ตอนที่ 18-1 อาวุธแบบไหน?
ลินลี่ย์ได้รับการรู้แจ้งฉับพลันและบรรลุฝีมือระดับใหม่ในช่วงเวลาสำคัญที่มหาเทพชะลอลงมาพอดีและกลายเป็นเทพชั้นสูง เรื่องนี้ทำให้เบรุตและคนอีกสองสามคนทั้งขำทั้งทึ่ง แต่ก็มีหลายคนในที่นั้นตกตะลึงสิ้นเชิง พวกที่พากันตกตะลึงกันหมดก็คือยอดฝีมือฝ่ายแปดตระกูลใหญ่
“ลินลี่ย์ผู้นี้..กลายเป็นเทพชั้นสูงแล้วหรือ?” ประมุขตระกูลโบลีนจ้องมองลินลี่ย์
“เขากลายเป็นเทพชั้นสูงแล้วจริงๆ!” ประมุขตระกูลอีดริคและคนอื่นมีสีหน้าความรู้สึกที่ซับซ้อน
“ต่อให้มหาเทพไม่ชะลอลงมา เราคงต้องจากไปอยู่ดี” ประมุขเผ่าอสรพิษอเวจีถอนหายใจ
เหตุผลเบื้องหลังความโหดเหี้ยมอำมหิตในรอบพันปีที่ผ่านมาเป็นเพราะพวกเขากังวลเรื่องลินลี่ย์ พวกเขาเชื่อว่าลินลี่ย์เป็นเทพระดับเทพแท้ต้องหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้ห้าเคล็ดแล้วจึงมีพลังระดับนี้ และทันทีที่ลินลี่ย์กลายเป็นเทพชั้นสูง บางทีเขาอาจหลอมรวมเคล็ดกฎธาตุทั้งหกเคล็ดและกลายเป็นเทพพารากอนก็เป็นได้!
พลังที่น่ากลัวของเทพระดับพารากอนคงไม่ด้อยไปกว่าพลังของเบรุต!
“โชคดีที่เขาไม่บรรลุก่อนหน้านี้” ประมุขตระกูลไรเนลกระซิบ
“ถูกแล้ว” ประมุขตระกูลต่างๆ แตกตื่นกันมาก มีอารมณ์ปนเปกันไปในตอนนี้
การชะลอลงมาของมหาเทพ ทำให้พวกเขาต้องยอมรับคำตัดสินอย่างไม่เต็มใจ แต่ตอนที่ลินลี่ย์กลายเป็นเทพชั้นสูงนี้ พวกเขาตกใจกับการเรียกร้องท้าทายที่พวกเขาได้ทำไปแล้วนั้น
เมื่อเทพพารากอนเริ่มเข่นฆ่า ยอดฝีมือของฝ่ายแปดตระกูลใหญ่อาจเป็นเหมือนตุ๊กตาที่รอรับการจัดการ ก็เหมือนกับที่มองดูเบรุต! เขายังกล้าขัดขวางพลังโจมตีจากสมบัติมหาเทพโดยตรงได้ ใครจะกล้าต่อต้านตัวประหลาดแบบนั้นเล่า?
“ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์โชคดีมากจริงๆ เพราะมีอัจฉริยะปรากฏตัวขึ้นในกลุ่มพวกเขา” ประมุขตระกูลบาร์บารีย์พูดเสียงเบา “เรารีบไปกันเถอะ”
“ถึงเวลากลับกันแล้ว”
ประมุขตระกูลต่างๆ หันหน้าและจากไป พวกเขาไม่กล้าละเมิดคำสั่งของมหาเทพและการปรากฏตัวของลินลี่ย์ทำให้พวกเขาละทิ้งความตั้งใจของตัวเองเช่นกัน ไม่ว่ายังไง...วันนี้ เรื่องระหว่างตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์และแปดตระกูลใหญ่ก็ต้องจบลง
สมาชิกของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ต่างพร่ำเพ้อดีใจแทบคลั่ง ชาวเผ่าจำนวนมากเริ่มร้องไห้ทันที จากวันนี้เป็นต้นไปตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาจะไม่ต้องพบเจอกับอันตรายและชีวิตที่น่าอับอายนับไม่ถ้วนอีกต่อไปแล้ว
“มันจบแล้ว!
