บทที่ 12 ผู้นำนิกาย ท่านกำลังอิจฉา!
ร่างวิญญาณพรหมจารีย์
นี่เป็นร่างกายระดับสูงที่มีไว้สำหรับผู้บ่มเพาะเพศหญิงเท่านั้น
ผู้บ่มเพาะเพศหญิงที่มีร่างกายนี้ไม่เพียงแต่พัฒนาด้วยความเร็วระดับพระเจ้าเท่านั้น แต่ยังผลิตแก่นแท้แห่งพลังอย่างต่อเนื่องอีกด้วย
แม้ว่าแก่นแท้แห่งพลังนี้จะไม่ส่งผลใดๆต่อตัวหญิงสาวเอง แต่มันสามารถช่วยเหลือคู่หูที่ร่วมบ่มเพาะกับนางได้เป็นอย่างมาก
มันเป็นร่างกายที่สร้างขึ้นสำหรับการบ่มเพาะแบบคู่โดยเฉพาะ!
สำหรับพระสูตรแสงเร้นลับ แม้ว่าเทคนิคการบ่มเพาะนี้จะฟังดูเหมือนมาจากนิกายของศาสนาพุทธ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเทคนิคการบ่มเพาะคู่ชั้นยอด
เมื่อเข้าถึงระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นสำหรับเทคนิคการบ่มเพาะนี้ ร่างกายของผู้ใช้จะสามารถเปล่งประกายด้วยแสงได้ และมันมีประโยชน์อย่างมากต่อคู่หูที่ร่วมบ่มเพาะคู่ มันสามารถเพิ่มความเข้าใจในเต๋าของอีกฝ่ายให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ทั้งสองนี้อาจเรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่อยู่ยงคงกระพันเมื่อรวมเข้าด้วยกันในการบ่มเพาะคู่
“ชุดเซตการบ่มเพาะคู่? โอ้พระเจ้า...”
หลี่หรานพูดไม่ออก
รางวัลทั้งสองนี้เป็นสิ่งที่ดี แต่คำถามคือมันมีไว้เพื่อใคร?
......
ถ้าวิหารโหยวหลัวเป็นนิกายสำหรับการบ่มเพาะคู่ หลี่หรานจะต้องเป็นคนที่ขยันหมั่นเพียรที่สุดอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม แก่นแท้ที่อยู่เบื้องหลังวิธีการบ่มเพาะของวิหารโหยวหลัวเน้นไปที่ความบริสุทธิ์และความตั้งใจแน่วแน่ที่จะไล่ตามเส้นทางแห่งเต๋า การบ่มเพาะคู่สำหรับที่นี่แล้วถือเป็นเส้นทางนอกรีต
นอกจากนี้เขาเพิ่งสารภาพรักกับเหลิงอู่เหยียนเมื่อวานนี้ ถ้านางพบว่าเขาแอบบ่มเพาะร่วมกับสตรีนางอื่น เขาสามารถจินตนาการได้เลยว่ามีอะไรกำลังรอเขาอยู่
“อย่างไรก็ตาม ถ้าข้าบ่มเพาะร่วมกับผู้นำนิกายล่ะ?”
เมื่อนึกถึงใบหน้าที่สวยงามของเหลิงอู่เหยียน และร่างที่เป็นผู้ใหญ่ของนางที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีขาว หลี่หรานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าลำคอของเขาแห้งผาก
แม้ว่าเรื่องนี้จะแทบไม่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงมากนัก แต่ถ้าคนเราไม่มีความฝัน แล้วพวกเขาจะแตกต่างกับสัตว์อย่างไร?
“ยิ่งฐานการบ่มเพาะสูงเท่าไหร่ร่างกายก็ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตจักรพรรดิ ใบมีดหรือคมดาบไม่สามารถทำร้ายนางได้แม้แต่น้อย... ข้าสงสัยว่า ‘ส่วนนั้น’ ของนางเองก็แข็งแกร่งเหมือนกระจกนิรภัยหรือไม่” หลี่หรานพึมพำเสียงต่ำ
“กระจกอะไรนะ?” ทันใดนั้นเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นด้านหลังเขา
การแสดงออกของหลี่หรานเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อทันที เขาค่อยๆหันกลับไปเห็นสตรีผู้งดงามที่ยืนอยู่ด้านหลัง และลำคอของเขาก็ยิ่งหดเกร็ง
“ท่านอาจารย์”
“อืม” เหลิงอู่เหยียนตอบแล้วถามด้วยความสงสัย “เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้า สิ่งใดคือกระจกนิรภัย?”
