ตอนที่ 604 ว่าไงนะ? เจ้ามีคัมภีร์อัญเชิญ?
แดนสวรรค์ใหญ่โตมากกว่าที่เย่ว์หยางจินตนาการไว้มากมายนัก
แม้ว่าเย่ว์หยางเคยได้ยินมาว่าแดนสวรรค์นั้นกว้างใหญ่ไพศาลมากขนาดไหน เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าแดนสวรรค์จะใหญ่ปานนี้
สำหรับคนธรรมดา ทวีปมังกรทะยานถูกมองว่าใหญ่โตอยู่แล้ว รวมทั้งมหาสมุทรและพื้นที่ไม่มีคนอยู่อาศัย ทวีปมังกรทะยานยังมีสามอาณาจักรใหญ่และประเทศเล็กน้อยอีกสิบประเทศ เมื่อเดินจากตะวันออกไปยังทวีปมังกรทะยานตะวันตก อาจต้องใช้เวลาถึงร้อยปี แม้แต่นกอพยพ อาจต้องใช้เวลาสองสามเดือนกว่าจะบินได้ระยะไกลขนาดนั้น
แต่เมื่อเทียบกับหอทงเทียน ทวีปมังกรทะยานกลายเป็นสถานที่เล็กน้อยมาก
ถ้าเอามาเปรียบเทียบกันทวีปมังกรทะยานเหมือนกับเมล็ดข้าวที่ใส่ไว้ในเมืองไป๋ฉือนั่นเอง นั่นคือความแตกต่างกัน
หอทงเทียนชั้นแรกยังไม่ถือว่าใหญ่ มีแค่เพียงทวีปมังกรทะยาน, แดนปีศาจและบันไดสวรรค์สามดินแดนใหญ่เหล่านี้เท่านั้น แต่เมื่อท่านขึ้นไปโลกระดับสูง พื้นที่จะขยายออกไปอีกสิบเท่า รวมกับทวีปที่มีขนาดพอๆ กับทวีปมังกรทะยานและแดนปีศาจ ซึ่งเชื่อมโยงกันด้วยประตูเทเลพอร์ตและนอกจากนี้ยังมีมิติแตกต่างระหว่างชั้นอีกด้วย ขนาดของหอทงเทียนใหญ่กว่าที่ใครๆ จะคาดคิด.. ในแผนที่ทั่วหอทงเทียน ท่านจะไม่มีทางหาทวีปมังกรทะยานพบ บนแผนที่หอทงเทียนชั้นที่แปดและชั้นต่ำกว่า ทวีปมังกรทะยานมิได้โตกว่าเมล็ดงาเลย
แม้ว่าชั้นหนึ่งหอทงเทียนจะมีทั้งทวีปมังกรทะยาน, แดนปีศาจและแดนบันไดสวรรค์ ก็ยังปรากฏเป็นขนาดโตเท่าเมล็ดงาบนแผนที่หอทงเทียนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหอทงเทียนที่กว้างใหญ่ก็ยังไม่อาจเทียบได้กับแดนสวรรค์
“อะไรกันนี่” เย่ว์หยางซื้อสมุดแผนที่ซึ่งมีขนาดหนายิ่งกว่าปทานุกรมศัพท์หรือสารานุกรมเสียอีก ตามคำบอกกล่าวของถ้าแก่ร้านค้าบอกว่านี่คือสมุดแผนที่แดนสวรรค์ชนิดที่ทำความเข้าใจได้ง่ายที่สุดแล้ว แผนที่แดนสวรรค์จริงนั้น กล่าวกันว่าใหญ่ขนาดหนึ่งตารางกิโลเมตร หนาร้อยเมตรและมีถึงล้านหน้า
