ตอนที่ 606 ไม่ต่อยตีไม่รู้จักกัน
“ทำไมเจ้าไล่ตามข้า?”
เสียงเข้มดังขึ้นแต่มีวี่แววของความเย็นชา
หลิงเซี่ยถูกคว้าที่คอและสำลักอากาศผมซอยสั้นยุ่งเหยิงและหน้าซีดขาว ดวงตานางมีแววหวาดกลัว และกลายเป็นความอ่อนแอจนนางดูน่าสงสาร
ทุกคนที่กำลังดูอย่างตื่นเต้นต่างตะลึงโดยสิ้นเชิง ไม่มีใครคิดว่าสถานการณ์จะกลับกลายเป็นเช่นนั้น
คนที่อยู่ห่างออกไปไม่สามารถแยกแยะคำถามถังเทียนได้ แต่พวกเขาส่งข้อความไปให้ตระกูลหลิงแล้ว ตระกูลหลิงมีชื่อเสียงที่ดี และหลายๆคนได้รับพระคุณจากตระกูลหลิง ดังนั้นพวกเขาจึงผูกพันแนบแน่น
และพวกเขาอยู่ในเมืองทรายขาว
มีเสียงตวาดด้วยความโกรธ “ปล่อยคุณหนูหลิงเซี่ย!”
ถังเทียนไม่ต้องหันหลังก็รู้สึกได้ว่ามีกลุ่มคนมาถึง และพวกเขาแยกย้ายกันล้อมไว้ ถังเทียนฝึกกับสือเซินมานานแล้วก็เข้าใจเจตนาของพวกเขา
พวกเขากำลังล้อมเขา!
ถังเทียนรู้แล้ว่ากำลังเผชิญกับกองทหารหรือไม่ก็หน่วยนักสู้ สิ่งสุดท้ายที่พวกเขาต้องการทำก็คือล้อม เมื่อถูกล้อมเขาจะสูญเสียพื้นที่และนั่นเป็นเรื่องอันตราย
ถังเทียนไม่หันไปดูก็พาหลิงเซี่ยวิ่งไปข้างหน้า
“จับเขา!”
บุรุษที่อยู่ด้านหลังถังเทียนและทหารที่กำลังเตรียมดักจับเหาะเข้าหาถังเทียนเต็มกำลัง
ด้านหน้าของเขาเป็นกลุ่มคนที่วิ่งเข้ามาเพื่อสกัดจับถังเทียน นัยน์ตาถังเทียนเย็นชา ทำไมพวกเจ้าทุกคนจู่ๆ ก็มาไล่ตามข้าทำไมพวกเจ้าทุกคนจู่ๆ มาหาเรื่องสู้กับข้า และตอนนี้พวกเจ้าทุกคนยังพยายามจับข้า
คิดว่าหนุ่มชาวฟ้านี้จะถูกรังแกได้ง่ายๆหรือ?
ถังเทียนหรี่ตา เขาไม่มีเจตนาหลบเลี่ยงวิ่งตรงเข้าหากลุ่มคนทันที
ฝ่ายตรงข้ามเปล่งรัศมีสร้างกำแพงแสงขวางถังเทียนไว้ ถังเทียนคำรามเขายกหลิงเซี่ยขึ้นเตรียมใช้ร่างนางฟาดกำแพงแสง
น่ารังเกียจ!
ใบหน้าของทุกคนที่ตั้งกำแพงแสงถึงกับเปลี่ยนทันที บุรุษคนหนึ่งพุ่งเข้าใส่และตะโกนอย่างตื่นเต้นทันที “ทุกคนกระจายตัว!”
