ตอนที่ 26 ฐานวิจัยลับของรัฐบาล
ตอนที่ 26 ฐานวิจัยลับของรัฐบาล
ทุกคนมองดูฐานทัพใต้ดินแห่งนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหนต่อ เพราะตอนนี้มีทางเดินถึงสามเส้นทางที่แยกออกจากกัน คือทางด้านหน้า ทางด้านซ้ายและขวา
แถมตอนนี้ด้านล่างดูเหมือนจะมีแค่ไฟฉุกเฉินเท่านั้นที่ยังทำงานอยู่ ซึ่งใช้สำหรับการขับเคลื่อนลิฟต์ที่พวกเขาลงมาและไฟตามทางเดินที่กะพริบไปมาเป็นบางครั้ง เพราะไฟไม่เพียงพอ
“นี่ไม่ใช่ฐานทัพใต้ดินธรรมดา” ผู้กองเชนพูด ในฐานะที่เขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เขารู้ว่าภาครัฐไม่มีทางสร้างฐานขนาดใหญ่แบบนี้เป็นเพียงคลังอาวุธแน่นอน
“ผู้กองทำยังไงต่อ” จ่าวัฒน์ถาม ตอนนี้พวกเขาอยากจะรู้ว่าจำต้องลุยหรือถอย
“นายคิดยังไง” ผู้กองเชนถามเรน เพราะเรนและตนแค่ร่วมมือกันมาที่คายแห่งนี้ แต่ฐานลับใต้ดินนี้เกินกว่าที่พวกเขาตกลงกันไว้ ถ้าเรนเลือกจะถอยเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร
“มาแล้วก็ลองเข้าไปดูกันเถอะ” เรนตอบไป เขารู้สึกว่าฐานที่ไม่ธรรมดาเหมือนที่ผู้กองเชนคิด บางทีอาจจะเจอของที่มีประโยชน์ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่พบว่าอันตรายเกินไปเรนจะหนีทันที
เรนและผู้กองเชนเลือกทางเดินสุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจจะไปทางตรงกลางก่อน ทั้งกลุ่มหยิบไฟฉายที่เตรียมไว้มา ตอนแรกพวกเขาเตรียมไว้เผื่อฉุกเฉินเท่านั้น เพราะคิดว่าจะกลับก่อนมืด แต่ตอนนี้ได้ใช้พวกมันแล้ว
เรนและกลุ่มเดินไปตามทางเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปเจอกับทางแยกอีก 2 เส้นทาง คือซ้ายและขวา
“ทางไหน” ผู้กองเชนพูดขึ้นมา
“เราควรไปทางขวา” เรนพูดขึ้นมาและส่องไฟไปที่ทางเดินนั้น ปรากฏว่าที่ทางเดินไม่ไกลมีชายใส่เสื้อกาวน์คนหนึ่งเดินมาทางพวกเขาด้วยท่าทางแปลก ๆ
“พวกคุณเป็นคนมาช่วยพวกเราอย่างนั้นเหรอ มาสิมา ขอกินหน่อย” ชายคนนั้นพยายามยื่นมือไปด้านหน้า
“ผู้รอดชีวิต!” จ่าวัฒน์พูดด้วยความตกใจ
“ไม่ใช่ ผู้ติดเชื้อ” เรนตอบกลับทันที
“เป็นไปไม่ได้ทำไมผู้ติดเชื้อถึงพูดด้วยประโยคที่ยาวแบบนี้” ตำรวจเต้พูดด้วยความสงสัยและสับสน
“อาจจะเพราะก่อนตายพวกนี้คงฉลาดกว่าคนทั่วไป” ตำรวจเดฟตอบกวน ๆ
เรนยกคันธนูขึ้นมาเล็งไปที่ผู้ติดเชื้อที่ใส่เสื้อกาวน์ของนักวิจัยอยู่ มันเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้า ๆ เนื่องจากที่ขาเหมือนจะบาดเจ็บหนัก