หลังจากซื้อสมุดแผนที่นี้เย่ว์หยางก็ตระหนักได้ว่าแดนสวรรค์นั้นแบ่งเป็นแดนสวรรค์ระดับบนและแดนสวรรค์ระดับล่าง
แดนสวรรค์ระดับบนสามารถเข้าไปได้เฉพาะพวกนักสู้ปราณฟ้าขึ้นไปเท่านั้น
สมุดแผนที่ระดับง่ายไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรไว้ แต่เจ้าของร้านค้าซึ่งมีปากใหญ่กว่าปากกบเล่าให้พวกเขาฟังโดยสังเขป เขาบอกพวกเขาว่าแดนสวรรค์นั้นอยู่ที่ดินแดนตอนกลางของสี่เทพผู้ยิ่งใหญ่และดินแดนของเทพกลาง กฎเกณฑ์สำหรับเข้าไปนั้นเข้มงวดกวดขันมาก ประการแรกต้องมีคัมภีร์อัญเชิญ ประการที่สองต้องเป็นระดับนักสู้ปราณฟ้า หากปราศจากเงื่อนไขที่สมบูรณ์ทั้งสองข้อนี้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะกลายเป็นเจ้าในดินแดนสวรรค์ระดับบน เป็นไปไม่ได้ที่จะปักหลักอยู่ในแดนสวรรค์เบื้องบน แน่นอนว่าถ้าคนผู้นั้นเข้าไปทำงานเป็นทหารรับจ้างหรือเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษ ถ้าเจ้าสวรรค์ยินดีจะเป็นผู้ค้ำประกันให้ เขาก็สามารถอยู่ได้เต็มที่สามเดือนและได้รับหนังสืออนุญาตให้อยู่ต่อ..
“ข้าอยากรู้ว่า ที่นี่ไกลจากแดนสวรรค์ตะวันตกมากแค่ไหน?” เย่ว์หยางบินมาสามวันสามคืนจากซากสมรภูมิโบราณ แต่ก็ยังไปไม่ถึงชายขอบเสียที โชคดีที่เขาพบวงเวทเทเลพอร์ตที่ทิ้งร้างจึงตรงเข้าไป เขาไม่รู้ว่าเขาเทเลพอร์ตไปที่ใด และหลังจากค้นหาผ่านป่าไปครึ่งวัน ในที่สุดเขาก็พบเมืองเล็ก ตอนนี้ แม้ว่าเขาจะซื้อสมุดแผนที่อย่างง่ายๆ ที่หนาพอๆ กับปทานุกรมศัพท์ เย่ว์หยางก็ยังหาไม่พบว่าแดนสวรรค์ตะวันตกอยู่ที่ใดกันแน่
“แดนสวรรค์ตะวันตก?” เถ้าแก่ร้านค้าปากกว้างรู้สึกลำบากใจทันที เขาใช้มือจับผมบางซึ่งแปะอยู่บนศีรษะล้าน เขาจำได้ทันทีว่า “นี่คือแดนสวรรค์เหนือ แดนสวรรค์ตะวันตกอยู่ไกลจากที่นี่แค่ไหนกันเล่า? นี่มันน่าปวดหัวจริงๆ ข้าคำนวณไม่ถูกเหมือนกัน อย่างไรก็ตามข้าจำได้ถึงเรื่องแต่ครั้งโบราณกาล เล่ากันมาว่าในอดีตกาลนานมาแล้ว มีกลุ่มคนที่บ้าระห่ำมากกลุ่มหนึ่ง พวกเขาสาบานว่าจะต้องบินจากแดนสวรรค์ตะวันออกไปยังแดนสวรรค์ตะวันตกให้สำเร็จ ในที่สุด...”
