดเปลืองไปราวกับสายน้ำไหลทำให้เขาอยากชักดาบออกมาปล้นใครบางคนยิ่งนัก
ร้อยเหรียญทองกะอีแค่ขึ้นเรือที่น่ารังเกียจนี่หรือ?
นอกจากนี้ หลังจากขึ้นเรือแล้ว ค่ากินค่าดื่มที่ราคาแพงระยับยังต้องแยกอีกต่างหาก
แต่เพื่อหญิงสาวนางนี้ที่เขาตามเกี้ยวนางนี้ เย่ว์หยางยอมทุ่ม เนื่องจากผลึกปีศาจถูกใช้ออกไปเหมือนถูกปล้น และเพราะมันไม่เพียงพอ เขาจึงต้องคิดหาวิธีเพิ่มพูนทรัพย์สิน
หลังจากซื้อตั๋วโดยสารแล้ว พวกเขารออีกครึ่งชั่วโมง
ในที่สุด เรือสำราญลอยฟ้าก็ปรากฏที่ขอบฟ้า
ตอนแรกมันเป็นจุดดำขนาดเล็กปรากฏในระยะไกล จากนั้นก็ค่อยๆชัดขึ้นขณะที่มันลอยเข้ามาใกล้และกลายเป็นขนาดใหญ่มหึมาอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
เมื่อมันลอยเข้ามาที่น่านฟ้าเหนือเมืองสถานีรับส่ง มันมีขนาดใหญ่พอๆ กับพื้นที่เมืองเมื่อยืนอยู่ใต้เงาของมัน เย่ว์หยางประมาณการว่าความกว้างของเรือลำนี้อย่างน้อยก็พันเมตร ความยาวของมันอย่างน้อยสามเท่าของความกว้าง
ยานมหึมาลำนี้สูงเกือบเท่าตึกร้อยชั้น ราวๆ ห้าร้อยเมตรเย่ว์หยางนึกไม่ออกเลยว่ามันสามารถลอยตัวอยู่ในท้องฟ้าได้อย่างไร นอกจากนี้ความเร็วที่มันบินได้ก็เทียบเท่าได้กับเครื่องบิน สิ่งที่น่าประทับใจมากที่สุดก็คือลมที่อยู่รอบๆยานลำใหญ่นี้จะถูกเปลี่ยนเป็นสายลมพัดเฉื่อยฉิวผู้โดยสารนับไม่ถ้วนยืนอยู่บนดาดฟ้าเพื่อรับลม แต่สายลมนี้เพียงพัดโชยใส่ผมและเสื้อผ้าอย่างนุ่มนวลไม่มีผลเป็นกระแสลมรุนแรงจากการขับเคลื่อนให้ยานเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
เมื่อเรือสำราญลอยฟ้าเทียบท่านิ่งกับที่ทุกคนบนเรือและที่อยู่ในเมืองข้างล่างต่างก็ร่าเริงกับเสียงหวูดไอน้ำที่พ่นลงข้างล่างทักทายทุกคน
เรือเหาะลำเล็กถูกส่งออกมาจากเรือสำราญลงมารับผู้โดยสารที่รออยู่ที่เมืองสถานีรับส่ง
ตามลำดับกติกา พวกชนชั้นสูงที่จ่าย 3000 เหรียญสำหรับดาดฟ้าชั้นหนึ่งได้ไปก่อน
พ่อค้านักธุรกิจที่ร่ำรวยนั่งชั้นกลางค่าโดยสาร 1000 เหรียญเป็นลำดับต่อไป
ขณะที่ผู้โดยสารที่ตีตั๋วชั้นธรรมดาอย่างเย่ว์หยางและอี้หนานได้ขึ้นเป็นชุดสุดท้ายพร้อมกับกลุ่มทหารรับจ้างที่นุ่งผ้าโทรมโกโรโกโส
“เจ้าสองคนกำลังจะไปแต่งงาน? หรือว่าไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์?” มนุษย์มังกรตาเดียวที่เดินทางในเที่ยวบินเดียวกันถามอย่างสงสัยหลังจากเห็นเย่ว์หยางกับอี้หนาน คู่รักนี้จับมือถือแขนกันอย่างสนิทสนมยิ่งนัก
“เอ่อ เรายังไม่ได้แต่งงานกัน แต่คงในเร็ววันนี้...” อี้หนานตอบเอียงอาย
“ขอแสดงความยินดีด้วย พวกเจ้าทั้งสองคนเหมาะสมกันราวฟ้าสร้างมาให้คู่กัน” มังกรตาเดียวล้วงขวดเหล้าออกมาแล้วส่งให้เย่ว์หยาง เมื่อเห็นเย่ว์หยางปฏิเสธ เขาเปิดฝาออกและดื่มอึกใหญ่และยิ้ม“ความจริงเมื่อตอนข้าเป็นหนุ่มๆ ข้าเองก็หล่อใช่ย่อยเหมือนกัน ต้องบอกว่าหล่อพอๆ กับเจ้านี่แหละ และเมียข้าเมื่อตอนนั้นนางสวยน่ารักพอๆ กับแม่หนูคนนี้ เมื่อเห็นพวกเจ้าทั้งสองคนทำให้ข้านึกถึงความหลังเหมือนกับว่าข้าเห็นภาพของตัวเองกับเมียข้าเมื่อครั้งกระโน้น....”