เรนจัดการปลิดชีพมันในทันที หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปหยิบเอาเหรียญทองระบบ 1 เหรียญที่รอยอยู่มา
“จากเสื้อกาวน์คงเป็นพวกนักวิทยาศาสตร์อย่างที่เดฟบอก มันอาจจะมีตัวอื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้นระวังตัวให้ดี” ผู้กองเชนเตือนลูกน้องของเขา
ตำรวจพากันพยักหน้าเข้าใจ พวกเขาระวังกันมากขึ้นและตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากในลำโพงที่ติดอยู่ข้างกำแพงทำเอาทุกคนสะดุ้งตกใจจนเกือบจะยิงลำโพงนั้นทิ้ง
“พวกคุณได้ยินผมไหม มาช่วยผมด้วย ตรงมาและเลี้ยวซ้ายสองครั้ง โดยโปรดมาช่วยผมด้วย”
“พวกคุณเป็นตำรวจใช่ไหม ได้โปรดช่วยผมด้วย ผมไม่ติดเชื้อผมยังปลอดภัยดี ขอร้องแหละได้โปรด”
เสียงของลำโพงดังขึ้นอยู่สักพัก ซึ่งเจ้าของเสียงกำลังขอให้พวกเขาไปช่วย ทุกคนต่างพากันสงสัยในทันที
“พวกผู้ติดเชื้อที่พูดได้ประโยคยาว ๆ อีกตัวเหรอ” ตำรวจเต้พูดขึ้นมา
“ผู้กองเอายังไงดี” จ่าวัฒน์จ้องไปที่ผู้กองเชน ที่กำลังคิดหนัก เพราะกำลังชั่งใจว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นคนหรือผู้ติดเชื้อ
“ผมจะไปช่วยเขา ผู้ติดเชื้อแม้จะพูดประโยคยาวได้ แต่คงไม่ใช่ทุกตัวอีกอย่างดูเหมือนข้าวของเสียงนี้จะกลัวมาก พวกผู้ติดเชื้อไม่มีทางแสดงอารมณ์ได้แบบมนุษย์” เรนอธิบายอย่างมั่นใจ และที่เขาตัดสินใจไปช่วยเพราะเขาเชื่อว่าเจ้าของเสียงในลำโพงน่าจะมีข้อมูลที่เขาอยากรู้ เช่นค่ายลี้ภัยตั้งอยู่ที่ไหน
เรนเดินตามที่ลำโพงบอก
ผู้กองเชนเห็นแบบนั้นก็เดินตามเรน เพราะเขาก็อยากจะเจอกับคนที่รอดชีวิตและถามข้อมูลเหมือนกัน
เต้รีบเดินตามผู้กองไป เดฟและจ่าวัฒน์มองหน้ากันด้วยท่าทีส่งสัญญาณบางอย่าง ก่อนจะเดินตามกลุ่มไป
พวกเขาไปตามทางที่เสียงในลำโพงบอก ตรงไปและเลี้ยวซ้ายสองครั้ง แต่หลังจากตรงไปและเลี้ยวซ้ายเพียงครั้งเดียวก็เจอเข้ากับผู้ติดเชื้ออีกสองตัว
เรนใช้รูนิกคันศรยิงลูกธนูพลังงานออกไปสองดอกสังหารมันทั้งสองตัวลง ก่อนจะเดินไปเก็บของที่ออกมาและก็เดินต่อ
พอเลี้ยวซ้ายครั้งที่สองก็ต้องตกใจที่พบว่าพวกเขาเจอเข้ากับกลุ่มผู้ติดเชื้อ 10 กว่าตัวกำลังทุบประตูห้องที่มีป้ายด้านขนเขียนว่าห้องควบคุม
“คงต้องใช้ปืนพวกคุณแล้ว” เรนถอยออกมา เขาไม่บ้าใช้ธนูยิงพวกมันทีละตัวในทางที่ไม่มีอะไรกำบังแบบนี้แน่นอน
ว๊ากกก!!!