“พวกเขาล้มเหลวหรือ?” เย่ว์หยางคิดว่าการบินคงจะยากเกินไป เทเลพอร์ตน่าจะเหมาะกว่า
“ไม่เลย, พวกเขาทำได้ พวกหลานของหลานๆๆๆ ของพวกเขาทำตามปณิธานหลังตายของพวกเขาจนสำเร็จ พวกเขาใช้เวลาแสนปีบินจากแดนสวรรค์ตะวันออกไปยังแดนสวรรค์ตะวันตกจนได้” เถ้าแก่ร้านค้าตอบ
“พรวด!” เย่ว์หยางพ่นน้ำที่กำลังดื่ม
“ความจริงพวกเขาเป็นมนุษย์เผ่ากลืนแสงที่เชี่ยวชาญการบินมากที่สุด ถ้าเป็นเผ่าพันธุ์อื่น ต่อให้ใช้เวลาแสนปีก็คงจะไม่พอ” เถ้าแก่ร้านปากกว้างมั่นใจในเรื่องนั้น
“แล้วจะเป็นยังไงถ้าใช้ประตูเทเลพอร์ต?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าคงเป็นเรื่องโง่แน่ถ้าใช้วิธีบิน
“ถ้าเจ้าไม่พักในระหว่างทางเลยและเทเลพอร์ตจากประตูเทเลพอร์ตแห่งหนึ่ง ไปยังประตูเทเลพอร์ตอีกแห่งหนึ่งอย่างต่อเนื่องตลอดเส้นทาง ก็จะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนผ่านประตูเทเลพอร์ตมากกว่าหมื่นแห่ง ถ้าเจ้าใช้เวลาพักช่วงสั้นๆ ในระหว่างทางหรือต้องเข้าแถวรอคิวบ้าง เจ้าจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือน ครึ่งปีจะเป็นการประมาณการที่ปลอดภัยที่สุด พวกพ่อค้าหลายคนที่เดินทางไกลขนาดนั้นใช้เวลาเป็นปีสำหรับการเดินทางของพวกเขา” เถ้าแก่ร้านปากกว้างยังคงสาธยายต่อไปว่าเขาเองก็เหมือนกัน เคยใช้การเดินทางแบบนั้น แต่ประตูเทเลพอร์ตมีค่าใช้จ่ายที่แพงมากเกินกว่าผลกำไรที่เขาจะได้รับ ดังนั้นเขาจึงต้องยกเลิก
“.....” เย่ว์หยางยิ่งพูดไม่ออก
“บอกตามตรงนะว่า ยังมีสุดยอดวงเวทเทเลพอร์ตที่สามารถส่งได้ในระยะที่ไกลมาก แต่มีแค่เฉพาะนักสู้ปราณฟ้าเท่านั้นจึงจะสามารถใช้ได้ วงเวทเหล่านั้นสามารถพาเจ้าไปยังแดนสวรรค์ตะวันตกได้ภายในสัปดาห์เดียว และยังมียอดวงเวทเทเลพอร์ตที่สามารถนำเจ้าไปที่นั่นได้ในวันเดียว แต่จำกัดให้ใช้ได้เฉพาะนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าพวกนี้จะอยู่ในแดนสวรรค์ระดับบนกันหมด แทบจะไม่มีอยู่ในแดนสวรรค์ระดับล่างเลย” เมื่อเห็นเย่ว์หยางมอบแก้วผลึกให้ เจ้าของร้านปากกว้างก็ยิ่งกระตือรือร้นมากขึ้น
ขณะที่เหรียญทองที่ใช้เป็นสกุลเงินในแดนสวรรค์จะมีความแตกต่างจากหอทงเทียน
เหรียญทองในแดนสวรรค์เหล่านี้จะมีอักษรรูนสวรรค์ที่ไม่เหมือนใครอยู่บนเหรียญ พลังงานของมันเทียบได้กับผลึกแก้วระดับหก แม้ว่าเย่ว์หยางสามารถลอกเลียนแบบได้ แต่เขาไม่สามารถสูญเสียแก้วผลึกได้มากนัก