“อย่างนั้นเชียวหรือ?” อี้หนานลอบยิ้มเอียงอาย
เย่ว์หยางพูดไม่ออก
โถลุง, ไม่จำเป็นต้องอวดอ้างสรรพคุณตัวเองขนาดนั้นก็ได้จริงไหม? อย่าว่าแต่เจ้าตาเดียวเลย หน้าของเจ้ายังดูแก่เหมือนเปลือกไม้เก่าๆร่างของเจ้าก็เหมือนกับพวกกึ่งอสูรและฝ่ามือโตอย่างกะใบตาลแล้วจะหล่อเหลาเหมือนคนในตอนนั้นได้ยังไง? ถ้าไม่กลัวแทบตายหลังจากเห็นเจ้าตอนกลางคืน ก็คงได้หัวเราะเป็นแน่ แล้วพูดเสียอย่างนั้น สาวคนไหนจะกล้าแต่งงานกับพวกครึ่งอสูร?เว้นแต่ว่านางเป็นพวกคนแดนเถื่อนร่างกายสมบุกสมบัน หรือไม่ก็เป็นพวกทอเรนเผ่าหัววัวเป็นแน่
ถ้าเป็นการตัดสินตามมาตรฐานชายงามของฟ่านหลุนเถี่ย (สาวทอเรนเผ่าหัววัว) เจ้ามนุษย์มังกรตาเดียวอาจถูกมองว่าหล่อก็ได้ แต่ในสายตาของมนุษย์ นั่นเป็นไปไม่ได้
เย่ว์หยางประเมินว่า เว้นแต่สาวเจ้าตาบอด ไม่อย่างนั้นนางคงไม่ยอมแต่งกับลุงมังกรตาเดียวผู้นี้เป็นแน่
เมื่อทหารรับจ้างที่อยู่รอบๆ เห็นมังกรตาเดียวเริ่มบทสนทนา พวกเขาเริ่มโบกมือให้เย่ว์หยางและอวยพรอย่างกระตือรือร้นบางคนก็ร้องโห่ฮิ้วเสียงอื้ออึงของพวกเขาทำให้พวกชนชั้นผู้ดีที่อยู่ข้างหน้าขมวดคิ้ว พวกผู้ดีเหล่านี้ไม่สนใจเรื่องเย่ว์หยางและอี้หนานซึ่งไม่มีสัญลักษณ์ตระกูลไม่มีเหรียญตราสำนัก ในสายตาของพวกเขาเย่ว์หยางและอี้หนานเป็นพวกบ้านนอกจากชนบทห่างไกล ยิ่งชำเลืองมองก็เหมือนจะทำให้พวกเขาพลอยต่ำต้อยไปด้วย
“หมั่นไส้ หยิ่งเป็นบ้า!” ทหารรับจ้างร่างผอมคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างมังกรตาเดียวแค่นเสียง
“เขาคือเจ้านายใหญ่โต อย่าพูดเหลวไหล”มังกรตาเดียวรีบตบสหายของเขาขณะที่เขาเห็นหน่วยรักษาความปลอดภัยมองมาทางนี้ จากนั้นเขารีบคำนับคนชั้นสูงพวกนั้น อี้หนานไม่ชอบคนแบบนี้และส่วนใหญ่จะอยู่ห่างๆคนแบบนี้ แต่เย่ว์หยางขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ
“ขึ้นไปบนเรือเร็วเข้าเราไม่อาจอยู่ที่นี่เพื่อรอพวกชาวนาทหารรับจ้างอย่างพวกเจ้าได้นะ! พวกเจ้ารู้ไหมว่าที่นี่มีอะไรพิเศษรอเราอยู่ เราต้องเสียพลังงานไปมากขนาดไหน? ต่อให้พวกเจ้าเป็นนักสู้ปราณฟ้าต่อให้ขายตัวพวกเจ้าก็ยังไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำ เร็วเข้า, หยุดลากเท้าพิรี้พิไรได้แล้ว!” หนึ่งในสมาชิกลูกเรือโบกมือหงุดหงิดเร่งเย่ว์หยางและพวกผู้โดยสารที่ตีตั๋วชั้นธรรมดาขณะที่ต้อนรับพวกชนชั้นสูงที่เดินอยู่ข้างหน้าด้วยมารยาทอย่างดี
แม้แต่ลูกเรือคนอื่นก็ยังปูพรมแดงต้อนรับชนชั้นสูงที่หยิ่งยโสนั้น