ผู้ติดเชื้อที่เป็นทั้งนักวิจัยและทหารต่างก็หันกลับมาวิ่งเข้าใส่มนุษย์กลุ่มใหม่กันในทันที
“ยิง” ผู้กองเชนสั่งการพร้อมลั่นไก
จ่าวัฒน์ ตำรวจเต้และเดฟก็ลั่นไกเช่นกัน ปืน AR15 ทั้ง4 กระบอกสาดกระสุนใส่ผู้ติดเชื้อพวกนั้นจนมันพากันล้มลงตายไปจนหมด
เลือดไหลทั่วทั้งพื้น ลอยกระสุนเต็มผนังทั้งสองด้านและประตูของห้องควบคุมที่เป็นรูพรุน
“หวังว่าเขาจะไม่ตายไปแล้วนะ” เรนพึมพำออกมา
พวกตำรวจพากันไปเก็บของที่ออกมาจากศพของผู้ติดเชื้อ แต่น่าเสียดายที่มันเป็นเพียงเหรียญทองระบบกับหินพลังงานเท่านั้น ไม่มีรูนิกปรากฏขึ้นมา
เรนเริ่มรู้สึกว่าหินรูนิกเปล่านั้นหายากขึ้นเรื่อย ๆ ต่างจากวันแรกที่เกิดเรื่องมาก
ทุกคนมาล้อมอยู่ที่หน้าประตู เรนเริ่มเคาะประตูเพื่อถามคนด้านใน
“ยังรอดอยู่ไหม”
“เป็นพวกคุณเหรอที่ยิงปืนพวกนี้ ผมเกือบตายจากกระสุนของพวกคุณแล้ว” เสียงด้านในตอบกลับติด ๆ ขัด ๆ ราวกับยังตกใจจากสิ่งที่เกิดขึ้น
“เปิดประตูให้พวกเราเข้าไปได้ไหม” เรนพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“รอเดี๋ยว” คนด้านในพยายามดึงประตูให้เปิดออก จนประตูเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด เนื่องจากผลของกระสุนเมื่อครู่ทำให้ประตูเสียหายและบิดผิดรูป
“ถอยออกไป ฉันเอง” เดฟพูดขึ้นมาก่อนจะกระโดดถีบประตูด้วยแรงทั้งหมด จนมันเปิดออกมาในครั้งเดียว
พอประตูเปิดออกพวกเขาก็เห็นว่าด้านในนั้นคนที่รอดอยู่คือทหารนายหนึ่ง
“ทุกคนรีบมาไปในห้องก่อน” ทหารนายนั่นมีท่าทีลุกลี้ลุกลนให้พวกเขาทุกคนเข้ามา ราวกับว่าด้านนอกมันอันตรายมาก
พอเข้ามาด้านในผู้กองเชนก็เป็นคนเปิดประเด็นพูดก่อนในทันที
“นายเป็นทหารของที่นี่เหรอ”
“คุณคือ?” ทหารคนนั้นถามอย่างสงสัย ก่อนจะอธิบายต่อว่า “ที่ถามเพราะผมต้องรู้ก่อนว่ากำลังให้ข้อมูลกับใคร”
“พวกเรามาช่วยนายแล้วยังจะห่วงเรื่องข้อมูลอีก” ตำรวจเต้พูดลอย ๆ ออกไป
ไม่มีใครสนใจคำพูดของเขาอยู่แล้ว
“ผมผู้กองเชน สถานีตำรวจวอริกที่ 8 ตั้งอยู่ไม่ไกลจากค่ายในหุบเขาของพวกคุณ”