เมื่อมาถึงเมืองน้อยนี้ เย่ว์หยางใช้แก้วผลึกแทนเหรียญทอง แต่เขาไม่สามารถทนแลกเปลี่ยนผลึกกับเหรียญทองแดนสวรรค์ได้... ในสายตาเขา แม้ว่าเหรียญทองแดนสวรรค์เหล่านี้จะมีพลังมาก แต่ก็ไร้ประโยชน์สำหรับเขาในเมื่ออสูรไม่สามารถดูดซับพลังงานนั้นได้ สำหรับเขาแก้วผลึกระดับหกใช้ประโยชน์ได้มากกว่า สิ่งที่น่าโมโหมากกว่าก็คืออัตราแลกเปลี่ยนเหรียญทองแดนสวรรค์กับผลึกระดับหกก็คือหนึ่งต่อร้อย ไม่ต้องพูดถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่น่าสงสาร ยังมีกระทั่งภาษีแลกเปลี่ยนถึงร้อยละสิบ
ที่ไร้สาระมากที่สุดก็คือไม่สามารถใช้เหรียญทองแลกแก้วผลึกกลับคืนได้ นี่คือสิ่งที่เย่ว์หยางรังเกียจมากที่สุด
เย่ว์หยางจะไม่ยอมเป็นฝ่ายสูญเสียแน่นอน เขาจะไม่ยอมเสียผลึกของเขาเพื่อแลกเปลี่ยนเหรียญทองแดนสวรรค์ที่ดูดีแต่ไร้ประโยชน์แน่
นอกจากนี้ หลังจากฆ่าเฮยหู เย่ว์หยางพบการ์ดเพชรที่ส่องแสงสว่างในกำไลเก็บของเฮยหู
การ์ดใบนี้เป็นบริการที่ก้าวหน้าที่สุดของแดนสวรรด์ ท่านสามารถเที่ยวไปได้ทั่วแดนสวรรค์ด้วยการ์ดใบเดียว... ไม่มีบริการแบบนี้ในหอทงเทียน
ในฐานะเป็นผู้อาวุโสสายธาตุน้ำตำหนักกลาง การ์ดเพชรของเฮยหูน่าจะมีบริการมากมายอยู่ภายใน
แต่เย่ว์หยางไม่กล้าล้วงการ์ดออกมา เขากังวลว่าถ้าเขาใช้มัน คนจากตำหนักกลางจะรู้ได้ว่าเขาอยู่ที่นี่
นั่นคือการกระทำที่เหมาะสมอย่างแน่นอน
หลังจากเขากล่าวคำอำลาเถ้าแก่ร้านปากกว้างแล้ว เขามาถึงสมาคมทหารรับจ้างเล็กๆ เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นดูก็ตระหนักได้ว่าตำแหน่งที่สายตาคนส่วนใหญ่จับตาดูก็คือรางวัลใหญ่สำหรับค่าหัวเขากับจื้อจุน...ตำหนักกลางได้จัดตั้งเป็นพันธมิตรกับองค์กรที่ไร้ชื่อสนับสนุนรางวัลค่าหัวสำหรับเย่ว์หยางและจื้อจุน เย่ว์หยางมีค่าหัวร้อยล้าน เย่ว์หยางไม่ประหลาดใจกับจำนวนรางวัลค่าหัวของเขา แต่ความจริงที่รางวัลค่าหัวจื้อจุนสูงถึงพันล้านทำให้เย่ว์หยางตกตะลึง
พันล้าน?
ที่น่ากลัวก็คือ ค่าหัวของจื้อจุนอยู่ในระดับที่ 999 ในบรรดาค่าหัวของนักสู้ปราณฟ้า ซึ่งแทบจะเบียดอยู่ในพันคนแรก
เย่ว์หยางไม่สามารถคาดคิดได้เลยว่าราคาค่าหัวพวกที่อยู่เหนือนางจะมากมายผิดธรรมดาขนาดไหน
ยังโชคดีที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้เตรียมประเมินค่าหัวเย่ว์หยางไว้ก่อนแล้ว มิฉะนั้นเขาคงได้หวาดกลัวเผ่นหนีเป็นแน่
ความจริง ค่าหัวของจื้อจุนก็น่าประทับใจมากพออยู่แล้ว ค่าหัวระดับนี้คือระดับสูงที่สุดที่ปรากฏในแดนสวรรค์ช่วงพันปีมานี้ และระดับของนางก็เพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก แน่นอน สมาคมทหารรับจ้างในแดนสวรรค์ได้ประกาศค่าหัวของนางเป็นโดยทั่วไป สำหรับเกี่ยวกับค่าหัวของเย่ว์หยาง ก็แค่ตัวแถมเท่านั้น ค่าหัวเย่ว์หยางร้อยล้าน อันดับก็อยู่ในล้านอันดับ ค่าหัวของเขายังไม่สามารถเบียดอยู่ในหมื่นอันดับแรก ความจริงก็คือยังห่างไกลยิ่งนัก
เย่ว์หยางสงสัยมากใครบ้างคือบุคคลที่น่าทึ่งในพันอันดับแรก