“ฮ่าฮ่า, ในที่สุดก็จบได้เสียที!”
เสียงฮือฮาดีใจดังขึ้นในอากาศเหนือเทือกเขาสกายไรท์ ชาวเผ่าตระกูลหลายคนตื่นเต้นคุกเข่าลงกับพื้นสะอึกสะอื้น การดูถูกเหน็บแนมอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาจากแปดตระกูลใหญ่สร้างความทรมานในจิตใจของชาวเผ่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
ในที่สุด...ก็จบได้เสียที!
“กองกำลังของแปดตระกูลใหญ่จากไปแล้ว” บีบีกล่าว
ลินลี่ย์หันไปมองเช่นกัน ประมุขตระกูลและเหล่าผู้อาวุโสนำหน้าและชาวเผ่าตระกูลของแปดตระกูลใหญ่เหมือนตั๊กแตนฝูงใหญ่บินขึ้นไปในอากาศ จากนั้นเข้าไปโดยสารในอสูรโลหะและจากไปด้วยความเร็วสูง ทิ้งไว้แต่เพียงปราสาทและอาคารว่างเปล่าหลายหลัง
“มันจบสิ้นแล้ว” ใบหน้าของกัซลีสันมีอารมณ์ซับซ้อน
ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวถอนหายใจอย่างมีอารมณ์ “หมื่นปี ฝันร้ายหมื่นปี ในที่สุดก็จบเสียที! เผ่าตระกูลเราไม่ต้องซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาสกายไรท์และไม่ต้องคอยหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว”
สมาชิกเผ่าตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์รู้สึกคลายใจอย่างยิ่งแล้วในตอนนี้
“ลอร์ดเบรุต เราจะจดจำความเมตตาของท่านตลอดไป!” กัซลีสันเป็นคนแรกที่คำนับแสดงความเคารพ และจากนั้นประมุขเผ่าอีกสามคนรวมทั้งเหล่าผู้อาวุโสคำนับแสดงความเคารพเช่นกัน
เบรุตเพียงแต่หัวเราะอย่างใจเย็น “ถ้าพวกเจ้าต้องการขอบคุณใครสักคน ก็ควรขอบคุณมหาเทพ”
แต่กัซลีสันและคนอื่นทุกคนเข้าใจดีว่ามหาเทพบลัดริจและตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ไม่มีความเกี่ยวข้องกันมากนัก ถ้ามหาเทพบลัดริจต้องการช่วยตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง เขาคงแสดงตนเองออกหน้าไปนานแล้ว แต่เขาเพิ่งปรากฏตัวในวันนี้...
มีแนวโน้มว่าเหตุผลจากเรื่องนี้ เป็นเพราะเบรุตช่วย
“ทุกคน!”
เสียงของกัซลีสันดังขึ้นทันทีและกึกก้องอยู่ในอากาศเหนือภูเขาสกายไรท์ ทันใดนั้นชาวเผ่าตระกูลนับไม่ถ้วนหันมามองทางเขา กัซลีสันประกาศด้วยเสียงกึกก้อง “วันนี้เป็นวันที่น่าปลาบปลื้มยินดี เกินกว่าหมื่นปีที่ผ่านมา ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเรามักจะอยู่ภายใต้แรงกดดันที่น่ากลัวอยู่เสมอ และผู้อาวุโสคนแล้วคนเล่าประสบเคราะห์กรรมในการต่อสู้เพื่อเผ่าตระกูล..วันนี้ เราสมาชิกของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์จึงได้โล่งใจ และมีอิสระจะท่องเที่ยวไปเหนือฟ้าของแดนนรกได้ เราจะต้องเฉลิมฉลองเหตุการณ์ที่ยอดเยี่ยมนี้ด้วยกัน ชาวเผ่าตระกูลทุกคน! เราจะเฉลิมฉลองกันสามวัน!”
“ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
“ฉลองใหญ่สามวัน!”