“คุณเป็นตำรวจ ถ้าอย่างนั้นผมบอกข้อมูลให้กับคุณได้ แต่ห้ามเปิดเผยให้พลเมืองภายนอกรู้เด็ดขาด” ทหารนายนี้พูดด้วยท่าทางจริงจัง ก่อนจะพูดต่อว่า “ผมเป็นทหารประจำอยู่ที่ศูนย์วิจัยลับของรัฐบาล ตอนนี้เกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้น คนพวกนั้นเหมือนจะบ้าคลั่ง เอาเป็นว่าคุณพาผมออกไปจากที่นี่ ผมต้องการติดต่อกับรัฐบาลโดยด่วน”
ทุกคนมองหน้ากันไปมาอย่างสงสัย
“คุณติดอยู่ที่นี่มากี่วันแล้ว” เรนถามทหารนายนั้น
“หมายความว่ายังไง” ทหารทำท่าทางงุนงง
“ตอบมาเถอะ คุณอยู่ที่นี่มาก่อนวันแล้ว” เรนถามซ้ำ สายตาเขาเหลือไปมองพวกเศษหอของกินที่กระจายอยู่ที่พื้น
“4 วัน ไม่สิน่าจะ 5 วันผมไม่แน่ใจ” ทหารคนนั้นตอบด้วยสีหน้ากังวล เพราะดูเหมือนเขาเริ่มจะเอะใจว่าอาจจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นที่ด้านนอก
พอได้ยินคำตอบของทหารชายคนนี้พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ทหารคนนี้ไม่รู้เรื่องที่เกิดกับโลกด้านนอกเลย
เรนตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับทหารคนนี้ฟังในทันที พอได้ยินเรื่องของโลกภายนอกที่เละยิ่งกว่าในฐานแห่งนี้ก็ทำให้ทหารนายนี้หน้าซีดจนเหมือนคนเป็นลม
“เป็น...เป็นไปได้ยังไง เชื้อออกไปด้านนอก”
“เชื้อโรคระบาด หรือว่าที่นี่คือที่ทำให้เกิดเชื้อโรคที่เปลี่ยนคนเป็นผู้ติดเชื้อ” ผู้กองเชนถามเสียงดัง
เรนที่ฟังก็คิดในใจว่า “เชื้อระบาดเพราะการวิจัยของรัฐบาลอย่างนั้นเหรอ เป็นไปได้อย่างนั้นเหรอ”
เขารู้สึกว่าข้อมูลมันเริ่มย้อนแย้งกันเอง จริงอยู่ที่เรนสงสัยรัฐบาล แต่มันไม่ได้น่าจะเป็นไปได้ที่เชื้อจะระบาดออกมาจากฐานของรัฐบาล เพราะเรื่องพวกผู้ติดเชื้อมันเกี่ยวกับระบบแหวนพลังอย่างลึกซึ้ง
“ไม่รู้” ทหารคนนั้นตอบ ทำให้เรนและผู้กองเชนมองเขาด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“ผมไม่รู้จริง ๆ แต่จากที่พวกคุณเล่ามาพวกที่บ้าคลั่งข้างนอกก็เหมือนพวกที่อาละวาดในฐานวิจัยลับใต้ดินแห่งนี้ ดังนั้นผมจึงพูดไปอย่างนั้น” ทหารนายนั้นตอบเสียงเบา ๆ
“แล้วนายรู้อะไรบ้าง มันเกิดอะไรขึ้นที่นี่” ผู้กองเชนถามต่อ
ทหารหนุ่มคนนี้เล่าในสิ่งดีที่ตนรู้
“ที่จริงแล้วที่นี่คือฐานใต้ดินเก่าที่พึ่งมีการปัดฝุ่นกลับมาใช้งานใหม่เมื่อ 10 วันก่อน และเมื่อ 7 วันก่อนได้มีการส่งตัวอย่างชีวภาพที่เก็บกู้มาได้มาไว้ที่ห้องวิจัยที่นี่ พวกนั้นทดลองหลาย ๆ อย่าง แต่ส่วนนั้นเป็นข้อมูลลับผมเข้าไม่ถึงพวกมัน”