พวกเขาชี้เย่ว์หยางและอี้หนานให้ไปทางเข้าอีกทาง ตรงนั้นจะไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากบุรุษคนหนึ่งถือวัตถุคล้ายไฟฉายมองดูเหมือนจะตรวจค้นร่างกายเพื่อหาสิ่งต้องห้าม
เมื่อมังกรตาเดียวยอมให้ตรวจ เขาเป็นคนเปิดเผยมาก เขาถอดกางเกงออกและผายลมอย่างแรงจนทำให้คนตรวจไล่ให้เขาเข้าไป
เมื่อทหารรับจ้างสิบคนผ่านเข้าไปง่ายๆ
ในที่สุดก็ถึงคราวเย่ว์หยางและอี้หนาน
“มาตรงนี้ ยืนดีๆ ยกมือวางบนศีรษะ หันหน้าเข้าหาเรือและหันหลังมาทางข้า ข้าจะตรวจสอบสิ่งของต้องห้าม ผู้หญิงหลายคนชอบเก็บของต้องห้ามไว้ในยกทรงและชุดชั้นในเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก มาตรงนี้เจ้าทั้งสองคนระวังด้วย อย่าก่อความยุ่งยากขณะข้าตรวจสอบ มิฉะนั้นจะเกิดเรื่องยุ่งยาก!” เมื่อพนักงานตรวจสอบเห็นอี้หนานงดงามเขาแทบไม่อาจกลั้นน้ำลายไว้ได้ เนื่องจากเย่ว์หยางและอี้หนานดูเหมือนจะอ่อนแอทั้งสองเป็นแค่นักสู้ปราณดินระดับหนึ่ง ขณะที่เขาเป็นนักสู้ปราณดินระดับสาม เขามั่นใจว่าสามารถทำลายคนทั้งสองนี้ได้
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบยังไม่หยุดแค่นเสียง เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง เขายื่นมือที่ขนดกรุงรังมาที่อี้หนาน
ทหารรับจ้างที่ผอมดูเหมือนจะทนไม่ได้ แต่มังกรตาเดียวดึงหลังเขาไว้
ลูกเรือรอบๆ ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับภาพนี้แล้ว พวกเขาผิวปากแกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไร พวกชนชั้นสูงทำเป็นไม่สนใจและเดินห่างออกไป
มือที่หยาบคายและก้าวร้าวของพนักงานตรวจสอบนั้นโดยไม่เกรงใจแม้แต่น้อย...แต่เมื่อห่างตัวอี้หนานเพียงครึ่งนิ้ว เย่ว์หยางยิ้มและเงื้อมือ ดาบจันทร์เสี้ยวเป็นประกายเขาตัดมือที่ยื่นออกมาจนขาด
และก่อนที่เจ้าหน้าที่นั้นจะทันได้ส่งเสียงร้อง เย่ว์หยางเตะผ่าหมากเข้าที่ง่ามขาของเขา
เกือบทุกคนได้ยินเหมือนเสียงบางอย่างแตก
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เหล่าบุรุษทุกคนอดรู้สึกเสียววาบที่ระหว่างขามิได้
แม้ว่าลูกเรือคนอื่นจะวิ่งเข้ามาหา แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่หยุดทำร้าย เขาย่ำระหว่างขาของคนผู้นั้นอย่างเมามันใช้แม้กระทั่งปลายเท้าจิกขยี้ ดูเหมือนว่าเขาไม่ตั้งจะหยุดจนกว่าจะย่ำให้เละ อี้หนานมองดูเงียบๆ ไม่เพียงแต่นางไม่ห้ามเขา แต่นางยังได้ระบายความโกรธอีกด้วยทั้งนี้เป็นเพราะนางโกรธ สำหรับสวะอย่างนั้นที่ไม่ให้เกียรตินาง สวะที่กล้ายั่วโมโหเย่ว์หยางนางไม่มีความเห็นใจแม้แต่น้อย ความจริงนางรู้สึกว่าการลงโทษด้วยความผิดนั้นสาสมแล้ว