ทันใดนั้นเสียงโห่ร้องดีใจดังขึ้นเรื่อยๆ กึกก้องสะท้อนอยู่เหนือท้องฟ้าเทือกเขาสกายไรท์
“ลอร์ดเบรุต ฟูโซ่ ท่านทั้งสองต้องอยู่ร่วมเฉลิมฉลองให้ได้” กัซลีสันมองดูเบรุต
“ย่อมแน่นอน” เบรุตหัวเราะอย่างเยือกเย็นและพยักหน้า
“ฮะฮะ” ฟูโซ่หัวเราะเบาๆ จากนั้นเหลือบมองลินลี่ย์ ขณะที่เขาทำอย่างนั้น เขาอดหัวเราะลั่นไม่ได้ “ลินลี่ย์ เจ้าบรรลุระดับใหม่ได้ขณะที่เจ้าเห็นมหาเทพ ข้า..ฟูโซ่อยู่มานานจนอายุปูนนี้ ขอสารภาพเลยว่าข้าไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน”
ลินลี่ย์ได้แต่ยิ้มขัดเขิน
“เจ้าเห็นมหาเทพด้วยหรือเปล่า?” เบรุตหัวเราะ
“ทันทีที่ข้าเห็นเขา เขาก็จากไปแล้ว” ลินลี่ย์ค่อนข้างงง ความจริงขณะที่มหาเทพชะลอลงมา ลินลี่ย์ดื่มด่ำอยู่ในความรู้แจ้งที่เขาได้รับเมื่อตอนดูการต่อสู้ระหว่างประธานผู้อาวุโสและประมุขตระกูลบาร์บารีย์
ลินลี่ย์ไม่รู้ว่ามหาเทพมาเมื่อไหร่และเขาพูดอะไรบ้าง
อย่างไรก็ตาม...จากสิ่งที่ทุกคนพูดกัน ลินลี่ย์จึงตระหนักได้ว่าการแยกจากไปของแปดตระกูลใหญ่เนื่องมาจากพวกเขาเชื่อฟังคำสั่งของมหาเทพ
“มหาเทพก็ยังเป็นมหาเทพจริงๆ แค่เพียงประโยคเดียว แปดตระกูลใหญ่ก็ถูกบีบให้จากไปแต่โดยดี” ในใจลินลี่ย์ เขายังคงเห็นใบหน้าสีดำขนาดมหึมา สูงหลายสิบเมตร ลอยนิ่งอยู่ในกลางอากาศ เขาจำได้ถึงสายตาที่น่ากลัวนั้น
มหากรุณาของมหาเทพ ลินลี่ย์พบเจอด้วยตัวเอง และจะไม่มีวันลืม
“ไปกันเถอะ เผ่าตระกูลของเจ้าจะเตรียมเฉลิมฉลองใหญ่” เบรุตหัวเราะ จากนั้นบินขึ้นไปในอากาศ
ลินลี่ย์ บีบี ฟูโซ่ เดเลียและคนอี่นๆ ติดตามเบรุตขึ้นไปในอากาศทั้งหมด สำหรับกัซลีสันและประมุขเผ่าอื่น จากไปก่อนแล้วเพื่อเตรียมงานเลี้ยง งานเฉลิมฉลองนี้เป็นงานที่จัดที่เทือกเขาสกายไรท์
ขณะที่เบรุตบินไป เขาอดขำตัวเองไม่ได้
ลินลี่ย์ได้แต่หันไปมองดูเขา เบรุตชำเลืองมองเขา จากนั้นถอนหายใจกล่าว “ลินลี่ย์! ข้าจะต้องทำงานหนักเพิ่มขึ้นด้วยตัวเองอีกแล้ว ข้าต้องการจะให้กำลังใจกับเจ้าบ้าง ดังนั้นจึงบอกไปว่าข้าจะให้อาวุธประกายเทพกับเจ้าหากว่าเจ้าบรรลุกลายเป็นเทพชั้นสูง แต่ใครจะคิดกันเล่าว่าครู่ต่อมา เจ้าจะบรรลุระดับใหม่ได้ในทันที?”
แน่นอน..
ลินลี่ย์มีประสิทธิภาพมากเกินไปหน่อย
“ปู่, ปู่จะต้องสร้างอาวุธประกายเทพดีๆ ให้พี่ใหญ่ข้านะ” บีบีรีบกล่าว
“ในเมื่อข้าพูดไปแล้ว ข้าจะต้องสร้างให้แน่นอน” เบรุตพยักหน้าจากนั้นมองลินลี่ย์ “ว่ามาซิ ลินลี่ย์ เจ้าต้องการให้ข้าสร้างอาวุธแบบไหนให้เจ้า?”