“เป็นไปไม่ได้ก็เมื่อไม่กี่วันก่อนมีรถบรรทุกทหารสองคันมาที่นี่” ผู้กองเชนพูดขึ้นมา
“รถบรรทุกทหาร...” ทหารหนุ่มนึกอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมา “หรือว่าเป็นพวกเขา พวกนั้นเข้ามาโดยไม่รู้อะไร ก่อนจะปล่อยให้ผู้ติดเชื้อบางส่วนออกไปข้างนอก ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่นี่”
“มีแต่รอยเลือด” จ่าวัฒน์ตอบ
เรนเริ่มสงสัยว่าที่หมู่บ้านตีนเขากลายเป็นหมู่บ้านผู้ติดเชื้อก่อนใครเลย อาจจะเป็นเพราะพวกทหารผู้ติดเชื้อที่รอดออกไปจากฐานวิจัยลับแห่งนี้ซะแล้ว
ตอนนั้นเองเรนก็เหลือบไปสังเกตเห็นแหวนที่นิ้วมือของทหารคนนี้
“แหวนพลัง” เรนพูดขึ้นมา ทำให้ทหารหนุ่มหันขวับไปมองหน้าเรนด้วยความตกใจ
“นายรู้ได้ยังไง” ทหารหนุ่มถามเรนทันที ก่อนจะสังเกตเห็นแหวนที่มือของเรนและพูดออกมาอย่างตกใจ “ผู้ใช้วงแหวน”
‘ดูเหมือนเขาจะไม่ใช่ทหารทั่ว ๆ ไป’ เรนคิดในใจ ทหารทั่วไปจะมีแหวนพลังได้ยังไง แม้แต่ระดับร้อยเอกก้องที่ตายไปยังไม่ได้สวมแหวน
“นายเหมือนกับฉัน” ทหารคนนั้นพูดขึ้นมา
เรนไม่ได้ตอบ เขาเลือกจะเงียบแทน ทหารคนนั้นก็ไม่ได้ถามต่อ
“แหวนอย่างนั้นเหรอ มีพวกมันอีกไหม” ผู้กองเชนถามด้วยความตื่นเต้น เพราะไม่คิดว่าจะมาเจอแหวนพลังที่นี่จริง ๆ
“นายบอกอะไรพวกเขา” ทหารคนนั้นหันไปถามเรนในทันที
“โลกเปลี่ยนไปแล้ว ฉันบอกในสิ่งที่พวกเขาควรจะรู้” เรนใช้คำพูดคลุมเครือ ก่อนจะถามเพิ่มว่า “นายมีแหวนแต่ทำไมไม่หนีออกไปจากที่นี่ด้วยพลังของรูนิก”
“ฉันไม่มีรูนิก” ทหารหนุ่มตอบไปตามตรง
‘โชคร้าย’ เรนพึมพำในใจ ก่อนจะพูดกับทหารหนุ่ม “นายควรจะบอกเรื่องแหวนพลังมา ตอนนี้โลกเปลี่ยนไปอันตรายขึ้นมาก การมีผู้ใช้วงแหวนมากขึ้นจะทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้น”
ทหารได้ฟังก็เงียบไป ผู้กองเชนหันไปมองเรนและพยักหน้าให้เรนที่เขาช่วยกล่อมให้ทหารนายนี้บอกเรื่องของแหวนพลัง
“ก็ได้ ผมจะบอก ก่อนเกิดเรื่องมีแหวนพลังถูกนำมาที่ฐานวิจัยลับแห่งนี้ 5 วง 1 วงอยู่กับผม อีก 4 วงแยกเป็นสองที่ ก่อนเอาไปทำการทดลอง น่าจะอยู่ห้อง 005 กับ 019 ห้องแยกเป็นสองเส้นทาง ปีกซ้ายและขวา” ทหารหนุ่มบอกออกไป