“สุนัขที่กัดย่อมไม่เห่า โอว..ตายแล้วเจ้าผู้นี้ดุร้ายยิ่งนัก” ขณะที่เห็นภาพนี้ มังกรตาเดียวตัวสั่น
“หยุด หยุดนะ!” ลูกเรือหลายคนไม่กล้าใช้กำลังบังคับได้แต่ตะโกนอยู่ด้านข้างเพราะกลัวเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางหูหนวกเสียแล้ว
เขาหยิบอุปกรณ์ตรวจสอบและปาลงบนตัวพนักงานตรวจที่กระอักเลือดสลบไปแล้ว ต่อเมื่อผู้ตรวจสอบถูกเล่นงานจนหมดสภาพเย่ว์หยางจึงหยุดไม่มีอะไรเหลือให้เขาทุบต่อ เย่ว์หยางโยนอุปกรณ์ตรวจสอบที่บิดเบี้ยวและถ่มน้ำลายใส่หน้าของผู้ตรวจสอบคนนั้น
จากนั้น เขาค่อยๆ มองพวกลูกเรือเหล่านั้นและยิ้มเฉิดฉาย“ยังมีใครต้องการตรวจสอบเราอีกไหม?”
รอยยิ้มของเขาทำให้พวกลูกเรือถอยกรูดด้วยความกลัว
แม้แต่มังกรตาเดียวก็ยังตัวสั่นตะโกนลั่น “เจ้าผู้นี้อันตรายมาก ทุกคนถอยออกมาห่างๆ คนผู้นี้ไม่อาจตอแยได้”
พวกชนชั้นสูงมองมาด้วยสีหน้ารังเกียจเหมือนกับว่าพวกเขากำลังดูขยะและเดินต่อไปอย่างสงบ
ถ้าไม่ใช่เพราะก้าวเท้าของพวกเขาดูผิดปกติ คงไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าขาของพวกเขาสั่นอยู่ภายใต้ชุดยาวและกลบเกลื่อนด้วยความใจเย็นและความหยิ่งยโส ความจริงพวกเขากลัวแต่แกล้งทำเป็นดูถูกดูแคลนทุกอย่าง
ในระยะห่าง เจ้าหน้ารักษาความปลอดภัยนักสู้ปราณดินระดับห้า สองสามคนพุ่งเข้ามา
นำขบวนโดยหัวหน้าหน่วยที่เป็นนักสู้ปราณดินระดับเจ็ด
คนผู้นี้ศีรษะล้าน ร่างของเขาดำยิ่งกว่าหมึกแม้ว่าตาของเขาเป็นสีเงินแต่ไม่มีม่านตา ดูเผินๆ เขาเหมือนกับรูปสลักจากหินสีดำก่อนที่เขาจะพูด ลูกเรือสองสามคนก็วิ่งเข้าไปรายงานถึงเรื่องที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าพวกเขาย่อมพูดเกินจริงและโกหกว่าเป็นความผิดของเย่ว์หยางทำให้เขาดูเหมือนกับคนบ้าเลือด ถ้าเย่ว์หยางไม่ต่อสู้สักวัน เขาจะไม่สามารถทนอยู่ได้
“นั่นจริงหรือเปล่า?” หัวหน้ารักษาความปลอดภัยร่างเหมือนหินดำมองมาทางเย่ว์หยาง
“.....” เย่ว์หยางยักไหล่ด้วยความมั่นใจ เขาไม่พูดอะไร ผู้คนสามารถพูดอะไรก็ได้ตามต้องการ มันขึ้นอยู่กับปากตัวเอง แต่เขาไม่ทำและไม่ใส่ใจ