น่าเสียดายที่ชายชราจากสมาคมทหารรับจ้างบอกว่ามีค่าธรรมเนียมร้อยเหรียญสำหรับการสอบถาม และเพื่อให้ได้รับรายชื่อทั้งหมด เย่ว์หยางต้องแสดงหลักฐานว่าเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับห้าและจ่ายค่าธรรมเนียมแสนเหรียญทอง
“นี่ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม?” ถ้าคนธรรมดามีเงินแสนเหรียญ พวกเขาก็แค่เกษียณและพักผ่อน ใครจะยอมเป็นทหารรับจ้างที่ไร้ประโยชน์เล่า
“ลงทะเบียนเป็นทหารรับจ้างเหรอ? คนละหนึ่งเหรียญทอง ใช้แก้วผลึกแทนเหรอ? เรารับแต่ผลึกเวทคุณภาพดี เราไม่ต้องการของคุณภาพเลวอย่างนั้น อะไรกันนี่? ผลึกมังกรบิน? นี่มันของคุณภาพแย่ ช่างเถอะ แต่ข้าดูพวกเจ้าทั้งสองคนแล้ว ข้าต้องคิดสองเหรียญทอง ความจริงผลึกนี้ทั้งหมดแค่ครึ่งเหรียญทองด้วยซ้ำ...” เมื่อเห็นเย่ว์หยางและอี้หนานยืนจับมือกันเหมือนภาพๆ หนึ่ง ชายชราหลับตายอมรับผลึกมังกรบินที่เย่ว์หยางส่งให้
ในหอทงเทียน ผลึกมังกรบินสามารถแลกเปลี่ยนได้อย่างน้อยสองสามร้อยเหรียญทอง แต่ที่นี่มีค่าน้อยกว่าสองเหรียญทอง
เย่ว์หยางแทบจะระเบิดอารมณ์โกรธ
ตุ๋นกันชัดๆ
ถ้าเขาไม่ต้องการรับสถานะของศิษย์มีสำนักหรือทหารรับจ้างอิสระเพื่อเข้าใช้ประตูเทเลพอร์ต เย่ว์หยางคงไม่ยอมเสียผลึกเวทของเขา
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส” อี้หนานอยู่ภายในโลกคัมภีร์มาหลายวัน ตอนนี้นางออกมาข้างนอก นางดีใจฉีกยิ้มกว้าง
“อะไรกัน? ข้าเพิ่งจะถึงวัยผู้ใหญ่ในวันนี้เอง เครายาวๆ นี่แค่เป็นสัญลักษณ์ว่าเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น” เมื่อได้ยินชายชราบอกว่าเขาเพิ่งจะถึงวัยผู้ใหญ่ เย่ว์หยางกับอี้หนานตะลึงพูดไม่ออก
“ขอโทษจริงๆ... เราไม่รู้ โปรดยกโทษให้ข้าด้วย” อี้หนานรีบขอโทษเพื่อให้กระบวนการลงทะเบียนเป็นทหารรับจ้างราบรื่น
“เนื่องจากพวกเจ้าจริงใจยอมขอโทษ ข้าจะยกโทษให้” บุรุษที่มีภาพเหมือนกับคนแก่นั้นโบกมือไล่ เย่ว์หยางร่ำๆ จะชักดาบเทาเถี้ยออกมาฟันเขาเสียแล้ว เขาเพียงแต่ถอยออกมาเมื่ออี้หนานคว้ามือเขา นี่คือการเดินทางดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ ไม่ใช่รายการเดินหน้าฆ่ามัน นางไม่ต้องการให้ถนนนองเลือด เมื่อเห็นสตรีของเขามีความสุข เย่ว์หยางไม่ต้องการทำอารมณ์ดีๆ ให้เสียไป คนที่ดูเหมือนชายชราดึงปากกาและกระดาษออกมา ทำบัตรประจำตัวและถาม “เจ้าชื่ออะไร? อี้ซือ? สองพยางค์เองเหรอ? ดูเหมือนจะไม่ใช่พวกเชื้อเจ้า? เอาละ เผ่าพันธุ์? มนุษย์? โอว, เจ้าเป็นมนุษย์, ดูแปลกมาก! เพศ, สตรี? เจ้าเป็นสตรี? มนุษย์สตรีทุกคนเหมือนกับเจ้าเหรอ? บอกตามตรงเลยนะ เจ้าดูไม่ได้เรื่องเลย...”