กำแพงแสงสลายตัวและทุกคนแยกย้ายเปิดทางให้ถังเทียน
ถังเทียนเหมือนลมหอบหนึ่งและพุ่งผ่านพวกเขา หลังจากพุ่งวับไปแล้วเขายืมบ้านไม้เป็นที่กำบัง ถังเทียนพาหลิงเซี่ยหายไป
สีหน้าของถังเทียนตั้งสมาธิเต็มที่ เขาระมัดระวังรอบคอบและตรวจสภาพรอบตัวของเขา แม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจ แต่เด็กสาวที่ตกอยู่ในมือของเขาดูเหมือนจะเป็นคนสำคัญ
ที่นี่ไม่ใช่กลุ่มดาวหมีใหญ่
“ปล่อยข้านะ!”
ในที่สุดหลิงเซี่ยก็เรียกความรู้สึกกลับมาได้ และนางกรีดร้อง
“ทำไมเจ้าถึงไล่ตามข้า?” ถังเทียนมองไปรอบๆ ขาของเขาไม่หยุดวิ่ง
หลิงเซี่ยตะลึง ทำไมข้าถึงไล่ตามเขา? หลังจากคิดเล็กน้อย นางรู้สึกว่ายากจะพูดออกมาได้ อยากรู้อยากเห็น? โกรธที่ข้าถูกทำให้อาย?ดูเหมือนไม่ว่ามองยังไงข้าก็ยังไร้เหตุผล
“สงสัย”
ถังเทียนประหลาดใจอยู่นาน แต่ไม่สามารถคิดหาเหตุผลใดๆ ได้ จึงถาม “สงสัยเรื่องอะไร?”
หลิงเซี่ยกล่าว “วิธีบินของเจ้า”
“โอ๊ะ โอ๊ะ โอว!” ถังเทียนมองเห็นแสงรำไร เขาปล่อยหลิงเซี่ยทันทีและพูดด้วยความภูมิใจ “เจ้าคิดว่าเป็นยังไงบ้าง? มันทรงพลังมากไหม? ข้าสร้างมันขึ้นมาเอง และเรียกวิชาปรับสภาพพลังตกใจล่ะสิ คุณผู้หญิง?”
หลิงเซี่ยไม่เคยคาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะปล่อยนางอย่างนั้นและยิ่งไม่คาดเลยว่า ถังเทียนจะดีใจมากมายขนาดนั้น ทำเอานางอึ้งอยู่ชั่วขณะ
“สามารถเห็นวิชาปรับสภาพพลังงานได้ นี่คุณผู้หญิง เจ้านับว่ามีสายตาที่ดี!”
ถังเทียนแสดงสีหน้าเหมือนอย่างผู้พูดคำที่มีความหมายและพูดจริง
หลิงเซี่ยเหม่อมองดูถังเทียนอยู่ครู่หนึ่ง ความจริงนางไม่รู้จะพูดอะไร
หลิงเซี่ยรู้สึกตัวและตะโกนบอกทุกคน “เป็นความเข้าใจผิด! เข้าใจผิด!”
สีหน้าของทุกคนผ่อนคลายในที่สุด เนื่องจากลูกพี่หญิงบอกว่าเป็นการเข้าใจผิดอย่างนั้นทุกอย่างก็ไม่เป็นไร ถังเทียนแสดงพลังจนพวกเขากลัวกันหมด ถ้าพวกเขาต้องร่วมสู้กับเขา พวกเขาอาจจะมีคนตายหรือบาดเจ็บสาหัสแน่
เทียบกับพวกเขาแล้วพวกแก๊งกางเกงไหมที่เจ็บตัวเพราะถังเทียนพากันรายล้อมมาทั้งหมด พวกเขาเป็นพวกชอบสนุกสนานและบุคลิกค่อนข้างไร้เดียงสา พวกเขาอาจไม่มองคนส่วนใหญ่ แต่พวกเขาก็ยกย่องให้เกียรติคนที่แข็งแกร่งมากกว่าเขา
ลูกพี่หญิงถูกกำราบนั่นหมายความว่าบุรุษผู้นี้เต็มไปด้วยพลังชีวิต ต้องเป็นอันดับหนึ่งแน่
“พี่ชาย เจ้าช่างเต็มไปด้วยพลังชีวิตจริงๆ”
“พลังเตะของเจ้าไวเป็นบ้า! แม้แต่ตอนนี้ข้ายังรู้สึกแน่นหน้าอกอยู่เลย”
“พี่น้อง, เราจะไปตื่มกันต่อดีไหม?”