แม้แต่ฟูโซ่ก็ยังหัวเราะเสียงดัง “ลินลี่ย์! แม้ว่าอาวุธประกายเทพของเบรุตจะไม่ใช่สมบัติมหาเทพ แต่ในแง่ความทนและความแข็ง เทียบได้กับอาวุธมหาเทพเลยทีเดียว ในแดนนรก... อาวุธประกายเทพของเบรุตเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาซื้อไม่ได้”
“ข้าอยากได้..”
ลินลี่ย์ไตร่ตรองชั่วขณะ เขามีแหวนมังกรขนดและพลังวิญญาณของเขาก้าวหน้าอย่างมาก หลังจากเขากลั่นอะเมทิสต์มากขึ้นในอนาคตและซ่อมแหวนมังกรขนด พลังป้องกันวิญญาณของเขาจะเพิ่มขึ้นในระดับสูง สิ่งที่ยังขาดอยู่ในตอนนี้.. พลังป้องกันพลังโจมตีวัตถุ
“ลอร์ดเบรุต ท่านสามารถสร้างชุดเกราะประกายเทพที่หลอมรวมกับเกล็ดข้าได้เหมือนกับของประธานผู้อาวุโสได้ไหม นั่นจะช่วยให้หมัดและพลังเตะของข้าทรงพลังขึ้นมาทีเดียว” ลินลี่ย์พูดอย่างกระตือรือร้น ด้วยชุดเกราะ เขาสามารถใช้ทั้งโจมตีและป้องกัน
สิ่งประดิษฐ์ที่มีประโยชน์ได้สองทาง
รอยยิ้มของเบรุตแข็งค้างสุดฝืนในทันใด
“พี่ใหญ่...ท่านต้องการเกราะหรือ?” บีบีจ้องมองลินลี่ย์เช่นกัน
“ลินลี่ย์...เจ้านี่เหลือเกินจริงๆ” ฟูโซ่จ้องมองลินลี่ย์ ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องให้ดี
ลินลี่ย์ค่อนข้างประหลาดใจ และเขามองดูพวกเขาด้วยความสงสัย “มีอะไรหรือ? หรือว่าคำขอของข้ามากเกินไป?”
เบรุตตีปั้นหน้าไม่ถูก ชั่วครู่หนึ่งเขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไร ในที่สุดบีบีเป็นคนอธิบาย “พี่ใหญ่! การสร้างอาวุธประกายเทพเป็นทักษะตามธรรมชาติที่ไม่เหมือนใครของพวกเราหนูกินเทพ เราจำเป็นต้องกลืนกินประกายเทพ จากนั้นกลั่นเอาแต่แกนภายใน แล้วรวมแกนภายในเหล่านั้นมาขึ้นรูปเป็นอาวุธ”
“แต่ประกายเทพชิ้นหนึ่งมีขนาดเล็กมาก และปริมาณแก่นประกายเทพที่เราย่อยออกมาจากประกายเทพแต่ละชิ้นมีน้อยนิด การย่อยประกายเทพชิ้นหนึ่งต้องใช้เวลานานเช่นกัน ดังนั้นจะสร้างอาวุธที่มีขนาดใหญ่ แค่คิดถึงปริมาณประกายเทพที่จะต้องใช้แล้ว เวลาก็ต้องมากพอ และความพยายามที่ใช้ก็ต้องมากด้วย! มันยากมาก นั่นคือเหตุผลที่อาวุธประกายเทพโดยทั่วไปมีขนาดเล็กมาก” บีบีอธิบาย
ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ
เขาจำได้ว่าอาวุธประกายเทพที่บีบีใช้ก็คือดาบสั้น ขณะที่ชุดอาวุธของกัซลีสันเป็นถุงมือคู่หนึ่ง ทั้งหมดล้วนเป็นอาวุธขนาดเล็ก
แต่สิ่งที่เขาต้องการคือชุดเกราะที่ปกป้องร่างกายได้ทั้งตัว ในแง่ขนาดบางทีอาจใหญ่กว่าดาบสั้นของบีบีเป็นสิบๆ เท่า หรืออาจเป็นร้อยเท่าก็ได้
“ชุดเกราะที่สามารถครอบคลุมได้ทั้งตัวเจ้า การทำเกราะเช่นนี้ บางทีข้าอาจต้องใช้เวลาทำงานหลายพันปีโดยไม่หยุดพัก” เบรุตรู้สึกค่อนข้างกดดันมาก
แต่เขารับคำไปแล้ว
“ลอร์ดเบรุต! ข้าขออภัย ข้าไม่เข้าใจเรื่องการสร้างอาวุธประกายเทพมากนัก” ลินลี่ย์รีบกล่าว เขาไม่ต้องการสร้างความลำบากใจให้เบรุตเกินไป “แค่กระบี่คมๆ ให้ข้าสักเล่มก็พอ เพียงแต่ขอให้ยาวเท่ากับกระบี่เลือดม่วง”