เย่ว์หยางไม่พอใจที่ต้องเก็บกดความโกรธจากก่อนหน้านั้นแล้วเมื่อเขาต้องจ่ายเงิน 200เหรียญทองซื้อตั๋วชั้นธรรมดาทำให้ต้องสูญเสียผลึกปีศาจมังกรบินระดับหกและระดับเจ็ดไปเป็นร้อยสำหรับเย่ว์หยางที่มักจะตระหนี่และประหยัดไม่ชอบใช้จ่ายนั่นคือเรื่องที่น่าหงุดหงิด ตอนนี้พวกเขายังวุ่นวายเรื่องการตรวจสอบ อยากตรวจสอบ ก็ตรวจสอบน้องสาวเจ้าสิ ทำเหมือนอย่างกะว่าจะมีผู้ก่อการร้ายเข้าไประเบิดตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ซะอย่างนั้น นั่นคือเหตุผลที่เย่ว์หยางตัดสินใจว่าไม่พอก็ต้องพอเขาหมดตัวแล้วไม่ใช่หรือ? เขาน่าจะปล้นเรือสำราญลอยฟ้านี่ซะ ยังไงก็แล้วแต่เขามาที่นี่เพื่อป่วนแดนสวรรค์อยู่แล้ว เรื่องเวลาไม่สำคัญอีกแล้ว
อี้หนานรู้สึกว่าคนพวกนี้ทำเกินเลยไปเช่นกัน พวกเขาแค่ต้องการท่องเที่ยวอย่างมีความสุข แต่หลายอย่างตอนนี้ยุ่งเหยิงไปหมด
นางไม่สบายใจเล็กน้อย
นั่นคือสาเหตุที่เมื่อเย่ว์หยางต้องการป่วน ไม่เพียงแต่นางไม่ห้ามเขาเท่านั้นนางยังจะช่วยเขาอีกด้วย
ไม่ต้องคิดว่าแค่เพียงเพราะพวกเขามีระดับนักสู้ที่ต่ำเท่านั้น พวกเขาเป็นเป้าหมายง่ายๆ ถ้าพวกเขาตัดสินใจลงมือ ทุกคนจะได้รู้สึกถึงความโกรธของผีเสื้อหลอนประสาทและภูตกระจกและพวกเขาจะตายอยู่ในฝันร้าย....
หัวหน้ารักษาความปลอดที่ตัวดำเหมือนหินชนวนมองดูพวกทหารรับจ้าง
มังกรตาเดียวยิ้ม “จะตรวจสอบกันก็ไม่เป็นไร,แต่ฉวยโอกาสเอาเปรียบสตรีของบุรุษอื่นไม่ใช่เรื่องดีเลย โอว, ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน”
บุรุษร่างผอมยังซื่อตรงยิ่งกว่า คำตอบของเขานั้นพ่นออกมาอย่างหนักแน่นและเต็มไปด้วยความรังเกียจ
“หัวหน้า พวกเขาทุกคนเป็นพวกเดียวกัน” พวกลูกเรือพวกนั้นปกป้องตัวเองอย่างรวดเร็ว
“เผียะ เผียะ เผียะ!” สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือบุรุษที่เหมือนรูปสลักหินนั้นตบพวกลูกเรือทีละคน“ขออภัย อย่างนั้นกำจัดเจ้าสวะนี่ซะ เรือของเรามีแต่เจ้าหน้าที่คุณภาพดีที่สุด ไม่ต้องการพวกสวะ”
“เดี๋ยว หัวหน้า เขา เขา คือ...” ลูกเรือคนหนึ่งมีฟันหน้าหลอต้องการบอกว่าสวะที่เย่ว์หยางที่ทุบตีคนนี้มีคนที่มีอำนาจหนุนหลังเขา
“ข้าไม่สนใจว่าใครนำเจ้าสวะนี่เข้ามา แต่สวะก็คือสวะ วิธีกำจัดย่อมเหมือนกันทั้งหมด” หัวหน้าที่เหมือนรูปสลักหินคว้าตัวผู้ตรวจสอบที่หมดสติอย่างง่ายดายและขณะที่ทุกคนมองดูอยู่ เขาโยนเจ้าผู้นั้นออกนอกเรือเหมือนกับโยนขยะทิ้ง และหันมาทางเย่ว์หยางและอี้หนานพร้อมกับโค้งให้เล็กน้อยและกล่าวอย่างไม่รู้สึกอะไร “ยินดีต้อนรับสู่เรือสำราญลอยฟ้า ขอให้เพลิดเพลินกับการเดินทาง”