พวกเขาล้อมรอบถังเทียน แต่ละคนล้วนแต่ตื่นเต้นทั้งนั้น
“แน่นอน ลูกผู้ชายควรเต็มไปด้วยพลังชีวิตชีวา”
“วิชาปรับสภาพพลัง เป็นวิชาปรับสภาพพลัง มันทรงพลังมาก ข้าสร้างขึ้นมาเอง!”
“จากนี้ไป ทุกคนเป็นพี่น้องกัน!”
……
หลิงเซี่ยมองดูอย่างมึนงงขณะที่ถังเทียนเข้ากับทุกคนได้เป็นอย่างดีถึงกับประกาศเป็นพี่น้องกัน
พวกแก๊งกางเกงไหมรู้สึกว่าถังเทียนไม่เพียงแต่น่ารักและแข็งแกร่งที่พวกเขาสามารถให้เกียรติได้ แต่บุคลิกของเขาก็ดีเช่นกัน และยากจะพบหา พวกเขาเกลียดคนที่แกล้งถ่อมตัวและไม่จริงจัง ถังเทียนยินดี ดูเหมือนว่าทุกคนจะตรงไปตรงมาและจริงใจ
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเป็นคนดีกันทุกคนสมควรคบหาได้
“ว่าไงนะ? พี่เหมิ่งมาที่นี่เพื่อทำธุรกิจเหรอ? ทำไมไม่บอกข้าเล่า! ครอบครัวข้ามีร้านอยู่หลายร้านช่วยเจ้าได้ นั่นเรื่องเล็ก”
“มันเป็นเรื่องเล็กน้อย พี่เหมิ่ง, ถ้าท่านขอบคุณเราก็แสดงว่าท่านเยาะเย้ยเรา”
“พี่เหมิ่ง, ธุรกิจของท่าน ก็คือธุรกิจของเราเช่นกัน! ในทวีปทรายขาวนี้ เราก็มีชื่อเสียงของเราเองอยู่
……
ทุกคนลืมไปแล้วว่าหลิงเซี่ยยังอยู่สามารถเป็นสหายกับยอดฝีมือได้ และเพราะทุกคนแบ่งปันนิสัยที่คล้ายกัน ไม่ พรสวรรค์ของอีกฝ่ายเหมือนกัน นั่นคือชะตา
เมื่อเห็นว่าพวกเขายิ่งคุยก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นหลิงเซี่ยต้องเข้าไปในกลุ่มอย่างช่วยไม่ได้ และนางพูดอย่างจริงจัง “พี่เหมิ่ง นี่เป็นความผิดของผู้น้อง วันนี้ผู้น้องตั้งใจจะเลี้ยงขอขมาพี่เหมิ่ง ข้าหวังว่าพี่เหมิ่งจะยอมรับ!”
ทุกคนเงียบ ลูกพี่หญิงเคยขอโทษใครตั้งแต่เมื่อใด?
ก็ดีเหมือนกัน ถังเทียนหิวแล้วเขาพยักหน้าเห็นด้วย “ดีเลย! งั้นเราไปด้วยกันเถอะ!”
“ต้องเป็นอย่างนั้น!”
“ลูกพี่หญิง วันนี้ผู้น้องทำหน้าที่จับกังอย่างยากลำบากเหมือนกัน!”