สิ่งที่ลินลี่ย์ขาดตอนนี้ก็คือพลังโจมตี ด้วยกระบี่ประกายเทพที่คมกล้าพลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
“เทียบได้กับกระบี่เลือดม่วงใช่ไหม?” เบรุตถอนหายใจโล่งอก
บางทีปริมาณประกายเทพที่ต้องใช้สร้างกระบี่ยาวอาจมากกว่าที่ใช้สร้างดาบสั้นหรือถุงมือ แต่...สิ่งที่ลินลี่ย์ต้องการตอนนี้อย่างเห็นได้ชัดก็คือกระบี่ชนิดบางคม ปริมาณแก่นประกายเทพที่จำเป็นต้องใช้ แค่มากกว่าที่ต้องใช้ทำดาบสั้นสองสามเท่า
“ลอร์ดเบรุต สิ่งที่ข้าขาดตอนนี้ก็คือพลังโจมตี ดังนั้นอาวุธประกายเทพที่คมมากกว่าจะดีกว่า” ลินลี่ย์กล่าว
เบรุตพูดด้วยความมั่นใจ “การสร้างอาวุธประกายเทพที่มีความคมกล้านั้นเป็นเรื่องง่ายมาก...อย่างไรก็ตาม จะสร้างอาวุธประกายได้ ข้ายังจำเป็นต้องใช้เวลาร้อยปีเต็ม เจ้าต้องรอเวลาด้วย”
“ไม่เร่ง ข้าไม่รีบร้อน” ลินลี่ย์หัวเราะ
ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้อยู่ในภาวะสงบสุขแล้ว และเขาเองก็กลายเป็นเทพชั้นสูง ลินลี่ย์ไม่คิดว่ายังมีอะไรที่เขาต้องทำในตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขาต้องทำก็คือใช้เวลากับครอบครัวและฝึกต่อเท่าที่เขาทำได้
สมาชิกของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ดีใจแทบบ้า พวกเขาทุกคนเฉลิมฉลองอย่างบ้าคลั่ง และไม่ว่าจะเป็นที่พักของประมุขเผ่าตระกูลหรือพื้นที่ห่างไกลอย่างเช่นหุบเขาใหญ่ งานเลี้ยงฉลองพบเห็นได้ทุกที่ ชนทุกชนชั้นตั้งแต่ประมุขเผ่ายันเซียนเกิดใหม่พากันเฉลิมฉลองกันทุกคน
หลายคนดื่มอวยพรให้ลินลี่ย์ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโส
หลังจากผ่านไปสามวัน..
ภายในหุบเขาใหญ่
“ชาวเผ่าตระกูลดีใจแทบคลั่ง” ลินลี่ย์หัวเราะขณะที่เขามองออกมานอกหน้าต่าง การเฉลิมฉลองอย่างบ้าคลั่งทำให้ทั่วทั้งภูเขาสกายไรท์เต็มไปด้วยกลิ่นอายรื่นเริง กลิ่นอายที่เศร้าสร้อยหดหู่ที่เคยเห็นมาหลายปีหายหมดไปในรวดเดียว
ทุกคนมีความสุขมาก
“เจ้าก็ยิ้มไม่หุบมาสามวันแล้ว” เดเลียอดหัวเราะไม่ได้
ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า “ใช่แล้วเดเลีย วันนั้น เมื่อข้ากลายเป็นเทพชั้นสูงข้ายังไม่มีโอกาสได้ตรวจสอบตนเองอย่างระมัดระวังเลย และข้ามัวแต่ยุ่งมากในช่วงสามวันที่ผ่านมาเหมือนกัน เจ้าไปดูแลเรื่องอื่นได้ตามสบาย ข้าจะใช้เวลาตรวจสอบตัวเองก่อน” ลินลี่ย์กล่าว จากนั้นนั่งขัดสมาธิบนเตียง
เดเลียเมื่อเห็นเช่นนี้ นางแค่หัวเราะและเดินออกไปจากห้อง
หลังจากเป็นเทพชั้นสูงแล้ว เขาได้รับการชุบตัวอีกครั้งโดยกฎธรรมชาติ พลังวิญญาณของร่างแยกธาตุดินของลินลี่ย์มีพลังเพิ่มขึ้นเกือบสิบเท่า แม้ว่าพลังวิญญาณของร่างแยกอื่นจะมีพลังเพิ่มขึ้นไม่มากนัก แต่...