“ไอ้บ้าเอ๊ย!” เย่ว์หยางหัวเสีย กะอีแค่ลงทะเบียนเดียว ต้องวิพากษ์วิจารณ์ด้วยหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้เชี่ยวชาญวอนหาเรื่องเจ็บตัวใช่ไหม?
“ไม่มีอะไร ไม่เป็นไร อารมณ์เขาไม่ดี” อี้หนานรีบกระชากอิฐที่อยู่ในมือเย่ว์หยาง อิฐก้อนนั้นหลุดมือเฉียดกบาลชายชราไปเส้นยาแดงผ่าแปด
“เจ้าทั้งสองยังไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน ดังนั้นพวกเจ้าจะเป็นทหารรับจ้างระดับหนึ่งมีพลังน้อยนิดเดียว แม้ว่าข้าพนันได้ว่าเจ้าจะไม่มีมัน แต่ข้าก็ต้องถามเจ้าตามระเบียบ” คนที่ดูเหมือนชายชราน่ารำคาญถามตามปกติ “เจ้ามี เอ่อ... เจ้ามีคัมภีร์อัญเชิญไหม, และเจ้าล่ะ มีคัมภีร์อัญเชิญบ้างไหม? ช่างเถอะ ถือว่าข้าไม่ได้ถามก็แล้วกัน ข้าพนันว่าพวกเจ้าทั้งสองคนไม่มีแน่ ข้าไม่ถามแล้ว จะได้ไม่ทำให้พวกเจ้ารู้สึกแย่”
“ใครบอกว่าเราไม่มี, ข้ามี!” ตอนนี้แม้แต่อี้หนานก็ยังถูกความเห็นส่วนตัวของชายชราผู้นี้กระตุ้น ตอนแรก นางไม่ต้องการพูดว่านางมีคัมภีร์อัญเชิญเพื่อไม่ให้เป็นจุดเด่น แต่ชายชราผู้นี้น่าโมโหเกินกว่านางจะอยู่นิ่งเฉยๆ
“อะไรนะ” ชายชรามีท่าทางเหมือนกับถูกสายฟ้าฟาด และยืนตะลึง เหมือนกับว่าเขากลายเป็นหุ่นไม้ปากอ้าตาค้าง
“เจ้ามีคัมภีร์อัญเชิญจริงๆ หรือ เจ้ามีคัมภีร์อัญเชิญจริงๆ หรือ?” ชายชราเรียกความรู้สึกกลับมาและถามย้ำโดยเร็ว คำพูดของเขาเหมือนกับระเบิดที่หล่นถูกโยนลงในสมาคมทหารรับจ้าง ทำให้เกิดความปั่นป่วนกับทุกคน
ตอนแรก ทหารรับจ้างพวกนั้นกำลังดื่มกันอยู่ที่มุมและสนทนากันเบาๆ ก็ตกใจเช่นกัน
ทุกคนอยู่ในสภาวะตื่นเต้นสับสน
คนขายเหล้าที่กำลังรินเครื่องดื่ม เผลอรินใส่หัวพวกทหารรับจ้างที่กำลังถือแก้วเปล่ารอรับ
และทหารรับจ้างเหล่านั้นไม่ได้ทันตระหนักอะไร พวกเขาจ้องมองอี้หนานอย่างตกตะลึง ท่าทางที่ตกตะลึงของพวกเขาเหมือนกับมองเห็นสัตว์ประหลาด