……
หลิงเซี่ยวพยักหน้าของนาง “ทุกคนจะไปด้วยกัน พวกเจ้าทุกคนรอข้าสักเดี๋ยว”
จากนั้นนางลอยตัวขึ้นไปหาคนที่ลงมาช่วยนางและขอบคุณทุกคน หลังจากเสร็จแล้ว นางบินกลับลงมาหาถังเทียนและพวก
ควั่บ ทั้งกลุ่มลากถังเทียนไปที่ร้านอาหาร
ในฐานะแก๊งกางเกงไหมใครไม่เชี่ยวชาญในเรื่องกินดื่มเที่ยว ไม่มีทางอยู่ในวงการได้
ร้านอาหารทรายขาว ร้านทรายขาวดีที่สุด
คนกลุ่มนั้นวิ่งเข้ามาในร้านอาหาร พวกเขาทุกคนเป็นลูกค้าปกติ ผู้ดูแลร้านวิ่งมาต้อนรับพวกเขา หลิงเซี่ยคือผู้ที่มีความเป็นไปได้ที่จะกลายเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ห้าของทวีปทรายขาวและบุคลิกดังกล่าวต้องได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทวีปทรายขาวไล่ตามหากองทัพฝีมือดี ขณะที่เทียบกับ 36 กองพลของทวีปฝานซิงโจวแล้วมีเพียงห้ากองพล ดูเหมือนจะอ่อนแอกว่ามาก
แต่ห้ากองพลเป็นทหารมือดีทั้งหมดและถูกเลือกมาอย่างระมัดระวังจากคนนับหมื่น ผู้บัญชาการของทวีปทรายขาวเทียบกับผู้บัญชาการของทวีปฝานซิงโจวแล้วแข็งแกร่งและมีพลังมากกว่าผู้บัญชาการทั้งห้ามีอิทธิพลและอำนาจที่แท้จริงอาจนับได้ว่าเป็นผู้บัญชาการที่มีอิทธิพลในภูมิภาคของพวกเขา
สำหรับคนผู้หนึ่งมีศักยภาพกลายเป็นขุนพลที่ทรงอิทธิพลไม่ใช่เรื่องที่ดูถูกกันได้
ถังเทียนมองดูรอบๆ ด้วยความสงสัย โถงภัตตาคารเต็มไปหมด และกลิ่มหอมของอาหารก็ทำให้เขาหิวยิ่งขึ้น
แต่พวกเขาก็ต้องสะดุด
“คุณหนูหลิงไม่ใช่หรือ? ข้าไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะได้เข้ามาในที่เดียวกับคุณหนูหลิงนับเป็นวาสนาแท้ๆ” บุรุษคนหนึ่งหัวเราะพลางพูดพลาง เขามีอายุราว 27-28 ปีร่างกายล่ำสัน เขาดูมีพรสวรรค์และใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่อ่อนโยนและอบอุ่น เขาถือแก้วเหล้าขณะพูดกับหลิงเซี่ย
ถังเทียนขมวดคิ้ว เขาไม่ชอบความรู้สึกที่คนผู้นี้แสดงออกมา
หลิงเซี่ยตอบอย่างเฉื่อยชา “ข้าไม่เคยคิดว่าคุณชายจะมากินเลี้ยงที่นี่ด้วย นับเป็นวาสนาที่พบกัน หลิงเซี่ยมีเรื่องอยู่กับตัว ไม่อาจไปสมทบคุณชายได้ คุณชายเชิญสนุกต่อไปเถอะ”
น้ำเสียงของนางไม่มีวี่แววว่านางมีความสุขแม้แต่น้อย
แต่เหออิงไม่เปิดทาง เขาก้มศีรษะและหมุนแก้วเหล้าในมือและพูดเล่น “คำเชิญตรงๆ ไม่อาจเทียบได้กับพบโดยบังเอิญเป็นเรื่องยากที่จะได้พบคุณหนูหลิง ทำไมเราไม่มาดื่มกันสักแก้วสองแก้วเล่า? คู่ต่อสู้ของคุณหนูหลิงก็ไม่อ่อนแอทำไมทุกคนไม่มาร่วมดื่มกันและแบ่งปันเรื่องราวกันด้วยเล่า”
หน้าของหลิงเซี่ยวเขียวคล้ำทันที คำพูดของเหออิงคุกคามอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้านี่เป็นใคร?” ถังเทียนสะกิดแก๊งกางเกงไหมที่อยู่ข้างเขา
คุณชายเหอได้ยินเสียงเขาและหัวเราะ “ข้าชื่อเหออิง เจ้าต้องเป็นยอดฝีมือที่ซ้อมมือกับคุณหนูหลิงแน่ เจ้านี่กล้าหาญเป็นผู้กล้าน้อยจริงๆ! ข้าได้ยินว่ามียอดฝีมือลึกลับคนหนึ่งในวันนี้ นั่นสั่นสะเทือนไปทั้งเมืองทรายขาว”
คำพูดระคายหูของเหออิงทำให้ถังเทียนหงุดหงิดเขาไม่สนใจอะไร “เฮ้, ข้าหิวแล้ว,ขอทางหน่อย!”