วิญญาณทั้งห้าของลินลี่ย์ความจริงเป็นวิญญาณดวงเดียวกัน ภายใต้อิทธิพลของวิญญาณของร่างแยกดินศักดิ์สิทธิ์ ทำให้วิญญาณธาตุอีกสี่ค่อยๆ ก้าวหน้าเช่นกัน
ความจริง ตราบใดที่ลินลี่ย์ดึงร่างแยกดินศักดิ์สิทธิ์เข้ามาในร่างหลัก อย่างนั้นพลังวิญญาณของร่างแยกดินศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นพลังวิญญาณของร่างหลักของเขา ที่สำคัญ.. วิญญาณเหล่านั้นเป็นวิญญาณดวงเดียวมาแต่ต้น
“คอยอีกนิด ข้าคงจำเป็นต้องใช้เวลากลั่นอะเมทิสต์บ้าง” ลินลี่ย์มีความคิดอย่างหนึ่งเขาเข้าไปเชื่อมโยงกับพื้นที่ทะเลธาตุ
ทะเลธาตุ
นี่คือทะเลแสงธาตุดินสีเหลืองที่กว้างใหญไพศาลไร้ขอบเขต ลึกลงไปในทะเล ระดับคุณภาพของพลังงานน้ำทะเลจะสูง
ตอนนี้ลินลี่ย์กลายเป็นเทพชั้นสูง เขาสามารถเห็นลงไปในทะเลได้ลึกขึ้น และภายในทะเลลึกพลังเทพธาตุดินระดับเทพชั้นสูงมีปริมาณมหาศาล
“ช่างลึกหนาจริงๆ พลังธาตุดินของเทพชั้นสูงเป็นชั้นหนา เมื่อข้ากลายเป็นเทพชั้นสูงก่อนนี้ ข้ายังกังวลเรื่องของเผ่าตระกูลมากเกินไป ดังนั้นข้าไม่มีเวลาตรวจสอบชั้นล่างๆ และว่ามีสิ่งใดอยู่” ลินลี่ย์ควบคุมสำนึกเทพดำดิ่งลึกลงไปในทะเลธาตุ
รัศมีที่ทรงพลังหนาแน่นเหลือเชื่อแผ่กระจายเหมือนกับระลอกคลื่นที่ด้านล่าง
ของเหลวสีเหลืองธาตุดินแตกต่างจากพลังเทพธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นมันอะไรกัน..?” สำนึกเทพของลินลี่ย์ไม่สามารถดำดิ่งลึกลงไปได้อีก แต่สามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน... “รัศมีของพลังมหาเทพหรือ? ใช่แล้ว นั่นคือพลังมหาเทพ!” หลังจากเห็นพลังมหาเทพมานาน ลินลี่ย์ก็เข้าใจ
ที่สำคัญ ความลึกซึ่งเขาสามารถตรวจสอบได้ยังห่างจากจุดที่ลึกที่สุด
“ที่ด้านล่างของทะเลธาตุนี้เต็มไปด้วยพลังมหาเทพหรือ?” ลินลี่ย์ตะลึง
ด้านล่างของทะเลธาตุลึกไม่มีที่สิ้นสุด พลังมหาเทพมากทำให้ทุกคนต้องการจะดู.. แต่เทพชั้นสูงมีขีดจำกัดความลึกในการตรวจสอบ ไม่มีทางที่พวกเขาจะได้รับมาจริงๆ