“......” เหงื่อเย็นๆปกคลุมแผ่นหลังของหลี่หราน
“นี่... มันคือปีศาจ เนื่องจากร่างกายของมันแข็งราวกับเหล็กกล้า มันจึงถูกเรียกว่าปีศาจกระจก หรืออีกชื่อหนึ่งคือกระจกนิรภัย” หลี่หรานตัดสินใจแต่งเรื่องขึ้น
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนี้ มันควรจะเป็นปีศาจตัวเล็กๆที่ไม่สลักสำคัญใดๆ” เหลิงอู่เหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ถูกต้อง มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ท่าอาจารย์ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ” หลี่หรานพยักหน้าราวกับหุ่นฟาง
“อืม” เหลิงอู่เหยียนไม่ได้ถามอะไรอีก
นางยังคงสวมชุดสีขาวล้วน ภายใต้ชุดคลุมสีขาวของนาง นางสวมชุดบางๆ เผยให้เห็นลำคอที่เนียนเหมือนหงส์และกระดูกไหปลาร้าที่สวยงาม
นอกจากนี้ ชุดที่นางใส่ในวันนี้ยังสั้นกว่าปกติมาก ขาเพรียวบางและกลมกลึงของนางดุงดั่งหยกเนื้อดี
วันนี้นางให้บรรยากาศความเป็นสตรีอย่างผิดปกติ
“ท่านอาจารย์ วันนี้ท่านงดงามมาก” หลี่หรานเปลี่ยนหัวข้อ
“มันเป็นแค่ชุดธรรมดา มีอะไรน่ามองกัน” เหลิงอู่เหยียนพูดอย่างเฉยเมย แต่ดวงตาของนางเปล่งประกายด้วยความสุข
นางแต่งตัวอย่างพิถีพิถันเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วยาม แม้ว่านางจะไม่ได้พูดอะไร แต่นางก็หวังว่าหลี่หรานจะสังเกตเห็น
“อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับศิษย์หญิงนางนั้น? นางมีนามว่าลู่ซินหรานใช่ไหม?” เหลิงอู่เหยียนถามราวกับไม่ได้ตั้งใจ
หลี่หรานส่ายหัว “มันเป็นเพียงความสัมพันธ์ธรรมดา ข้าเองก็เพิ่งรู้ชื่อของนาง”
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทำไมเจ้าถึงใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อช่วยนางทะลวงระดับ?” นัยน์ตาของเหลิงอู่เหยียนลุกเป็นไฟ
หัวใจของหลี่หรานเต้นไม่เป็นจังหวะ ผู้นำนิกายดูเหมือนจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก
“เราเป็นศิษย์ร่วมนิกายกัน นางอยู่ห่างจากขอบเขตสร้างรากฐานเพียงก้าวเดียว ดังนั้นข้าจึงช่วยนางโดยบังเอิญ” หลี่หรานตอบ
อย่างไรก็ตาม เหลิงอู่เหยียนเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับคำตอบนี้
“ข้าสงสัยว่าเจ้ารู้จักห่วงใยผู้อื่นตั้งแต่เมื่อใด ในเมื่อเจ้ามักจะเอาแต่ดูถูกเหยียดยามศิษย์คนอื่น?”
บุคลิกก่อนหน้านี้ของหลี่หรานนั้นเย็นชามาก ไม่ต้องพูดถึงการช่วยเหลือศิษย์ร่วมนิกายในการบ่มเพาะ การไม่เยาะเย้ยพวกเขานั้นถือเป็นความใจกว้างมากพอแล้ว
เรื่องในวันนี้นั้นแปลกประหลาดจริงๆ
“เอ่อ...” หลี่หรานเกาหัวของเขา “ถ้าเป็นเมื่อก่อน ข้าคงจะเพิกเฉยต่อพวกเขาอย่างสิ้นเชิง แต่ตอนนี้มันต่างออกไปเล็กน้อย”
“โอ้?” เหลิงอู่เหยียนถามด้วยความสงสัย “อะไรคือความแตกต่าง?”
“ตอนนี้ข้ามีเป้าหมายใหม่แล้ว ข้ารู้สึกว่าอากาศสดชื่นขึ้นและแต่ละวันของข้าก็เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา” หลี่หรานพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “เพราะท่านอาจารย์ หัวใจที่เย็นชาของข้าจึงหลอมละลาย”
หัวใจของเหลิงอู่เหยียนเริ่มเต้นแรง
เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่? เขากล้าพูดคำที่วาบหวามเช่นนั้นออกมาได้อย่างไร?!
“ระวังด้วย ถ้ามีคนได้ยินคำพูดเหล่านี้...” เหลิงอู่เหยียนพูดอย่างเขินอาย
ด้วยการบ่มเพาะของนาง นางจะถูกดักฟังได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นางลืมเรื่องเหล่านั้นไปจนหมดสิ้นแล้ว
“ใช่ ใช่ ท่านอาจารย์ ข้าประมาทเกินไป”
“แต่ท่าอาจารย์ ทำไมท่านถึงสนใจลู่ซินหรานนักล่ะ?”
ก่อนที่นางจะตอบ หลี่หรานก็พูดด้วยความงุนงงว่า “ท่านไม่ได้กำลังอิจฉาใช่หรือไม่?”
เหลิงอู่เหยียน: ∑(⊙▽⊙a
ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ราวกับเมฆที่กำลังลุกไหม้บนเส้นขอบฟ้า
“ค-ใครอิจฉากัน? อย่าพูดไร้สาระ ด้วยสถานะของข้า ข้าจะอิจฉาศิษย์ในนิกายได้อย่างไร!” เหลิงอู่เหยียนรีบอธิบาย
“งั้นทำไมท่านถึงหน้าแดงนักล่ะ?” หลี่หรานเอียงศีรษะและถาม
เหลิงอู่เหยียนพูดอย่างลนลาน “นั่นเป็นเพราะมันร้อนเกินไปต่างหาก!”
ฟิ้วว~
สายลมหนาวของพายุหิมะพัดผ่านพวกเขาไป
หลี่หรานพยักหน้าอย่างจริงจัง “ท่านอาจารย์พูดถูก มันร้อนมากจริงๆ”
“......” ใบหน้าของเหลิงอู่เหยียนเปลี่ยนเป็นแดงก่ำยิ่งขึ้น นางรู้สึกอยากจะฝังตัวเองลงไปในหลุมเสียตอนนี้
นางจ้องไปที่หลี่หรานด้วยความอับอายและความขุ่นเคืองเล็กน้อย “เข้ามา ข้าจะทดสอบระดับการต่อสู้ของเจ้า!”
“เอ๊ะ?!”
//////////