เขายื่นมือเตรียมผลักเหออิงให้พ้นทาง
“บังอาจนักเจ้า!” บุรุษเตี้ยท่าทางดุร้ายขึ้นมายืนอยู่ข้างหน้าเหออิงและหรี่ตามองพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าบังอาจเสียมารยาทกับเจ้านาย คงเบื่อหน่ายชีวิตเป็นแน่!”
“แล้วไอ้นี่เป็นใครอีกเล่า?” ถังเทียนหันหน้าไปถามหลิงเซี่ย
“เป็นองครักษ์ของเขาชื่อเหิงซัน เป็นยอดฝีมือจาก....”ก่อนที่หลิงเซี่ยจะแนะนำจบ ฉากข้างหน้าทำให้นางงุนงง
ถังเทียนใช้เท้ายันไปที่หน้าของเหิงซัน
ปัง
เหิงซันตาค้าง จากแรงยันเขารู้สึกเหมือนกับว่าแรงที่สามารถเคลื่อนย้ายภูเขาถมทะเลกำลังถล่มมาข้างหน้าเขา เขาปลิวไปข้างหลังราวกับลูกบอล
ร่างของเขากระแทกกับโต๊ะอย่างเจ็บปวด โต๊ะพังกระจายเป็นชิ้นๆและเครื่องดื่มกระเด็นไปทั่ว เหิงซันตกลงไปในกองอาหาร ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดและเขาไม่เคลื่อนไหว
ไม่มีใครคาดเลยว่าถังเทียนจะลงมือโจมตีทันทีโดยไม่มีการเตือน
หน้าของเหออิงเขียวคล้ำ ในฐานะผู้บัญชาการกองพลที่สองตั้งแต่เมื่อใดกันที่มีคนกล้าเสียมารยาทต่อหน้าเขา?
ไม่จำเป็นต้องออกคำสั่ง องครักษ์รอบตัวเหออิงทุกคนวิ่งเข้าหาถังเทียน
หน้าของหลิงเซี่ยเปลี่ยน องครักษ์รอบตัวเหออิงทุกคนเป็นยอดฝีมือแข็งแกร่งกันทุกคน การลงมือกะทันหันของถังเทียนเกินกว่าที่นางคาดไว้ ในพริบตาสถานการณ์กลับกลายเป็นน่ากลัว
ความจริงนางไม่ต้องการจะล่วงเกินเหออิง ที่สำคัญเขาเป็นผู้บัญชาการกองพลที่สอง ต่อให้นางเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ห้า ตำแหน่งของนางก็ยังเป็นรองเขา
แต่ถังเทียนลงมือไปแล้ว ไม่มีทางหลีกหนีได้ นางกัดฟันแน่น พร้อมจะลงมือ
การกระทำของถังเทียนไวกว่านาง
ในใจของเขาไม่เคยมีคำว่า“ล้าหลังผู้ใด” เขาเชื่ออย่างนี้เสมอมา
ลุยก่อนย่อมได้เปรียบ!
นอกจากนี้บังอาจขวางทางคนกำลังจะกิน แสดงว่าพวกเจ้าเบื่อหน่ายชีวิตจริงๆ